ตอนที่ 797 พี่น้องท้องเดียวกัน
เมื่อก่อนเจิ้งซื่อไม่สนใจเกี่ยวกับซ่งอิงผู้นั้น อย่างไรเสียนางก็มีแม่สามีและสามีอยู่ทั้งคน คนที่พวกเขาไม่ชอบ นางในฐานะลูกสะใภ้ก็ย่อมไม่อาจเข้าไปใกล้ชิดสนิทสนมด้วยได้เป็นธรรมดา
จึงเอาแต่มองดูแม่นางผู้นั้นได้รับความไม่เป็นธรรมโดยไม่ได้ช่วยเหลืออะไร
ส่วนปัจจุบันนี้ เรื่องราวในบ้านตัวนางเองก็รู้สึกเลอะเลือนสับสนเช่นกัน และยังรู้สึกว่าเรื่องราวพวกนั้นมีความเกี่ยวข้องกับซ่งอิง
กอปรกับพ่อสามีเพิ่งสั่งการพวกนางว่า หากผู้คนภายนอกเอ่ยถึงซ่งอิงก็ยอมรับไปตามคำเล่าลือภายนอกนั่นเสีย
นางเป็นสะใภ้ เดิมทีไม่เต็มใจและไม่เข้าใจด้วยเช่นกันว่าทำไมต้องทำเช่นนี้ แต่อย่างไรเสียก็เป็นคำสั่งของพ่อสามี จึงไม่อาจไม่ทำตามคำสั่งได้
มาเยือนที่นี่ในวันนี้ เดิมทีนางก็รู้สึกใจคอไม่ดี ยังคิดอยู่เลยว่าจะไปรวมตัวคู่กับน้องสาวสามี คิดไม่ถึงว่า…
“น้องสาวข้าคงพูดเล่นกับทุกคนเป็นแน่…” เจิ้งซื่อฝืนยิ้มแล้วเอ่ยพูด
“มีการพูดเล่นเยี่ยงนี้ด้วยหรือ” เจ้าเย่ว์เหล่ยส่งเสียงหัวเราะขึ้นมา “พี่เจิ้ง ที่ข้างนอกเขาลือกันนี้เป็นความจริงหรือเจ้าคะ ตอนแรกตระกูลพวกท่านทำเช่นนั้นกับพี่ซ่งจริงๆ หรือ”
เจิ้งซื่อก้มหน้า “จริง”
“…” ซ่งฮวนมองเจิ้งซื่ออย่างเหนือความคาดหมาย “พี่สะใภ้บ้าไปแล้วหรือเจ้าคะ!”
เรื่องประเภทนี้ ยอมรับง่ายๆ ได้อย่างไรกัน!
ซ่งฮวนถึงกับรู้สึกแย่ไปหมด ส่วนเจิ้งซื่อในขณะนี้ก็รู้สึกเป็นทุกข์ในใจเช่นกัน
นับแต่แต่งเข้าตระกูลนี้ ก็เต็มไปด้วยความ…ยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมดจริงๆ!
นางแต่งงานมาตั้งหลายปีเพียงนี้แล้วก็ให้กำเนิดแค่บุตรสาวคนหนึ่ง เบื้องบนอย่างแม่สามีไม่ชอบ เบื้องล่างอย่างสามีไม่กระทำการใด วันๆ ก็ดีแต่อยู่ในห้องอนุภรรยา บัดนี้เด็กผู้หญิงในตระกูลชื่อเสียงย่ำแย่ พลอยให้บุตรสาวนางเดือดร้อนไปด้วย!
ปัจจุบันก็ถูกผู้คนมากมายเพียงนี้คอยจับจ้อง ในใจของนางร้อนรุ่มกระวนกระวายแทบแย่!
พลันรู้สึกว่าชีวิตนี้เกิดมาช่างไม่มีความหมายเอาเสียเลย!
“พี่สะใภ้ใหญ่!” ซ่งฮวนเห็นเจิ้งซื่อไม่กล้ามีปากเสียงก็เกิดความโกรธเกรี้ยวขึ้นมาในใจ
ครั้นสิ้นเสียงนาง หวงเมี่ยนที่อยู่ข้างๆ ก็กวักไม้กวักมือพลางส่งเสียงตะโกนขึ้นมากะทันหัน “เถ้าแก่เหนียงเจ้าคะ! ข้าอยู่ตรงนี้เจ้าค่า!”
ทุกคนหันมองไปตามสัญชาตญาณ
เห็นเพียงสตรีสาวคนหนึ่งในบริเวณไม่ไกลออกไป ยิ้มเล็กน้อยให้หวงเมี่ยนและเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า
สตรีผู้นั้นหน้าตางดงาม รอยยิ้มไม่เสแสร้งทั้งยังสง่าผ่าเผย นอกจากนี้ยังดูคุ้นตาเล็กน้อย ที่นางสวมใส่อยู่คือชุดคลุมยาวปักลายดวงจันทร์ดิ้นทองซึ่งเป็นที่นิยมที่สุดในเมืองหลวงตอนนี้ มองดูใสบริสุทธิ์ไปทั้งตัว และข้างกายนางมีแม่นางอีกคน…
ดูจากจำนวนสาวใช้มากมายนั่น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คือคุณหนูของจวนจงกั๋วกง!
“ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่นี้เจ้าเพิ่งเอ่ยว่า ซ่งอิงเป็นเถ้าแก่เหนียงของเจ้าหรือ หรือว่า…นางก็คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลซ่ง!” เจ้าเย่ว์เหล่ยกล่าวด้วยความตระหนกตกใจ
ซ่งฮวนสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
เป็นนาง! ซ่งอิงคือคนผู้นี้ต่างหากเล่า!
ไฉนนางจึงโง่เขลาจำคนผิดเช่นนี้ได้!
ไม่ใช่ นางถูกหลอกลวงแล้ว แต่…แต่ตอนนี้จะทำอย่างไรดี
จริงสิ ตราบใดที่ซ่งอิงตัวจริงผู้นี้ช่วยพูดแทนนางสักสองสามประโยคก็เป็นอันสิ้นเรื่องแล้ว…
ทว่า…หากคนผู้นี้คือซ่งอิง…
ซ่งฮวนรู้สึกเพียงทั้งดวงใจกำลังส่งเสียงคำราม รู้สึกว่าหน้าของตนเองถูกคนเขาโยนลงกับพื้นแล้วเหยียบย่ำ รู้สึกว่าชื่อเสียงดีงามตลอดหลายปีมานี้ของตนเองกำลังหมดสิ้นแล้ว!
นางบ้านนอกคนหนึ่ง เหตุใดจึงได้…สดใสเปล่งปลั่งเช่นนี้
“วันนั้นเถ้าแก่เหนียงของพวกเรากำลังนอนกลางวัน น้องสาวท่านนี้ก็เดินเข้ามา จากนั้นเป็นตายร้ายดีก็ต้องการให้ข้าเป็นพี่สาวของนางให้ได้ ข้าจนใจจึงยอมรับไป วันนี้เดิมทีอยากจะมากับเถ้าแก่เหนียง แต่นึกถึงว่ารับปากน้องสาวเอาไว้แล้ว จึงแยกกันมากับเถ้าแก่เหนียง” หวงเมี่ยนคลี่ยิ้มกว้าง
ซ่งอิงเดินมาตรงหน้า “เที่ยวเล่นกับน้องสาวเจ้าสนุกหรือไม่”
“สนุกเจ้าค่ะ สนุก ที่นี่คนเยอะจริงๆ เมื่อก่อนไม่ค่อยได้เห็นอะไรแบบนี้เลยเจ้าค่ะ!” หวงเมี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พี่ใหญ่! ท่านพูดว่าข้าเป็นน้องสาวนางได้อย่างไรกันเจ้าคะ!” ซ่งฮวนรู้สึกน่าขันสิ้นดี “ในเมื่อท่านรู้แต่แรกว่าข้าอยู่ที่นี่ด้วย ทำไมไม่มาหาข้าแต่แรกเล่าเจ้าคะ”
ซ่งอิงมองนางอย่างประหลาด “แม่นางจำคนผิดแล้วกระมัง เกรงว่าเจ้าจะเรียกข้าว่าพี่ใหญ่มิได้ เพราะข้าไม่มีน้องสาวที่เป็นพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน”
ตอนที่ 798 ทำให้ครอบครัวพวกเราเดือดร้อน
ซ่งฮวนเบิกตาโตชั่ววูบ
“ท่านมิใช่ซ่งอิงหรือ” เจ้าเย่ว์เหล่ยเอ่ยถาม
“ข้านามว่าซ่งอิง…เพียงแต่ ตอนนี้ไม่ใช่บุตรีของจวนโหวแต่อย่างใด และข้าก็อยู่ในตำแหน่งของบุตรีแห่งจวนโหวไม่ได้ด้วยเช่นกัน ท่านพ่อท่านแม่ข้าแม้เป็นสามัญชนไร้บรรดาศักดิ์ แต่ก็เห็นข้าสำคัญยิ่งชีพ แล้วข้าจะเรียกคนอื่นเป็นบิดาได้อย่างไรเล่า” ซ่งอิงกล่าว
ระยะนี้เรื่องราวของซ่งอิงแพร่งพรายอย่างหนาหู ดังนั้นเมื่อนางเอ่ยถ้อยคำดังกล่าวนี้ คนอื่นก็เข้าใจความหมายของนางได้ทันที
นี่คนเขาไม่ยอมรับจวนโหวแล้ว
ในทางกลับกัน เป็นซ่งฮวนผู้นี้ที่เสนอหน้าไปทำตาปริบๆ สุดท้ายจึงรับคนที่ไม่รู้จักผู้หนึ่งไปเป็นพี่สาว
“ท่านพี่ลืมมิตรภาพระหว่างเราแล้วหรือ ถึงแม้ว่าท่านพ่อท่านแม่จะมีส่วนที่ทำผิดต่อท่านไปบ้าง แต่ถึงอย่างไรพวกท่านก็เป็นพ่อลูก สายเลือดยังคงอยู่ ไฉนท่านจึงใจร้ายได้เช่นนี้เล่า” ซ่งฮวนปาดน้ำตาหลังพูดจบ
“อีกทั้ง…ท่านก็ได้รับผลกระทบจากข่าวลือพวกนี้เช่นกันมิใช่หรือ และอย่าว่าแต่พวกเราไม่ได้โหดร้ายทารุณท่านแต่อย่างใด ลำพังเรื่องใบหน้าท่านนี่สิ…ก็ไม่มีร่องรอยบาดแผลนี่! ยังอยู่ดีมิใช่หรือ!” ซ่งฮวนกล่าวเสริมอีกประโยค
ในเวลานี้ทุกคนจึงนึกขึ้นมาได้ว่า ซ่งอิงน่าจะใบหน้าเสียโฉมไปแล้วสิ
“เจ้าคือแม่นางซ่งเอ้อร์กระมัง” กู้หมิงเป่าเริ่มเอ่ยปากถาม
“ใช่” ซ่งฮวนสะกดความโมโหขณะพยักหน้า
“ข้าคือกู้หมิงเป่า” นางบอกกล่าววงศ์ตระกูลตนเองเป็นอันดับแรก จากนั้นกล่าวขึ้นอีกครั้ง “เพียงเพราะทุกวันนี้บาดแผลของพี่ซ่งหายดีแล้ว ก็จะถือว่านางไม่เคยได้รับการกดขี่และทำร้ายมาก่อนหรือ บนโลกนี้มีสมุนไพรดีๆ ตั้งมากมาย ช่วงเวลาสามปี เพิ่งรักษาหายได้ก็นับว่าน่าเศร้าใจอย่างยิ่งแล้ว หากมิใช่เพราะพี่ซ่งของข้ามากความสามารถ จึงทำกิจการค้าขายหาเงินได้ ไม่เช่นนั้นจะเอาเงินจากไหนมาซื้อยาทา และยามนี้จะมายืนอยู่ตรงนี้เช่นเดิมได้อย่างไรอีก”
“นางบอกว่าได้รับบาดเจ็บก็ได้รับบาดเจ็บเช่นนั้นหรือ! นี่ก็แค่การใส่ร้ายป้ายสีจวนโหวพวกเรา!” ซ่งฮวนในตอนนี้เดือดดาลจริงๆ และไม่สนใจใดๆ แล้วทั้งสิ้น
เมื่อก่อนนางนุ่มนวลอ่อนโยน ใช้ความนุ่มนวลต่อต้านความแข็งกร้าว ตอนนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ไม่อาจสงบนิ่งลงได้
“ทั้งที่เรื่องนี้เป็นจวนโหวพวกเจ้าทางด้านนั้นปล่อยข่าวออกมา และก็เป็นเรื่องจริงที่คนครอบครัวพวกเจ้ายอมรับเช่นกันน่ะหรือ” กู้หมิงเป่ากล่าวอย่างสมเหตุสมผล
ซ่งฮวนหันหน้าไปจ้องมองเจิ้งซื่อ
“พี่สะใภ้จะทำให้ครอบครัวพวกเราเดือดร้อนกันหรือ!” พูดจบ ซ่งฮวนโกรธจนร้อนรนใจ นำความเดือดดาลไปลงที่ตัวเจิ้งซื่อเสียดื้อๆ จากนั้นสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป
เจิ้งซื่อถูกด่าว่าจึงรู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรมอยู่ลึกๆ ทันใดนั้นก็เดินจากไปด้วยความอับอายจนโมโห เพียงแต่แค่เป็นการเดินไปทางด้านครอบครัวมารดาตนเองเท่านั้น!
ส่วนคนที่เหลือ แน่นอนว่าพวกนางพากันเดินเข้ามาปลอบขวัญและถามไถ่กันยกใหญ่
พวกนางประหลาดใจเกี่ยวกับเรื่องราวตระกูลเหยียนผิงโหวมากมายทีเดียว จะอย่างไรในขณะนี้ก็ต้องถามไถ่สักหน่อยว่า หลังจากพี่ซ่งไปจากจวนเหยียนผิงโหวแล้วใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง
“สบู่หอมหรือ” เจ้าเย่ว์เหล่ยตกตะลึงเล็กน้อย “ข้ารู้จักสิ่งนี้ ช่วงก่อนหน้านี้เมืองหลวงเราก็มีขาย ราคาถูกทั้งยังคุ้มค่า และกลิ่นหอมติดทนยาวนานด้วยเช่นกัน”
“พี่เจ้าเคยใช้ด้วยหรือ” กู้หมิงเป่าประหลาดใจ
“ตอนนั้นซื้อมาใช้ล้างมือสองก้อน ตอนนี้ใช้เกือบหมดแล้ว ข้ายังคิดอยู่ว่าหลังจากนี้คงหาซื้อไม่ได้แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าพี่ซ่งมายังเมืองหลวงแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คิดว่าอีกไม่นานนักของสิ่งนี้ก็จะเป็นที่นิยมสำหรับชาวเมืองหลวงอย่างเราๆ แล้วกระมัง” เจ้าเย่ว์เหล่ยเอ่ยถ้อยคำน่าฟังอย่างยิ่ง
ความจริงซ่งอิงมีเงินมากพอแล้ว แต่ใครจะไม่ชอบเงินเยอะๆ กันเล่า
อีกทั้งนางไม่ได้พาต้าหวงเข้าจวนโหวไปด้วย ก็เพื่อให้ต้าหวงสำรวจว่าบริเวณใดในเมืองหลวงแห่งนี้เหมาะแก่การขายสบู่หอม
“ยังต้องอีกพักหนึ่ง ไม่รีบร้อน” ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย
“ดูเหมือนพี่ซ่งไม่ค่อยเหมือนกับเมื่อก่อน เมื่อก่อนข้าก็เคยเห็นท่าน ตอนนั้นท่านพูดน้อยมาก แทบจะถูกซ่งฮวนจูงจมูกเดินก็ว่าได้” เจ้าเย่ว์เหล่ยกล่าวตรงไปตรงมา
“ตอนนั้นยังเยาว์วัย ทั้งยังไม่คุ้นชินกับที่แห่งนี้เอาเสียเลย จึงอดเอียงอายอยู่บ้างไม่ได้” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง
เจ้าเย่ว์เหล่ยยิ้มเล็กน้อย ตอนนั้นซ่งอิงเอียงอายที่ไหนกัน เห็นๆ อยู่ว่าเพราะขี้ขลาดตาขาวต่างหากเล่า
ทว่าเมื่อนึกถึงเรื่องราวในตอนแรก ไม่แน่ว่าซ่งอิงผู้นี้จะอยากเอ่ยถึง ดังนั้นนางจึงไม่เอ่ยถามอีกต่อไป