ตอนที่ 757 เจ้ากล้าดีมาเยือนถึงที่
หลานซื่อกระชับกำปั้น ดูเหมือนไม่อยากรักษาแม้แต่ภาพลักษณ์อ่อนโยนไว้แล้วสักเท่าไร
เพียงแต่เมื่อได้ไตร่ตรองดูอีกที อย่างไรเสียก็เป็นผู้ที่มาจากชนบท จะไม่รู้ประสีประสาและไร้มารยาทก็เป็นเรื่องปกติ
นางสูดลมหายใจเข้าแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้เจ้าเป็นถึงจวี่เหรินแล้ว พูดจาและกระทำสิ่งใดก็ควรรู้จักความพอดีบ้าง รอท่านโหวกลับมา จะให้เขาสั่งสอนเจ้าสักหน่อย ภายภาคหน้าจะได้รับมือกับสนามขุนนางได้ดี”
ซ่งสวินเผยรอยยิ้มสงบและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ไม่ได้กล่าวขอบคุณแต่อย่างใด
ในเวลานี้เอง หลานซื่อจึงได้ย้ายสายตาไปที่ตัวซ่งอิง
ขณะจับจ้องดวงตาคู่นั้นของซ่งอิง หลานซื่อพลันรู้สึกคุ้นตาเล็กน้อย “แม่นางผู้นี้…หน้าตาดูคุ้นหน้าคุ้นตาไม่น้อยทีเดียว”
ซ่งซินหัวเกือบสำลัก
นางนึกว่ามารดานางจำได้ตั้งนานแล้วเสียอีก!
ซ่งซินหัวมองมารดาอย่างเหนือความคาดหมาย อยากจะเอ่ยปากแต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร
ตอนนี้ ทางด้านจวนโหววันนี้ยังมีบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาซึ่งยังไม่ได้ออกเรือนอยู่ด้วยคนหนึ่ง นางมองซ่งอิงและกล่าว “นางดูเหมือนพี่สาวคนโตเลยเจ้าค่ะ ข้าจำได้…ดวงตาของพี่สาวคนโตเป็นลักษณะนี้…”
ลูกสาวอนุภรรยาคนนี้อายุรุ่นราวคราวเดียวกับซ่งซินหัว ตอนที่เห็นซ่งอิงครั้งแรกก็เพิ่งอายุสิบเอ็ดสิบสองปีเช่นกัน
ปัจจุบันผ่านไปหลายปีเพียงนี้ ไม่นึกเลยว่าจะจำได้
ซ่งอิงประหลาดใจเล็กน้อย
หลานซื่อได้ยินถ้อยคำนี้ถึงกับขมวดคิ้วนิ่วหน้าทันที “พี่สาวคนโตอะไร…”
พูดไปได้ครึ่งทาง คนทั้งคนพลันลุกพรวดขึ้นมา จากนั้นจับจ้องไปยังซ่งอิงอย่างเพ่งพินิจ
“เจ้ากล้ามาถึงเมืองหลวงเชียวหรือ!” หลานซื่อกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวในทันที
เมื่อนางเอ่ยปาก คนในจวนโหวที่อยู่ ณ ตรงนั้นก็ตะลึงงันเช่นกัน พวกเขาจ้องมองซ่งอิงไม่วางตา มองอยู่เนิ่นนานพอตัว ท้ายที่สุดจึงดึงสติกลับมาได้
“เมื่อก่อนมิใช่กล่าวว่านางตายไปแล้วหรือ เหตุใดจึงได้…” ลูกสาวอนุภรรยาของจวนโหวเอ่ยพูด
เรื่องระดับนี้เป็นความลับขั้นสุด ให้ใครต่อใครรับรู้ได้ที่ไหนกัน
นอกเสียจากซ่งซินหัวที่มองเห็นกับตาตัวเอง ที่เหลือก็เป็นคนของทายาทสายตรงที่รับรู้ หลานซื่อไม่ไว้วางใจในตัวลูกชายและลูกสาวของอนุภรรยา จึงไม่เคยเอ่ยพูดเรื่องนี้แม้แต่คำเดียว
หลานซื่อสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างยิ่ง กล่าวออกคำสั่งสาวใช้ในทันใด “ไสหัวออกไปให้หมด! แล้วปิดประตูบานใหญ่เสีย ห้ามผู้ใดเข้าออกทั้งนั้น หากให้ข้ารู้ว่าใครปากมากจะโบยให้ตายทันที!”
ซ่งอิงหัวเราะเบาๆ
“เหตุใดฮูหยินจึงโมโหเจ้าคะ มิใช่ว่าไม่ต้อนรับแขกอย่างพวกเรากระมัง” ซ่งอิงยิ้มกล่าว
หลานซื่อสีหน้าถมึงทึง “เจ้าลืมคำพูดที่ข้าเคยกำชับเจ้าไว้เมื่อก่อนไปหมดแล้วใช่หรือไม่! ตอนแรกไว้ชีวิตเจ้า ตอนนี้เจ้ายังกล้าถ่อมาถึงตรงหน้าข้าอีกหรือ! ใครให้ความหาญกล้าแก่เจ้ากัน!”
“ข้าไม่เข้าใจคำพูดของฮูหยินจริงๆ วันนี้ข้ากับพี่ชายร่วมท้องเดียวกันมาเป็นแขก ไฉนจึงทำให้ฮูหยินเดือดดาลได้เช่นนี้เสียเล่า” ซ่งอิงสงบอย่างยิ่ง
เมื่อเห็นท่าทีของนางที่ดูมีทิฐิสูงมากเช่นนี้ หลานซื่อยิ่งโมโหไปกว่าเดิม
“นางลูกเวร หากรู้แต่แรกว่าเจ้าไม่เชื่อฟังกันขนาดนี้ ตอนที่คลอดออกมาก็ควรบีบคอให้ตายไปเสีย!” หลานซื่อกล่าวด้วยความโมโห
ซ่งสวินเผยสีหน้าเย็นชา “ถ้อยคำที่โหวฮูหยินพูดมานี้กลายเป็นเหมือนมีบุญคุณอันใหญ่หลวงต่อน้องสาวข้าก็ไม่ปาน หากเลือกเกิดได้ ข้าคิดว่าน้องสาวข้าก็ไม่ชายตามองครอบครัวพวกท่านเช่นกัน เรื่องราวในตอนนั้นผ่านพ้นไปแล้ว บัดนี้นางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของข้า ปูมตระกูลเขียนเอาไว้ชัดเจน โหวฮูหยินช่างอารมณ์เกรี้ยวกราดเหลือเกินนะขอรับ แม้แต่คนของครอบครัวอื่นก็ยังต้องการยุ่งวุ่นวายด้วยหรือ”
ถ้อยคำดังกล่าวของซ่งสวินทำให้หลานซื่อเกือบเป็นลมหมดสติ
หลายเดือนที่ผ่านมา เรื่องของซ่งอิงทำให้นางกินไม่ได้นอนไม่หลับมาโดยตลอด นางนึกว่าท่านโหวส่งคนไปกำจัดซ่งอิงสิ้นซากตั้งนานแล้วเสียอีก!
แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นี้จะถ่อมาถึงเมืองหลวงแห่งนี้แล้ว!
“พวกเจ้ามาถึงเมืองหลวงเมื่อไร ช่วงระหว่างนี้ได้เจอคนบ้างหรือไม่!” หลานซื่อเอ่ยปากถามทันควัน หลังครุ่นคิดไปครู่หนึ่งก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง “ไม่สิ ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าได้เจอคนอื่นบ้างแลว้หรือไม่ นับแต่นี้ไป ซ่งอิงจะต้องอยู่ที่จวนโหวห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด! ซ่งสวิน หากเจ้ากล้าพูดจาเหลวไหลสู่ภายนอกแม้แต่คำเดียว จวนโหวจะไม่ยอมวางมือจากเจ้าแน่!”
ตอนที่ 758 เจ้าเล่ห์
หลังได้ยินคำพูดของหลานซื่อ ซ่งสวินก็ยิ่งรู้สึกเศร้าในใจ
วันนี้เขาอยู่ด้วยทั้งคน เรื่องราวยังเป็นลักษณะเช่นนี้ ตอนนั้นยามที่เขาไม่อยู่ด้วย น้องสาวเขาแบกรับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไรกัน
หลานซื่อสายตาจงเกลียดจงชังถึงเพียงนั้น ทุกถ้อยคำที่นางเอื้อนเอ่ยเหมือนกับเห็นน้องสาวเขาเป็นสิ่งที่สกปรกที่สุดในใต้หล้านี้ก็ไม่ปาน และอยากจะเหยียบจมดินลงไปทันทีเสียให้รู้แล้วรู้รอด!
“วันนี้ช่างทำให้เด็กรุ่นหลังอย่างข้าได้เห็นอะไรใหม่ๆ จริงๆ ฮูหยินของจวนโหวแห่งนี้ ที่แท้ก็เป็นสตรีปากตลาดที่พาลไปทั่วโดยไม่ยอมฟังเหตุผลใดๆ เช่นนี้นี่เอง” ซ่งสวินยิ้มเยาะหยัน “โหวฮูหยินอย่าลืมไปล่ะว่า พวกเราสองคนมิใช่คนของครอบครัวพวกท่าน ส่วนข้าซ่งสวินก็มิได้ตัวเปล่า อยากจะกักขังพวกเรา…ไม่ทราบว่าโหวฮูหยินจะแบกรับความเสี่ยงนี้ได้หรือไม่”
หากแพร่งพรายออกไปว่าจวนโหวไม่เคารพบัณฑิตผู้มีวิชาความรู้ เช่นนั้นผลลัพธ์คงไม่ใช่สิ่งที่จวนโหวจะแบกรับไหว
หลานซื่อโกรธเกรี้ยวไม่น้อย รู้สึกเพียงอวัยวะภายในร่างกายราวกับเกิดเพลิงลุกท่วมแล้วก็ไม่ปาน
โหวฮูหยินเผยรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “เจ้ากับครอบครัวข้าเป็นบรรพบุรุษเดียวกันและวงศ์ตระกูลเดียวกัน ตอนนี้อุตส่าห์มาจากเมืองยง ทางด้านจวนโหวต้อนรับขับสู้ก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล! นับแต่วันนี้ไป เจ้าสองคนก็อยู่อาศัยในจวนโหว กินดื่มและใช้จ่ายล้วนมีจวนโหวเป็นผู้รับผิดชอบ!”
“เรื่องนี้ไม่รบกวนให้ท่านเปลืองแรงหรอกขอรับ ข้ากับน้องสาวมีคฤหาสน์หลังโตที่ข้างนอกนั่นแล้ว เมื่อวานเพิ่งเจอบัณฑิตที่มีเกียรติคุณจวี่เหรินเช่นเดียวกันสามสี่คนที่โรงน้ำชา จึงนัดหมายกันไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะไปพบปะกันที่บ้าน จริงสิ ตอนนั้นได้กล่าวไว้เช่นกันว่าวันนี้จะมาเยี่ยมญาติร่วมวงศ์ตระกูลเดียวกันที่จวนโหว” ซ่งสวินกล่าว
หลานซื่อเบิกตาโตในทันทีที่ถ้อยคำดังกล่าวหลุดออกมา
ไอ้หนุ่มเจ้าเล่ห์!
ตอนนี้ ลูกอนุภรรยาเหล่านั้น ตลอดจนภรรยาของลูกอนุภรรยาล้วนสงบเสงี่ยมว่าง่ายอย่างยิ่ง แต่ละคนล้วนไม่กล้าเอ่ยปากพูดจา
พวกเขาเข้าใจว่าหากเรื่องราวในวันนี้แพร่งพรายออกไป จะส่งผลกระทบต่อจวนโหวใหญ่โตเพียงใด!
หญิงสาวที่เสียชีวิตเพราะล้มป่วยจากการทุกข์ทรมานใจอันเนื่องจากท่านอ๋องเฒ่าสิ้นใจ แท้จริงแล้วยังไม่ตาย…
เฮอะ หากถูกคนนอกเห็นภาพฉากนี้เข้า เช่นนั้นเกรงว่าชื่อเสียงดีงามที่จวนโหวสั่งสมไว้ก่อนหน้านี้คงเป็นอันสูญสิ้น ถึงขั้นว่าเป็นการโกหกหลอกหลวงฮ่องเต้ด้วยซ้ำ!
ตอนนั้นฮ่องเต้ถึงขั้นอยากจะแต่งตั้งซ่งอิงเป็นพระชายาอ๋อง!
แม้แต่ฮ่องเต้ยังคิดว่าซ่งอิงตายไปแล้ว แต่ผลสุดท้ายคนเขาออกมาปรากฏตัวอย่างอยู่ดีมีสุข แล้วท่านโหวจะไม่ถูกตำหนิหรือ
หากท่านโหวถูกตำหนิ เช่นนั้นผู้สูงศักดิ์ทั่วทั้งเมืองหลวงจะต้องคอยซ้ำเติมเป็นแน่ ถึงตอนนั้นเป็นอันได้ขายหน้ากันหมดพอดี!
แต่พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าซ่งอิงผู้นี้รอดชีวิตได้อย่างไร
อีกทั้ง ตอนนี้ยังกล้ามาหาถึงที่อีกด้วย!
“ท่านโหวกลับมาแล้วขอรับ!” ยามที่หลานซื่อระเบิดโทสะ มีคนส่งเสียงตะโกนขึ้นมาจากด้านนอก
หลานซื่อคลายหัวคิ้ว ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกแข้งขาอ่อนแรงเล็กน้อย
ท่านโหวซ่งย่างเท้าเข้ามาภายใน ครั้งมองเห็นลูกชายและลูกสะใภ้ก็ยิ้มเล็กน้อย “อยู่กันหมดเลยหรือ”
เมื่อพูดจบก็มองเห็นสีหน้าพิกลของแต่ละคน จึงขมวดคิ้วนิ่วหน้า จากนั้นทอดสายตาไปที่ตัวซ่งสวิน “เจ้าก็คือหลานสวินสินะ ได้ยินว่ามีเรื่องสำคัญต้องการพบข้า เรื่องอันใดหรือ ว่ามาสิ”
“ท่านโหว…” หลานซื่อเตรียมเอ่ยปาก
ในเวลานี้เอง ซ่งสวินตัดบท ชิงกล่าวขึ้นมาก่อน “มาเยือนครั้งนี้ เป็นเพราะรับคำสั่งของท่านปู่ข้าให้มาบอกกล่าวท่านโหวไว้สักหน่อยว่า สายตระกูลทางด้านหมู่บ้านซิ่งฮวาพวกเรา…ต้องการตั้งวงศ์ตระกูลเป็นของตัวเอง และตัดขาดสายสัมพันธ์กับทายาทสายตรงขอรับ”
“…” ท่านโหวดื่มชา “เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไร ตัดขาดหรือ”
“ใช่ขอรับ” ซ่งสวินเชิดหน้าเล็กน้อย ยืดอกผึ่งผ่าย “ท่านปู่ข้ากล่าวว่า ในหมู่บ้านซิ่งฮวาพวกเราก็มีคนวงศ์ตระกูลสกุลซ่งมากเช่นกัน เพียงแต่คนในวงศ์ตระกูลเหล่านั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับจวนโหวทั้งนั้น จะไปลงทะเบียนรวมกับพวกเขาก็ไม่ดีนัก ปัจจุบันทางด้านท่านนี้มีหัวหน้าวงศ์ตระกูลคนหนึ่ง ทางด้านพวกเรานั้นก็มีหัวหน้าวงศ์ตระกูลคนหนึ่งเช่นกัน ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงควรสละทิ้งคนหนึ่ง…ตอนนี้ข้าสอบผ่านจวี่เหรินแล้ว ว่ากันตามหลัก หากลูกหลานรุ่นหลังมีผู้มากพรสวรรค์และความสามารถ ก็ตัดขาดเพื่อแยกออกมาตั้งวงศ์ตระกูลบรรพบุรุษได้”
หากไม่มีกฎระเบียบเช่นนี้ วงศ์ตระกูลในทั่วหล้าจะไม่ใช่ว่าแต่ละตระกูลล้วนนับจำนวนคนไม่ถ้วนกันพอดีหรอกหรือ
“ตอนนี้เจ้าเพิ่งเป็นจวี่เหรินเท่านั้นเอง” ท่านโหวซ่งน้ำเสียงดูถูกดูแคลน “ทว่าในเมื่อเป็นความประสงค์ของท่านปู่เจ้า เช่นนั้นหาเวลาว่างไปบอกกล่าวทางด้านหัวหน้าตระกูลสักหน่อย ให้ตัดพวกเจ้าสายตระกูลนี้ออกไปก็สิ้นเรื่อง”