ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล – ตอนที่ 749 สวรรค์ลิขิตให้มีคุณธรรมความเมตตา ตอนที่ 750 วางแผนการมิดีมิร้าย

ตอนที่ 749 สวรรค์ลิขิตให้มีคุณธรรมความเมตตา ตอนที่ 750 วางแผนการมิดีมิร้าย

ตอนที่ 749 สวรรค์ลิขิตให้มีคุณธรรมความเมตตา / ตอนที่ 750 วางแผนการมิดีมิร้าย
ตอนที่ 749 สวรรค์ลิขิตให้มีคุณธรรมความเมตตา

ขบวนคนพร้อมม้าที่ว่านี้เป็นกลุ่มที่ดูใหญ่โตโอ่อ่าที่สุดตั้งแต่ซ่งอิงเจอมาระหว่างทาง ทั้งคาราวานมีอย่างน้อยร้อยกว่าคน ตั้งแต่หญิงวัยกลางคน แม่ครัว ไปถึงสาวใช้และผู้คุ้มกัน ครบครันมาก

นางเห็นรถม้าคันนั้นช่างงดงามพราวพร่างเจือความหรูหราเล็กน้อย ก็คิดว่าน่าจะเป็นของสตรี

ซ่งอิงออกจากบ้านมาครั้งนี้ อย่างไรเสียก็พาคนติดตามมาด้วยสี่ห้าคน ส่วนซ่งสวินแม้เป็นบุรุษ แต่ออกจะดูเรียบร้อยอ่อนแอไปหน่อยจริงๆ จึงเตรียมรถม้าไว้หนึ่งคัน

ตามความเห็นของซ่งสวิน นางเป็นผู้หญิง นั่งรถม้าจะดูดีมากกว่าหน่อย

แต่ซ่งอิงมักเป็นห่วงความรู้สึกของต้าไป๋

ต้าไป๋ในฐานะลาตัวหนึ่ง ไม่มีความสามารถพิเศษใดเช่นกัน นอกเสียจากเตะคนได้ ปกติแต่ละวันงานที่ทำก็คือเป็นพาหนะโดยสารให้คน ตอนนี้หากไม่มีงานนั้นแล้วจะต้องรู้สึกเสียใจเป็นแน่

ดังนั้นซ่งอิงจึงตกแต่งรถเกวียนลาให้ดูงดงามขึ้นมาหน่อย

เมื่อทำเช่นนี้แล้วจึงมองดูไม่ต่างอะไรไปจากรถม้าทั่วไป แต่ต้าไป๋ตัวค่อนข้างเตี้ย คนที่ตาแหลมหน่อยก็ยังคงแยกแยะออกได้

ในยุคสมัยนี้ รถลาและรถวัวทั่วไปเป็นสิ่งที่คนยากจนนั่ง

ถึงแม้ลาของซ่งอิงตัวนี้ทั้งขาวทั้งงดงาม แต่นั่นก็ไม่เป็นข้อยกเว้นเช่นกัน

ตอนนี้เมื่อเข้าสู่ยามราตรี สองขบวนรถหยุดลงในบริเวณเดียวกัน เมื่อเทียบกันยิ่งเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน

หลังจากหยุดรถ ซ่งอิงไปเดินเล่นในป่าตามเคย หากโชคดีก็จะได้เจอพวกสัตว์ป่าที่ถูกใจ

แรกเริ่มซ่งสวินยังเป็นห่วงความปลอดภัยของนางอยู่บ้าง แต่ผ่านไปหลายครั้งเข้า กอปรกับหลังซ่งสวินได้เห็นหู่อิ๋งอิ๋งต่อยหมาป่าหมดสติได้ในหมัดเดียว จึงไม่เคยพูดอะไรอีกเลย

ซ่งอิงเดินไปไม่ไกลมากนักเช่นกัน เพียงแค่มองดูบริเวณใกล้ๆ

ลมหายของสัตว์ป่าบริเวณรอบๆ ไม่มากแต่อย่างใด

หลังตามหาไปได้ครู่หนึ่ง ซ่งอิงก็เดินตามลมหายไปยังบริเวณหนึ่ง จึงมองเห็นงูสีขาวลำตัวหนาเท่าท่อนแขนหนึ่งตัว

นางไม่พูดพร่ำทำเพลง จับงูตัวนี้ขึ้นมาดู

งูขาวเดิมทีอยากจะชันหัวขึ้นและแลบลิ้นใส่ แต่เมื่อสบดวงตาทั้งสองของซ่งอิงก็ว่าง่ายขึ้นมาในทันใด ลำตัวของงูที่ยาวเฟื้อยและนุ่มนิ่มกองอยู่บนพื้น มองดูน่าสงสารเล็กน้อย

