ตอนที่ 691 ใช้การข่มขู่และหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ / ตอนที่ 692 สถานการณ์ที่ยากลำบากแก่การคลี่คลาย
ตอนที่ 691 ใช้การข่มขู่และหลอกล่อด้วยผลประโยชน์
ซ่งต๋าเอ่ยพูดถ้อยคำดังกล่าวได้อย่างเปิดเผย ส่วนซ่งถังหังกลับตระหนกตกใจ “รู้กันทั่วหมู่บ้านเลยหรือ! เช่นนั้น.ง.เช่นนั้นไฉนทุกคนยังคง…ให้ความเคารพนับถือนางเช่นนี้อยู่อีก”
“เจ้าคิดเพ้อเจ้ออะไรเล่า!” ซ่งต๋ากลอกตามองบนใส่ซ่งถังหังอย่างเอือมระอา “คนผู้นั้นเพียงแค่ถูกพี่สาวคนรองข้าขังเอาไว้ในลานบ้านเท่านั้นเอง ทว่าพี่สาวคนรองข้าไม่ได้อยู่บ้านแต่อย่างใด! หลังจากนางกลับมาก็ปล่อยตัวคนผู้นั้นไปทันที!”
“ข้า…ไม่เข้าใจ” ซ่งถังหังงุนงงเล็กน้อย
“ก็คือ…” ซ่งต๋าถอนหายใจ รู้สึกเหนื่อยใจอย่างยิ่ง “จะบอกเช่นนี้แล้วกัน คือคุณชายจากตระกูลร่ำรวยผู้นั้นไม่ใช่คนดี เขาเปิดร้านค้าแห่งหนึ่งและมีความขัดแย้งบางอย่างกับพี่สาวคนรองของข้า ซึ่งร้านค้าแห่งนั้นแน่นอนว่าถูกพี่สาวคนรองของข้าโค่นล้มลงไปแล้ว ผู้จัดการร้านของร้านเขาก็ถูกตัดหัวไปแล้วเช่นกัน ดังนั้นคุณชายจากตระกูลร่ำรวยผู้นั้นจึงไม่พอใจ เลยมาเพื่อหาเรื่องเป็นการเฉพาะ!”
“แต่พี่สาวคนรองของข้าไม่ยินดีที่จะเจอเขาน่ะสิ! ดังนั้นคนผู้นี้คิดหาวิธีหลายอย่าง แต่ก็ไม่ได้เจอตัวนางเสียที จึงทำได้เพียงมายังหมู่บ้านนี้แล้วหาเรื่องเด็กน้อยคนหนึ่ง กล่าวโทษว่าคนของหมู่บ้านเราทำสิ่งของเขาเสียหาย ให้เราชดใช้ เหล่าคนที่อยู่ข้างกายพี่สาวคนรองข้ามีหรือจะยินยอม จึงกักขังคนเขาไว้ในลานบ้าน ข่มขู่…แค่ก คือ หมายถึงใช้เหตุใช้ผลทำให้คนเขาเข้าใจได้น่ะ ด้วยเหตุนี้คุณชายผู้นั้นจึงสำนึกผิด ทิ้งเงินไว้ให้เป็นค่าชดเชย จากนั้นก็จากไป ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายเดือนก่อนหน้านี้” ซ่งต๋ากล่าวขึ้นอีกครั้ง
เรื่องนี้ไม่สำคัญ ในเมื่อซ่งถังหังอยากรู้ก็บอกกล่าวให้เขารู้ ไม่ใช่ปัญหาเช่นกัน
แต่ซ่งถังหังคิดไปว่าเป็นเหตุการณ์ใหญ่โต คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสาเหตุนี้
อีกทั้ง…
นี่มันแปลกๆ ชอบกล!
ใช้เหตุใช้ผลทำให้คนเขาเข้าใจได้หรือ เขาไม่เชื่อหรอก!
ข่มขู่…ใช้การข่มขู่และหลอกล่อด้วยผลประโยชน์นี่สิพอจะเป็นไปได้!
แต่คุณชายรองแห่งตระกูงเซว์กั๋วกงผู้สง่าผ่าเผย จะถูกคนอื่นข่มขู่ให้เกรงกลัวจนหนีไปได้อย่างไรกันเล่า
“พี่สาวร่วมตระกูล…เก่งกาจปานนี้เชียวหรือ” ซ่งถังหังรู้สึกยากจะรับได้กับการบอกเล่าเช่นนี้ “แต่เมื่อก่อน…ยามที่นางอยู่เมืองหลวง ไม่ใช่ขนาดนี้แต่อย่างใด”
เขาจำได้ชัดเจนมาก ตอนนั้นซ่งอิงสงบนิ่งและพูดน้อย ไม่ค่อยพบเจอผู้คนเท่าไรนัก ข้ารับใช้กล่าวกันว่านางเป็นคนหนึ่งที่อุปนิสัย…อุปนิสัยต่ำทราม ไม่เหมาะแก่การพาไปเชิดหน้าชูตาในสังคมทางการได้
แตกต่างกับพี่สาวคนที่ออกมาจากปากซ่งต๋าอย่างสิ้นเชิง!
“จริงอยู่ที่พี่สาวคนรองข้าเมื่อก่อนเป็นคนหนึ่งที่ยากจะคาดเดา เพียงแต่ว่านี่ก็ต้องโทษบิดาและมารดาเจ้ามิใช่หรือ หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้าบีบบังขับพี่สาวคนรองข้า นางจะเป็นเช่นนี้หรือ” ซ่งต๋าสบถฮึ “ข้ารู้ว่าเจ้าคิดหาวิธีอยากรู้เรื่องของพี่สาวคนรองข้า สิ่งเหล่านี้ที่ข้าบอกกล่าวเจ้า เป็นเพราะต้องการให้เจ้ารู้ว่าพี่สาวคนรองข้าไม่ใช่ผู้ที่หาเรื่องได้โดยง่าย เห็นแก่ความที่เจ้าเป็นน้องชายแท้ๆ ของนาง เรื่องที่เจ้าอยากรู้ข้าล้วนบอกกล่าวเจ้าหมดแล้ว แต่หากเจ้ากล้าร่วมมือกับท่านพ่อท่านแม่เจ้ารังแกพี่สาวคนรองของข้า เช่นนั้น…”
“ในเมื่อตอนนี้ข้าทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้ แต่ในอนาคต ครอบครัวพวกเรา ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่ได้แก้แค้นแทนพี่สาวคนรอง!” ซ่งต๋ากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ในมือเขายังคงถือดาบไม้ท้อ โดยชี้ไปยังทิศทางซ่งถังหัง
ซ่งถังหังรีบร้อนถอยไปหนึ่งก้าว
พลันเกิดความรู้ประเภท…สับสน
เป็นไปไม่ได้
เขาจำได้ว่าตอนนั้นเขาเพิ่งอายุแปดเก้าขวบ ในวันนั้นที่ซ่งอิงเพิ่งมาเยือนจวนโหววันแรก เขาเบื่อหน่ายมากจึงลอบไปแอบมองดู
เรือนหลังที่นางพักอาศัยเป็นเรือนที่ห่างไกลที่สุด เรือนนั้นไม่มีทิวทัศน์อะไรเลยแม้แต่น้อย ทว่าหลังจากซ่งอิงเข้าไปอยู่กลับยินดีปรีดาอย่างยิ่ง กล่าวว่าในเรือนนั้นกว้างใหญ่และมีสระน้ำเล็กๆ ที่งดงามมาก ทั้งยังกล่าวว่าตัวอาคารที่พักก็มีแสงสว่างมากพอ หลังจากนั้นนางก็ถูกเหล่าข้ารับใช้แอบหัวเราะเยาะในความที่นางไม่เคยพบเห็นโลกภายนอกมาก่อน
ตอนนั้นนางสวมอาภรณ์เก่าๆ ของซ่งฮวน ดูไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไร ยามที่นางเดินเหินไปมาก็เหมือนหญิงวัยกลางคนที่ทำงานหนักๆ ในจวน
ซ่งถังหังอยู่ในครอบครัวโดยไม่ได้รับการเห็นความสำคัญมากนัก เมื่อว่างงานจึงไปแอบมองดูพี่สาวคนโตผู้นี้
ทางบ้านเชิญแม่นมมาสั่งสอนนาง ได้ยินเสียงนางถูกตีและตำหนิบ่อยครั้ง ช่วงเวลาเกือบสองปี นางเหมือนลูกวัวที่ไม่เอาไหนตัวหนึ่ง มองดูภายนอกเหมือนแข็งแกร่ง ทว่าความจริงกดเบาๆ ก็แตกละเอียดได้แล้ว
ไฉนจึงได้…เปลี่ยนไปเป็นลักษณะเช่นนี้เสียแล้วเล่า!
