ตอนที่ 751 ยังมีชีวิตอยู่ได้อีกสักกี่ปี / ตอนที่ 752 บ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่า
ตอนที่ 751 ยังมีชีวิตอยู่ได้อีกสักกี่ปี
ขณะซ่งอิงพูดคุยกับซ่งสวิน อีกด้านหนึ่ง แม่นางที่เพิ่งหมายช่วยชีวิตงูก็กำลังเป็นทุกข์
“แม่นางผู้นั้นใจโหดเหี้ยมเหลือเกิน แม้แต่งูก็ยังไม่เว้น ไม่นึกเลยว่าจะกินมันเสียแล้ว…” สาวใช้ถอนหายใจ
คุณหนูของตระกูลนางไม่ใช่ว่าชื่นชอบงู เพียงแต่ในวัยเด็กมีงูเข้าฝันบ่อยครั้ง นักบวชลัทธิเต๋าล้วนกล่าวว่าคุณหนูตระกูลนางมีวาสนาสัมพันธ์กับงู ถึงขั้นว่าตอนเด็ก คุณหนูถูกแมวป่าตัวหนึ่งทำให้ตระหนกตกใจกลัว โชคดีที่มีงูตัวหนึ่งมาสู้กับแมวป่า ทำให้คุณหนูหนีมาได้
ดังนั้นแม้ว่าคุณหนูจะกลัวงู แต่ก็มีความเคารพต่องูตั้งแต่ยังเด็กโดยธรรมชาติ
.”จะพูดเช่นนั้นมิได้ นางเป็นคนจับงูตัวนั้น นางอยากกินหรืออยากปล่อยล้วนเป็นเรื่องของคนเขา เพียงแต่เสียดายที่ข้าช้าไปหนึ่งก้าวเท่านั้นเอง” คุณหนูผู้นี้ทอดถอนใจ
“แต่นางโกหกคุณหนูนี่เจ้าคะ ทั้งที่ตุ๋นอยู่ในหม้อ ไม่นึกเลยว่ายังจะบอกว่าปล่อยไปแล้ว!” สาวใช้โมโหเล็กน้อย
คุณหนูส่ายหน้า “เจ้าอย่าคิดเกี่ยวกับคนเขาในแง่ร้ายเกินไป ในหม้อนั้นอาจเป็นเพียงเนื้อสัตว์ทั่วไปก็เท่านั้นเอง”
“เนื้อธรรมดาทั่วไปจะหอมเพียงนั้นได้อย่างไรกันเจ้าคะ…” สาวใช้สวนขึ้นมา
เมื่อพูดจบก็เห็นสีหน้าคุณหนูตระกูลนางซีดเผือด จึงรู้สึกขึ้นมาทันใดว่าตัวเองปากมาก
“ข้าสังเกตเห็นว่านางนั่งรถเกวียนลา ออกเดินทางมาพร้อมคนไม่กี่คน อาภรณ์ที่สวมใส่ก็ดูธรรมดาเช่นกัน บางทีสถานะทางครอบครัวคงไม่ดีนัก หากเจ้าเป็นนางก็ย่อมต้องกินงูตัวนี้เช่นกันแน่” กู้หมิงเป่ากล่าว
ครั้นสิ้นเสียงถ้อยคำของกู้หมิงเป่า สาวใช้ก็มองไปยังบริเวณที่ห่างออกไป “คุณหนู ข้างนอกลมพัดแรง คืนนี้อาจจะฝนตกได้นะเจ้าคะ”
“ฝนตกหรือ” คุณหนูกู้ตกตะลึง จากนั้นมองไปยังด้านพวกซ่งอิง
“พวกเรายังพอมีกระโจมเหลือใช้อีกหรือไม่ ให้คนนำไปส่งให้ทางด้านแม่นางผู้นั้นสักหลัง” กู้หมิงเป่ากล่าวทันที
ครั้นนางเอ่ยถ้อยคำดังกล่าว สาวใช้ก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้าเล็กน้อย “คุณหนู ไม่ค่อยดีกระมัง คนผู้นั้นเพิ่งจะกินงู…”
