ตอนที่ 687 คนบ้าอะไร / ตอนที่ 688 หลอกถาม
ตอนที่ 687 คนบ้าอะไร
เขาไม่อาจตัดสินใจในเรื่องอื่นได้ แต่หากคิดจะขับไล่คนของจวนโหวไปให้พ้นมิใช่ว่าเป็นไปไม่ได้!
หวงซาหน้าถอดสี
ตลอดการจัดการเรื่องราวให้ท่านโหว ทั่วทั้งจวนล้วนให้ความเกรงอกเกรงใจเขาทั้งนั้น แม้แต่โหวฮูหยินผู้นั้นยังไม่ชักสีหน้าใส่เขาโดยง่าย บัดนี้มายังสถานที่ชนบทแห่งนี้ กลับถูกผู้เฒ่าในชนบทคนหนึ่งด่าว่าอย่างเกรี้ยวกราดเช่นนี้ จึงอับอาบขายหน้ายิ่ง!
“ข้าน้อยมิบังอาจขอรับ” หวงซาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห
ซ่งถังหังค่อนข้างประหลาดใจว่าสองคนนี้คุยอะไรกัน
ด้านซ่งซินหัวขมวดคิ้วนิ่วหน้า
“หวงซา หากชื่อเสียงบิดาข้าแปดเปื้อนอันใดล่ะก็ ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่เจ้าเลย ต่อให้ผู้เฒ่าและเด็กเล็กทั้งครอบครัวเจ้าก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่รอดได้เช่นกัน” ซ่งซินหัวกล่าว
หวงซาพลันตระหนกตกใจกลัว “ข้าน้อยจดจำคำพูดของคุณหนูห้าแล้วขอรับ”
ตราบใดที่เขากระทำอย่างแยบยลเรียบร้อยหน่อย แล้วจะมีชื่อเสียงเสียหายอะไรได้!
ซ่งซินหัวมองซ่งเหล่าเกินอีกครั้งและมองไม้กวาดด้ามใหญ่ที่อยู่บนพื้นนั่นแวบหนึ่ง ในใจพลันรู้สึกถึงความตะลึงเล็กน้อย
นางโตมาขนาดนี้แล้ว นับเป็นครั้งแรกที่มองเห็นคนต่อสู้อย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้ มิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังเป็นชายชราที่อายุหกสิบกว่าปีแล้ว
หวงซาเดินจากไปพร้อมความโมโห ซ่งถังหังมองเห็นดังนั้นก็อดเดินตามไปไม่ได้
ซ่งเหล่าเกินมองแผ่นหลังนั่นพลางส่งเสียงสบถฮึ “คนบ้าอะไร!”
พูดจบก็สบมองดวงตาซ่งซินหัวอีกครั้ง
“เจ้าเด็กสาวคนนี้หน้าตาเหมือนกับเอ้อร์ยาบ้านเราเล็กน้อย เป็นเด็กที่ดูงดงามทีเดียวเชียว” ซ่งเหล่าเกินมองซ่งซินหัว รู้สึกใจอ่อนเล็กน้อย “สองวันนี้อยู่แต่กับบ้านคงเบื่อหน่ายแล้วกระมัง”
“ไม่เท่าไหร่เจ้าค่ะ” ซ่งซินหัวกล่าว
“เด็กๆ จอมซุกซนในบ้านเหล่านั้นไม่ได้ไปสถานศึกษา ตอนนี้คาดว่าคงไปเล่นตามภูเขาอีกแล้ว เจ้าเป็นเด็กสาวตัวคนเดียวอยู่ในบ้านก็คงเบื่อหน่ายเช่นกัน เอาแบบนี้แล้วกัน ข้าจะหาใครสักคนให้เขาพาเจ้าไปเดินเล่นตามเขา ตอนนี้อากาศอบอุ่นแล้ว บนเขาลูกนี้ดอกไม้ป่าก็ผลิบานแล้ว รับประกันได้ว่าเจ้าอยู่ที่เมืองหลวงทางด้านนั้นไม่มีทางได้เห็นทิวทัศน์ที่งดงามเพียงนี้แน่!” ซ่งเหล่าเกินกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งซินหัวส่ายหน้า “มิต้องหรอกเจ้าค่ะท่านปู่ ข้าปักผ้าอยู่ในห้องก็ดีอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
