ตอนที่ 739 ไม่เหลือแม้แต่กระดูก / ตอนที่ 740 อันตรายต่อชีวิตเกินไป
ตอนที่ 739 ไม่เหลือแม้แต่กระดูก
ฮั่วซื่อเซี่ยงตระหนกตกใจ แต่เขาเป็นผู้ชายที่องอาจกล้าหาญคนหนึ่ง ยังไม่ถึงขั้นเกรงกลัวหนูสองตัว ด้วยเหตุนี้จึงรีบเตรียมเข้าไปแย่งมีดพกของตน อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ทันแตะต้องมีดก็ได้ยินเสียงขึ้นมาอีกครั้ง
“รีบวิ่งสิ! วิ่งไปทางด้านซ้าย”
“เจ้าวิ่งผิดทิศทางแล้ว มีดนี่หนักเหลือเกิน รู้แบบนี้แต่แรกก็ไม่เปลี่ยนกลับมาร่างเดิมหรอก ลำบากเกินไปแล้ว!”
ปีศาจหนูสองตัวเงอะงะ เดินไปได้สองก้าวก็หย่อนก้นลงบนพื้น ครั้นปีศาจสองตัวหงุดหงิด จึงเปลี่ยนร่างเป็นคนเสียดื้อๆ
ฮั่วซื่อเซี่ยงมองเห็นเต็มตา หนูสองตัวเล็กๆ เปลี่ยนรูปลักษณ์กะทันหัน กลายเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มสองคนที่งามดุจดอกไม้!
อีกทั้ง สาวน้อยสองคนนี้ยังเป็นผู้ที่เขาเคยพูดคุยด้วยเมื่อสองสามวันก่อน!
เขารีบถ้อยหลังไปสองฝีก้าว “พวก…พวกเจ้าเป็นตัวประหลาดอันใด!”
ปีศาจทั้งสองกะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา จากนั้นสบตากันพริบตาหนึ่ง ในวินาทีถัดมาก็เปลี่ยนไปร่างเดิมของมันแล้ววิ่งแจ้นออกไปโดยไม่สนใจมีดเมื่อครู่นี้แล้ว
“…” ฮั่วซื่อเซี่ยงรู้สึกเพียงศีรษะจะระเบิดเต็มทน
มิใช่ว่าบัดนี้เขายังอยู่ในความฝันกระมัง
เขารีบหยิกแขนในทันที รู้สึกเจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน
ฮั่วซื่อเซี่ยงเดินออกมาจากเรือนปีกข้างอย่างสับสนเล็กน้อย ขณะเดินอยู่ก็ได้ยินคนพูดข้างหูอีกครั้ง
“เขาสั่งผัดผักอย่างเดียวคู่กับหมั่นโถวอีกแล้วใช่หรือไม่ ไฉนจึงตระหนี่ถี่เหนียวเพียงนี้ นี่เป็นลูกน้องของขุนนางแท้ๆ แต่กลับไม่มีเงินพอกินข้าวเลยหรือ”
“สู้เถ้าแก่เหนียงพวกเราก็ไม่ได้ ติดตามเถ้าแก่เหนียงอยากกินอะไรก็ได้กินทั้งนั้น!”
“ช่างน่าสงสารจริงๆ เพียงแต่ว่าก็น่ารังเกียจด้วยเช่นกัน!”
“ทำไมหรือ”
“เมื่อวานเขาเดินผ่านพุ่มหญ้า มองเห็นกระต่ายน้อยของพวกเรากำลังกินหญ้า กระต่ายน้อยตัวนั้นเกิดสติปัญญาอันฉลาดเฉียบแหลมแล้ว โชคดีวิ่งได้รวดเร็ว มิเช่นนั้นคงต้องถูกเขาจับตัวกลับไปดองเหล้าแล้วละ”
“น่ารังเกียจจริง! ทั้งที่บอกไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะล่าสัตว์ของครอบครัวเราไม่ได้ ไฉนเขาจึงเลวเพียงนี้!”
“…”
ฮั่วซื่อเซี่ยงเบิกตาโตทันที
“สรุปแล้วใครกันแน่ใช้เล่ห์กลเพื่อหลอกลวงคนอื่น!” เขากลืนน้ำลาย
“ก็กำลังว่าเจ้าอยู่นี่อย่างไร!” เบื้องหน้าจู่ๆ ก็ปรากฏบางอย่างสีเขียวๆ ยาวๆ
ครั้นมองอย่างละเอียดจึงพบว่าเป็นงูเขียวสองตัว จากลายบนตัวงูนี้ ว่ากันตามประสบการณ์ที่เขาเคยพานพบระหว่างเคลื่อนทัพ งูนี่เป็นชนิดมีพิษ!
เพียงแต่ว่าตอนนี้มีพิษหรือไม่มีพิษไม่ได้สำคัญแต่อย่างใด ที่สำคัญคือ มันพ่นภาษามนุษย์!
“พวก…พวกเจ้าเป็นปีศาจอันใด!” ฮั่วซื่อเซี่ยงมือสั่นเล็กน้อย
“เจ้าโง่หรืออย่างไร พวกเราเป็นงูอย่างไรเล่า ทำไมยังต้องถามถึงชนิดด้วย เจ้าตาไม่ดีหรือ” งูตัวน้อยกล่าวอีกครั้ง
ฮั่วซื่อเซี่ยงใจเต้นระรัว เหงื่อผุดเต็มหน้า “อย่าเข้ามานะ มิเช่นนั้น มิเช่นนั้นจะจับตัวพวกเจ้าไว้เสียเลย…”
“ยังคิดจะจับพวกเราเสียด้วย! ฮึ!” งูเขียวน้อยส่งเสียงสบถฮึเบาๆ
เมื่อมันพูดจบก็มีนกตัวหนึ่งโบยบินมาจากท้องนภา กรงเล็บของมันพุ่งเข้ามาคว้าผ้าคาดผมของฮั่วซื่อเซี่ยงแล้วเกี่ยวเอาไป หลังผ่านไปอีกครู่หนึ่งก็มีอีกาฝูงหนึ่งบินมาอีกและบินเวียนวนอยู่บนท้องนภา
“ข้าขอเตือนเจ้า จากนี้ห้ามหมายหัวสัตว์ตัวน้อยในที่แห่งนี้ของพวกเรา มิเช่นนั้นพวกเราก็จะกินเจ้า!” เฮยยายาส่งเสียงตะโกนลงมาเบื้องล่าง
ฮั่วซื่อเซี่ยงแข้งขาอ่อนยวบ เกือบทรุดลงไปแล้วด้วยซ้ำ
เฮยยายาพร้อมพวกปีศาจเห็นเขาน่าสงสารเช่นนี้ จึงเป็นอันรู้สึกพึงพอใจ
หลังจากทุกคนส่งเสียงตะโกนกันจนพอใจแล้วจึงได้ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไป
ฮั่วซื่อเซี่ยงรู้สึกเพียงมึนงงเล็กน้อย นึกถึงคำพูดของใต้เท้าตระกูลตนขึ้นมาในสมองอีกครั้ง ชั่วขณะนั้นเองเขาคล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว…
ในสวนว่านหลิงแห่งนี้เต็มไปด้วยปีศาจทุกหนแห่ง!
ความจริงฮั่วซื่อเซี่ยงรู้สึกน้อยใจในความไม่เป็นธรรมเล็กน้อย วันนั้นเขาไม่ได้คิดจะกินกระต่ายจริงๆ เพียงแค่มองเห็นกระต่ายตัวหนึ่งอยู่ตรงนั้นตัวเดียว เกรงกลัวว่ากระต่ายตัวนี้จะถูกคนจับตัวไป จึงได้คิดลงมือเสียก่อน…
ใครจะรู้ว่ากลับถูกเข้าใจผิดเสียแล้ว!
เพียงแต่ว่าโชคดีที่เขาไม่ได้เกิดความนึกคิดอยากกิน หากกินสหายน้อยของพวกเขาตัวนั้นเข้าไปจริง ตอนนี้…เกรงว่าเขาจะไม่เหลือแม้แต่กระดูกแล้วกระมัง!
ตอนที่ 740 อันตรายต่อชีวิตเกินไป
ฮั่วซื่อเซี่ยงหลบอยู่ในห้องเพื่อทำตัวให้ชินอยู่พักใหญ่ ไม่ง่ายเลยกว่าจะทำให้ตัวเองยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้ จากนั้นจึงกล้าก้าวออกมาข้างนอก
วันนี้ ทุกสิ่งข้างนอกนี้ล้วนต่างไปจากเดิม
ขณะเดินอยู่ นกน้อยบนต้นไม้ส่งเสียงทักทายให้เขา
เมื่อผ่านไปอีกครู่หนึ่งก็มีคนขวางทางไปของเขาไว้ อีกฝ่ายแนะนำตัวเองยกใหญ่ จากนั้นจึงได้รู้ว่าเป็นเสือตัวใหญ่ที่เขาจ้องมองเมื่อหลายวันก่อน ต้องการประลองกับเขาให้จงได้
หลังจากหลอกล่อให้คนเขาเดินจากไปจนได้ด้วยความยากลำบาก เขาก็เดินเผ่นแนบออกจากสวนว่านหลิงอย่างไม่หยุดพักเลยแม้แต่น้อย
สถานที่นี้อันตรายต่อชีวิตเกินไปแล้ว!
มิน่าล่ะ ใต้เท้าจึงให้เขาใช้เงินขจัดปัญหา ก็ด้วยความที่ปีศาจเต็มไปหมดขนาดนี้ หากไม่ใช้เงินสักหน่อยเพื่อทำให้คนที่สร้างความวุ่นวายเหล่านั้นไสหัวไป เช่นนั้นเมื่อบรรดาปีศาจโมโหขึ้นมา ประชาชนของเมืองยงยังจะมีชีวิตรอดได้อีกหรือ!
เพียงแต่ฮั่วซื่อเซี่ยงไม่ค่อยเข้าใจบางอย่าง ฮั่วฮูหยินเป็นแค่สตรีในชนบทธรรมดาๆ คนหนึ่งมิใช่หรือ ไฉนเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาปีศาจถึงเพียงนี้เล่า!
ฮั่วซื่อเซี่ยงไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการที่เขาจะคอยสังเกตซ่งอิง
สวนว่านหลิงแห่งนี้ของซ่งอิงเป็นแหล่งเงินทองไหลมาเทมา จะมีคนอิจฉาริษยาน้อยๆ ได้อย่างไร
สวนแห่งนี้ของนางเพิ่งเปิดกิจการมาเพียงครึ่งเดือน ก็มีสองตระกูลในเมืองยงเตรียมเลียนแบบวิธีการทำสวนของซ่งอิงสร้างสถานที่อย่างสวนว่านหลิงขึ้นมาบ้างเช่นกัน
หากเป็นก่อนหน้านี้ ฮั่วซื่อเซี่ยงย่อมไม่สนใจเรื่องไร้สาระระดับนี้แน่ แต่ตอนนี้เขากลับกลัวว่าคนที่อยู่ในเมืองนี้จะขัดขวางช่องทางทำเงินของซ่งอิง ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายผุดความนึกคิดนั่นขึ้นมา ฮั่วซื่อเซี่ยงก็รีบส่งคนไปกดดันทันที
เมื่อเขาไปกดดัน ผู้ร่ำรวยสูงศักดิ์ทั่วทั้งเมืองล้วนรู้ว่าสวนว่านหลิงแห่งนี้มีความสัมพันธ์บางอย่างกับจวนฮั่ว เมื่อเป็นเช่นนี้จึงยิ่งไม่กล้าสร้างความบาดหมางด้วย
“ลูกพี่ ระยะนี้มีคนด้อมๆ มองๆ อยู่ด้านนอกสวนว่านหลิงขอรับ!” ไม่ง่ายเลยกว่าจะสงบลงได้สักหน่อย เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน ฮั่วซื่อเซี่ยงก็ได้ยินข่าวร้ายอีกแล้ว
เขาสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างยิ่งในทันที “เป็นใครกัน”
“อีกฝ่ายระแวดระวังอย่างยิ่ง มักจะใส่ชุดสีดำเป็นหลักและโผล่มาเดินสอดส่องบริเวณข้างนอกตอนดึกดื่นเที่ยงคืน ลูกน้องไม่ได้เยอะ มีกันแค่สามคนเท่านั้น”
“จับตัวมา จับตัวมา! หลังจับมาแล้วต้องซักถามให้ได้ความกระจ่างแจ้ง!” ฮั่วซื่อเซี่ยงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าตนลนลานไปหมดแล้ว
เขาเคยเป็นคนที่ผ่านสนามรบมาก่อน แต่บัดนี้ได้ยินข่าวคราวเล็กน้อยแค่นี้ก็รู้สึกเกรงกลัวเสียยิ่งกว่าอะไรดี
ไม่สิ เขาไม่ได้กลัวปีศาจ หากแต่เป็นความกลัวว่าคนจะก่อสงครามใหญ่กับปีศาจ!
ใช่แล้ว! เพราะแบบนี้ละ
ฮั่วซื่อเซี่ยงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ต้องเอาใจใส่กับเรื่องนี้ให้มากๆ
ในคืนวันเดียวกัน คนที่ส่งออกไปก็จับตัวผู้ที่มีใจประสงค์ร้ายทั้งสามคนนั้นมาได้
คนที่ซ่งโหวส่งมาครั้งนี้ไม่ใช่ธรรมดา นึกถึงตอนนั้นตระกูลซ่งก็เป็นตระกูลที่ขึ้นชื่อด้านการสู้รบเช่นกัน ท่านโหวรุ่นแรกมีพละกำลังดุจวัว และมีคนที่เก่งกาจเคียงกายอยู่หลายคน ต่อมาได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์โหว เบื้องล่างก็มีผู้ใต้บังคับบัญชากลุ่มหนึ่งที่จงรักภักดี สืบทอดมารุ่นต่อรุ่นเพื่อจัดการธุระให้จวนเหยียนผิงโหว
ทั้งสามคนตรงหน้านี้ ก็คือส่วนหนึ่งในกำลังคนเหล่านั้น
คนเหล่านี้สำเนียงอย่างชาวเมืองหลวง แค่ได้ยินก็รู้สึกไม่ถูกใจ
ฮั่วซื่อเซี่ยงจ้องมองพวกเขา รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
“บอกมา พวกเจ้าไปแถวสวนว่านหลิงทำไม” มิใช่ว่าคนฝึกตนเป็นเซียนซึ่งมีวิชาเก่งกาจบนโลกนี้รู้แล้วว่าใต้หล้านี้ยังมีปีศาจหรอกกระมัง ดังนั้นจึงส่งคนมาสอดส่อง
แต่ใต้เท้าของเขากล่าวไว้แล้วว่าต้องปกป้องสวนว่านหลิง ดังนั้นต่อให้คนมีวิชาต้องการจับปีศาจ นั่นก็ไม่ได้เช่นกัน!
สามคนนี้ที่มาจากจวนซ่งก็จับต้นชนปลายไม่ถูกเช่นกัน
“พวกข้าไม่เข้าใจความหมายของท่านใต้เท้า” ทั้งสามคนแสร้งโง่
พวกเขาเพียงแค่มาจัดการธุระเล็กน้อยเท่านั้นเอง คนผู้นี้เป็นใครกัน จึงได้ยุ่งไม่เข้าเรื่องเช่นนี้
“แสร้งโง่กับข้ารึ ตอนที่ข้าสอบปากคำผู้ต้องโทษโดยการทรมาน พวกเจ้ายังอยู่ในกองโคลนเสียด้วยซ้ำ!” ฮั่วซื่อเซี่ยงหัวเราะเยาะ “สองสามวันมานี้พวกเจ้าเอาแต่เดินป้วนเปี้ยนอยู่นอกสวนว่านหลิง มิใช่คิดจะทำไม่ดีไม่ร้ายกับฮั่วฮูหยินหรอกหรือ!”
“พวกข้าไม่เข้าใจความหมายของท่าน ข้าสามคนเพียงแค่ได้ยินว่าสวนว่านหลิงมีความน่าสนใจ จึงคอยมองดูจากข้างนอกเท่านั้นเอง ไม่ทราบว่ากลายเป็นการล่วงเกินฮั่วฮูหยินที่ท่านกล่าวถึงได้อย่างไรหรือ!”