ตอนที่ 811 ฐานะตัวตน
เซียนตนนั้นส่ายหน้า
“ใช่ที่ไหนกัน มิใช่ความผิดของพวกเรา หลักๆ เป็นเรื่องที่ทางด้านโลกปีศาจชั่วร้ายทำ พวกเขาแอบเอาไอปีศาจร้ายไปผสมในโลกปีศาจ ภูตและปีศาจน้อยเหล่านั้นไม่มีพลังความสามารถอะไรต้านทานได้ ไอปีศาจร้ายซึมเข้าไปมากเกินไป โลกเทพเซียนของเรากังวลใจว่าภายภาคหน้าโลกปีศาจและโลกปีศาจชั่วร้ายจะรวมเป็นหนึ่งเดียว จึงได้…”
ซ่งอิงแค่นเสียงสบถอย่างดูถูก
“เพียงแต่ว่าปีศาจของโลกปีศาจพวกเจ้า ในท้ายที่สุดก็พบว่าโลกปีศาจชั่วร้ายไม่รู้ประสีประสาเสียยิ่งกว่า ดังนั้นสุดท้ายแล้ว… เพื่อรักษาวัฏจักรสามพันโลก ราชันปีศาจทั้งสิบจึงได้ผนึกกำลังทำลายโลกปีศาจชั่วร้าย แน่นอนว่าโลกปีศาจก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเช่นกัน ปีศาจน้อยเหล่านั้นล้วนถูกทำให้กลับคืนร่างเดิม ทั่วทั้งโลกกลายเป็นเศษเสี้ยวก่อนจะหายไป…” หลิงเฟิงพูดจบ มองซ่งอิงอย่างระแวดระวัง
“…” ซ่งอิงรู้สึกว่าตนเองได้ยินเรื่องหลอกลวง
ทำไมคำพูดเหล่านี้ฟังดูเหมือนปีศาจของโลกปีศาจร่างคนล้วนเหมือนพวกโง่เขลา
เทพกับปีศาจร้ายทะเลาะกัน แต่สุดท้ายปีศาจดีๆ กลับหายไป
ฮ่าๆๆ…
“ว่ากันว่าตำราประวัติศาสตร์นี้ล้วนเขียนโดยผู้ชนะ เห็นท่าทีเจ้าพริบตาแรกก็รู้ว่าเจ้าเป็นเซียนมาไม่นานนัก ดังนั้นเจ้าต้องไม่เคยได้ยินความจริงเป็นแน่ ตำราประวัติศาสตร์เหล่านี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าทำให้พวกภูตและปีศาจอย่างเราๆ อับอาย เชื่อถือไม่ได้” ซ่งอิงกล่าวอย่างจริงจัง
ปีศาจไม่ได้สติปัญญาต่ำต้อยขนาดนั้นกระมัง
ต่อให้ระบบโครงสร้างยุ่งเหยิงไปหน่อย แต่อย่างน้อยก็เป็นโลกขนาดใหญ่ใบหนึ่ง จะถูกทำลายทั้งเผ่าพันธุ์ได้อย่างไร
เอาเป็นว่านางไม่เชื่อ
หลิงเฟิงอ้าปากพะงาบๆ ไม่นึกเลยว่าจะไม่รู้ว่าตนควรโต้ตอบเช่นไร อย่างไรเสียเขาก็ไม่เคยเห็นสถานการณ์ตอนนั้นมาก่อน
อีกทั้งในประวัติศาสตร์เขียนไว้เช่นนั้น แต่ในตำราเล็กๆ ที่ส่งต่อกันในโลกเทพ ก็มีการกล่าวเป็นอื่นอยู่เหมือนกัน
ตัวอย่างเช่นโลกปีศาจชั่วร้ายถูกตาต้องใจคนงามในโลกปีศาจในร่างคนมากมาย หรือไม่ก็ว่ากันว่าโลกปีศาจในร่างคนต้องการปกป้องลูกหลาน จึงกำจัดกันเองด้วยความไม่พอใจ