“งู…” บริเวณไม่ไกลออกไป มีสายตาสองสามคู่จับจ้องซ่งอิงอยู่

ซ่งอิงหันขวับไปมอง คลี่ยิ้มเล็กน้อยอย่างเกรงใจ จากนั้นลากตัวงูเดินไปอย่างสงบเยือกเย็น

เดิมทีนางก็ไม่อยากให้เป็นที่ดึงดูดความสนใจเช่นนี้ หากนำงูตัวนี้ส่งเข้าไปในช่องว่างระหว่างมิติทันที จะเป็นการทำให้ผู้อื่นมองเห็นเอาได้ จึงไม่สะดวกทำเรื่องระดับนี้ต่อหน้าคนอื่น นางทำได้เพียงไว้ค่อยลงมือระหว่างทาง

ได้เจองูที่ตัวหนาใหญ่เพียงนี้สักตัวก็นับว่าไม่เลวเช่นกัน

ในครอบครัวนางมีงูเขียวและงูลายดอกไม่ใช่น้อย ส่วนงูขาวที่ขาวล้วนไร้ลวดลายประเภทนี้ยังมีไม่กี่ตัว หรือถึงแม้จะมีก็ไม่เกิดสติปัญญาเฉียบแหลม

หลังจากเดินกลับไป ซ่งอิงแสร้งทำเป็นไม่เจอตัวอะไรทั้งนั้น จากนั้นเริ่มลงมือต้มเนื้อแห้ง

ความหอมจากเนื้อนี้เพิ่งลอยออกไป กลับมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหา

แม่นางผู้นี้เดินมาอย่างรวดเร็วมาก สีหน้าไม่ค่อยดีนัก จริงอยู่ที่รูปลักษณ์งดงามอย่างยิ่ง นางถือผ้าเช็ดหน้าอยู่ในมือ ลักษณะราวกับต้นหลิวลู่ลมที่แสนอ่อนแอ ผู้คนที่เห็นเป็นอันต้องเกิดความสงสารจับใจ

เมื่อก่อนซ่งอิงไม่มีความนึกคิดทำนองนี้เช่นกัน ทว่านับแต่มีปีศาจข้างกายที่หน้าตาดีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นางจึงรู้สึกว่ารูปลักษณ์เป็นอาวุธอย่างหนึ่ง

แม่นางผู้นั้นมองเห็นซ่งสวินก็ทำความเคารพให้เขา จากนั้นมองไปยังซ่งอิงด้วยแววตาลังเลสับสนเล็กน้อย

“แม่นางมีธุระอันใดหรือ” ซ่งอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

นางกลัวว่าตนจะเสียงดังเกินไป ทำให้คนเขาตกใจกลัวได้ เดี๋ยวจะมีคนมาหาเรื่องนางเอาได้

แม่นางผู้นี้เผยสีหน้าลังเลเล็กน้อย แต่ก็กล่าวออกมาจนได้ “เมื่อครู่…เมื่อครู่ได้ยินว่าแม่นางจับงูขาวได้ตัวหนึ่ง…”

“อืม จริงอย่างที่ได้ยินมา” ซ่งอิงพยักหน้า

“เช่นนั้น เช่นนั้นพอจะ…ขายงูขาวตัวนั้นให้ข้าได้หรือไม่” แม่นางผู้นี้กล่าวอีกครั้ง

ซ่งอิงเลิกคิ้ว “เจ้าอยากกินแกงงูหรือ”

ครั้นถ้อยคำนี้หลุดออกไป อีกฝ่ายสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงและรีบโบกมือเป็นระวิง “ไม่ใช่ ไม่ใช่จริงๆ…ข้าเพียงแค่ได้ยินมาว่างูขาวชาญฉลาด ดังนั้นอยากซื้อคืนแล้วปล่อยมันไปตามธรรมชาติ…สวรรค์ลิขิตให้มีคุณธรรมความเมตตาต่อสรรพชีวิต กินแกงงู ไม่ดีอย่างยิ่ง”

ซ่งอิงพยักหน้าเล็กน้อย คนผู้นี้เป็นคนจิตใจดีมีเมตตาคนหนึ่ง

ตอนที่ 750 วางแผนการมิดีมิร้าย

ในหนังสือนิทานปรัมปราก็เขียนเอาไว้เช่นนี้ทั้งนั้นมิใช่หรือ โดยส่วนใหญ่สัตว์ใดที่ชาญฉลาดแสนรู้ล้วนถูกจับตัวไปทั้งนั้น ระหว่างที่ใกล้ตายก็จะเจอคนจิตใจดีงามมาช่วยชีวิตเอาไว้ ต่อมาภายหลัง ก็เป็นเรื่องราวของสัตว์แสนรู้ตอบแทนคุณ

“แม่นางพูดได้มีเหตุผลอย่างยิ่ง เจ้าวางใจเถอะ ข้าปล่อยงูตัวนั้นไปแล้ว” ซ่งอิงบอกพลางเผยรอยยิ้ม

ครั้นแม่นางผู้นั้นได้ยินก็เหลือบตามองหม้อที่ต้มอยู่ด้านข้าง ดวงตาก็ฉายแววสองจิตสองใจขึ้นมาชั่ววูบ จากนั้นอ้ำอึ้ง มองซ่งอิงปราดหนึ่ง “เช่นนั้น…เช่นนั้นในเมื่อแม่นางนำงูปล่อยไปแล้ว ก็…ช่างเถิด”

เมื่อกล่าวจบนางก็เดินจากไปด้วยท่าทีคล้ายเสียใจเล็กน้อย

ครั้นนางเดินจากไป ซ่งสวินที่อยู่ข้างๆ โดยไม่พูดไม่จาอะไรมาตลอดก็กล่าวขึ้น “แม่นางผู้นี้สีหน้าอารมณ์ดูพิกลเล็กหน่อย”

“ท่านจ้องหน้าของแม่นางผู้นั้นด้วยหรือ ท่านพี่ นี่ไม่เหมาะสมเอาเสียเลย” ซ่งอิงขมวดคิ้ว

“…” ซ่งสวินเบิกตาโตครู่หนึ่ง “ข้าจะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร ก็แค่เมื่อครู่นางกล่าวว่าต้องการช่วยชีวิตงู ข้าประหลาดใจจึงมองดูพริบตาหนึ่งเท่านั้นเอง”

ให้ความกล้าแก่เขามากแค่ไหน เขาก็ไม่กล้าขนาดจ้องมองใบหน้าของแม่นางตระกูลอื่นอย่างโจ่งแจ้งหรอก

“ข้ารู้เจ้าค่ะ ก็แค่ถือโอกาสกล่าวย้ำเตือนท่านสักหน่อย หมู่บ้านเราไม่อาจเทียบกับเมืองหลวงได้ หญิงสาวในหมู่บ้านเรา หนุ่มสาวหยอกเย้าเล่นด้วยกันไม่ถือว่าเป็นปัญหาอันใด แต่ผิดกับเมืองหลวง แค่ท่านเก็บผ้าเช็ดหน้าของคนอื่นได้ เช่นนั้นในสายตาของคนที่มีใจคิดร้ายก็จะถูกปรับเปลี่ยนเป็นแผนการไม่ดีไม่ร้าย แม้ว่าท่านพี่เป็นถึงจวี่เหริน แต่เมืองหลวงเต็มไปด้วยผู้สูงศักดิ์ทรงอำนาจ จวี่เหริน…ไม่ถือว่าใหญ่โตแต่อย่างใด” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง

ซ่งสวินรู้ประมาณการณ์ในใจ

คุณวุฒิของเขานี้มีไว้ใช้แค่รับการปกป้องจากทางการเท่านั้นเอง นอกจากนั้นก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใด

ดังนั้นเขาจึงต้องสอบต่อไปอีก

มีเพียงได้เป็นบัณฑิตจิ้นซื่อแล้วเท่านั้น จึงจะได้เป็นขุนนางทางการ และจึงจะก้าวหน้าขึ้นไปทีละขั้น ทีละขั้นได้

“หากข้าสอบจิ้นซื่อผ่านจริง ก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะได้ตำแหน่งขุนนางอะไร บุตรหลานจากครอบครัวยากจน นอกเสียจากเก่งกาจโดดเด่นเป็นพิเศษ ที่เหลือเกรงว่าคงเป็นการยากที่จะได้อยู่เมืองหลวง ข้าเองก็กลัวว่า…ความเหน็ดเหนื่อยที่ทุ่มเทไปทั้งหมด ท้ายที่สุดกลับถูกส่งไปเป็นขุนนางตามอำเภออื่น สามถึงห้าปีจึงจะได้เลื่อนขั้นตำแหน่งสักครั้ง อยากหวนกลับมายังเมืองหลวงอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าข้าคงอายุสามสิบสี่สิบปีแล้ว” ซ่งสวินเอ่ยอย่างกังวลใจ

บางครั้งเขาก็อิจฉาลู่ข่ายและอวี๋ชิงอย่างยิ่ง

ทางครอบครัวสองคนนั้นล้วนมีเส้นสายอยู่บ้าง จึงมีความเป็นไปได้มากว่าจะได้อยู่เมืองหลวง ต่อให้ถูกส่งออกไปต่างเมือง นั่นก็ต้องเป็นสถานที่เจริญและอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง สั่งสมคุณงามความสำเร็จง่ายก็เลื่อนขั้นได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