“ปักผ้ารึ นั่นเป็นงานที่ทำลายสายตาอย่างหนึ่ งยิ่งต้องขึ้นเขาไปเที่ยวสักหน่อย” ซ่งเหล่าเกินกล่าวทันควัน
เมื่อเขาเอ่ยถ้อยคำนี้จบก็เดินไปกวักมือบริเวณหน้าประตู เรียกเด็กมาคนหนึ่ง ให้เด็กน้อยคนนี้นำทางซ่งซินหัวและสาวใช้ของนางขึ้นเขาไปหาพวกซ่งต๋า
ซ่งซินหัวเองก็ไม่สะดวกที่จะปฏิเสธความประสงค์ของผู้อาวุโส ทำได้เพียงขานรับเท่านั้น
ไม่นานนักพวกนางก็มาถึงบริเวณที่เด็กๆ ของบ้านซ่งอยู่
ซ่งซินหัวตะลึงงัน
พวกเขาซุกซนไม่น้อยเลยจริงๆ ซ่งต๋าผู้นั้นถึงขั้นปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้และห้อยขาสองข้างแกว่งไปแกว่งมา ส่วนซ่งซานยาเดินหากิ่งไม้ตามพื้นไปทั่ว วิ่งไปวิ่งมา แล้วยังมีซ่งอู่ผู้นั้น เขานั่งยองขุดหลุมอยู่บนพื้น ด้านบนหลุมวางหม้อดินเผาเอาไว้
นอกจากนั้นยังมีคนอื่นๆ อยู่ด้วยอีกไม่น้อย
ล้วนเป็นเด็กๆ อายุต่ำกว่าสิบห้าสิบหกปีทั้งนั้น
บ้างกำลังเก็บไม้ฟืนแห้ง บ้างกำลังขุดผักป่าบริเวณใกล้ๆ พูดคุยพลางหัวเราะ ช่างเป็นภาพที่สนุกสนานอย่างยิ่ง
ยามที่นางอยู่เมืองหลวงก็มีพรรคพวกคุณหนูกลุ่มหนึ่งเช่นกัน แต่ตอนที่อยู่กับพี่น้องคุณหนูเหล่านั้นก็เป็นการพูดคุยถึงอาภรณ์และของกินเล่น หรือไม่ก็พูดคุยถึงบุตรชายในตระกูลใครต่อใครในเมืองหลวง และรู้จักคิดวางแผนการใส่กัน
ดังนั้นนางจึงไม่เคยเห็นภาพที่ใสซื่อบริสุทธิ์จริงๆ เช่นนี้
หลังจากเด็กคนนั้นพาพวกนางไปถึงก็นำคำพูดถ่ายทอดไปว่า ผู้เฒ่าซ่งต้องการให้พวกเขาพาซ่งซินหัวนายบ่าวไปเล่น พวกซ่งต๋าจ้องมองซ่งซินหัวแวบสายตาหนึ่ง จากนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
“เคยจับนกกระจอกหรือไม่ ข้าพาพวกท่านไปจับนกกระจอก ไปหรือไม่” ฮั่วหลินวิ่งเขามาอย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยถาม
“เจ้าเป็นลูกชายของพี่สาว…ร่วมตระกูลหรือ” ซ่งซินหัวมองเด็กคนนี้ แววตาก็ลุกวาวขึ้นชั่วขณะ
หน้าตาดีจริงๆ
พี่ใหญ่นางก็มีบุตรสาวและบุตรชายเช่นกัน บุตรชายที่เกิดจากอนุภรรยานั่นก็อายุไม่มาก แต่ไม่ได้หน้าตาน่ารักชวนให้เอ็นดูขนาดเด็กตรงหน้าผู้นี้
ตอนที่ 688 หลอกถาม
