ตอนที่ 745 ล่าช้า / ตอนที่ 746 ใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิตหรือ สีหน้าค่าตาจึงดูสดใสขึ้น
ตอนที่ 745 ล่าช้า
ตอนนี้คนอื่นๆ ล้วนรู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อย หากรู้แต่แรกว่าในห้องสอบเดี่ยวตามหมายเลขสร้างความทรมานถึงเพียงนี้ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็จะเก็บอาหารที่น้องสาวจากตระกูลซ่งมอบให้เอาไว้แล้วค่อยนำมาทำกินอย่างเต็มที่!
“พี่ซ่งสอบเป็นอย่างไรบ้าง มีความมั่นใจหรือไม่” ลู่ข่ายเอ่ยถามเพื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
ซ่งสวินยิ้มเล็กน้อย “รอหลังจากติดประกาศผลสอบ ข้าก็จะเตรียมออกเดินทาง มุ่งหน้าไปเมืองหลวง”
ครั้นซ่งสวินเอ่ยถ้อยคำดังกล่าวออกมา ลู่ข่ายและคนอื่นๆ ก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน “พี่ซ่งถึงขั้นคิดไว้เสร็จสรรพแล้วหรือ! ถึงแม้เจ้าสอบผ่านในครั้งนี้ แต่การสอบฮุ่ยซื่อ[1]ในปีหน้าเหลือเวลาเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้น เจ้ามั่นใจได้แล้วหรือว่าเวลาเพียงแค่ครึ่งปีก็จะสอบผ่านได้”
“ไม่ลองดูจะรู้ได้อย่างไร อีกทั้งจะอย่างไรก็ต้องออกไปเรียนรู้อะไรใหม่ๆ บ้าง” ซ่งสวินบอก
หากเป็นเมื่อก่อน เขาต้องไม่มั่นใจในตัวเองเช่นนี้แน่ แต่บัดนี้ทุกครั้งที่อ่านหนังสือ เขาล้วนรู้สึกว่าสมองของตนคล้ายจะยอดเยี่ยมกว่าเมื่อก่อนมาก
ยามที่เขายังเด็ก ตอนเรียนหนังสือก็มีพรสรรค์มากเช่นกัน ต่อมาเสียเวลาไปห้าปี ยามที่เพิ่งหยิบหนังสือขึ้นมาใหม่อีกครั้งก็ยังรู้สึกยากลำบากอยู่บ้าง แต่ไม่รู้เหตุใด ความรู้สึกยากลำบากนี้นับวันยิ่งลดน้อยลงไป จนถึงปัจจุบัน เขาถึงขั้นรู้สึกราวกับว่าไม่เคยละทิ้งการเรียนหนังสือมาก่อนเลยก็ไม่ปาน
เขามักจะรู้สึกว่าน้ำแกงบำรุงร่างกายที่ซ่งอิงเอามามอบให้เขาทุกเดือนต้องมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่
เพียงแต่บางถ้อยคำ เขาเองก็ไม่อยากถามอย่างกระจ่างชัดแจ้งเกินไป
อีกทั้ง ครั้งก่อนคนของจวนโหวกล้าดีถ่อมาไหว้บรรพบุรุษถึงหมู่บ้านซิ่งฮวา เขาไม่อาจมัวคอยอีกสามปี เขาจำเป็นต้องฉวยโอกาสในครั้งนี้ปีนป่ายขึ้นไปให้ได้!
เขาเองก็รู้ว่าตนก็แค่บัญฑิตธรรมดาๆ คนหนึ่ง ถึงแม้สอบผ่านก็ไม่อาจทำอะไรจวนโหวได้เช่นกัน แต่…
มีเพียงทำความเข้าใจศัตรูเสียก่อน จึงจะรู้ได้ว่าภายภาคหน้าตนเองต้องทำอะไร!
ซ่งสวินอ่อนโยน นอบน้อมและถ่อมตนเสมอมา ยามนี้เมื่อเขามีท่าทีเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง จึงทำให้ทุกคนพลันเกิดแรงฮึกเหิมขึ้นมาไม่น้อยเช่นกัน
“ข้ามีความนึกคิดเช่นเดียวกับพี่ซ่ง ถึงแม้ครั้งนี้สอบไม่ผ่าน สามปีหน้าก็ยังสอบได้อีก แต่จะอย่างไรก็ต้องไปมองดูกงย่วน[2]สักหน่อยว่ามีลักษณะเช่นไร และดูว่าตนเองมีความสามารถมากน้อยเท่าไร” ลู่ข่ายกล่าวขึ้นมาเช่นกัน
เมื่อถ้อยคำนี้หลุดออกมา อวี๋ชิงก็กล่าวขึ้นบ้าง “หากพวกเจ้าไป ข้าก็ไปด้วย!”
แต่ก็มีบางคนที่ยังคงไม่กล่าววาจา
อย่างไรเสียขณะนี้ก็ยังไม่ปิดใบประกาศผลการสอบระดับท้องถิ่น กังวลใจไปถึงการสอบระดับประเทศออกจะดูเร็วเกินไปหน่อย
สอบก็สอบเสร็จแล้ว อีกไม่นานใบประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านก็จะออกมาแล้วเช่นกัน
ต้นเดือนเก้า เมืองยงครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวอยู่หน้าใบปิดประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสอบสีแดงสด พวกเขาพากันชะเง้อหน้ามองดูรายชื่อบนนั้น
ผู้เฒ่าซ่งพอรู้จักตัวหนังสืออยู่บ้าง แม้ไม่มาก แต่ยังพอจำชื่อของหลานชายตระกูลตัวเองได้ จึงเขยิบเข้าไปร่วมวงด้วย
เขาคิดอยู่ว่าหลานชายตระกูลตนเว้นจากการเรียนไปห้าปี และไม่ได้ความสามารถมากมาย ดังนั้นจึงไล่ดูจากด้านล่างขึ้นไป มองไปมองมาแต่กลับไม่เห็นชื่อของเขา
ผู้เฒ่าซ่งพลันผิดหวังไม่น้อย
“เจ๋ว์หยวน[3]คือลู่ข่าย! คุณชายลู่เป็นผู้เก่งกาจโดดเด่นท่ามกลางผู้คนมากมายจริงๆ ด้วย ได้ยินว่ามีพรสวรรค์ชาญฉลาดมาตั้งแต่เขายังเด็ก เพียงแต่ไม่สนใจวิถีขุนนาง กลับไม่เคยคิดเลยว่าตอนนี้ลองสอบอย่างสบายๆ กลับได้ที่หนึ่งเสียนี่!”
“แล้วนี่ย่าหยวน[4]เป็นใครกัน ไฉนไม่รู้จัก”
“ซ่งสวิน?”
ซ่งเหล่าเกินยังนับว่าหูไวไม่เบา ครั้นได้ยินชื่อก็รีบชะโงกหน้าเข้าไปมองดู เมื่อมองเห็นก็ถึงกับเบิกตาโต
ลำดับที่สอง!
หลานชายที่ว่านอนสอนง่ายของเขาได้ลำดับที่สองหรือ! บรรพบุรุษอวยพรให้ลูกหลานรุ่งโรจน์แล้วสินะ!
เขาอายุปูนนี้ ถึงกับแข้งขาอ่อนแรงด้วยความตื่นเต้นดีใจ ใกล้จะยืนไม่ติดพื้นเต็มทน ดีที่ซ่งอิงส่งคนติดตามมาด้วย ก็เพื่อเลี่ยงเหตุการณ์ที่ผู้เฒ่าซ่งจะตื่นเต้นจนเป็นลมล้มพับไป
“หลานชายข้าได้ที่สอง!” ผู้เฒ่าซ่งถึงกับเสียงแหบพร่า “หลานสวิน? นี่สมองเจ้าทำจากอะไร ไม่ได้เล่าเรียนตั้งห้าปีแต่ก็ยังเก่งกาจถึงเพียงนี้ เช่นนั้นหากได้เรียนต่อเนื่องแต่แรกล่ะ ที่หนึ่งนี่จะไม่ใช่เจ้าหรอกหรือ!”
ครั้นเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา ผู้เฒ่าซ่งพลันหน้าถอดสี
เป็นเขาเองที่ไม่ได้เรื่อง ตอนแรกหลงเชื่อคำพูดเหลวไหลของคนอื่น ถึงขั้นทำให้หลานชายตนเองต้องล่าช้าไปหลายปีขนาดนี้!
“ท่านปู่ นี่เป็นโชคชะตาเช่นกัน และต้องขอบคุณซ่งอิงอย่างยิ่งด้วย นางเอาของบำรุงร่างกายมาส่งให้ข้าบ่อยครั้ง ดังนั้นจึงได้เล่าเรียนหนังสือได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ มิเช่นนั้นด้วยคุณสมบัติของข้าเช่นเมื่อก่อนนั่น ถึงแม้เล่าเรียนมาโดยตลอด เกรงว่าก็คงสอบไม่ผ่านจวี่เหรินได้ภายในช่วงเวลาอันสั้นเพียงนี้หรอกขอรับ” ซ่งสวินกล่าวตามจริง
ตอนที่ 746 ใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิตหรือ สีหน้าค่าตาจึงดูสดใสขึ้น
คนอื่นไม่รู้เรื่องราวอย่างชัดกระจ่างแจ้ง ทว่าซ่งสวินรู้อยู่แก่ใจ
“มีเรื่องนี้ด้วยหรือ” ซ่งเหล่าเกินตกตะลึง
“ใช่ขอรับ ยามที่น้องสาวอยู่จวนโหว เคยเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาก่อน นางเห็นข้าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงจึงหายามาบำรุงร่างกายให้ ทุกครั้งหลังดื่มน้ำแกงเหล่านั้นหมด ข้าก็จะสมองโล่งปลอดโปร่งขึ้นมาก ร่างกายก็มีเรี่ยวแรงด้วยเช่นกัน นี่จึงเล่าเรียนหนังสือและสอบผ่านได้ขอรับ” ซ่งสวินกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“ท่านพี่ไม่ต้องถ่อมตัวถึงเพียงนี้หรอก คนตระกูลร่ำรวยสูงศักดิ์ก็กินสมุนไพรบำรุงไม่น้อยเช่นกันนี่ ของเหล่านั้นแม้ช่วยให้ท่านกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาได้ แต่ในความเป็นจริงตัวท่านเองก็ขยันขันแข็งและอดทนต่อความยากลำบากได้มากพอ มิเช่นนั้นต่อให้เอาอาหารที่อร่อยล้ำเลิศและมีคุณค่าให้ท่านกินมากมายแล้วจะอย่างไรเล่า” ซ่งอิงกล่าว
ซ่งสวินสอบผ่านได้ ล้วนแล้วแต่เป็นการพึ่งพาความสามารถของตัวเองทั้งนั้น
นางมอบของกินที่ดีเยี่ยมเพียงนั้นให้ซ่งสวินได้บำรุงร่างกาย แต่ซ่งสวินก็ยังตาดำคล้ำอยู่บ่อยๆ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นสาเหตุของการอดหลับอดนอนอ่านหนังสือมาเป็นเวลายาวนานต่อเนื่อง
แต่คนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจล้วนได้รับสิ่งตอบแทนมากพอเสมอ
ที่ซ่งสวินได้รับ ก็คือสิ่งที่เขาควรได้รับแต่แรก
“พวกเจ้าทั้งสองต่างมีส่วนในความสำเร็จนี้ทั้งนั้น เอ้อร์ยา เจ้าเป็นผู้มีบุญคุณอันใหญ่หลวงของตระกูลซ่งพวกเรา หลานสวินก็ขยันขันแข็งไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อความลำบาก ช่วยเพิ่มเกียรติและศักดิ์ศรีให้ข้าและบิดาเจ้า! ข้ามีชีวิตมาเกินกว่าครึ่งชีวิตแล้ว ผ่านความทุกข์ยากลำบากมานักต่อนัก แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่าในยามแก่เฒ่าจะยังได้มองเห็นวันนี้!”
ซ่งเหล่าเกินตาแดงเรื่อ
ชีวิตเขาในตอนนี้ช่างดีงามยิ่งจริงๆ!
หลานชายเก่งกาจ และในครอบครัวก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการกินอยู่แล้ว
แต่ก็เพราะสุขสบายเกินไปแล้ว ซ่งเหล่าเกินจึงมักจะรู้สึกว่าไม่ใช่ความจริงอยู่เสมอ “เจ้าว่านี่คือหลักการเดียวกันกับที่ว่าคนเราจะดูหน้าตาสดใสก่อนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตหรือไม่ เกิดตอนนี้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ทว่าภายภาคหน้ากลับไม่อาจมีชีวิตอยู่รอดได้ นี่ไม่แย่หรอกหรือ”
“…” ซ่งอิงส่งเสียงหัวเราะเจื่อน
นี่นับเป็นครั้งแรกที่นางเจอคนไม่ชอบใช้ชีวิตอย่างสุขสบายกระมัง
“ท่านแก่เฒ่ามาถึงทุกวันนี้ก็ถือว่าเป็นคนที่พบเห็นอะไรมานักต่อนัก ไฉนจึงมีความคิดประเภทนี้เล่าเจ้าคะ อีกทั้ง นี่ท่านไม่เชื่อมั่นในตัวพวกเราสองพี่น้องหรือ!” ซ่งอิงสบถฮึ “ตอนนี้ผลสอบก็ออกมาแล้ว สองสามวันนี้ข้าจะวางแผนงานในบ้านให้เรียบร้อยสักหน่อย จากนั้นก็ออกเดินทางไปเมืองหลวงทันที ท่านคงไม่มีอะไรขัดข้องแล้วกระมัง”
ซ่งเหล่าเกินเบิกตาโต
“ท่านปู่ ท่านวางใจให้พี่ชายข้าไปเรียนตัวคนเดียวหรือ เพื่อหลีกเลี่ยงจวนโหว ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่ต้องดำเนินต่อไปแล้วหรือ ท่านยินยอม แต่ราชสำนักนี้ไม่ยินยอมนี่เจ้าคะ!” ซ่งอิงยิ้มกล่าว
ราชวงศ์ต้าติงบันทึกระเบียนที่เกี่ยวข้องกับจวี่เหรินทุกคนเอาไว้ และมีการป้องกันอย่างแน่นหนา!
หลังจากผ่านการคัดเลือกจวี่เหริน นอกจากการสอบระดับประเทศในครั้งแรกที่ไม่ไปเข้าร่วมได้ ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป การสอบระดับประเทศหลังจากนั้นในทุกๆ ครั้ง บัณฑิตจวี่เหรินล้วนต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ หากไม่ไปก็จำเป็นต้องมีสาเหตุ อย่างเช่นทางบ้านมีญาติพี่น้องเสียชีวิต หรือร่างกายมีปัญหา หรือไม่ก็เพราะอายุมากเกินไป
จวี่เหรินที่ยังหนุ่มยังแน่นเช่นซ่งสวิน สอบสามปีครั้งคือสิ่งจำเป็น เมื่ออายุมากจนสอบไม่ไหวแล้วจึงจะหยุดได้!
แน่นอนว่านี่คือข้อบังคับตายตัว ภายใต้สถานการณ์ปกติก็ไม่ง่ายสำหรับจวี่เหรินที่จะหาเหตุผลมาอ้างเช่นกัน
ซ่งเหล่าเกินถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า “นี่จะให้ข้าวางใจได้อย่างไรล่ะ เด็กสองคนนั้นที่มาจากจวนโหวก่อนหน้านี้ แม่นางสาวน้อยผู้นั้นยังพอดูรู้ความหน่อย แต่ก็เป็นคนหยิ่งผยอง ส่วนหนุ่มน้อยนั่นไม่ต้องพูดถึง สู้เด็กสาวคนอื่นๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำ โบราณมีคำกล่าวไว้ว่า เลี้ยงดูสั่งสอนจนลูกเสียคน เป็นความผิดของพ่อแม่ ดูจากลักษณะท่าทางของพวกเขาทั้งสองก็รู้แล้วว่าภรรยาของโหวเหยียเป็นคนนิสัยใจคออย่างไร”
“หลานสวินไปเมืองหลวงครานี้ จำเป็นต้องไปจวนโหวด้วย มิเช่นนั้นคนร่วมวงศ์ตระกูลที่อยู่ทางด้านเมืองหลวงนั่นก็จะไม่พอใจ หากเจ้าตามไปด้วยอีกคน นี่ไม่เท่ากับส่งแกะเข้าปากเสือหรือ” ซ่งเหล่าเกินไม่วางใจจริงๆ
ซ่งอิงได้ยินถ้อยคำดังกล่าว อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
“เกรงว่าท่านจะแยกไม่ออกกระมังว่าใครเป็นแกะ ใครเป็นเสือ” ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย
แต่เพื่อไม่ให้ผู้เฒ่าซ่งกังวลใจเกินไป ซ่งอิงรู้สึกว่านางเอ่ยอ้างชื่อของฮั่วเจ้ายวนมาใช้สักหน่อยจะเป็นการดี จึงกล่าวว่า “ฮั่วหรงสามีข้าเบี้ยหวัดมากมายขนาดนั้น ท่านรู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด”
—————————-
[1] ฮุ่ยซื่อ (会试) การสอบระดับประเทศ
[2] ก้งย่วน (贡院) เป็นสถานที่จัดสอบส่วนขุนนางภูมิภาคในการคัดเลือกบุคลากรสำหรับทำงานราชการในสมัยก่อน
[3] เจ๋ว์หยวน (解元) คือ บัณฑิตเกียรติคุณจวี่เหริน ที่สอบได้เป็นอันดับที่หนึ่ง หรืออันดับสูงสุดในการสอบระดับท้องถิ่น
[4] ย่าหยวน (亚元) คือ บัณฑิตเกียรติคุณจวี่เหริน ที่สอบได้เป็นอันดับที่สองในการสอบระดับท้องถิ่น