ตอนที่ 815 กำจัดญาติมิตรเพื่อผดุงความเป็นธรรม
ท่านโหวซ่งหน้าเสีย เห็นซ่งสวินยังคงแข็งกร้าวเช่นที่ผ่านมาเช่นนั้น อีกทั้งคำนึงว่าตนมีเรื่องที่จะขอร้องคนเขา การจะใช้ไม้แข็งต่อไปคงไม่ดีนัก
“หลานชาย ข้ามีธุระต้องเจอนางจริงๆ เจ้าบอกมาเถอะว่าข้าต้องทำอย่างไรจึงจะเรียกนางออกมาได้” เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีสักวันที่อยากเจอลูกสาวของตนเองแล้วต้องเปลืองแรงขนาดนี้!
ยามที่ซ่งอิงกลับมา นางได้เอ่ยถึงเรื่องนี้กับซ่งสวินไว้แล้ว ดังนั้นซ่งสวินจึงรู้ดีอยู่แก่ใจว่าท่านโหวซ่งมาเพื่ออะไร
“เรื่องที่ท่านโหวซ่งร้องขอก็ง่ายดายยิ่ง สองวันก่อนน้องสาวข้าถูกลอบสังหารในวัด นางสงสัยว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือท่าน” ซ่งสวินกล่าว
ท่านโหวซ่งตระหนกตกใจเมื่อได้ยินดังกล่าว “ข้าไม่ได้ทำ!”
ปัจจุบันเขาเพิ่งถูกฮ่องเต้ตำหนิ เป็นที่อื้อฉาวทั่วทั้งเมืองหลวงแค่นี้ก็ชวนวิตกจะแย่แล้ว ต่อให้อยากเอาเรื่องซ่งอิง แต่นั่นก็ต้องคอยอีกสักปีสองปีให้คำครหาซาลงไปหน่อยค่อยว่ากันอีกที!
จะลงมือในช่วงเวลาเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า!
“เรื่องนั้นข้าก็ไม่รู้ ข้าและน้องสาวอยู่ที่แห่งนี้ไม่เคยมีความบาดหมางใจกับผู้อื่น ก็มีแต่พวกท่านตระกูลซ่งที่คอยรังแกกัน น้องสาวข้าบอกไว้ว่าให้เวลาท่านห้าวันเพื่อตรวจสอบว่าเป็นฝีมือใครกันแน่ และผลลัพธ์ที่ตรวจสอบได้จำเป็นต้องทำให้นางพอใจ หากปลอมแปลงขึ้นมา เช่นนั้นหลังจากนี้ก็อย่าหวังว่าในจวนท่านจะได้สงบสุข หากตรวจสอบทราบแล้วและตราบใดที่ท่านไม่หาเรื่องกัน ก็ยังพอคืนความสงบสุขให้ได้ในอีกหนึ่งถึงสองเดือน” ซ่งสวินกล่าว
ท่านโหวซ่งได้ยินดังนั้นพลันรู้สึกว่าตนเองถูกเหยียดหยามเข้าแล้ว
นี่ซ่งอิงถูกคนรังแกแล้ว เขาก็ต้องช่วยเหลือเช่นนั้นหรือ
หากไม่ช่วยเหลือก็จะกลายเป็นความผิดของเขา?!
เขารู้สึกเพียงราวกับศีรษะถูกหินก้อนใหญ่กระแทกเข้ามาก็ไม่ปาน ในปากสัมผัสได้ถึงรสคาวเล็กน้อย
“ตกลง” ท่านโหวซ่งกัดฟันแน่น
หลังจากซ่งอิงย้ายออกมาจากบ้าน เขาก็จัดระเบียบข้ารับใช้ในเรือนทั้งหมดยกใหญ่ คนที่น่าสงสัยและปกติกระทำเรื่องผิดๆ ง่ายต่อการหลอกล่อและถูกว่าจ้าง เขาแทบจะขายทิ้งไปทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ทั่วทั้งจวนจึงเปลี่ยนแปลงใหม่ไปอย่างสิ้นเชิง
เขานึกว่าจะไม่ต้องกังวลว่าซ่งอิงจะเล่นตุกติกแล้ว ไม่เคยคิดเลยว่าบัดนี้คนของซ่งอิงยังสร้างความทุกข์ให้เขาได้โดยง่ายอยู่เช่นเคย!
หรือว่าคนสอดแนมที่ว่านี้จะเป็นคนสนิทข้างกายของเขา
นอกจากคนสนิทที่ไว้วางใจ เขาก็นึกไม่ถึงใครอื่นอีกแล้ว!
ครั้งนี้นอกจากตอบรับก็น่าจะไม่มีวิธีอื่นใด ไว้หลังจากกลับไปค่อยปรับเปลี่ยนเรื่องในจวนอย่างละเอียดอีกครั้งแล้วกัน!
ก่อนจากไป ซ่งสวินเอ่ยถึงเบาะแสอย่าง ‘เลี่ยวซานเหยีย’ ผู้นี้
หลังกลับไปจากทางด้านซ่งอิง เขาก็ให้คนไปตรวจสอบทันที
แม้ว่าซ่งอิงไร้ยางอาย แต่ก็เป็นคนฉลาดเฉลียวยิ่ง รู้ว่าจวนเหยียนผิงโหวมีทรัพย์มีอำนาจ จะต้องตรวจสอบเจอมือสังหารตัวจริงแน่
เลี่ยวซานเหยียที่ว่านี้ตอนนี้เข้าไปอยู่ในคุกแล้ว แต่ด้วยความสามารถของจวนเหยียนผิงโหวก็ยังพอทำให้คนผู้นั้นปริปากได้ แล้วนับประสาอะไรกับนอกเหนือจากนี้ยังมีจวนจงกั๋วกงซึ่งกำลังตัวสอบเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
กู้หมิงเป่าเป็นถึงเลือดเนื้อเชื้อไขของจงกั๋วกง บัดนี้หลานสาวเกือบถูกคนจับตัวไป เขาจะปล่อยมือสังหารที่อยู่เบื้องหลังให้ลอยนวลได้อย่างไร!
ใต้เท้าสองตระกูลร่วมมือกันตรวจสอบคดีความนี้ เลี่ยวซานเหยียผู้นั้นไม่อาจต้านทานไหว จึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับสาวใช้ผู้หนึ่งมา
รูปลักษณ์ การแต่งกาย ตลอดจนจุดเด่นทั้งหมดของสาวใช้ผู้นั้นล้วนถูกบันทึกเอาไว้
ตามเบาะแสนี้ไป ไม่นานก็ตรวจสอบไปถึงตัวซ่งฮวน
กระทั่งยามที่คนของที่ว่าการไปหาซ่งฮวน คนของตระกูลแม่สามีนางถึงกับงงงวย
ซ่งฮวนเป็นใคร
แม้ว่านางเป็นบุตรสาวนอกสมรส แต่ก็จดอยู่ใต้ชื่อภรรยาเอกมาตั้งแต่เล็ก เติบใหญ่มาอย่างบุตรีผู้สูงศักดิ์ทรงคุณค่า ได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างสุดความสามารถ ตอนที่อายุสิบสองสิบสามปี นามของนางจึงได้เป็นที่ดึงดูดคนหลากหลายตระกูลให้ตีตราหมายปอง!
หากมิใช่เพราะท้ายที่สุดความจริงเปิดเผยว่านางเป็นบุตรนอกสมรส คนผู้นี้ต่อให้แต่งกับองค์ชายไปเป็นพระชายาเอกก็ยังได้!
บัดนี้ไม่นึกเลยว่าจะว่าจ้างคนไปสังหารผู้อื่น!
ประเด็นคือ ว่าจ้างก็ว่างจ้างไปสิ แต่นี่ยังให้ถูกคนเขาจับได้อีก เจ้าฆ่าใครไม่ฆ่า แต่ดันไปฆ่าหลานสาวของจงกั๋วกง นี่มิใช่การรนหาที่ตายหรือ!
เดิมทีคดีความนี้ไม่ได้ตามเจอง่ายเพียงนี้ ยังต้องขอบคุณท่านโหวซ่ง
สาวใช้ที่อยู่ข้างกายบุตรสาวตนมีรูปลักษณ์อย่างไร เขาจำได้ดีกว่าใครๆ ดังนั้นมองปราดเดียวก็จำได้แล้ว
เขารู้เช่นกันว่าไม่อาจปิดบังเรื่องนี้ไว้ได้ ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาเองเสียเลย จากนั้นก็ทำท่าทีราวกับผิดหวังในตัวซ่งฮวนอย่างถึงที่สุด!
ตอนที่ 816 ชีวิตที่อ้างว้างในพระพุทธศาสนา
แม่สามีของซ่งฮวนผู้นี้ไม่พูดจาใดๆ ลงมือเขียนหนังสือหย่าร้างแล้วขับไล่นางออกไปทันที
สามีของซ่งฮวนก็ไม่ได้พูดอะไรให้มากความเช่นกัน ถึงขั้นไม่กล้าเชื่อด้วยซ้ำว่าหญิงที่อยู่กับตนโดยให้ความเคารพซึ่งกันและกันจะชั่วร้ายโหดเหี้ยมเช่นนี้
ท่านโหวซ่งมาถึงที่ด้วยตนเอง จากนั้นก็พาตัวซ่งฮวนไป เพียงแต่เขาไม่ได้กลับไปยังจวนโหว แต่ส่งซ่งฮวนไปยังอารามชีแถบชานเมืองหลวงทันที
เช่นนี้อย่างน้อยก็แลกมาซึ่งชื่อเสียงผู้ผดุงความเป็นธรรมไว้ได้
ครั้นซ่งฮวนสังเกตเห็นว่าเส้นทางไม่ถูกต้องจึงโวยวายขึ้นมาทันที
“ท่านพ่อ! ท่านมิได้พาข้ากลับไปบ้านเราหรือเจ้าคะ! ท่านจะพาข้าไปไหน! ข้าต้องการกลับบ้าน!”
“ท่านพ่อ ท่านมิได้รักและเอ็นดูข้าหรือ ทั้งที่ท่านรักและเอ็นดูฮวนเอ๋อร์ที่สุด ทำไมซ่งอิงกลับมาคราวเดียวท่านก็เปลี่ยนไป! ข้าเกลียดท่าน!”
“ข้าผิดไปแล้ว ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่กล้าอีกแล้ว ท่านให้ข้ากลับบ้านได้หรือไม่”
ซ่งฮวนตะโกนแล้วตะโกนเล่าพลางร้องไห้ขึ้นมา เสียงนั้นทำให้ผู้ได้ยินปวดใจ ทำให้ผู้ได้เห็นน้ำตาตก
ท่านโหวซ่งมิใช่ว่าไม่เป็นทุกข์เช่นกัน นี่เป็นถึงบุตรสาวที่เขาเลี้ยงดูมาอย่างบุตรสาวคนโตที่เกิดจากภรรยาเอก เฝ้าฝากความหวังเอาไว้ตั้งแต่เล็ก
“ฮวนเอ๋อร์ ไว้ภายภาคหน้าข่าวลือซาลงหน่อยแล้วพ่อค่อยไปรับเจ้ากลับมาอีกที” ท่านโหวซ่งนานๆ ทีจะใจอ่อนสักเล็กน้อย เพียงแต่ในใจเขานี้ก็ไม่ใช่ไม่นึกตำหนิอย่างสิ้นเชิง “เมื่อก่อนข้าให้ลูกน้องเตือนเจ้าไว้แล้วมิใช่หรือว่าซ่งอิงกลับมาครั้งนี้ เจ้าอย่าได้หาเรื่องโดยเด็ดขาด เรื่องของนางพ่อรู้ประมาณการในใจ ทว่าเจ้ากลับกล้าดีถึงขั้นจ้างคนไปฆ่านาง! หลายปีมานี้พ่อสั่งสอนเจ้าไว้เช่นนี้หรือ อยู่ดีไม่ว่าดีก็พานให้เรื่องการแต่งงานของน้องสาวเจ้าเดือดร้อนไปด้วย!”
ครั้นถ้อยคำนี้หลุดออกมา ซ่งฮวนรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว
นางพานให้เรื่องการแต่งงานของซ่งซินหัวเดือดร้อนไปด้วยหรือ
แล้วเพราะใครทำให้นางเดือดร้อนเล่า! หากมิใช่เพราะซ่งอิง นางก็จะได้แต่งงานกับบุรุษที่สมดั่งใจปรารถนา ไม่ถึงขั้นต้องไปแต่งกับบุตรชายคนรองในตระกูลคนอื่น และยิ่งไปกว่านั้น ก็คงไม่มีผลลัพธ์เช่นตอนนี้!
“ตอนนี้ท่านพ่อโทษข้าหรือเจ้าคะ เมื่อก่อนข้านึกว่าท่านพ่อคือที่พึ่งพิงอันยิ่งใหญ่ ไม่คิดเลยว่าความจริงท่านก็แค่หนูในรูมืดๆ ไม่เห็นแสงตะวัน! ลูกสาวของท่านเองก็ยังควบคุมไม่ได้ นั่นก็คือความผิดของท่าน!” ซ่งฮวนสติหลุดไปแล้ว จึงกล่าวออกมาตรงๆ
ชั่วชีวิตนี้ของนางเป็นอันจบสิ้นแล้ว
หากไม่ใช่เพราะนางคว้าน้ำเหลว ตอนนี้นางคงต้องเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว
แต่ถึงแม้ได้ออกจากคุกแล้วจะอย่างไร สร้างความบาดหมางกับจวนจงกั๋วกง ทั้งยังถูกตระกูลสามีหย่าร้าง นางยังจะพลิกมาตั้งตัวได้อีกหรือ!
“ซ่งฮวน เจ้าพูดอะไร!” ท่านโหวซ่งได้ยินคำพูดของบุตรสาว ยังนึกว่าตนเองหูฝาดไปด้วยซ้ำ
“ข้าพูดผิดหรือ! ล้วนเป็นเพราะท่านพ่อไม่ดี! ตอนนั้นท่านปู่ทวดเป็นวีรบุรุษกล้าหาญขนาดนั้น ไฉนจึงมีหลานชายเช่นท่านผู้นี้ได้! ตอนที่ท่านยังหนุ่มแน่น จะขั้น หรือตำแหน่งก็ไม่มี ก็แค่ลูกผู้ลากมากดีมีเงินคนหนึ่ง! หากมิใช่เพราะท่านชะตาชีวิตดี ท่านหรือจะเป็นท่านโหวได้! ส่วนข้าก็แค่ชะตาชีวิตไม่ดี เป็นได้แค่ลูกสาวนอกสมรส มิเช่นนั้นวันนี้ข้าก็คงไม่ได้อยู่ในสภาพเช่นนี้!”
“ท่านพ่อดำเนินชีวิตอย่างราบรื่นมาตั้งแต่เด็ก เข้าใจความทุกข์ของข้าเสียที่ไหนกัน! ไปราชสำนักตั้งแต่ตะวันขึ้นจนตะวันตกดิน ตอนนั้นท่านสนใจแต่ประจบสอพลอท่านอ๋องเฒ่าอย่างเดียว เคยให้ความสำคัญกับข้าเมื่อใดเล่า!” ซ่งฮวนพูดจบก็ปิดหน้าร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
ตอนนั้นนางเข้าใจว่าทำไมท่านแม่จึงมองซ่งซินหัวด้วยสายตาที่อ่อนโยนกว่ามองนาง!
หลานซื่อไม่ได้รักและเอ็นดูนางนักหนา เพียงแค่อยากใช้ประโยชน์จากนางก็เท่านั้น
คนที่นางรักสุดใจก็คือลูกสาวของตัวเอง ลูกสาวที่ไม่มีปัญหาทั้งทางร่างกายนั้นและฐานะตัวตนคนนั้น โดยสรุปเอาเป็นว่าไม่ใช่นาง และยิ่งไม่ใช่ซ่งอิง!
ท่านโหวซ่งได้ยินมาถึงตรงนี้ ความสงสารก็แปรเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิดรำคาญในชั่วพริบตา
“ข้าไว้หน้าเจ้าแล้ว ตอนนี้เจ้ากระทำความผิดยิ่งใหญ่หลวงเช่นนี้กลับยังมีหน้าไม่ละอายใจอีก!” ท่านโหวซ่งกล่าวอย่างเย็นชา
“ข้าคิดว่าคนที่จนวันตายก็ไม่รู้จักละอายใจเป็นท่านมากกว่า หากท่านปู่ทวดรู้ว่าตอนนี้ท่านนิสัยใจคอเป็นเช่นไร เกรงว่าจะโกรธจนกระโดดออกมาจากโลงศพเลยกระมัง!” ซ่งฮวนต่อว่า
นางยังต้องกลัวอะไรอีก ไม่กลัวอะไรแล้วทั้งนั้น!
ต้องใช้ชีวิตอ้างว้างในพระพุทธศาสนาจนวันตายเช่นนี้แล้ว ยังมีอะไรให้ต้องกลัวอีก