เพียงแต่ท่ามกลางความไม่รู้ตัว ไม่นึกเลยว่าเขาจะเปลี่ยนไปมีจิตใจละโมบโลภมากเช่นนี้

พอมีเกียรติคุณซิ่วฉายก็อยากเป็นจวี่เหริน เมื่อเป็นจวี่เหรินแล้วก็อยากจะสอบผ่านจิ้นซื่ออีก ตอนนี้ยังไม่ทันสอบผ่านจิ้นซื่อ ไม่นึกเลยว่าจะเริ่มคำนึงไปถึงเรื่องหลังจากการเป็นขุนนางเสียแล้ว

แต่หากไม่หาความก้าวหน้า เช่นนั้นความพยายามของเขาคงได้กลายเป็นหินรองเท้าของจวนโหวในภายภาคหน้ากันพอดี

ซ่งโหวเหยียผู้นั้นเดิมทีก็ไม่ใช่คนจิตใจดีงาม ตอนนี้เกรงแต่จะรู้แล้วว่าตระกูลทางฝั่งพวกเขามีจวี่เหรินขึ้นมาแล้วหนึ่งคน ซึ่งเกียรติคุณจวี่เหรินนี้จะมากจะน้อยก็มีประโยชน์สำหรับจวนโหวอยู่บ้างเช่นกัน

“ท่านพี่อยากเป็นขุนนางเพียงเพื่อเรื่องของจวนโหวเท่านั้นหรือ” ซ่งอิงถอนหายใจ “ท่านตรากตรำท่องตำราก็น่าจะรู้ว่าการเรียนหนังสือนี้นอกจากเพื่อตัวเอง ก็น่าจะเป็นการทำเพื่ออาณาประชาราษฎร์ ท่านควรตระหนักรู้ไว้เช่นนี้จึงจะถูก มิเช่นนั้นอนาคตของท่านคงไปได้ไม่ไกล”

ซ่งสวินตกตะลึงนิ่งไป

เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าต้องทำเพื่อประชาชน

แต่ถ้อยคำนี้เมื่อออกมาจากปากซ่งอิง กลับให้ความรู้สึกแปลกประหลาด

“ข้ารู้ ปัจจุบันเนื้อหาในการสอบส่วนใหญ่เป็นการเมืองการปกครอง เงินที่ท่านพ่อท่านแม่ให้ ข้าก็เอามาใช้ซื้อตำราเป็นส่วนใหญ่ จึงได้ข้อคิดประสบการณ์ไม่มากก็น้อย” ซ่งสวินกล่าว

เขาเกิดจากครอบครัวที่ยากจน รู้ว่าประชาชนทั่วไปต้องการอะไร

“เช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ ให้เรื่องของจวนโหวสำคัญเป็นอันดับรองเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง

นางไม่ยินดีจริงๆ ที่ซ่งสวินจะมีแนวคิดสุดโต่งเกินไปเพราะเรื่องของจวนโหว

บัดนี้เขารู้แล้วว่าอำนาจเป็นสิ่งที่ผู้คนชื่นชอบ หากภายภาคหน้าได้เป็นขุนนางจริง เกิดกลายเป็นคนหนึ่งที่ทำได้ทุกวิถีทางเพื่ออำนาจและเพื่อปีนป่ายขึ้นไปให้ถึงจุดสูงยิ่งขึ้นไปจะทำอย่างไรเล่า

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

Status: Ongoing

นิยายสโลว์ไลฟ์แฟนตาซีที่นางเอกมุ่งมั่นทำไร่หาเงินและจับปีศาจเพื่อช่วยเหลือคน เพื่อตายไปจะได้เป็นเซียน!

ซ่งอิง คิดว่าชีวิตนี้ตนเองจะเป็นเพียงหญิงสาวชาวนาเรียบง่ายคนหนึ่งที่ไม่ออกเรือนไปตลอดชีวิต

แต่บัดนี้ที่ดินของครอบครัวมีภูตโสมโผล่มาตนหนึ่ง จากนั้นไม่นานก็ตามมาด้วยปีศาจกบเขียว

พอเลี้ยงไก่มันก็บินได้ เลี้ยงลามันก็หัวเราะได้…

เพราะขวดหยกที่ติดตัวมาด้วยครั้งทะลุมิตินำมาซึ่งมิติพิเศษและความสามารถในการจับปีศาจ

แม้จะไม่ออกเรือนไปตลอดชีวิตแต่แค่สิ่งนี้ปณิธานของนางที่ว่า

‘ยามมีชีวิตอยู่ขอให้เงินตำลึงทองเต็มห้อง ตอนที่ตายไปแล้วก็ขอให้คุณงามความดีเจิดจรัสจนได้ขึ้นสวรรค์กลายเป็นเซียน!’

ของนางจะต้องเป็นความจริงอย่างแน่นอน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท