ตอนที่ 825 รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว
“นกยวนยางที่ขนาดใหญ่เหมือนพญาหงส์หรือ เจ้าลองคิดด้วยตนเองดูดีๆ สิว่างดงามหรือไม่” ฮั่วเจ้ายวนอดกล่าวไม่ได้
พญาหงส์เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้น หางยาวปีกใหญ่ ขณะที่ยวนยางเหมือนเป็ดอ้วนๆ ตัวหนึ่ง เนื้อเยอะกลมดิก หากตัวเล็กๆ หน่อยก็ยังพอดูกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารัก แต่หากขนาดใหญ่เกินไป เช่นนั้นเขาเองก็ไม่กล้านึกถึงรูปลักษณ์นั้นเลยจริงๆ
“นั่นเพราะท่านไม่รู้จักชื่นชมอะไรพวกนี้ต่างหาก” ซ่งอิงกลอกตามองบน นางยังไม่ได้บอกเลยว่าตนเป็นราชันปีศาจด้วย!
ดูคำเรียกนี้สิ หากพูดออกไปจะไม่ทำให้เขาตระหนกตกใจแย่เลยหรือ!
แม้ว่าฮั่วเจ้ายวนดูถูกอยู่เล็กน้อย แต่อาจเพราะในสายตาของเขา คนรักจึงกลายเป็นหญิงงามได้ ฉะนั้นเมื่อมองอย่างละเอียด ยวนยางตัวใหญ่ๆ อ้วนๆ ก็ดูเหมือนชวนให้รู้สึกน่ารักไม่น้อยเช่นกัน
ฮั่วเจ้ายวนไม่ได้โอ้เอ้อยู่นานเกินไป เขาหยิบตำราบำเพ็ญเซียนหนึ่งกองที่ซ่งอิงคืนให้แล้วเดินจากไป
ทุกครั้งที่เห็นฮั่วเจ้ายวนถูกนางหลอกจนได้แต่มองอย่างพูดไม่ออก ในใจนางก็จะรู้สึกมีความสุขมากเป็นพิเศษ
เมื่อซ่งอิงกลับเข้าไปยังช่องว่างระหว่างมิติ นางก็กระตุกมุมปากเล็กน้อยขณะมองไปยังเซียนสองตนที่นั่งยองเหม่อลอยอยู่ในกรงทอง
“เมื่อครู่เทพชางเวยของพวกเจ้ามาด้วยละ” ซ่งอิงกล่าว
เซียนสองตนนั้นตกตะลึง จากนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง “เจ้าคิดจะทำอะไรกับเขา!”
“ดูท่า เทพท่านนี้จะสำคัญอย่างยิ่งจริงๆ สินะ” ซ่งอิงเอียงศีรษะเล็กน้อย จากนั้นจึงนั่งลงตรงหน้าแล้วเท้าคางพลางเอ่ยถาม “หรือว่าเขายังจะกอบกู้ใต้หล้าให้รอดพ้นได้ใช่หรือไม่”
ทั้งสองปิดปากไม่เอ่ยวาจาใดในทันที
“หากพวกเจ้าไม่พูด เดี๋ยวข้าจะจับเขาดูดพลังชีวิตและดูดเลือดเอามาหล่อเลี้ยงร่างกายตัวเองเสียเลย” ซ่งอิงพูดเหลวไหลไปเรื่อย
ในตำราเขียนไว้ว่าปีศาจล้วนใช้วิธีการดูดซับหยินหยางทั้งนั้น
เซียนทั้งสองตนสีหน้าเปลี่ยนไปมากตามที่คาดการณ์ไว้ “ซ่งอิง ตอนนี้เจ้าเป็นคน หรือปีศาจ เจ้าไม่คำนึงถึงพวกมนุษย์เลยหรือ ท่านเทพชางเวยผู้สูงส่งรับหน้าที่…”
“รับหน้าที่อะไร” ซ่งอิงยิ้มถาม
“หน้าที่ใหญ่หลวงอย่างการขจัดปีศาจชั่วร้าย” ทั้งสองฝืนใจเอ่ยพูด
ซ่งอิงหัวเราะเยาะ “หากเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าถึงขั้นต้องเดือดเนื้อร้อนใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ ท่านทั้งสอง เทพชางเวยผู้สูงส่งที่ว่านี้ลงมาโลกมนุษย์มิใช่เพื่อขจัดปีศาจหรอกกระมัง”
“เอ่อ ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน ข้าจำได้ว่า…” ซ่งอิงชะงักไปชั่วครู่ “ใต้เท้าฮั่วเคยทำให้ปีศาจปลาดุกตกใจกลัวจนตายไปหนึ่งตัว ไม่แน่ว่าจะขจัดวิญญาณชั่วร้ายได้” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง
หลิงเฟิงและหยวนซานพูดไม่ออก
นี่เป็นปีศาจอะไรกัน ไฉนสมองจึงใช้การได้ดีขนาดนี้
พวกเขาได้ยินว่าปีศาจโดยทั่วไปล้วนสมองธรรมดาๆ ทั้งนั้นนี่!
“ปีศาจที่เขาต้องจับคือใครหรือ เป็นราชันปีศาจตนไหน หรือว่าเป็นจักรพรรดิปีศาจล่ะ” ซ่งอิงถามอีกครั้ง
ซ่งอิงขบคิดอยู่ว่าเซียนพวกนี้น่าจะมีลักษณะนิสัยรักความเป็นธรรมและไม่ยอมจำนนโดยง่าย ดังนั้นนางตั้งใจว่าจะไม่ใช้ไม่แข็ง หากเพียงอาศัยการแวะเวียนมาพูดคุยเป็นครั้งคราว คงพอจะล้วงเอาความจริงออกมาทีละประโยคได้
“พวกเราไม่รู้อะไรทั้งนั้น” เป็นจริงอย่างที่นางคาดไว้ ทั้งสองตนนี้ปิดปากสนิทอย่างยิ่ง
ซ่งอิงไม่รีบร้อนเช่นกัน นางเอาชาผลไม้มาถ้วยหนึ่งแล้วดื่มอย่างเนิบช้าสบายอารมณ์
“ทำไมพวกเจ้าต้องให้ฮั่วเจ้ายวนคู่กับกู้หมิงเป่าให้จงได้ หรือว่าเบาะแสหลักอยู่ทางด้านกู้หมิงเป่า” ซ่งอิงยิ้มตาหยี เหมือนกำลังพูดคุยเรื่องทั่วไป
เซียนสองตนยืนกรานเช่นเดิม ไม่เอ่ยโต้ตอบอะไรทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเผยสีหน้าประหม่าเล็กน้อย มิหนำซ้ำยังทำให้ซ่งอิงรู้สึกว่าพวกเขาช่างโง่เขลาจนน่ารักไปอีกแบบจริงๆ
ข้าว่าข้าทายถูก” ซ่งอิงเม้มปาก “คงมิใช่ว่ากู้หมิงเป่าเป็นปีศาจกระมัง หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ดีสิ ไว้เดี๋ยวข้าจะได้ไปหานางทันที จากนั้นเราก็รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว พวกเจ้าคงไม่รู้ว่าสองสามปีมานี้ข้าไม่ได้ทำเรื่องอื่นเลยนอกจากเอาแต่เลี้ยงปีศาจมาโดยตลอด บัดนี้ปีศาจก็จำนวนไม่น้อยแล้ว มากกว่าหมื่นตัวแล้วกระมัง!”
ซ่งอิงไม่รู้สึกกระดากอายสำหรับการคุยโวเกินจริงแต่อย่างใด
“แม้ว่าส่วนมากเป็นปีศาจตัวน้อยๆ แต่การจะก่อเหตุนองเลือดในโลกมนุษย์นั้นเป็นเรื่องง่ายดายเหลือเกิน จะได้ถือโอกาสดูดซับอาหารจากท่านเทพชางเวยผู้สูงส่งอีกด้วย ไม่แน่ว่าท่านจักพรรดิปีศาจของข้าก็จะบินทะยานขึ้นฟ้าไปกวาดล้างโลกเทพของพวกเจ้าได้ในคราวเดียวเสียเลย” ซ่งอิงนับวันยิ่งมากความสามารถในด้านการพูดจาเหลวไหล
ตอนที่ 826 ท่านไปดีมาดี
เมื่อซ่งอิงพูดถ้อยคำเหล่านี้จบ เซียนหลิงเฟิงผู้นั้นก็ดูจนปัญญาเล็กน้อย
“เจ้าไม่ต้องพูดเกินจริงนักหรอก ข้าบอกเจ้าก็ได้” หลิงเฟิงถอนหายใจหนึ่งเฮือก
เขาแยกไม่ออกจริงๆ ว่าถ้อยคำที่ซ่งอิงพูดนั้นเป็นความจริงหรือหลอก เขามายังโลกมนุษย์ก็ไม่ได้รู้สึกถึงกลิ่นไอปีศาจจำนวนมากสักเท่าไร แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันว่า อาจเป็นเพราะซ่งอิงผู้นี้ความสามารถมากเหลือเกิน จึงซ่อนกลิ่นไอปีศาจไว้ได้
“กู้หมิงเป่าไม่ใช่จักรพรรดิปีศาจ เพียงแต่เบื้องบนสงสัยว่าในร่างของนางมีดวงจิตปีศาจใหญ่แฝงอยู่” หลิงเฟิงกล่าว
“งูหรือ” ซ่งอิงครุ่นคิด
“เจ้ารู้ด้วยหรือ” หลิงเฟิงขมวดคิ้ว “ปีศาจใหญ่ในร่างของนางน่าจะคือสืออิ๋ง เป็นงูขนาดใหญ่ที่ชาญฉลาดมาก มิหนำซ้ำยังมีปีกบินได้ด้วย แน่นอนว่าตอนนี้จริงอยู่ที่คุณหนูกู้เป็นมนุษย์ ช่วงเวลาที่ปีศาจใหญ่ตนนั้นกลับชาติมาเกิดได้นำจิตวิญญาณปีศาจปิดผนึกเอาไว้แล้ว และพยายามเรียนรู้ทัศนคติที่ถูกต้องต่อสังคมมาโดยตลอด ว่ากันตาม…ว่ากันตามชะตาชีวิตที่วางแผนไว้ จริงๆ แล้วที่ท่านเทพชางเวยจุติลงมาก็เพื่อสองประการ ประการแรกเพื่อกลับไปสู่สถานะเทพ ประการที่สองเพื่อขจัดความดุร้ายที่อยู่บนตัวปีศาจใหญ่ตนนั้น”
“ขจัดที่ว่านี้หมายถึงทำให้นางตายกระมัง” ซ่งอิงหัวเราะอย่างขบขัน
“เพียงแค่ทำให้ดวงจิตปีศาจสลายหายไปเท่านั้น จากนั้นให้มันกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาเมื่อเกิดใหม่อีกครั้งเท่านั้นเอง” หลิงเฟิงกล่าว
“ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดการกำหนดให้แต่งงานเช่นนี้จะสามารถกำจัดความดุร้ายได้” ซ่งอิงกล่าว
“วิธีการกำจัดความดุร้าย คือการปลุกให้ไอดุร้ายที่ว่านี้ออกมาก่อน” หลิงเฟิงกล่าว
ซ่งอิงเป็นอันเข้าใจได้แล้วหลังได้ยินเขาเอ่ยพูดเช่นนี้
ก็คือการทำให้กู้หมิงเป่าเกิดความเคียดแค้นฮั่วเจ้ายวน ปลดปล่อยความรู้สึกประเภทไม่ยอมปล่อยวาง รักลุ่มหลงและเคียดแค้นอะไรทำนองนี้ออกมา ยิ่งมากก็ยิ่งได้ประสิทธิผลดี?
“พวกเจ้าไม่เอาไหนจริงๆ” ซ่งอิงชักสีหน้าดูถูก
เรื่องบ้าบออะไรกัน
แม้ว่าตอนนี้ฮั่วเจ้ายวนไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น แต่เมื่อนึกถึงตอนที่เขาเป็นท่านเทพชางเวยผู้สูงส่ง กลับเห็นดีเห็นงามด้วยในเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ นางก็รู้สึกโมโหอย่างยิ่งขึ้นมาทันที
“ชางเวยก็ไม่เอาไหนเช่นกัน ข้าดูดซับพลังชีวิตเขาเสียสิ้นเรื่องดีกว่า!” ซ่งอิงสบถฮึ
“ช้าก่อน! ความจริงท่านเทพชางเวยของพวกเราไม่รู้เห็นอะไรด้วยทั้งนั้น! เดิมทีท่านเทพเป็นเทพใหญ่ในยุคโบราณ ที่เหลือนอกจากนั้นก็เป็นพวกเทพตัวน้อยๆ ไม่ง่ายเลยกว่าเบื้องบนจะให้เขากลับชาติมาเกิดเพื่อบำเพ็ญเพียรกลายเป็นเทพชางเวย ทว่าเพิ่งตื่นรู้ไม่กี่ปีเบื้องบนก็จับเขาลงมาแล้ว…” หลิงเฟิงกล่าวทันที
“คิดว่าหลอกข้าได้ง่ายๆ หรือ ในเมื่อเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่เก่งกาจเพียงนี้ พวกเจ้ายังกล้าทำกับเขาเช่นนี้อีกหรือ” ซ่งอิงหัวเราะเยาะหยัน
“…” คู่ต่อสู้ฉลาดเกินไป ขืนเป็นเช่นนี้คุยต่อไปเกรงว่าจะไม่ค่อยไหวเสียแล้ว
“ตอนที่ท่านเทพชางเวยอยู่บนสวรรค์ ไม่มีความปรารถนาหรืออารมณ์ความรู้สึกใดทั้งสิ้น พูดตามตรงก็คือไม่ต่างกับก็หิน ไม่คบหาสมาคมกับผู้ใด ปรึกษากันไปมาจึงได้ให้เขาลงมาด้วยคิดว่าเมื่อกลายเป็นคนแล้วจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เมื่อก่อนไม่เคยสัมผัส…”
“แม่นาง แม้ว่าเจ้าเป็นปีศาจใหญ่ตนหนึ่งเช่นกัน แต่เจ้าแตกต่างไป เจ้ารูปงามจิตใจดีมีเมตตาและอ่อนโยน เป็นไท่ฉินที่สองโลกเทพกับโลกปีศาจต่างชื่นชอบ! เจ้าไม่มีไอดุร้ายเลยสักนิดบนตัว ผิดกับสืออิ๋งตนนั้น…”
“หรือไม่ให้พวกเราช่วยเจ้าพูดกับเบื้องบนสักหน่อย ขอเพียงเจ้าให้ความร่วมมือ จักรพรรดิตนถัดไปก็คือเจ้า!” หลิงเฟิงกล่าวทันทีทันใด
“ฮ่า” ซ่งอิงหัวเราะอย่างดูถูก
นางเป็นนกเช่นนี้ก็ดีอยู่แล้ว จะเป็นจักรพรรดิปีศาจทำไมเล่า
เพียงแต่ว่าหากฮั่วเจ้ายวนไม่เป็นคนที่เหมือนก้อนหินก้อนหนึ่งเช่นเมื่อก่อน แบบนั้นดูเหมือนจะปลอดภัยกว่ามาก
อย่างน้อย เรื่องในโลกมนุษย์แห่งนี้ก็จะไม่ผ่านพ้นไปอย่างไร้ความหมายสำหรับเขาอีกต่อไป และจะร้ายจะดีก็ยังหลงเหลือมิตรภาพความสัมพันธ์ไว้บ้างกระมัง
“เอาละ ที่ข้าต้องการถามวันนี้ก็ถามไปหมดแล้ว พวกเจ้าคุกเข่าสงบๆ ต่อไปเถอะ” ซ่งอิงโบกไม้โบกมือ กล่าวอย่างไม่เกรงใจ
“…” พวกหลิงเฟิงเบิกตาโตอย่างเหลือเชื่อ
คนเราอยู่ใต้ชายคาผู้อื่นจึงจำต้องศิโรราบให้ พวกเขาได้แต่กลั้นใจคุกเข่าลงไป “ท่านไท่ฉิน…ไปดีมาดี”
ซ่งอิงพอใจมาก จากนั้นนางก็หายวับออกไปตามคาด
“ข้ามักจะรู้สึกว่าจริงๆ แล้วนางไม่ใช่ไท่ฉิน นางดูเหมือนสืออิ๋งยิ่งกว่ากู้หมิงเป่าเสียอีก” หยวนซานกลืนน้ำลาย
สืออิ๋งเป็นงู มิหนำซ้ำยังมีสิบหัว ดังนั้นจึงมีความนึกคิดมากเป็นพิเศษ และปีศาจตนนี้ก็ดุร้ายไม่ควรมีเรื่องด้วย
“หรือบางทีนางอาจเป็นลั่วเจิน…เจ้าดูสิ เอะอะนางก็พูดว่าจะดูดซับพลังชีวิต มองพริบตาเดียวก็รู้ว่าเป็นตนหนึ่งที่มีความกระหายอันแรงกล้า…”