ตอนที่ 701 ตามกลับมาแล้ว / ตอนที่ 702 เรื่องน่าสนใจ
ตอนที่ 701 ตามกลับมาแล้ว
ซ่งถังหังได้ยินดังกล่าว รู้สึกเพียงค่อนข้างเหลวไหลสิ้นดี “อยู่ทางด้านเมืองหลวงนั่น นางเป็นคนหนึ่งที่ตายไปแล้ว จะกลับไปได้อย่างไรกัน”
“คนตายแล้วก็เลยกลับไปมิได้หรือ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าตอนนี้นางเป็นลูกของฝั่งครอบครัวทางด้านหมู่บ้านซิ่งฮวา มิใช่คนของจวนโหวพวกเรา ข้าเพียงแค่ถือเสียว่าเป็น…การผูกสัมพันธ์ที่ดีงาม” ซ่งซินหัวมองตั๊กแตนในมือ
นางไม่อยากตั้งตัวเป็นศัตรูกับซ่งอิง
เมื่อก่อนนางเคยไม่ลงรอยกับซ่งอิง แต่ในตอนนั้นนางไม่รู้ความ ทว่านางในตอนนี้ไม่ใช่ฝ่ายคู่อริกับซ่งอิงแต่อย่างใด
อีกทั้ง ทางด้านซ่งเหล่าเกิน ก็มีเด็กหลายคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ตอนที่อยู่บนเขานางเคยได้ลองหยั่งเชิงดู การเรียนของแต่ละคนล้วนไม่เลวทั้งนั้น อีกทั้งตัวพวกเขาก็มีความขยันขันแข็งมากพอ หากพวกเขาเติบใหญ่ขึ้น ทางตระกูลฝั่งนี้จะต้องมีคนที่ประสบความสำเร็จมีหน้ามีตาเป็นแน่
จวนโหวพวกเขาสูงศักดิ์ร่ำรวย แต่อย่างไรบิดาก็เคยเอ่ยว่าทั่วหล้านี้ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ใดที่ถาวรตลอดไป!
บางทีอาจมีสักวันที่ลูกหลานของฝั่งซ่งเหล่าเกินจะไต่ขึ้นมาต่ำแหน่งสูงส่งบ้างเช่นกัน
ปีนี้นางเพิ่งอายุสิบห้า อนาคตอีกยาวไกลมาก ไม่จำเป็นต้องมองในแง่ลำเอียงเพื่อบิดามารดา และต้องได้รับความบาดหมางกับคนผู้หนึ่งที่ไม่ควรสร้างความขุ่นเคืองให้
ส่วนซ่งถังหัง…
ก็เช่นเดียวกัน
นี่เป็นน้องชายแท้ๆ ของนาง ตอนนี้เอ่ยตักเตือนสักหน่อย หากภายภาคหน้าพี่ชายคนโตของนางเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้น เช่นนั้นบรรดาศักดิ์ก็จะตกเป็นของเขา ถึงตอนนั้นจะมากจะน้อยก็คงคำนึงถึงมิตรภาพความเป็นญาติกันบ้างสักนิดกระมัง
ซ่งถังหังหงุดหงิดคับข้องใจเล็กน้อย
“นางรู้ว่าข้าอยากสังหารนาง ท่านผูกสัมพันธ์อันดีที่ว่านี้ได้ แต่ข้ากลับทำไม่ได้” ซ่งถังหังกล่าว
“ข้ามองออกว่าพี่สาวคนโตผู้นี้เป็นคนใจกว้างคนหนึ่ง ตราบใดที่พวกเราไม่ไปหาเรื่อง นางก็ไม่มีเหตุผลที่จะถือโทษเอาความพวกเราแต่อย่างใดเช่นกัน” ซ่งซินหัวกล่าว
ซ่งถังหังถอนหายใจเงียบๆ
ระหว่างการเดินทางกลับ ทั้งสองคนเดินทางไปอย่างช้ามาก
อย่างไรเสียก็นานๆ ทีจะได้ออกมาข้างนอก พวกเขาจึงไม่อยากกลับไปอย่างรวดเร็วอย่างนี้
แต่ก็เพราะเหตุนี้ หลังจากผ่านไปเจ็ดแปดวัน ในขณะนี้คนที่หายตัวไปในหมู่บ้านซิ่งฮวาก่อนหน้านี้จึงไล่ตามขบวนของซ่งซินหัวมาทัน
ทั้งสองคนนับจำนวนคน นอกจากหวงซา ไม่นึกเลยว่าคนอื่นๆ ล้วนอยู่ครบถ้วน!