“บอกแล้วอย่างไรล่ะว่าเรื่องนี้คนเขาไม่ผิด ล้วนเดินทางออกมาอยู่ข้างนอกเหมือนๆ กัน ต้องรู้จักเอื้อเฟื้อดูแลซึ่งกันและกันหน่อย เกิดฝนตกลงมาจริง พวกเราทางด้านนี้อยู่สงบดี ขณะที่พวกเขาลำบากอย่างยิ่ง แล้วจะสบายใจได้อย่างไร” กู้หมิงเป่ากล่าวอีกครั้ง
สาวใช้ถอนหายใจ จากนั้นให้คนไปจัดการตามที่คุณหนูของตนสั่ง
“คุณหนูจิตใจดีงามเพียงนี้ เมื่อถึงเมืองหลวงแล้วจะต่อกรคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ”
กู้หมิงเป่าได้ยินดังกล่าวก็ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด
ด้วยร่างกายของนางเช่นนี้ ยังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสักกี่ปีเชียว ทำไมต้องสู้รบปรบมือกับคนอื่นด้วย
ไม่นานนักกระโจมก็ถูกนำเอาไปส่งให้ทางซ่งอิง กระโจมนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียว เพียงพอสำหรับพวกซ่งอิงเข้าไปหลบฝนพร้อมกันได้ ไม่ต้องเบียดเสียดกันอยู่ในรถม้าแต่อย่างใด
ตามจริงต่อให้คนอื่นไม่นำกระโจมมาส่งให้ นางก็ไม่เปียกฝนเช่นกัน
ออกมาภายนอก มีที่ไหนไม่พกพาสิ่งที่กันแดดกันฝนได้
เพียงแต่ว่าไม่ได้ใหญ่โตขนาดที่แม่นางผู้นั้นส่งมาให้
ในเมื่อเป็นความปรารถนาดี ซ่งอิงก็รับไว้เช่นกัน
กลางดึกครึ่งคืนหลัง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างที่คาดคิดไว้ งูที่ซ่งอิงจับมาเมื่อหัวค่ำเป็นตัวหนึ่งที่มีไหวพริบชาญฉลาด ดังนั้นจึงให้มันออกไปยามราตรี ไปวนเวียนอยู่บริเวณที่คุณหนูผู้นั้นพักผ่อน
กลางดึก หมิงกู้เป่าเพียงแค่รู้สึกตรงหน้าคล้ายว่ามีบางอย่างทำให้จักจี้ ครั้นลืมตามองก็มองเห็นงูตัวใหญ่ที่ขาวหิมะ นางตระหนกตกใจ ทว่ายังไม่ทันได้ส่งเสียงตะโกนขึ้นมา งูตัวนั้นก็เลื้อยหนีไปแล้ว แต่ก่อนมันเลื้อยออกไป ไม่นึกว่ายังหันมามองนางปราดหนึ่งด้วย
กู้หมิงเป่าตกใจจนนิ่งอึ้งไป แต่เมื่อมองงูตัวนั้นอีกที…
ก็เผยสีหน้าประหลาดใจระคนดีใจขึ้นมาเล็กน้อย!
ยังไม่ตายจริงๆ ด้วย ถูกแม่นางผู้นั้นปล่อยไปแล้วหรือ!
แม่นางผู้นั้นไม่ใช่คนโป้ปดจริงๆ ด้วย!
ซ่งอิงเก็บงูกลับคืน พักอยู่ในกระโจมขนาดใหญ่ รู้สึกสะดวกสบายไม่น้อยทีเดียว
ช่วงเวลาที่ฝนตกไม่ได้ยาวนานแต่อย่างใด เมื่อถึงยามเช้าตรู่ฟ้าก็กระจ่างใสแล้ว หลังจากซ่งอิงให้ต้าหวงนำกระโจมส่งกลับคืนก็ออกเดินทางต่อ ทางด้านกู้หมิงเป่ายังอยากจะมาเชิญซ่งอิงที่ ‘เป็นผู้เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมสูงส่ง’ ร่วมเดินทางไปด้วยกัน แต่กลับช้าไปหนึ่งก้าว
ตอนที่ 752 บ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่า
รถเกวียนลาของซ่งอิงคันนี้วิ่งเร็วมาก แม้แต่ม้าลากรถคันนั้นของซ่งสวินซึ่งเป็นสิ่งที่แย่งมาจากทางด้านคุณชายตระกูลเซว์คราวก่อนนั้นก็จัดว่าเป็นม้าดีชั้นยอด มิหนำซ้ำยังถูกซ่งอิงเอาของดีๆ ป้อนให้มันกินมาเป็นเวลานานแล้วอีกด้วย
ม้าสิบกว่าตัว แม้ว่าสุดท้ายมีเพียงตัวเดียวที่เกิดสติปัญญาเฉียบแหลม แต่ก็ทำเงินให้ซ่งอิงได้ไม่น้อยเช่นกัน
ม้าตัวนี้ถูกซ่งอิงเลี้ยงดูจนร่างกำยำอย่างยิ่งและวิ่งได้รวดเร็วยิ่ง
ใช้เวลาไม่นานมากนัก พวกเขาก็สลัดคนพร้อมม้าขบวนใหญ่ที่ร่วมเส้นทางเดียวกันก่อนหน้านี้ห่างไปไกลจนไม่เห็นแม้แต่เงา
สองสามวันต่อมาก็เข้าสู่เมืองหลวง
ซ่งอิงนำหมวกที่มีผ้าบางๆ ห้อยคลุมหน้ามาสวมไว้อีกครั้ง
หลังเข้าเมือง ซ่งอิงไปหาพ่อค้าคนกลางจัดหาสิ่งต่างๆ ตามความต้องการเป็นอันดับแรก และเริ่มเลือกบ้านในทันที
ทั่วทั้งเมืองหลวงมีถนนใหญ่ยี่สิบแปดสาย ตรอกเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วน ถนนใหญ่สายหนึ่งจากเหนือจดใต้เป็นถนนสายหลัก ซึ่งร้านค้าห้องแถวของสองฝั่งข้างถนนสายนั้นส่วนใหญ่เป็นของผู้มีอำนาจอิทธิพลทั้งสิ้น
บ้านเรือนทั่วไปมีให้เลือกหลายรูปแบบเช่นกัน ที่ค่อนข้างไกลหน่อยก็จะราคาถูก บ้านกระเบื้องเก่าๆ สามสี่ห้องเป็นเงินสามร้อยกว่าตำลึงเงิน ที่จำนวนห้องน้อยหน่อยเจ็ดแปดสิบตำลึงเงินก็ไม่ใช่หาซื้อไม่ได้
บ้านที่ซ่งอิงหมายตาย่อมไม่ใช่ประเภทนั้นแน่นอน
อันดับแรก จำเป็นต้องทำเลดี มีร้านหนังสือ สถานศึกษา ตลอดจนโรงน้ำชาในบริเวณใกล้เคียง
บัณฑิตในยุคสมัยนี้ชื่นชอบไปตามโรงน้ำชาพูดคุยสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับทั่วหล้า ซึ่งการโต้วาทีจะทำให้ผู้คนมีแนวคิดที่กว้างขวางขึ้นได้ ซ่งสวินจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับเรื่องทำนองนี้
พื้นที่เล็กเกินก็ไปไม่ได้เช่นกัน จำเป็นต้องมีลานบ้านหลายส่วนหน่อย
ซ่งสวินแม้ว่าเป็น ‘พี่ชายแท้ๆ’ ของนาง แต่ก็ต้องแยกกันอาศัย นอกจากนี้ ภายภาคหน้าหากผู้เฒ่าซ่ง หรือบิดามารดามาเป็นแขก ก็จำเป็นต้องมีที่ให้พักอยู่ด้วยจึงจะใช้ได้ นอกจากนี้…
ปัจจุบันนางมีเงินแล้ว ยิ่งให้ความสำคัญกับการเสพความสุขความสบาย ดังนั้นในลานบ้านนี้ต้องมีน้ำ มีศาลา มีสวนดอกไม้และมีทิวทัศน์งดงาม
เพราะนางตั้งเงื่อนไขเอาไว้มาก ดังนั้นเรือนที่เข้าตาจึงมีไม่กี่หลัง
ทำเลที่ดีงามระดับนี้ หากเป็นบ้านลักษณะลานบ้านสองชั้นที่ขนาดธรรมดาๆ สี่ห้าพันตำลึงเงินก็ไม่ใช่ซื้อไม่ได้ แต่ที่ซ่งอิงถูกตาต้องใจมีความแตกต่างไปเล็กน้อย ภายในมีลานบ้านที่แบ่งเป็นสัดส่วนอาณาเขตชัดเจนหกลาน ทุกลานบ้านยังมีสวนดอกไม้เล็กๆ อีกหนึ่งแห่ง พื้นที่ก็ไม่แคบแต่อย่างใด ต่อให้เป็นเขตอาศัยภายในบ้านหนึ่งลานบ้านก็เพียงพอสำหรับสมาชิกหนึ่งครอบครัวอาศัยได้แล้ว
นอกจากนี้ด้านหลังยังมีสวนดอกไม้กว้างใหญ่ไว้ชมทิวทัศน์ได้
ราคาบ้านสูงไม่ใช่ย่อย ซ่งอิงพยายามต่อรองราคาสุดความสามารถ ท้ายที่สุดก็จ่ายไปสองหมื่นแปดพันตำลึงเงิน!
เรือนระดับนี้ นอกจากตระกูลพ่อค้าที่มีทรัพย์สินมากพอ หรือไม่ก็ลูกหลานขุนนางผู้ทรงเกียรติที่ได้รับมรดกทรัพย์สินในตระกูลมาหลายชั่วอายุคน ผู้อื่นก็คงซื้อไม่ได้ ขนาดจวนเหยียนผิงโหวก็ไม่ได้ใหญ่โตไปกว่าที่นี่สักเท่าไร
คฤหาสน์ของจวนโหวแน่นอนว่าเป็นของที่ได้รับพระราชทานลงมา บ้านเรือนของขุนนางผู้เป็นมีความชอบต่างกับบ้านเรือนของประชาชน จึงไม่อาจเอามาเทียบกันได้
ซ่งสวินตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกตั้งแต่ต้นจนท้ายสุด
เขานำเงินติดตัวมาด้วยเช่นกัน
บิดามารดาเขากำชับไว้แล้วว่า เมื่อถึงเมืองหลวง หากคิดจะหาที่อยู่อาศัย อย่าได้ให้น้องสาวจ่ายเงินเป็นอันขาด!
ตอนนี้อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงจวี่เหรินแล้ว มีเงินส่วนตัวอยู่ห้าร้อยตำลึงเงิน นอกจากนี้ก็มีอีกสามร้อยตำลึงเงินที่บิดามารดาให้ไว้ ครอบครัวซ่งตลอดจนชาวบ้านคนอื่นๆ ในหมู่บ้านก็สมทบให้อีกห้าสิบตำลึงเงิน ด้วยหวังว่าเมื่อเขาถึงเมืองหลวงแล้ว จะได้พาน้องสาวหาที่หลงหลักปักฐานสักแห่ง
ผลปรากฏว่า…
หลังมาถึง เขาถึงเพิ่งได้รู้ว่าบ้านเรือนในเมืองหลวงราคาสูงจริงๆ
เงินของเขาเพียงพอสำหรับสถานที่ที่ห่างไกลที่สุด และซื้อได้เพียงบ้านทรุดโทรมหลังหนึ่งเท่านั้น
เขาอย่างไรก็ได้ แต่…ซ่งอิง…
สองปีมานี้ซ่งอิงไม่เคยใช้ชีวิตลำบากตรากตำ ดังนั้นเขาก็ไม่สะดวกที่จะใจร้ายใจดำต้องให้ซ่งอิงมาทนลำบากกับเขา จึงทำได้เพียงตกลง นอกจากนี้ยังนำเงินที่มีอยู่เกินกว่าครึ่งให้ซ่งอิงไป ซึ่งส่วนหนึ่งในนั้นก็ถือเสียว่าเป็นค่าขอยืมอาศัย
แต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ซ่งอิงจะซื้อเรือนที่ใหญ่โตโออ่าเช่นนี้!
หกเขตอาศัยภายในบ้านเชียวนะ พวกเขามีกันกี่คนเอง!
“สองหมื่นแปดพันตำลึงเงิน…” ซ่งสวินตื่นตระหนกอย่างยิ่งจริงๆ
หากเขาเป็นขุนนางผู้ละโมบโลภมากคนหนึ่ง จำต้องโลภมากนานเพียงใดจึงจะได้เงินจำนวนมากขนาดนี้ หากไม่ละโมบโลภมาก เป็นขุนนางขั้นเจ็ดตัวเล็กๆ เบี้ยหวัดตลอดปีก็แค่ไม่กี่ร้อยตำลึงเงิน แล้วสองหมื่นตำลึงเงินนี้…
อาศัยเบี้ยหวัดของขุนนางขั้นเจ็ด ไม่กินไม่ใช้ ต้องใช้เวลาหนึ่งหนึ่งร้อยกว่าปี?