ตอนที่ 747 ตายตรงหน้าเจ้า / ตอนที่ 748 ออกเดินทางจากไป
ตอนที่ 747 ตายตรงหน้าเจ้า
ซ่งเหล่าเกินตกตะลึง หากไม่ใช่เพราะซ่งอิงเอ่ยปาก เขายังเกือบลืมฮั่วหรงผู้นี้ไปแล้วด้วยซ้ำ
“ฮั่วหรงผู้นั้นเดิมทีก็เป็นคนมากความสามารถ เงินค่าแรงมากหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ…” ซ่งเหล่าเกินไม่เข้าใจความหมายของซ่งอิง
“ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ที่ว่าการอำเภอ ท่านก็เห็นแล้วว่าใต้เท้าฮั่วผู้นั้นช่วยเหลือข้า ซึ่งสาเหตุที่เป็นดังกล่าวก็เพราะฮั่วหรง ฮั่วหรงคือหลานชายห่างๆ ของใต้เท้าฮั่ว ใต้เท้าฮั่วผู้นี้เป็นอ๋องอู่เฉินในปัจจุบัน ใต้เท้าฮั่วไม่มีญาติพี่น้องคนอื่นข้างกาย คำนวณดูแล้ว ข้าและฮั่วหรงคือญาติแต่เพียงผู้เดียวของเขา ดังนั้นหากข้ามีอันตราย ใต้เท้าฮั่วจะปกป้องชีวิตข้าได้ ท่านวางใจเถอะเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวอย่างหน้าไม่อาย
ความจริงนางยังต้องให้คนอื่นปกป้องที่ไหนกันเล่า
ทว่านางไม่อาจเอ่ยถ้อยคำเช่นนี้ออกมา หากนางทำให้ผู้เฒ่าซ่งวางใจได้ เขาก็จะได้ไม่อยู่เมืองยงอย่างอกสั่นขวัญแขวนทุกวี่ทุกวันจนแก่เชราเร็วไปกว่าเดิม
ผู้เฒ่าซ่งได้ยินถ้อยคำนี้ จึงกล่าว “ฮั่วหรง…มีความโชคดีลักษณะนี้ด้วยจริงหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ หากไม่เชื่อท่านถามพี่ชายข้าก็ได้ พี่ชายข้าไม่พูดปด ก่อนหน้านี้ข้าไปเที่ยวเล่นที่บ้านตระกูลลู่เป็นเพื่อนพี่ชายข้า ได้รับความไม่เป็นธรรมเข้าแล้ว ครั้นใต้เท้าฮั่วได้ยินก็ออกหน้าระบายความโกรธเคืองแทนข้าทันที บัดนี้คนตระกูลลู่เห็นข้าก็เกรงอกเกรงใจเสียยิ่งกว่าอะไรดี ท่านอาจไม่รู้ว่าตระกูลลู่เป็นถึงขุนนางใหญ่เชียวนะเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
แม้ว่าซ่งสวินประหลาดใจในคำพูดของซ่งอิง ทว่าขณะนี้เขาก็ไม่โต้แย้งแต่อย่างใด “อาอิงพูดถูกขอรับ”
ซ่งเหล่าเกินพรูลมหายใจออกมา
“หากเป็นเช่นนี้จริง ข้าก็วางใจได้หน่อย…” ซ่งเหล่าเกินรู้สึกสงบใจได้บ้างเล็กน้อย “ทว่า…ในเมื่อเจ้าต้องให้คนเขาดูแล เช่นนั้นก็ต้องส่งของขวัญเพื่อแสดงการขอบคุณให้เขามากๆ ด้วยล่ะ”
“ท่านวางใจได้ ก่อนหน้านี้ข้าเคยส่งไปให้เขาแล้วเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว
ตอนนี้เอง ซ่งเหล่าเกินจึงได้พยักหน้าอย่างพอใจ
เขาลองคิดดูอย่างถี่ถ้วน มิน่าล่ะ ทุกครั้งยามที่เอ้อร์ยามีเรื่องราวเกี่ยวพันถึงที่ว่าการอำเภอ กลับผ่านไปได้อย่างราบรื่นเสมอ