เพียงแต่คนเหล่านี้มองดูยับเยินอย่างยิ่ง เสื้อผ้าอาภรณ์ขาดวิ่น แล้วยังมีกลิ่นของโคลนและหญ้าป่าตามเขาอีกด้วย
“พวกเจ้าหายไปไหนมากันแน่” ซ่งถังหังตกตะลึงิ่ง เขายังนึกว่าคนเหล่านี้ตายไปหมดแล้วเสียอีก!
“เรียนคุณชายสี่ ในวันนั้นข้าฟังคำสั่งของผู้คุ้มกันหวงไปตรวจสอบเส้นทางบ้านฮั่ว ใครจะรู้ว่ากลับถูกลาเตะจนหมดสติไป เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในป่าแล้ว ท่ามกลางป่าไร้ผู้คน ข้าเดินหาทางออกทั่วสารทิศมาโดยตลอด แต่ก็หาทางออกไม่เจอเสียทีขอรับ…”
“ข้าก็เช่นกันขอรับ กำลังเตรียม…ลงมือจัดการซ่งอิง ใครจะรู้ว่าครั้นรู้สึกถึงความเจ็บปวดก็หมดสติไปเลย…”
“ข้าเองก็อยู่ในป่าขอรับ…”
“…”
เมื่อเอ่ยถามเช่นนี้ ก็ได้ความว่าทุกคนล้วนอยู่กลางป่าเขาลึกตลอดหลายวันมานี้!
อย่าว่าแต่ซ่งถังหังตระหนกตกใจเลย แม้แต่ซ่งซินหัวก็ยังตกตะลึงระคนประหลาดใจ อ้าปากพะงาบคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง นางรู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ
“เช่นนั้นไฉนพวกเจ้าจึงกลับมาด้วยกันได้” ซ่งซินหัวรีบเอ่ยถามทันที
“เรื่องนี้…” ทุกคนมองซ้ายมองขวา “พวกเราไม่รู้เช่นกันขอรับ ก็แค่เดินๆ อยู่แล้วก็หมดสติไปอีก ยามที่ฟื้นขึ้นมาอีกทีพวกเราแต่ละคนก็อยู่ปากทางหมู่บ้านแล้ว จากนั้นบรรดาชาวบ้านมีน้ำใจเอาพวกของกินให้พวกเรากินและบอกพวกเราว่าพวกท่านกลับไปกันแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงได้รีบไล่ตามมาทันที…”
“…” ซ่งซินหัวเบิกตาโตชั่ววูบ
ส่วนซ่งถังหังมีสีหน้าประหลาดใจหนักยิ่งขึ้นกว่าเก่า
ไม่กล่าวถึงว่าคนเหล่านี้ทยอยหายไปอยู่ในกลางเขาอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไร กล่าวแค่ว่าการเอาตัวคนทั้งหมดนี้ออกมา ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเช่นกันนี่!
นั่นเป็นถึงกลางเขาลึกเชียวนะ! ตำแหน่งที่อยู่ของทุกคนแตกต่างกันไป หาเจอได้อย่างไรกัน!
นอกจากคนของซ่งอิงจะรู้พื้นที่ในเขาลูกนั้นชัดกระจ่างแจ้งทั้งหมด รู้ลึกถึงดอกไม้ ใบหญ้า กอไผ่ ต้นไม้!
แต่นี่จะเป็นไปได้หรือ!
