ตอนที่ 867 ที่พึ่งพิงอันยิ่งใหญ่
ในงานโคมไฟเทศกาลวันแห่งความรัก ผู้คนจำนวนไม่น้อยล้วนใส่หน้ากาก ซ่งสวินและกู้หมิงเป่าทั้งสองมาถึงที่นัดหมายเรียบร้อยต่างก็ใส่หน้ากากบดบังใบหน้าไว้ด้วยเช่นกัน จึงมองไม่เห็นสีหน้าอารมณ์ของกันและกัน
กู้หมิงเป่าประหม่าเล็กน้อย นางจึงถูมือกับผ้าเช็ดหน้า
ซ่งสวินนึกถึงคำพูดของซ่งอิงก่อนหน้านี้ ยามมองกู้หมิงเป่า ในใจจึงเกิดความละอายใจอยู่บ้าง
“แม่นางกู้ เป็นข้าเองที่เชิญเจ้าออกมาโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบ วันนี้เป็นเทศกาลวันแห่งความรัก ในเขตเมืองนี้จึงค่อนข้างคึกคักจริงๆ ข้าเห็นว่าแม่นางพาสาวใช้มาด้วย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เดินเล่นให้ทั่วเถิด และอย่าลืมว่าเมื่อเดินเล่นเสร็จแล้วก็ต้องรีบกลับบ้านแต่หัววันหน่อยด้วย” ซ่งสวินเอ่ยพูดหลังจากครุ่นคิด
“…” กู้หมิงเป่านิ่งอึ้ง เงยหน้ามองเขาในทันใด
นี่หมายความว่าอะไร!
นัดหมายนางออกมา จากนั้นก็ให้นางเที่ยวเล่นเองหรือ!
“ข้าทำอะไรให้พี่ซ่งไม่พอใจแล้วหรือ” กู้หมิงเป่าครุ่นคิด อย่าบอกนะว่าเพราะตนตอบตกลงง่ายดายเกินไป จึงดูไม่สำรวมพอ
กู้หมิงเป่าออกจะหงุดหงิดเล็กน้อย แต่นางข่มมันเอาไว้ได้ จากนั้นจ้องมองซ่งสวินด้วยดวงตาไร้เดียงสา
“มิใช่” ซ่งสวินร้อนใจขึ้นมาเล็กน้อยเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อถูกแววตาที่สดใสเพียงนี้จับจ้อง จึงรู้สึกว่าตนเองใจร้ายไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เขารีบกล่าวในทันที “แม่นางกู้เพียบพร้อมยิ่ง เพียงแต่วิธีการที่ข้าทำไม่ค่อยเหมาะสมนัก เพื่อคำนึงถึงชื่อเสียงอันดีของเจ้า ข้าขออธิบายกับเจ้าให้เข้าใจจะดีกว่า”
“…” กู้หมิงเป่างุนงงมาก
“ก่อนหน้านี้ที่สื่อสารกับเจ้าผ่านตัวอักษรเช่นนั้น เป็นข้าเองที่ทำไม่ถูก แม่นางกู้ ข้าผู้นี้ภูมิหลังยากจนแร้นแค้น เพียงแต่รู้สึกว่าแม่นางกู้ภูมิหลังไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงเกิดความนึกคิดต่างๆ นานาในใจ”
กู้หมิงเป่าตะลึง ความครึกครื้นโดยรอบทำให้ยามนี้นางดูน่าสงสารเป็นพิเศษ
“แต่ว่าทำไมท่านจึงบอกกล่าวข้า หรือว่ามีอะไรที่ยากเกินพูดออกมาแอบซ่อนเอาไว้อีก ข้าดูแล้วพี่ซ่งไม่ใช่คนเช่นนั้น…” กู้หมิงเป่ารีบกล่าวทันควัน
ซ่งสวินยิ้มเล็กน้อย “แม่นางกู้ ข้าบอกกับเจ้าตามตรง แน่นอนว่าเป็นเพราะคนอื่นพบเรื่องที่ข้ากระทำแล้วน่ะสิ”
ครั้นกู้หมิงเป่าได้ยินดังกล่าวก็หน้าเสียขึ้นมาในชั่วพริบตา เพียงแต่นางใส่หน้ากากอยู่ จึงไม่ดูย่ำแย่ขนาดนั้น
บรรยากาศถึงกับหยุดชะงักไปพักใหญ่
“พี่ซ่ง ที่แท้ท่านเป็นคนประเภทนั้นหรือ เห็นความสำคัญในทรัพย์สินและอำนาจของตระกูลกู้ของข้า จึงจงใจอยากจะเข้าใกล้กันหรือ” กู้หมิงเป่าขมวดคิ้ว “ตระกูลกู้ของข้าจริงอยู่ที่มีทรัพย์สินและมีอำนาจ ซึ่งก็ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของข้าด้วยเช่นกัน พี่ซ่ง ท่านเพียงแค่ถูกใจในข้อได้เปรียบเหล่านี้ หรือว่าให้ความสนใจในอย่างอื่นอยู่บ้างเช่นกันเจ้าคะ”
นางผู้เป็นหญิงสาวเพียบพร้อมคนหนึ่ง จะอย่างไรก็คงเป็นไปไม่ได้กระมังที่จะสำคัญสู้ทรัพย์สินและอำนาจของพวกนั้นไม่ได้
อีกทั้ง ความที่ตระกูลนางมีอำนาจก็ไม่ใช่ความผิดของนาง การเลือกภรรยาและแต่งบุตรีของตระกูลขุนนางผู้สูงศักดิ์ล้วนต้องดูฐานะประกอบ ประเด็นนี้ก็ไม่มีอะไรแปลกเช่นกัน
ครั้นคิดเช่นนี้ การที่ซ่งสวินสนใจในความร่ำรวยและอำนาจ นั่นแสดงถึงว่าตระกูลนางดีล้ำมากพอ
ซ่งสวินตกตะลึงในท่าทีของกู้หมิงเป่า
อันที่จริงเขาเตรียมพร้อมสำหรับการถูกตบหน้าไว้อย่างดีแล้วด้วยซ้ำ
เขาคิดอยู่ว่าหากตนพูดถ้อยคำที่เหลวไหลเช่นนี้ออกไป กู้หมิงเป่าต้องกระชากหน้ากากของเขา จากนั้นฟาดมือตบลงมาที่หน้าเขาเป็นแน่ หรือไม่ก็คงกระทืบเท้าเขาเต็มแรงด้วยความโกรธ
แต่เหตุใด…
ดูแววตานี้สิ นอกจากเผยให้เห็นถึงความตกตะลึงและความโกรธเล็กน้อย ตอนนี้ถึงขั้นมีความภาคภูมิใจอยู่ด้วย?
“แม่นางกู้ความนึกคิดจิตใจบริสุทธิ์ นิสัยอ่อนโยน แน่นอนว่า…”
“เช่นนั้นก็ได้ ถึงอย่างไรข้าก็สนใจในความฐานะตระกูลยากจนแร้นแค้นของท่านซึ่งง่ายต่อการควบคุมเช่นกัน” กู้หมิงเป่าคลี่ยิ้ม “นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
นางพลันรู้สึกว่าซ่งสวินในขณะนี้น่าหยอกเล่นมาก
หน้ากากกั้นอยู่แท้ๆ นางยังรู้สึกได้ถึงท่าทีสับสนและอยากหนีของซ่งสวิน
เดิมทีนางรู้สึกโมโหอยู่บ้างจริงๆ แต่เมื่อเปลี่ยนความคิดดู ซ่งสวินอายุขนาดนี้แล้ว ทั้งยังเป็นผู้มาจากตระกูลยากจน อยากจะได้ตระกูลพ่อตาที่ยอดเยี่ยมหน่อยเป็นที่พึ่งพิงอันยิ่งใหญ่ก็ไม่ผิดเช่นกัน
ตอนที่ 868 คิดเข้าข้างตัวเอง
ทัศนคติทั้งสาม[1]ของซ่งสวินในขณะนี้ถึงกับกระเจิดกระเจิง
ใครจะจินตนาการได้ว่าแม่นางกู้ที่อ่อนโยนเสมอมาในขณะนี้จะพูดว่าเขาควบคุมได้ง่าย
น้ำเสียงนี้เหมือนหญิงร้ายกาจที่อยู่ในหมู่บ้านชนบทพวกนั้นอย่างยิ่ง มิหนำซ้ำยังเป็นประเภทตบตีสามีของตนเองจนออกจากบ้านไม่ได้อีกด้วย…
ซ่งสวินกลืนน้ำลาย สีหน้าประหม่าเล็กน้อย ขณะครุ่นคิดอยู่ กู้หมิงเป่าก็เดินเข้าไปในฝูงชนเสียแล้ว ในขณะนี้เสียงพ่อค้าแม่ขายบริเวณรอบๆ คึกคักเป็นพิเศษ ผู้คนก็มีเนืองแน่นคับคั่ง ขืนไม่ระวังก็จะถูกกลืนไปในคลื่นฝูงชนอย่างง่ายดาย หาก็หาไม่เจอ ซ่งสวินย่อมทำได้เพียงรีบเดินตามไปติดๆ
กู้หมิงเป่าเรือนร่างผอมบาง สาวใช้ผู้นั้นก็พอๆ กัน
นายบ่าวสองคนนี้ครั้นเข้าไปในคลื่นฝูงคนก็ถูกเบียดเสียดจนเสียศูนย์เล็กน้อย
ตัวกู้หมิงเป่าเองก็ตระหนกตกใจ
นางร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่เล็กจนโต ตลอดที่ผ่านมา ต่อให้ภายนอกครึกครื้นเพียงใดก็ไม่เกี่ยวข้องกับนาง ระยะนี้ร่างกายนางดีขึ้นมากแล้ว ดังนั้นจึงได้อยากออกมาดูโลกภายนอกอย่างแทบจะอดรนทนไม่ไหว แต่ก็เป็นครั้งแรกที่นางอยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างใกล้ชิดขนาดนี้ นางรู้สึกเพียงเท้าของนางเลื่อนลอย ไม่รู้แล้วด้วยซ้ำว่าควรเดินไปทางไหน
ซ่งสวินตกใจที่นางก้าวเดินอย่างสับสน
เดิมทีเขายังอยากจะรักษาระยะห่าง แต่ในขณะนี้ก็ทำได้เพียงเบียดเข้าไปและใช้ร่างกายที่ไม่ถือว่าใหญ่โตกำยำนักของเขาปกป้องกู้หมิงเป่าเอาไว้
“พี่ซ่ง เทศกาลวันแห่งความรักของทุกปีล้วนเบียดเสียดกันขนาดนี้หรือ เมื่อครู่ข้ารู้สึกว่าตัวเองเกือบจะถูกคนอื่นผลักล้มแล้ว” กู้หมิงเป่าเผยสีหน้าเซ่อซ่า รู้สึกว่าร่างกายตนเองใกล้จะพังทลายอยู่รอมร่อ
อีกทั้งนางเรียนรู้ธรรมเนียมปฏิบัติและมารยาทมาตั้งแต่เยาว์วัย รู้ว่าต้องรักษาระยะห่างกับผู้อื่น แต่ตอนนี้…
โดยเฉพาะแผงลอยรอบๆ ต่อให้ทุกคนจงใจเว้นช่องว่างไว้บ้าง แต่ยามที่เดินๆ ไปก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกเนื้อต้องตัวกัน
“ข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก ที่ผ่านมาข้าออกมาข้างนอกค่อนข้างน้อยครั้ง” ซ่งสวินพูดน้อยมาก อีกทั้งรู้สึกว่ากู้หมิงเป่านิสัยติดเที่ยวเล่นขนาดนี้ออกจะอันตรายไปหน่อย จึงกล่าวอีกครั้ง “แต่ข้าเคยอ่านพวกตำราประวัติศาสตร์ จึงรู้ว่าในราชวงศ์นี้เคยเกิดเหตุคนแตกตื่นจนเหยียบกันมาแล้วไม่ต่ำกว่าสามครั้ง”
ครั้นเอ่ยพูดเยี่ยงนี้ กู้หมิงเป่าถึงกับหน้าถอดสีเล็กน้อย
“ร้านค้าทางด้านนี้ค่อนข้างเยอะ ดังนั้นผู้คนจึงเบียดเสียดหน่อย เดินไปแถวๆ ทางด้านนั้นกันเถิด” ซ่งสวินชี้นิ้วไปอีกทิศทางหนึ่ง
ทางด้านนี้หลักๆ ล้วนเป็นสิ่งของที่ประชาชนธรรมดาทั่วไปเล่นกัน แม้ว่าประชาชนธรรมดาทั่วไปจะให้ความสำคัญในการป้องกันระหว่างชายหญิง แต่ก็ไม่ถึงขั้นเข้มงวดเกินไป ส่วนอีกด้านหนึ่งหลักๆ คือพวกร้านค้าห้องแถว สินค้าข้างในราคาค่อนข้างแพง ดังนั้นคนจะน้อยกว่าหน่อย
กู้หมิงเป่าเจอสถานการณ์เช่นนี้ครั้งแรก ดังนั้นรู้จักแต่มุ่งไปทางสถานที่ที่คึกคักเท่านั้น
ในขณะนี้นางเกือบจะหายใจไม่ออก จึงรีบขยับเปลี่ยนที่ทางทันที
“ขอบคุณพี่ซ่งมากเจ้าค่ะ โชคดีที่วันนี้ออกมากับท่าน มิเช่นนั้นหากมีเพียงแค่เราสองคนคงต้องเกิดเรื่องแน่” กู้หมิงเป่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก
ซ่งสวินได้ยินถ้อยคำนี้ รู้สึกว่าตนเองอาจคิดเข้าข้างตัวเองเสียแล้ว
แม่นางผู้นี้ใช่การออกมาตามนัดหมายที่ไหนเล่า เห็นๆ อยู่ว่าเพราะอยากเที่ยวเล่น อีกทั้งกลัวว่าคนในครอบครัวจะไม่ยินยอม จึงหาข้ออ้างออกจากบ้านก็เท่านั้น
“คุณหนูกู้ มิใช่ว่าเจ้าบอกกับคนในครอบครัวของเจ้าว่าวันนี้ออกมาเป็นเพื่อนน้องสาวข้ากระมัง” ซ่งสวินกล่าว
“นี่ท่านรู้ด้วยหรือ” กู้หมิงเป่าตกใจ “แต่หากข้าไม่หาข้ออ้างสักอย่างก็คงออกมาเที่ยวเล่นไม่ได้”
“…” ซ่งสวินถอนหายใจ ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง
กู้หมิงเป่าเลิกหน้ากากขึ้น จากนั้นยิ้มเล็กน้อยให้ซ่งสวิน
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทั้งสองคนนี้จึงได้เที่ยวเล่นอย่างเต็มที่
บนท้องถนนนี้มีการแสดงพ่นไฟ มีการละเล่นโยนห่วง มีการขับร้องละครงิ้ว นอกจากนั้นยังมีการแสดงตีกลองและแสดงศิลปะอีกด้วย กู้หมิงเป่าไม่เคยเห็นมาก่อน นางยืนอยู่บริเวณที่สูงซึ่งผู้คนไม่เยอะ คอยมองดูไม่วางตา
นางไม่เกรงใจเช่นกัน อยากกินอะไรก็ให้ซ่งสวินไปช่วยซื้อให้ ส่วนนางยืนคอยอยู่ที่เดิม
ซ่งสวินเดิมทียังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่เห็นนางในท่าทีที่ไม่เกรงใจเลยสักนิด ก็อดหลุดหัวเราะไม่ได้ เขาวิ่งไปวิ่งมากลายเป็นรู้สึกว่าน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
เที่ยวเล่นกันไปกว่าครึ่งชั่วยามโดยประมาณ ยามที่ซ่งสวินถือน้ำตาลที่เป่าเป็นรูปร่างคนวิ่งกลับมา กลับเห็นว่าบริเวณที่เดิมทีกู้หมิงเป่ายืนอยู่กลับไม่มีใครแม้แต่คนเดียว!
—————————-
[1] ทัศนคติทั้งสาม (三观) ประกอบไปด้วย ทัศนคติต่อโลก ทัศนคติต่อชีวิต ทัศนคติต่อคุณค่า