ฮั่วหลินฉลาดเช่นกัน รู้ว่าในเมื่อคนผู้นี้เป็นผู้ที่ท่านปู่ทวดให้มาหา เช่นนั้นก็คือการบอกกล่าวว่าให้พวกเขาดูแลให้ดีๆ หน่อย
ถึงอย่างไรก็เพียงแค่พาไปเล่นด้วยกันเท่านั้นเอง ไม่เปลืองแรงแต่อย่างใด
ส่วนคนเหล่านั้นที่รังแกมารดาเขา พวกเขาไม่มีทางทำสำเร็จลุล่วงได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นยิ่งไม่ต้องลังเลใจ
“ไปหรือไม่” ฮั่วหลินเงยหน้ามอง
“ไปสิ!” ซ่งซินหัวพลันตื่นเต้น
เดิมทีนางก็เป็นคนนิสัยร่าเริง หลังจากมาที่นี่ นางพยายามข่มอารมณ์เอาไว้สองสามวันแล้ว พวกซ่งถังหังไม่อยู่ด้วย นางเล่นปลดปล่อยก็ไม่เป็นอะไรเช่นกัน
พอได้เที่ยวเล่นสักครั้ง นางแทบจะลืมทุกสิ่งอย่างไปในทันที
เหล่าเด็กๆ ในหมู่บ้านปีนต้นไม้ หรือกระโดดน้ำเป็นกันทั้งนั้น ถึงกระทั่งนั่งเผาเห็ดกันอยู่ตามพื้นบริเวณหนึ่ง ได้ความแปลกใหม่ที่ไร้การปรุงแต่ง
นางจับนกกระจอกมาได้หลายตัว แต่ถึงอย่างไรซ่งซินหัวก็เป็นเด็กผู้หญิง และด้วยอายุก็ยังไม่ถือว่าเป็นเด็กโต ดังนั้นหลังจับมาได้ก็ปล่อยมันไป
เที่ยวเล่นกันเต็มที่มาตลอดทั้งวัน เมื่อกลับเข้าไปในห้องเล็กๆ ของบ้านซ่ง ซ่งซินหัวถึงกับมีความรู้สึกประเภทใจลอย
นางมีชีวิตมาตั้งหลายปีขนาดนี้ กลับไม่เคยได้ปลดปล่อยเช่นนี้มาก่อน
ผ่อนคลาย สบายใจ
“เสี่ยวฉาน ข้าพลันเข้าใจแล้วว่าทำไมนางจึงพยายามที่จะมีชีวิตอยู่รอดให้ได้ ที่นี่ช่างดีจริงๆ” ซ่งซินหัวถอนหายใจเฮือกใหญ่
อยู่ที่นี่ ยามที่อยากหัวเราะก็หัวเราะได้
ตอนที่อยู่ในบ้าน…ต้องคอยสังเกตอารมณ์ของบิดามารดาเสมอ หากบิดาไปราชสำนักแล้วกลับมาพร้อมเรื่องหงุดหงิดใจ ทั่วทั้งบ้านก็จะไม่กล้าครื้นเครงเกินไป แต่บิดาเป็นขุนนาง ตลอดทั้งปีมักมีเรื่องวุ่นวายใจบ่อยครั้ง นางจึงได้แต่ระแวดระวังในทุกๆ วัน
ทุกวันหลังบิดาเสร็จสิ้นภารกิจทางราชสำนัก นางจำเป็นต้องให้สาวใช้ไปสืบถามดูว่าตอนที่บิดากลับมามีท่าทีเช่นไร…
ทว่าเมื่อครู่นี้ ตอนที่ซ่งอู่และซ่งต๋าวิ่งกลับบ้านมาเจออาซ่งอิ๋นซานเข้าพอดี
นางนึกว่าเด็กที่นี่จะรีบวางตนขึงขังในทันที กลับนึกไม่ถึงว่าซ่งอิ๋นซานจะหัวเราะร่า จากนั้นทำลับๆ ล่อๆ ไปลานหลังบ้านหยิบเอาดาบไม้ที่ทั้งใหญ่และยาวมาสองเล่ม
นางไม่นึกเลยว่าอาซ่งอิ๋นซานจะเล่นเป็นเพื่อนพวกเขาอีกด้วย
อยู่ในบ้านนี้ ทัศนคติของผู้เฒ่าซ่งเป็นตัวแทนของการแสดงออกทั้งหมด
ตอนนี้ผู้เฒ่าซ่งมีสีหน้าดีๆ ให้กับซ่งซินหัว จึงทำให้คนอื่นๆ ดีกับนางขึ้นมากทีเดียวเชียว
ในตระกูลซ่งมีเด็กผู้หญิงน้อย ที่ยังไม่ได้ออกเรือนเหลือเพียงซ่งซานยาเท่านั้น ตอนนี้มีมาเพิ่มอีกคน พวกเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่จึงให้ความเป็นกันเองอย่างยิ่ง ตอนกินข้าวเย็นเห็นได้ชัดว่าเอาใจใส่นางเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก
ทางด้านซ่งถังหัง แน่นอนว่ายังคงเป็นเช่นเดิม
ตอนนั้นเขาเดินตามหวงซาไปก็เพื่อสอบถามโดยตรง
ซ่งถังหังมองเห็นซ่งซินหัวตำหนิหวงซาเช่นนั้น เขาพลันรู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตนเดินทางผิดแล้ว
เขาไม่ควรประจบประแจงรวมไปถึงสังเกตซ่งอิง หากแต่ควรใช้โอกาสที่ได้ออกมาข้างนอกนี้ ทำให้หวงซารวมไปถึงคนเหล่านั้นที่อยู่ใต้อาณัติบิดาเขากลายเป็นคนของตนทั้งหมด
“ท่านปู่ พี่สาวร่วมตระกูลเป็นคนอย่างไรกันแน่หรือขอรับ นี่พวกเราก็มาอยู่สามวันแล้ว ไฉนไม่เคยเห็นพี่เขยเลย” ซ่งถังหังเอ่ยถามคล้ายไม่ได้ตั้งใจ
ซ่งซินหัวคีบผัดผักป่ายัดใส่ปากหนึ่งคำ
รสชาติที่ออกฝาดๆ มีเอกลักษณ์พิเศษเล็กน้อย แต่กลับได้ความรู้สึกสดใหม่อย่างยิ่ง
ซ่งเหล่าเกินขมวดคิ้วและไม่แม้แต่จะเงยหน้า “ออกไปทำงาน ไม่อยู่บ้าน”
ซ่งถังหังพยักหน้า “คาดว่าพี่สาวร่วมตระกูลต้องไม่ได้แต่งงานกับคนธรรมดาทั่วไปเป็นแน่กระมัง มิใช่ว่าเป็นคนในเมืองหลวงเช่นกันกระมังขอรับ”
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่คีบเนื้อหนึ่งชิ้นใส่ชามซ่งซินหัว “นี่เป็นเนื้อที่เอ้อร์ยาเอามาให้ก่อนหน้านี้ เป็นถึงเนื้อกวางหมักเกลืออย่างดีเชียวละ เราชาวชนบททำไม่ค่อยเป็น ก็เลยเอามาตุ๋นง่ายๆ เจ้าลองชิมดูสิ”
“ขอบคุณท่านน้ามากเจ้าค่ะ” ซ่งซินหัวกล่าวทันที
“เด็กสาวคนนี้ค่อนข้างรู้ความทีเดียว ตอนกินไม่พูดมาก มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นคนที่รู้จะระเบียบและมารยาท” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กล่าวขึ้นอีกครั้ง
ครั้นเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา ซ่งถังหังก็เผยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย
นี่กำลังตำหนิว่าเขาไม่รู้ความหรือ
ซ่งถังหังขมวดคิ้วนิ่วหน้า รู้เช่นกันว่าคงถามไม่ได้ความอะไรจากทางด้านผู้อาวุโสบ้านซ่ง จึงกล่าว “ท่านปู่ขอรับ ข้าอยู่ที่นี่ไม่มีเพื่อนเล่นสักคน ไม่รู้ว่าตอนที่ไม่มีภาระงานอันใด พอจะไปเล่นกับน้องชายทั้งสองคนได้หรือไม่ขอรับ”