โลกเทพของพวกเขาแน่นอนว่าก็มีผู้ที่กล่าวไว้อย่างสมเหตุสมผลเช่นกัน โดยกล่าวตามแนวโน้มความน่าจะเป็น อำนาจของโลกปีศาจในร่างคนยิ่งใหญ่มาก ยังไม่กล่าวถึงราชันปีศาจทั้งสิบนั่น ลำพังจักรพรรดิปีศาจตนนั้น แม้ว่ามองดูอ่อนแอ แต่ในความเป็นจริงก็เป็นผู้ที่หาเรื่องไม่ได้ มีความสามารถเก่งกาจกว่าฮ่องเต้สวรรค์ของโลกเทพพวกเขาเสียอีก
หากไม่อาศัยช่วงเวลาที่เขาป่วยเอาชีวิตเขา ก็เกรงว่าภายหลังจะไม่มีโอกาสแล้ว
ถึงขนาดว่ามีคนใจร้ายกล่าวว่า โลกเทพของพวกเขาเลือกเดินไปในเส้นทางการวางแผนร้าย อ้างว่าเป็นการทะเลาะกับเผ่าพันธุ์ปีศาจชั่วร้าย แต่ในความเป็นจริง พวกเขาคอยลอบสร้างผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจในร่างคนและปีศาจชั่วร้ายมาโดยตลอด
สุดท้ายก็กำจัดเผ่าพันธุ์ปีศาจร้ายให้ลงไปอยู่ในก้นเหวลึกและทำลายราชันปีศาจในร่างคนทั้งสิบดับสูญไป
“เทพปีศาจในร่างคนและปีศาจชั่วร้ายมีอะไรแตกต่างกันหรือ ตัวอย่างเช่นดอกไม้ต้นหนึ่ง มันกลายเป็นเซียนได้ กลายเป็นคนได้และกลายเป็นปีศาจชั่วร้ายก็ได้กระมัง” ซ่งอิงถามขึ้นมากะทันหัน
“ก็อย่างที่ว่า เพียงแต่… วิธีการบำเพ็ญตบะไม่เหมือนกัน โลกปีศาจในร่างคนกลายเป็นปีศาจในร่างคน หรือกลายเป็นปีศาจชั่วร้ายได้ทั้งนั้น ปีศาจชั่วร้ายกลายเป็นเซียนไม่ได้ และกลายเป็นเทพไม่ได้ เทพเซียนหากกระทำความชั่วร้ายก็จะกลายเป็นปีศาจร้ายได้ ส่วนโลกปีศาจชั่วร้ายบำเพ็ญเพียรด้วยแนวทางการชิงอำนาจและเผด็จการ…”
“ความสามารถของโลกปีศาจชั่วร้ายก็เหมือนกับน้ำหมึกดำ แม้ว่ามันแข็งแกร่ง แต่กลับทำให้ฟ้าดินขุ่นมัว ในขณะที่พลังเซียนอยู่ในทางตรงกันข้าม ทำให้ฟ้าดินสว่างสดใส มีประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตมากมาย โลกของปีศาจในร่างคนค่อนข้างอิสระ แนวทางในการบำเพ็ญเพียรค่อนข้างแข็งแกร่งและต่างก็ยึดประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก อาศัยปณิธานของตนเองทั้งหมด หากเป็นปีศาจที่มุทะลุหน่อย พลังการทำลายล้างก็ไม่ด้อยไปกว่าปีศาจชั่วร้ายเช่นกัน แต่หากเป็นปีศาจที่ความนึกคิดจิตใจดีงาม ก็จะนำผลกระทบอันดีสู่สรรพสิ่งไม่ด้อยไปกว่าเทพเช่นกัน” หลิงเฟิงกล่าวอีกครั้ง
ที่เขาพูดสิ่งเหล่านี้ เพราะหวังว่าแม่นางน้อยตรงหน้าผู้นี้จะเลือกให้ดีๆ
หญิงผู้นี้น่าจะยังไม่ฟื้นคืนสู่จิตวิญญาณปีศาจ ดังนั้นจึงดูมึนงงไม่รู้เรื่องรู้ราวไม่ต่างจากพวกมนุษย์
ซ่งอิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็สบายใจขึ้นหน่อย
กล่าวโดยสรุปก็คือ ปีศาจในร่างคนน่ะ มีความใจกว้างเอื้ออาทรเป็นจุดแข็ง
ซ่งอิงเผยสีหน้าจริงจัง เซียนสองตนนี้พูดไปพูดมาก็ลดระดับการป้องกันลงไปเล็กน้อย
“ฮั่วเจ้ายวนอยู่ในโลกเทพด้วยฐานะอะไร” ซ่งอิงกะพริบตาปริบๆ เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“แน่นอนว่าเป็นฐานะสูงส่ง ทั้งยังเป็นหนึ่งในเทพสามองค์ของโลกพวกเราที่กลับชาติมาเกิด ตอนนี้พลังเซียนสู้ก่อนกลับชาติมาเกิดไม่ได้ แต่เมื่อเขาเผชิญอุปสรรคแล้ว…” หยวนซานพูดไปได้ครึ่งหนึ่งก็หยุดลงกะทันหัน
ตอนที่ 812 ทำให้เดือดร้อนไปด้วย
เทพเซียนทั้งสองตนนี้ต่างก็ปิดปากเงียบ ไม่พูดอะไรมากอีก
“ไฉนไม่พูดแล้วล่ะ” ซ่งอิงยิ้มตาหยีเอ่ยถาม
“นี่เป็นเรื่องของโลกเทพ ถึงแม้เจ้าเป็นราชันปีศาจก็ไม่มีสิทธิ์ถาม ยิ่งไปกว่านั้น…” เซียนหลิงเฟิงมองซ่งอิงอย่างดูถูก “บัดนี้แม่นางยังเป็นเพียงมนุษย์ ไร้พลังปีศาจติดตัว อย่างมากสุดก็พอมีพลังจากการบำเพ็ญเพียรอยู่บ้างเท่านั้นเอง อย่ายุ่งเกี่ยวให้มากเพียงนี้จะเป็นการดี”
นี่ก็คือส่วนที่เขาประหลาดใจ
แม่นางผู้นี้ไม่เหมือนปีศาจในร่างคนจริงๆ หากไม่ใช่เพราะวันนี้ถูกจับ เกรงว่าพวกเขาก็ไม่ค้นพบความประหลาดของคนผู้นี้ด้วยซ้ำ
ซ่งอิงถอนหายใจ
“ไม่พูดก็ช่าง ถึงอย่างไรก็ยังมีเวลาอีกเยอะ ไว้วันหน้าข้าค่อยฟังก็ได้” ซ่งอิงไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ
ไม่ได้รับอนุญาตจากนาง เทพสองตนนี้ก็ออกไปไหนไม่ได้ อีกทั้งไม่มีหนทางเชื่อมต่อกับโลกภายนอกสักนิด นางยังคงเป็นมนุษย์ในแบบของนาง ทำงานหาเงินใช้ชีวิตสุขสบายไปได้เช่นเดิม
เพียงแต่น่าเสียดาย…
ดูเหมือนจะกลายเป็นเซียนไม่ได้แล้วสินะ
ครั้นคิดเช่นนี้ ซ่งอิงรู้สึกว่าตนถูกโจมตีไม่น้อยทีเดียว
ซ่งอิงหดดู่เล็กน้อย จากนั้นพาตัวเองออกไปจากช่องว่างระหว่างมิติ
ส่วนเซียนสองตนที่อยู่ในช่องว่างระหว่างมิติต่างก็ตระหนกตกใจไม่น้อยยามเห็นซ่งอิงผู้นี้หายตัวไปกะทันหัน
“ที่นี่คือที่ใดกันแน่ ตอนนี้นางยังเป็นคนอยู่มิใช่หรือ ไฉนจู่ๆ จึงหายตัวได้” หยวนซานไม่กล้าเชื่อเท่าไรนัก
หลิงเฟิงกวาดตามองโดยรอบ “นี่มันไม่ปกติ…”
“ไม่ปกติตรงไหนหรือ” หยวนซานขมวดคิ้ว
“เจ้ามองบนท้องฟ้าสิ ดวงจันทร์นั่นประหลาดมาก ไม่ใช่โลกมนุษย์เห็นๆ” หลิงเฟิงตระหนกตกใจ “แล้วก็อากาศในที่แห่งนี้ก็ผิดปกติเช่นกัน พลังงานหลิงชี่อุดมสมบูรณ์มาก แต่ไม่เหมาะสำหรับการบำเพ็ญเพียรของเทพเซียนอย่างเราๆ แต่เหมือน…ถิ่นของเผ่าพันธุ์ปีศาจในร่างคน”
“โลกปีศาจแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ไปแล้วมิใช่หรือ!” หยวนซานรู้สึกราวกับสายฟ้าฟาด
“ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นขวดที่รินน้ำออกมาสู่ทะเลสาบทางด้านนั้นหรือไม่ ของสิ่งนี้ข้ามักจะรู้สึกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน…” หลิงเฟิงครุ่นคิดอย่างละเอียด แต่กลับคิดไม่ออก
หยวนซานกำลังร้อนใจอยู่ข้างๆ
ส่วนสวนสมุนไพรในช่องว่างระหว่างมิติ ตอนนี้ก็มีพืชพันธุ์หลายต้นกำลังกระหยิ่มยิ้มย่อง
……
เมื่อไม่มีเซียนก่อเรื่องพิสดาร ข้างนอกก็ให้ความรู้สึกสดชื่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ซ่งอิงพักผ่อนอย่างดีตลอดคืน เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ก็ราวกับขจัดโชคร้ายออกไปจากตัวแล้ว
เพียงแต่นางนึกถึงว่าตนคือ ‘นก’ ไม่แน่ว่าจะชอบกินแมลง ดังนั้นเช้าตรู่วันนี้จึงเข้าไปเดินเล่นในป่าใกล้วัด
แต่น่าเสียดาย นางเห็นพวกแมลงไม่น้อย แต่ไม่มีตัวไหนมองดูแล้วชวนให้คนอยากอาหารเลยสักตัว
หลังจากพยายามอยู่พักใหญ่ ซ่งอิงก็ถอดใจ
แมลงอะไรกัน แม้ว่าดูขาวๆ อ้วนๆ น่ารักดี แต่หากจะให้กิน นางยังรู้สึกยากจะเอาเข้าปากจริงๆ
บางที นกอย่างนางอาจจะมีความแตกต่างกับตัวอื่นๆ ก็เป็นได้
อย่างไรเสียก็เป็นถึงราชันปีศาจ มีการพัฒนาแล้ว
ทิวทัศน์วัดวาอารามนี้ไม่เลว แต่กลับไม่ได้มีสถานที่ให้เที่ยวชมมากเท่าไร นางเองก็ไม่ได้มีความสนใจกับการท่องบทสวดอะไรนัก กู้หมิงเป่าดูสงบเสงี่ยมน่ารัก ไม่นึกเลยว่าก็ยังรู้สึกเหมือนๆ กับนาง ไม่กี่ชั่วยามแรกยังสงบอยู่บ้าง แต่หลังจากอยู่มาตลอดช่วงเช้า นางก็ดูเหนื่อยล้าเล็กน้อยแล้ว
“ไฟไหม้วิหารฉงหมิง!” ในวัดพลันเกิดเสียงโหวกเหวกขึ้นมา ทั้งสองคนเบิกตาโตทันที
“ไฟไหม้หรือ” กู้หมิงเป่าตระหนกตกใจ “พี่ซ่ง เราคงไม่ได้โชคร้ายขนาดทำให้วัดเดือดร้อนไปด้วยกระมัง!”
“ไม่ใช่สาเหตุจากพวกเราแน่!” ซ่งอิงยืนกราน
น่าขันสิ้นดี เซียนสองตนนั้นถูกนางจัดการแล้ว จะเป็นความผิดของนางได้อีกอย่างไรเล่า!
แต่ครั้นสิ้นเสียงซ่งอิง ก็มีคนจำนวนหนึ่งกระโดดเข้ามาจากด้านนอกกำแพงอย่างกะทันหัน
คนเหล่านี้สวมอาภรณ์ของนักบวช แต่ท่าทีเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด แววตาอาฆาตมาดร้าย เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกปลอมตัวมา