ตอนที่ 865 วงศ์ตระกูลและฐานะไม่เท่าเทียมกัน
ซ่งอิงไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของการเป็นขุนนาง จึงมีฮั่วเจ้ายวนช่วยชี้นำเกี่ยวกับด้านนี้ทั้งหมด
เพียงแต่ว่าเมื่อซ่งสวินสอบผ่าน ไม่นึกเลยว่าทางด้านซ่งอิงจะได้รับคำเชิญจากผู้คนจำนวนไม่น้อยอีกครั้ง ถึงขั้นที่ทางบ้านซ่งแห่งนี้ยังมีแม่สื่อเหยียบย่างมาถึงหน้าประตูเรือนอีกด้วย
ซ่งอิงรู้ตัวอีกทีก็นึกขึ้นได้ว่าซ่งสวินปีนี้อายุไม่น้อยแล้ว เขาอายุยี่สิบต้นๆ ก็ควรมีครอบครัวได้แล้ว!
“ท่านพี่ เราคิดจะสู่ขอหญิงแบบไหนแต่งเข้ามาดี” ซ่งอิงรู้สึกว่าตนเองร้อนใจแทนมารดาจริงๆ
ซ่งสวินเบิกตาโตด้วยความตกใจไปชั่วขณะ ก่อนจะเผยสีหน้าขาดความมั่นใจ “ข้ายังไม่วางแผนแต่งงาน”
“ไม่ได้วางแผน หรือกำลังแสวงหาอยู่กันแน่เจ้าคะ” ซ่งอิงเลิกคิ้ว “แม้ว่าตระกูลเรามีความสัมพันธ์กับฮั่วเจ้ายวนแล้ว แต่อย่างไรเสียพื้นเพตระกูลก็ค่อนข้างด้อย เกรงว่าตระกูลขุนนางเหล่านั้นจะไม่เหลียวแลผู้ที่มาจากตระกูลเรา อย่างไรเสียในสายตาคนอื่นก็คือข้าอาศัยเสน่ห์ชั่วครู่ชั่วคราวทำให้ฮั่วเจ้ายวนลุ่มหลง ซึ่งคงมั่นคงไปได้ไม่กี่ปี ภายภาคหน้าอายุมากเข้า เสน่ห์ก็เลือนหายไป สำหรับตระกูลเราแม้แต่ธรณีประตูของครอบครัวขุนนางยังไกลเกินเอื้อมด้วยซ้ำ”
ซ่งสวินมีหรือจะไม่รู้เหตุและผลที่ว่านี้
“ตอนนี้ท่านสอบผ่านแล้ว ข่าวนี้ไม่นานก็จะไปถึงเมืองยง ถึงตอนนั้นท่านพ่อท่านแม่ก็ต้องกังวลใจเรื่องการแต่งงาน แทนที่จะคอยให้คนอื่นตัดสินใจ ไม่สู้ท่านตัดสินใจด้วยตนเองให้เสร็จสรรพก่อนจะดีกว่า หรือว่าท่านคิดอยู่ว่าจู่ๆ สหายและญาติพี่น้องก็จะพาหญิงสาวมาให้ถึงที่ และกล่าวว่าเป็นคู่ครองที่กำหนดไว้ให้แล้วตั้งแต่เด็กๆ” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง
เงาร่างคนผู้หนึ่งล่องลอยขึ้นมาในสมองซ่งสวิน
“ข้ารู้ดีว่าตนเองไม่คู่ควร เพียงแต่อยากจะรอเวลาอีกสักหน่อย…” ซ่งสวินบอกกล่าวตามจริง
ครั้นเอ่ยเช่นนี้ ซ่งอิงก็เผยสีหน้าประมาณว่าแท้จริงแล้วเป็นเช่นนี้นี่เอง
“ท่านถูกตาต้องใจกู้หมิงเป่าแล้วหรือ” ซ่งอิงเลิกคิ้ว
ซ่งสวินตะลึงงัน ไม่คาดคิดว่าซ่งอิงจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ จึงยิ้มขมขื่นออกมา “ตระกูลกู้ วงศ์ตระกูลขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ระดับบ้านเมือง ข้าหรือเพ้อฝันถึงได้”
“หลายวันมานี้ท่านส่งพวกสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ มาให้ข้าบ่อยครั้ง บางครั้งบนนั้นยังมีพวกบทกวีอีกด้วย เกรงว่ามิใช่สิ่งที่ใช้เพื่อสร้างสีสันให้ข้ากระมัง” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง
หลายวันก่อนกู้หมิงเป่าพักอยู่กับนางตลอด จึงเห็นพวกกลอนเอย ภาพวาดเอยอะไรเหล่านั้นที่ซ่งสวินส่งมาให้นางด้วยเช่นกัน
กู้หมิงเป่าเดิมทีก็เป็นคนหนึ่งที่มีความรู้และมีมารยาท นางมีความสนใจในสิ่งของเหล่านี้อยู่บ้าง แล้วนับประสาอะไรกับสิ่งที่ซ่งสวินเขียนและวาดทั้งหมดล้วนเป็นสภาพท้องถิ่นและประเพณีของทางด้านเมืองยงเสียส่วนใหญ่ นอกจากนั้นก็มีสัตว์หายากประหลาดตาที่อยู่ในสวนสัตว์ว่านหลิง จึงดึงดูดสายตาของกู้หมิงเป่าอย่างยิ่ง
“ใช่ ข้ามีใจ” ซ่งสวินเอ่ยปากอย่างตรงไปตรงมา “ตระกูลกู้วงศ์ตระกูลสูงศักดิ์ ข้าฐานะเช่นนี้ หากพยายามต่อสู้ด้วยตนเอง ต่อให้มีความรู้และความสามารถสักเพียงใด ก็ต้องใช้เวลากว่ายี่สิบปีจึงจะโดดเด่นมีหน้ามีตาขึ้นมาได้”
“แต่หากมีคู่ครองจากตระกูลดีๆ ทั้งหมดนี้ก็จะแตกต่างไป” ซ่งสวินกล่าวอีกครั้ง
“สตรีผู้บริสุทธิ์ ต้องเป็นเครื่องมือให้ท่านใช้หาผลประโยชน์หรือ” แววตาซ่งอิงเย็นชา
นางก็มีหลักการในการทำดีกับพี่ชายผู้นี้อยู่บ้าง
หากกู้หมิงเป่าไม่ใช่คนที่นางมีความสนิทสนมด้วย นางย่อมไม่สนใจมากมายขนาดนี้แน่ แต่คนผู้นี้เป็นสหายที่ดีของนาง แล้วยังเป็นสืออิ๋งกลับชาติมาเกิดอีกด้วย
“น้องพี่ เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าบัดนี้ข้าจริงใจ” ซ่งสวินเผยสีหน้าจริงจัง “เมื่อก่อนตอนที่เห็นนาง ข้าคิดเพียงแค่ว่าหากได้สู่ขอแม่นางผู้นี้จริง การทะยานขึ้นไปจุดสูงสุดจะต้องไม่ไกลเกินเอื้อมเป็นแน่ แต่หญิงที่ข้าเคยเห็นมาตลอดหลายปีนี้ก็ไม่ได้มากมายเลย คนที่เพียบพร้อมปานนี้ยิ่งน้อยไปกันใหญ่ การที่ใจหวั่นไหวจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว…”
“เกรงว่าแค่คิดจะไม่ช่วยอะไร” ซ่งอิงสบถฮึ
“ข้านัดนางไปชมโคมไฟในเทศกาลวันแห่งความรัก นางกลับไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด” ซ่งสวินกล่าวอีกครั้ง
ซ่งอิงได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกตะลึงไปทันที “ท่านนัดนางไปชมโคมไฟแล้วหรือ! เมื่อใด ไฉนข้าไม่รู้เลย!”
“เจ้า…ไม่สนใจเกี่ยวกับบทนิทานที่มีถ้อยคำน้ำเน่าและไม่มีเรื่องราวน่าสนใจจำพวกนั้น ดังนั้นจึงมองไม่ออก” ซ่งสวินบอกตามตรง
เขาวาดภาพหนึ่งภาพ บนนั้นเป็นเทศกาลวันแห่งความรัก สื่อเป็นนัยว่าหากเขาสอบผ่าน จะไปท่องเที่ยวชมโคมไฟกับนาง
ตอนนั้นเขาคิดว่าหากกู้หมิงเป่ามองไม่ออก เช่นนั้นเรื่องนี้เขาก็จะรออีกหน่อย หากมองออกและถึงขั้นตกลง เขาก็จะใจกล้าลองดูสักตั้ง!
ตอนที่ 866 อยู่อย่างไร้ร่องรอย
ซ่งอิงตกตะลึงในทันที
“คนอย่างท่านนี่…” ซ่งอิงเดาะลิ้น “แสงเทียนใต้ความมืด[1]ชัดๆ!”
ที่ผ่านมาล้วนเป็นนางที่หลอกลวงผู้อื่น คิดไม่ถึงว่าจะมีสักวันที่ถูกซ่งสวิน ปัญญาชนผู้คลั่งการเรียนหลอกเข้าให้แล้ว!
“ช้าก่อน เทศกาลวันแห่งความรักคือเดือนสามวันที่สามใช่หรือไม่ ก็คือ…อีกไม่ถึงสองวันแล้วน่ะสิ เหตุใดท่านจึงบอกข้าล่วงหน้า ไม่กลัวว่าข้าจะขัดขวางหรือ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นมาทันที
สมองกู้หมิงเป่าเป็นเช่นนี้เพราะกินเนื้อแกะไปแล้วหรือไม่ ไฉนจึงตอบรับซ่งสวินเสียได้เล่า!
“ข้าคิดแล้วว่าเจ้าเป็นน้องสาวข้า อีกทั้งเป็นสหายคนสนิทของนาง ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ว่าใครก็ไม่สมควรปิดบังเจ้า เรื่องนี้เป็นข้าเองที่ทำไม่ถูก ทว่าข้ารับปากเจ้า แม้เป็นความจริงที่ข้าอยากรุ่งเรือ งร่ำรวยและสูงศักดิ์ แต่ความชอบนางก็เป็นความจริงเช่นกัน หากมีวันใดวันหนึ่งต้องให้ข้าเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ข้าก็น่าจะเลือกอย่างหลัง ข้าไม่เพียงแค่มีใจใช้ประโยชน์จากนางเท่านั้น…”
ไม่เพียงแค่ แต่ก็ยังมีอยู่…
ทว่าซ่งอิงก็ไม่มีเหตุผลขัดขวางเช่นกัน
ซ่งสวินพยายามไปให้ถึงจุดสูงสุดขนาดนี้ หลักๆ ก็เป็นเพราะเจ้าของร่างเดิม
นางดับความโกรธเคืองของเจ้าของร่างเดิมไปแล้ว จวนเหยียนผิงโหวแห่งนั้นก็ไม่ได้สิ่งดีๆ อะไรไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อีกทั้งซ่งสวินรู้ว่านางไม่ใช่น้องสาวคนในอดีตผู้นั้นของเขา ดังนั้นความจำใจและความเคียดแค้นประเภทนั้นจึงได้ฝังลึกถึงเพียงนี้
อีกทั้งปัจจุบัน ซ่งสวินเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในวงศ์ตระกูลซ่งที่หมู่บ้านซิ่งฮวา ยิ่งไปกว่านั้นก็เป็นตัวอย่างของเด็กๆ ในตระกูลซ่ง เขาทำได้เพียงปีนป่ายขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง ภายภาคหน้าบรรดาน้องชายและน้องสาวที่อยู่ลำดับถัดๆ ไปจึงจะสุขสบายยิ่งขึ้นได้
คนอย่างนางผู้นี้นิสัยสบายๆ มาแต่ไหนแต่ไร ไม่คิดพัวพันกับเรื่องราวใดๆ มากมายขนาดนั้น
แต่ชีวิตหนึ่งของคนธรรมดา จะอย่างไรก็ต้องพยายามแสวงหาชื่อเสียงเงินทองเหมือนๆ กันทั้งนั้น
“ท่านชอบนางเป็นเรื่องของท่าน เพียงแต่ข้าไม่แนะนำให้ท่านหลอกนางแต่งงานด้วย หากท่านชอบนางจริงก็บอกกล่าวกับนางให้ชัดเจนจะดีกว่า ท่านชอบนางที่ตรงไหน เพราะอ่อนโยน หรือเพราะอำนาจและความสูงศักดิ์ ล้วนบอกกล่าวให้ชัดเจนจึงจะดี
ตั้งแต่โบราณเรื่อยมามีการให้ความสำคัญกับความเหมาะสมทางฐานะและชาติตระกูล ทั้งสองฝ่ายไม่เท่าเทียมกัน ฝ่ายหนึ่งทุ่มเทให้ ส่วนอีกฝ่ายเอาแต่รับ ต่อให้ความรู้สึกที่มีดีสักเพียงใดก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปได้” ซ่งอิงบอกกล่าวอย่างเนิบช้า
ซ่งสวินนิ่งงันไปชั่วครู่
เขาไม่ดูถูกความคิดสกปรกของตนเองประเภทนี้เช่นกัน แต่ไม่เคยคิดจะบอกกู้หมิงเป่ามาก่อน อย่างไรเสีย…นั่นจะเป็นการทำให้เข้าถึงจุดมุ่งหมายยากเกินไปมิใช่หรือ
“ลูกผู้ชายกล้าทำกล้ารับ ดึงลูกไม้ออกมาเผยซึ่งหน้าจึงจะเรียกว่าเปิดเผยตรงไปตรงมา หากรู้จักแต่ลอบคิดเหลวไหลอยู่ในใจ นั่นเรียกว่าร้ายกาจ”
คำพูดจบลงแต่เพียงเท่านี้ ซ่งอิงไม่เอ่ยอะไรให้มากความ นางกลับเข้าไปในเรือนของตนเอง จำเป็นต้องสงบจิตสงบใจสักหน่อย
นางเหม่อลอยครู่หนึ่ง คิดอยู่ว่าตนเองน่าจะถือเป็นปีศาจที่บางครั้งตรงไปตรงมา บางครั้งก็ร้ายกาจ
ตัวอย่างเช่นเรื่องของเทพเซียนนั่น นางกระทำอย่างขาดคุณธรรมมากพอตัว สองเซียนนั้นใช้ชีวิตอย่างไม่ได้พบเจอผู้ใด และเทพเซียนตนอื่นก็หาพวกเขาไม่เจอด้วย
เพียงแต่ซ่งอิงมองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ประหลาดใจอยู่บ้าง เทพเซียนสองตนนี้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แต่เหตุใดไม่เห็นมีเทพเซียนตนใหม่มาตามหาเลยล่ะ
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ซ่งสวินสองจิตสองใจอยู่เนิ่นนาน
เมื่อถึงเดือนสาม วันที่สาม ใจกลางเมืองหลวงจัดงานโคมไฟ แสงจากโคมไฟสว่างไสว บรรยากาศยังคึกคักยิ่ง
กู้หมิงเป่าพาสาวใช้มาเพียงคนเดียว นางปรากฏตัวอยู่บนถนนอย่างประหม่า
นางไม่ได้มีความรู้สึกต่อซ่งสวินลึกซึ้งนัก เพียงแค่คิดว่าในฐานะพี่ชายของซ่งอิง ซ่งสวินคงต้องดีพร้อมเช่นกันแน่
อีกทั้งเท่าที่ได้คลุกคลีกับเขาในช่วงก่อนหน้านี้ ดูแล้วซ่งสวินก็เป็นสุภาพบุรุษ เป็นคนอ่อนโยนเรียบร้อย เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน หากได้แต่งงานกับคนลักษณะเช่นนี้จริง เช่นนั้นในครอบครัวก็น่าจะกลมเกลียวอย่างยิ่ง และจะไม่มีเรื่องอนุภรรยาที่ก่อความยุ่งวุ่นวายเป็นแน่
ท่านปู่ของนางก็บอกไว้แล้วว่าทางที่ดีที่สุดให้หาคนที่ด้อยกว่าตนเองสักหน่อย หากกล้ารังแกนาง ด้วยความสามารถของจวนจงกั๋วกง ก็จะได้ทำให้อีกฝ่ายไม่เห็นตะวันในวันถัดไปได้อีก
แน่นอนว่าเพราะซ่งสวินเป็นพี่น้องของซ่งอิง ฉะนั้นอย่าให้ถึงขั้นไม่เห็นตะวันอีกจะดีกว่า
ปัจจุบันนางมีความประทับใจต่อซ่งสวินไม่แย่ เจอะเจอและพูดคุยกันหน่อย น่าจะไม่มีปัญหาอะไร หากยามที่พูดคุยกันตามลำพังและพบว่าคุยกันไม่ถูกคอ ก็จะได้ตีห่างความสัมพันธ์ในทันที และนางย่อมไม่โง่เขลาถึงขั้นมอบจดหมายหรือของแทนใจเอาไว้ให้เป็นจุดอ่อนในเวลานี้แน่
—————————-
[1] แสงเทียนใต้ความมืด (灯下黑) เปรียบเปรยถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใกล้ตัวโดยที่ผู้คนไม่เห็นและรับรู้