ซ่งถังหังอยากถามบรรดาผู้คุ้มกันที่กลับมาเหล่านี้มากว่าพวกเขาเกิดหลอนแล้วใช่หรือไม่
ความจริงพวกเขาไม่ได้อยู่ในป่าลึก เพียงแค่ถูกขังเอาไว้ใน…หมู่บ้านไร่สวนตามชานเมืองแห่งหนึ่ง และเป็นพวกเขาที่เข้าใจผิดไปเอง!
ตอนที่ 702 เรื่องน่าสนใจ
ทว่าผู้คุ้มกันเหล่านี้แต่ละคนล้วนยืนกรานเป็นเสียงเดียวกัน ถึงขั้นพูดได้กระจ่างชัดเจนว่าในเขาลึกมีอะไรบ้าง มีคนเคยเห็นหมู่ป่าในบริเวณไกลๆ มีคนเคยเห็นกระต่ายป่าหาอาหาร แล้วยังมีคนเกือบตายเพราะงูจะฉก
แต่อย่างไรก็ตาม ซ่งซินหัวพบจุดพิเศษประเด็นหนึ่ง
นั่นก็คือ…ผู้คุ้มกันทั้งหมดที่เผชิญอันตรายล้วนรอดพ้นมาได้หวุดหวิดในเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ
ตัวอย่างเช่นหากมีงูพิษเตรียมฉก ในวินาทีถัดมา ทำไมงูพิษตัวนั้นจึงหนีไปเสียแล้ว…
หากถูกหมูป่าไล่ล่า เช่นนั้นไฉนหมูป่าจึงเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน…
เป็นความบังเอิญหรือ
ซ่งซินหัวเม้มปาก ไม่อยากคิดมากมาย เพราะคิดมากไปก็คิดไม่ได้ความอะไร
โดยสรุป พี่สาวคนโตของนางผู้นี้ไม่ใช่คนปกติทั่วไปเป็นแน่
มองดูบรรดาผู้คุ้มกันเหล่านี้ที่คล้ายว่าได้รับความตื่นตระหนกอย่างใหญ่หลวงมาแล้ว ซ่งถังหังพลันรู้สึกโชคดี อย่างน้อยยามที่เขาแสดงเจตนาร้าย ซ่งอิงก็ไม่ได้ให้คนจับเขาเข้าไปบนเขาด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ได้สังหารเข่าเช่นเดียวกับที่ทำกับหวงซา
…
ซ่งอิงนำคนที่อยู่บนเขาออกไปหมดเกลี้ยงอย่างยากลำบาก ในที่สุดก็ได้โล่งอกจริงๆ เสียที
ในเวลาเดียวกัน การต้องดูแลความเป็นความตายของคนจำนวนมากเพียงนี้ ความจริงก็เหนื่อยไม่น้อยเลย
กระทั่งเสร็จสิ้นภารกิจเหล่านี้ ซ่งอิงก็มุ่งหน้าไปเมืองยงทันที
ในสวนสัตว์ของนางแห่งนี้มีชนิดสัตว์สำหรับจัดไว้ให้รับชมน้อยเกินไปหน่อย จะอย่างไรก็ต้องคิดหาวิธีเพิ่มเติมขึ้นมาบ้าง
ดังนั้นนางจึงจัดประชุมปีศาจ
“จินกวง ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนท่านเคยพูดกับข้าใช่หรือไม่ว่าท่านเคยเห็นปีศาจที่อาศัยอยู่แหล่งอื่นจำนวนหนึ่ง” ซ่งอิงเอ่ยถาม
“ใช่ขอรับ เป็นหลายปีก่อนตอนที่ข้าท่องไปทั่วหล้า เคยเห็นสัตว์ที่เกิดสติปัญญาเฉียบแหลมเป็นพิเศษไม่น้อย เพียงแต่พวกเขาค่อนข้างโชคร้ายล้มตายกันไปแล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังเหลือสหายจำนวนหนึ่ง เพียงแต่อยู่ห่างไกลกัน ตอนที่เพิ่งเจอเถ้าแก่เหนียง ข้าก็คิดจะส่งข่าวให้พวกเขาเช่นกัน เพียงแต่ค่อนข้างยุ่งจึงไม่มีเวลาได้บอกให้พวกเขารู้ขอรับ” งูดำกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ดี หากพวกเขาเต็มใจก็เชิญพวกเขามา หากรู้สึกว่าเวลากระชั้นชิดไปก็ให้อิงต้าซานช่วย เขาบินได้รวดเร็ว ไปกลับใช้เวลาไม่มากไปสักเท่าไหร่” ซ่งอิงกล่าว
ความจริงช่วงก่อนหน้านี้งูดำก็อยากขอให้อิงต้าซานช่วย
เพียงแต่เขาเป็นงู อิงต้าซานเป็นนกอินทรี ถือว่าเป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติก็ว่าได้ จึงไม่กล้าเอ่ยปาก ด้วยรู้สึกเสียศักดิ์ศรี
แต่ในเมื่อเถ้าแก่เหนียงพูดขนาดนี้แล้ว เขาก็จะไม่เกรงใจแล้วเช่นกัน
“ตกลงขอรับ เดี๋ยวข้าจะเขียนจดหมายไว้ ทว่าเถ้าแก่เหนียง ในเมื่อเตรียมให้พวกเขาไปทำงานในสวนสัตว์ เช่นนั้น…ให้สหายคนสนิททั้งสองท่านของข้าเชิญพวกชนิดเดียวกันที่ไม่ค่อยมีสติปัญญา หรือไม่ได้เปลี่ยนร่างมาด้วยเป็นเช่นไร สหายคนสนิทเติบโตในพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลซึ่งยังมีสัตว์ป่าอีกจำนวนไม่น้อยอยู่ด้วย…” งูดำกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“สหายคนสนิทท่านผู้นั้นคือปีศาจอันใดหรือ” ซ่งอิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ
งูดำยิ้มเล็กน้อย “พวกเขาทั้งสองบรรลุมานานแล้ว คนหนึ่งเป็นเสือลายเมฆ นามว่าจินหยวน อีกคนเป็นเก้งดำ นามว่าจินเผิง จินหยวนผู้นี้เดิมทีรูปร่างไม่ใหญ่ เคลื่อนที่รวดเร็ว ถนัดปีนป่าย อีกทั้งทักษะความหูไวเป็นเลิศ หลังจากเปลี่ยนร่างได้ ระยะห่างภายในหนึ่งร้อยเมตร ขอเพียงเป็นเสียงที่เขาอยากได้ยินก็ได้ยินทั้งนั้น ส่วนจินเผิงนิสัยออกจะอ่อนโยนหน่อย อีกทั้งจะว่าไปแล้วการเปลี่ยนร่างของสองคนนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจทีเดียวเชียวละ!”
“โอ้?” ซ่งอิงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาเล็กน้อย
“เสือลายเมฆตัวนี้เป็นศัตรูโดยธรรมชาติของเก้งดำ แรกเริ่มจินเผิงเกิดสติปัญญาอันเฉียบแหลมขึ้นมาก่อน อาศัยความสมองดีของตนปั่นหัวจินหยวนไปหลายครั้ง จินหยวนหงุดหงิดรำคาญเช่นกัน ไปๆ มาๆ จึงเริ่มเกิดสติปัญญาขึ้นมาบ้าง”
“ภายหลังต่อมาทั้งสองต่อกรทั้งทางด้านสติปัญญาและการต่อสู้ จินเผิงพ่ายแพ้หลายครั้ง แต่เพราะจินหยวนมีสติปัญญาเฉียบแหลมแล้ว ดังนั้นจึงไม่กินจินเผิง มิหนำซ้ำกลายเป็นว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขึ้นมาเสียดื้อๆ ข้าบังเอิญผ่านไปเห็นพวกเขาบ่อยครั้ง ตอนนั้นพวกเขาบำเพ็ญเพียรไปมากพอตัวแล้ว จึงได้เห็นพวกเขาเปลี่ยนร่าง”
“หลังจากเปลี่ยนร่าง ข้าจึงตั้งชื่อให้พวกเขาและเลียนแบบพวกมนุษย์โดยการเป็นสหายที่ดีต่อกัน” งูดำกล่าวขึ้นอีกครั้ง