ตั้งแต่โบราณเรื่อยมา ว่ากันว่าสถานที่ราชการที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและการตัดสินคดีความ หากมีเพียงเหตุผลแต่ไร้เงินทอง ก็อย่าได้เหยียบย่างเข้าไปเชียว
ก่อนหน้านี้เอ้อร์ยายากจน แต่ต่อกรกับร้านชุ่ยเหยียนไจแห่งนั้นซึ่งมีเงินมากมายเพียงนั้น สุดท้ายก็ยังชนะการฟ้องร้องได้ นี่หากไม่มีคนช่วยอยู่เบื้องหลังก็คงเป็นการยากจริงๆ
“ก็ได้ เพียงแต่เมื่อถึงเมืองหลวงแล้วต้องเขียนจดหมายให้ข้าด้วย เจ้าเขียนไม่ได้ก็ให้ฮั่วหรงเขียนส่งมา” ซ่งเหล่าเกินกล่าวอีกครั้ง
ซ่งอิงกระตุกมุมปากเล็กน้อย
นางหาใครสักคนมาสวมรอยเขียนก็สิ้นเรื่อง หรือผู้เฒ่าซ่งจะจำลายมือของฮั่วหรงได้เล่า
“เจ้าเลิกคิดที่จะหลอกข้าด้วย เมื่อพวกเจ้ากลับมา ข้าจำเป็นต้องเจอหน้าค่าตาฮั่วหรงสักหน่อย ถึงตอนนั้นก็จะถามถึงข้อความที่เขาเขียนในจดหมายด้วยเช่นกัน! อีกทั้งเรื่องทางบ้านทางนี้ก็ไม่มีปัญหามากมาย หากมีเวลาว่าง ข้าก็จะไปมองดูทางด้านเมืองหลวงสักหน่อย หากเห็นว่าเจ้าหลอกข้า ฮึ เช่นนั้นก็เตรียมกลับจากเมืองหลวงได้เลยทันที! มิเช่นนั้นข้าก็จะตายตรงหน้าเจ้าเสียเลย!”
ซ่งอิงหัวเราะเจื่อน
“ไม่ธรรมดาเลยนะเจ้าคะท่านน่ะ รู้จักข่มขู่คนอื่นแล้วเสียด้วย” ซ่งอิงถอนหายใจ
“เจ้าจะรับปากเรื่องนี้หรือไม่!” ผู้เฒ่าซ่งอาศัยความเป็นผู้ใหญ่ กล่าวอย่างวางมาดแข็งกร้าว
ซ่งอิงถอนหายใจ
หากตอนนี้นางไม่ตกลง เกรงว่าผู้เฒ่านิสัยเด็กน้อยผู้นี้จะไม่ยินยอมให้นางไปเมืองหลวงจริงๆ
ผู้เฒ่าซ่งไม่ยินยอม ก็ไม่ใช่ว่านางไม่มีวิธีไป เพียงแต่คนเราใช้ชีวิตจะเอาแต่ทำตามใจตัวเองไปเสียทุกเรื่องไม่ได้ ผู้เฒ่าซ่งก็เพราะเป็นห่วงนาง หากนางตามใจตัวเองเกินไป คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะกลายเป็นการทำร้ายคนรอบตัว
ผู้เฒ่าซ่งอายุปูนนี้แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคอยเป็นพะวักพะวังกังวลไปกับนาง
“ก็ได้เจ้าค่ะ หลังไปถึงแล้ว ข้าจะให้ฮั่วหรงตอบจดหมายทันที” ซ่งอิงยอมอ่อนข้อ
เมื่อผู้เฒ่าซ่งได้ยินดังกล่าวก็ดีใจไม่น้อย
ซ่งอิงยอมตอบตกลง นั่นหมายความว่านางมีความมั่นใจในตัวเองว่าจะไม่เกิดเรื่องราวใดขึ้น
ซ่งอิงคิดไว้เสร็จสรรพแล้วเช่นกัน เรื่องจดหมายนี้ นางเขียนเองได้ หลังจากเขียนเสร็จก็หาโอกาศบอกกล่าวฮั่วเจ้ายวนสักหน่อยและขอให้เขาช่วยเหลือ
เพียงแต่จะเป็นการติดค้างน้ำใจเขาอีกครั้งน่ะสิ ซึ่งคราวนี้…ก็ใช้เงินซื้อน้ำใจเช่นเคยแล้วกัน!
ตอนที่ 748 ออกเดินทางจากไป
หลังได้รับการยินยอมจากซ่งเหล่าเกิน เรื่องที่เหลือก็ง่ายดายขึ้นมาก
ซ่งจินซานและหร่วนซื่อไม่มีความเห็นอันใด ตราบใดที่ผู้เฒ่ารวมไปถึงซ่งสวินเอ่ยปาก พวกเขาทั้งสองส่วนใหญ่ก็ไม่มีปัญหา
ก่อนเดินทางไป ทุกคนมาพบปะสังสรรค์อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในบ้านซ่ง นอกจากนี้ยังจัดงานเลี้ยงเป็นเวลาสามวัน เชิญผู้คนทั้งผู้ใหญ่และเด็กๆ ในหมู่บ้านมาร่วมกินเลี้ยง อย่างไรเสียการที่ซ่งสวินสอบจวี่เหรินผ่านก็เป็นเรื่องมงคลอันยิ่งใหญ่ และก็ต้องขอบคุณการดูแลของเหล่าสหายคนสนิทด้วยเช่นกัน!
หลังได้รับเกียรติคุณจวี่เหริน ทรัพย์สินของครอบครัวซ่งสวินก็เพิ่มพูนขึ้นมาในทันที
ตระกูลผู้ร่ำรวยจากทางด้านตัวอำเภอจำนวนไม่น้อยส่งของขวัญมาแสดงความยินดีเพื่อผูกมิตรสัมพันธ์ด้วย เพียงแต่ถือเป็นของขวัญตามธรรมเนียมทั่วไปเท่านั้น หากซ่งสวินไม่รับก็จะทำให้ผู้อื่นไม่สบายใจ
โดยทั่วไป ผู้มีเกียรติคุณจวี่เหรินล้วนจัดอยู่ในส่วนตัวสำรองเจ้าหน้าที่ขุนนาง ต่อให้ทั้งชีวิตสอบจิ้นซื่อ[1]ไม่ผ่าน ภายภาคหน้าอาจจะอาศัยโชค ตลอดจนวิธีการใดวิธีการหนึ่งเข้ารับตำแหน่งขุนนางอย่างเป็นทางการได้ บรรดาพ่อค้าจึงเลี่ยงที่จะมีความบาดหมางด้วยเป็นธรรมดา
ช่วงเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว ตัวซ่งสวินเองก็มีที่ดินอุดมสมบูรณ์กว่าร้อยหมู่ กอปรกับคฤหาสน์ในตัวอำเภอหนึ่งหลัง
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่และเจียวซื่อย่อมอิจฉาอยู่ในใจเป็นธรรมดา แต่หลังจากนึกถึงผลประโยชน์ที่ซ่งสวินนำพามาให้ทั้งครอบครัวหลังจากสอบผ่านจวี่เหริน นางก็รู้สึกถึงความสมดุลในใจ
ยิ่งไปกว่านั้น ลูกๆ ของครอบครัวตนก็ไม่แย่
ส่วนเหยาซื่อสะใภ้เล็ก ตอนนี้นางกำลังอุ้มท้องลูกอีกหนึ่งคน ทั้งร่างจ้ำม่ำและหน้าตายิ้มแย้มเบิกบาน ทั้งครอบครัวซ่งก็มีนางที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเป็นที่สุด
ซ่งอิงไม่ต้องกังวลใจเรื่องทางบ้านแต่อย่างใด นางเพียงแค่ต้องวางแผนกิจการทางบ้านให้เรียบร้อยก็เป็นอันใช้ได้
ร้านค้าในตัวอำเภอยังคงมอบให้อวิ้นหลิงเป็นผู้จัดการเช่นเคย เขาทำงานได้ดีทีเดียว นอกจากนี้ก็ให้เฮยยายาอยู่ช่วยเขาอีกแรง และในร้านก็มีปีศาจน้อยอีกสามสี่ตน
ทางด้านหมู่บ้านสวนแห่งนั้นใกล้กับภูเขาที่อยู่ห่างไกล จำเป็นต้องมีปีศาจที่ปกป้องชาวบ้านได้อยู่ที่นั้นจึงจะใช้ได้ ดังนั้นนางจึงให้จูต้าจ้วงและหมาป่าน้อยอยู่เป็นแกนนำหลักก็เป็นอันสิ้นเรื่อง นอกจากนี้ก็คือโรงงานสบู่และสวนว่านหลิง
ทางด้านโรงงานแห่งนั้นต้องใช้กำลังคนมาก ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นหวงเฟยเฟิ่งรวมไปถึงพวกงูดำเป็นผู้ดูแลจัดการ ตอนนี้เหลือผู้นำในการจัดการดูแลงานคนเดียวก็คงได้
ปกติแต่ละวันงูดำยังต้องรับผิดชอบในการอบรมชี้แนะเหล่าปีศาจน้อยด้วย ดังนั้นให้เขาอยู่โรงงานสบู่จึงค่อนข้างเหมาะสม ส่วนหวงเฟยเพิ่งให้ติดตามนางไป
สวนว่านหลิงต้องการสัตว์ที่ประหลาดหาดูยากไว้เยอะๆ หน่อย อย่างเช่นจิ่งเช่ว์ ย่อมต้องให้เขาอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน นอกจากนั้นก็คือปีศาจเสือ ต้องเอาไว้สักหนึ่งตน
ให้ผู้หญิงติดตามนางจะค่อนข้างเหมาะสมหน่อย ดังนั้นหู่อิ๋งอิ๋งต้องติดตามนางไปเมืองหลวง แล้วยังต้องพาตัวที่บินได้ไปด้วยสักตัว จะได้สะดวกต่อการส่งข่าวสาร ซึ่งก็คืออิงต้าซาน
ในหมู่บ้านซิ่งฮวาก็ไม่อาจหลงลืมได้ ที่ดินเหล่านั้นของนางจะอย่างไรก็ต้องทำการเพาะปลูก
หนิวต้าลี่คุ้นเคยกับบรรดาชาวบ้าน ขณะเดียวกันก็จะได้ช่วยดูแลครอบครัวซ่งอีกแรง นอกจากนี้ก็คือชิงเหลียน เขาเปลี่ยนร่างมานานแล้ว งูดำเป็นแกนนำของปีศาจที่มีความดุร้ายเหล่านั้น ด้านชิงเหลียนเป็นหัวใจสำคัญของบรรดาปีศาจจำพวกกระต่ายและหนู จึงต้องทิ้งเขาไว้ให้อยู่สั่งสอนพวกนางเช่นกัน
ส่วนทางด้านร้านเซียนเส้อ แม้ว่าเป็นกิจการของนางเช่นกัน แต่ในนั้นเป็นมนุษย์ทั้งหมด จึงไม่ต้องกังวลใจแต่อย่างใด
ซ่งอิงกำหนดแผนการไว้เช่นนี้ ตลอดจนปีศาจที่ติดตามนางไปก็กำหนดแล้วเช่นกัน
ต้าไป๋และต้าหวง เพียงพอนเหลือง หู่อิ๋งอิ๋ง รวมไปถึงอิงต้าซาน
แม้จำนวนไม่มาก แต่ก็เพียงพอแล้ว
ณ ตอนนี้ สิ่งของในช่องว่างระหว่างมิติสุกงอมไม่น้อยแล้วเช่นกัน ซ่งอิงจึงเอาทิ้งไว้ให้เหล่าปีศาจจำนวนมาก กลางเดือนเก้า ซ่งอิงก็ออกเดินทางพร้อมกับซ่งสวิน ไปบนเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง
ระหว่างทางพวกเขาพบเจอผู้คนไม่น้อย ส่วนใหญ่เป็นจวี่เหรินที่รีบเข้าเมืองหลวงเพื่อรอร่วมการสอบ
ซ่งอิงไม่มีใจไปสนใจคนอื่น เพียงแต่ระหว่างทางนางเจอพวกสัตว์ตัวน้อยบ้างเป็นครั้งคราว ก็จะถือโอกาสจับมันมาแล้วปล่อยเข้าไปในช่องว่างระหว่างมิติ บางส่วนก็เลี้ยงไว้ติดตามข้างกายนาง
สัตว์และพืชในช่องว่างระหว่างมิติเกิดสติปัญญาเฉียบแหลมขึ้นมาจำนวนไม่น้อยแล้วเช่นกัน
เพียงแต่ปัจจุบันซ่งอิงบำเพ็ญเพียรอยู่ในช่องว่างระหว่างมิติน้อยครั้งมาก ดังนั้นเมื่อพวกมันบำเพ็ญเพียรจึงเป็นไปตามธรรมชาติทั้งหมด ตอนนี้จึงยังไม่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนร่าง
ในขณะนี้ พวกเขาเดินทางอีกไม่กี่วันก็จะถึงเมืองหลวงแล้ว
ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมามีมากขึ้นเรื่อยๆ ยามที่หยุดพักผ่อนตอนค่ำ ห่างจากซ่งอิงไปไม่ไกลนักมีคนพร้อมม้าหนึ่งขบวนใหญ่หยุดลงเช่นกัน
—————————-
[1] จิ้นซื่อ (进士) บุคคลที่สอบตำแหน่งบัณฑิตได้ในสนามสอบพระราชวัง ถือเป็นตำแหน่งบัญฑิตขั้นสูงสุด