ตอนที่ 692 สถานการณ์ที่ยากลำบากแก่การคลี่คลาย
ซ่งถังหังไม่เข้าใจเอาเสียเลย
แต่เมื่อคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ในเมื่อเวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว จะมีการพัฒนาบ้างก็เป็นปกติ อีกทั้งตอนนั้นซ่งอิงชอบอ่านตำรามากจริงๆ ดูเหมือนนางจะรู้อยู่บ้างว่าขอเพียงนางอ่านหนังสือให้มากหน่อย ก็จะได้รับการยอมรับจากบิดามารดาได้เช่นกัน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลังจากกลับมา การที่ซ่งอิงนำแนวคิดนี้ถ่ายทอดให้ชาวบ้านในชนบทก็เป็นเรื่องปกติ
“ตามที่เจ้าว่า…พี่สาวร่วมตระกูลไม่เพียงแค่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคุณชายตระกูลเซว์ ในทางกลับกันยังมีความแค้นอีกด้วยหรือ” ซ่งถังหังกล่าว
“คุณชายเซว์รึ” ซ่งต๋าโบกสะบัดมือ “อาจจะใช่กระมัง!”
ซ่งถังหังครุ่นคิด และแล้วก็เข้าใจมากยิ่งขึ้น
คุณชายรองเซว์ต้องได้รับความโกรธแค้นจากทางด้านพี่สาวเขาแล้ว ดังนั้นหลังกลับไปจึงให้ตระกูลเซว์มาหาเรื่องครอบครัวเขาเป็นแน่
ไม่แน่เสมอไปว่าผลจากการกระทำของซ่งอิงจะนำมาซึ่งผลกระทบใหญ่โตขนาดที่เขาจิตนาการไว้ ในเมื่อคนผู้นั้นเป็นถึงคุณชายรองเซว์ผู้หยิ่งผยอง เขาคงรู้สึกว่าการตั้งตนเป็นศัตรูกับสาวชาวชนบทคนหนึ่งออกจะไร้ศักดิ์ศรีเกินไป จึงได้ลุกลามมาถึงความขัดแย้งระหว่างตระกูลเซว์และตระกูลซ่ง…
ในตอนนี้เกรงว่าพี่สาวคนโตผู้นี้คงไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า นางคนตัวเล็กๆ ต่ำต้อยคนหนึ่งได้สร้างปัญหายุ่งวุ่นวายที่ใหญ่โตเพียงใดให้ตระกูลซ่ง
“ใช่แล้ว ตอนที่ไหว้บรรพบุรุษ ข้าเดินผ่านบ้านพี่สาวร่วมตระกูล มองเห็นในบ้านมีคนอยู่สามสี่คน…ล้วนมาจากไหนกันหรือ” ซ่งถังหังรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยถามอีกครั้ง
ซ่งต๋ามองเขาด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนรอยยิ้มแวบสายตาหนึ่ง “เจ้านี่ช่างไร้ความเกรงใจจริงๆ”
“ข้าเพียงแค่ห่วงใยพี่สาวร่วมตระกูลเท่านั้น…” ซ่งถังหังกล่าว
“พอเลย มีหรือข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าห่วงใยจริงๆ หรือไม่ เจ้าอย่าได้คิดว่าตัวเองเป็นคุณชายจากตระกูลร่ำรวยแล้วจะฉลาดล้ำกว่าผู้อื่น เด็กในชนบทอย่างพวกเราก็ไม่ได้ฉลาดน้อยไปกว่าพวกเจ้าสักเท่าไรเช่นกัน” ซ่งต๋าเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูแคลน “คนเหล่านั้นเป็นผู้ที่พี่สาวคนรองข้าซื้อมาทั้งนั้น ไม่ได้มีความสามารถอะไรมากนักหรอก ปกติแต่ละวันก็ช่วยพี่สาวคนรองข้าทำพวกงานไร่นาเท่านั้นเอง”
“ซื้อมาเมื่อใดหรือ” ซ่งถังหังรีบถามขึ้นอีกครั้งทันที
“พูดยาก บ้างก็ซื้อมานานแล้ว บ้างก็เพิ่งซื้อมา แล้วยังมีบางส่วนเพิ่งซื้อมาเดือนสองเดือนนี้ ไม่ได้มาพร้อมกันแต่อย่างใด” ซ่งต๋ากล่าว
ซ่งถังหังพยักหน้า
ตระกูลเซว์ช่างโหดร้ายจริงๆ ภายนอกดูเหมือนไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ทว่าในความเป็นจริงกลับลอบวางตัวคนมาอยู่ข้างกายซ่งอิงสินะ
แม้แต่ตัวซ่งอิงยังไม่รู้เลยว่าคนเหล่านั้นที่นางเสียเงินซื้อมา ความจริงล้วนแล้วแต่เป็นคนสอดแนมของผู้อื่น!
ต่อให้พวกเขาตระกูลซ่งไม่ลงมือ คาดว่าเมื่อผ่านไปอีกระยะหนึ่ง คนเหล่านี้ก็จะทำร้ายซ่งอิงจนถึงชีวิตเช่นกัน!
แต่ทำไมตั้งนานขนาดนี้แล้วจึงยังไม่ลงมืออีก!
ซ่งถังหังไม่เข้าใจอย่างยิ่ง แต่เขาฉลาดมากพอ
“ที่เจ้าพูดเมื่อครู่ พี่สาวคนรองเปิดร้านค้าแห่งหนึ่งหรือ อาศัยอะไรกดดันร้านของคุณชายเซว์หรือ” ซ่งถังหังกล่าว
“ก็แค่สินค้าเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง” ซ่งต๋าพูดจนปากคอแห้งผากเล็กน้อย
ซ่งต๋าจัดเป็นคนอันดับแรกๆ ที่มีตาหามีแววไม่
คนผู้นี้ต้องเห็นเขาเป็นข้ารับใช้เด็กที่เรียกใช้ได้คนหนึ่งอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงทำเช่นนี้ได้อย่างไม่รู้สึกละอายใจ
เพียงแต่ว่าเรื่องเหล่านี้ ซ่งถังหังต้องถามออกมาไม่ช้าก็เร็ว เช่นนี้เขาเอ่ยปากบอกองสียยังดีกว่า คุณชายผู้นี้จะได้ไม่ต้องวิ่งเพ่นพ่านไปสร้างความยุ่งยากให้แก่ทุกคนทั่วหมู่บ้าน
“น้องซ่งต๋า ไม่ทราบว่าพี่สาวร่วมตระกูลมีสิ่งของอันใดที่คุณชายเซว์ผู้นั้นอยากได้เป็นพิเศษอยู่ในมือใช่หรือไม่” ซ่งถังหังกล่าว
“ใช่น่ะสิ” ซ่งต๋าพูดจบก็หาวหวอดขึ้นมา
“ว่าแล้วเชียว…” ซ่งถังหังถอนหายใจอย่างโล่งอก
เขาเข้าใจแล้ว! เข้าใจทั้งหมดแล้ว!
คนเหล่านั้นคิดจะคว้าผลประโยชน์ที่อยู่ในมือซ่งอิงเอามาไว้ จากนั้นค่อยสังหารนางทิ้ง!
ที่น่าตลกคือ ทั้งหมู่บ้านล้วนคิดว่าซ่งอิงมากความสามารถ แต่กลับไม่รู้เลยว่านางพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแก่การคลี่คลาย!
เพียงแต่ว่า เขาก็ยังอิจฉาอยู่บ้าง
ทั้งที่ซ่งอิงเป็นตัวกาลกิณีที่บิดามารดาไม่รัก แต่กลับได้รับความชื่นชอบจากใจจริงของผู้คนมากมายขนาดนี้ เขามองออก ก็อย่างพวกซ่งต๋า พวกเขามีความรักและอยากปกป้องซ่งอิงอย่างแท้จริง
หากต้องตายจากไป ก็ไม่ถือว่าเสียชาติเกิดแล้วเช่นกัน!
หลังจากซ่งถังหังถามได้ความกระจ่าง ก็รีบไปส่งข่าวคราวให้หวงซาในทันทีโดยไม่แม้แต่จะกล่าวขอบคุณซ่งต๋าสักคำ
แต่ในความเป็นจริง ข้อมูลเหล่านี้ที่เขาได้มาไม่มีความหมายอะไรสำหรับหวงซาเลยสักนิด