ตอนที่ 881 สู้สัตว์เดรัจฉานไม่ได้
โชคดีที่เซียนอีกตนหนึ่งรีบส่ายหน้าพัลวัน “ภารกิจเร่งด่วนในตอนนี้คือควรให้ท่านเทพรีบบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน ถึงเวลาจึงจะอัญเชิญดาบแห่งความเมตตามาสังหารปีศาจได้ เราไปดูทางห้องเก็บของนั่นกัน แล้วนำของสิ่งนั้นวางเอาไว้ตรงที่ดึงดูดสายตาของท่านเทพ จากนั้นค่อยสร้างความฝันให้เขา”
ฮั่วเจ้ายวนได้ยินถ้อยคำดังกล่าวก็รู้สึกปวดสมองขึ้นมาชั่ววูบ
ดาบแห่งความเมตตา
‘ดาบโทรมๆ ที่ว่านี้ไม่เห็นจะดีเลยสักนิด ข้ายกให้เจ้าหนึ่งเล่ม ดูเองแล้วกัน ดาบนี้เป็นของที่ข้าได้มาจากกระดูกปีศาจเมื่อยามที่กลับชาติมาเกิดในครั้งก่อน มอบให้เจ้าเอาไว้เล่นเล่มหนึ่ง อย่าทำหายล่ะ’ น้ำเสียงที่ผ่านขึ้นมาชั่ววูบทำให้เขาหน้าถอดสีกะทันหัน
หนึ่งเค่อถัดมา ฮั่วเจ้ายวนส่ายหัว
ลูบๆ หน้าอกตามสัญชาตญาณ
นับแต่ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรตามวิถีเซียนพวกนั้น เขาก็รู้สึกว่าร่างกายนี้มีบางอย่างผิดปกติ
ในหัวมักจะมีภาพฉากบางอย่างแวบผ่านเข้ามาอยู่เรื่อย วุ่นวายสับสนไปหมดและชวนให้ปวดศีรษะ
เขาจำเป็นต้องไปผ่อนคลายจิตใจ
ฮั่วเจ้ายวนลอบเหลือบตามองเซียนทั้งสองตนนั้นที่อยู่กลางอากาศ จากนั้นจึงขึ้นควบม้าของตนเองมุ่งหน้าตรงไปยังหมู่บ้านชานเมืองแห่งนั้นของซ่งอิง
เซียนพวกนี้มุ่งไปยังห้องเก็บของของฮั่วเจ้ายวน ไม่ได้ติดตามเขาไปแต่อย่างใด เป็นเช่นนี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย
ในหมู่บ้านสวนชานเมือง แกะทุกตัวล้วนเกลี้ยงเกลา ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรง คนดูแลจึงเพิ่งปล่อยพวกมันออกมาอาบแสงตะวัน
ไม่นึกเลยว่าซ่งสวินจะอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน จึงทำให้ฮั่วเจ้ายวนประหลาดใจไม่น้อย
“พี่เขยเพิ่งได้ตำแหน่งขุนนางก็ลาพักแล้วหรือ” ฮั่วเจ้ายวนเอ่ยปากถาม
ครั้นซ่งสวินได้ยินคำเรียกขานนี้ ก็โมโหขึ้นมาทันที “ท่านอ๋องเรียกข้าว่าซวนเฉิงจะดีกว่ากระมัง”
“มิได้” ฮั่วเจ้ายวนส่ายหน้า
พี่เขยก็คือพี่เขย จะเรียกสุ่มสี่สุ่มห้าได้เพียงเพราะอายุน้อยกว่าเขาไม่ได้ อีกทั้งนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาเรียกผู้อื่นเช่นนี้ ก็เพราะซ่งสวินคู่ควร ส่วนคนอื่นไม่มีแม้แต่โอกาสนั้นด้วยซ้ำ
ซ่งสวินถอนหายใจ
“มีเรื่องอันใดหงุดหงิดใจหรือ ลองเล่าให้ฟังหน่อยสิ” ฮั่วเจ้ายวนเห็นเขาเผยสีหน้ากลัดกลุ้มจึงเอ่ยถามทันที
ซ่งสวินอ้าปากพะงาบคล้ายกับอยากจะพูดอะไรแต่แล้วก็หยุดชะงักไป “บอกกับท่าน ท่านก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”
“???” ฮั่วเจ้ายวนเบิกตาโต “ในเมื่อท่านไม่พูดแล้วข้าจะเข้าใจได้อย่างไร”
พูดจบ ฮั่วเจ้ายวนก็ครุ่นคิด มิใช่ว่าซ่งสวินผู้นี้ค้นพบว่าซ่งอิงเป็นปีศาจ ดังนั้นตอนนี้จึงได้ลังเลว่าจะหาคนมาจับปีศาจหรือไม่หรอกกระมัง
“หรือว่า…พี่เขยพบเห็นเรื่องราวแปลกประหลาดอะไรมา” ฮั่วเจ้ายวนชหยั่งเชิง
“ท่านอ๋องก็เคยเห็นแล้วหรือ!” ซ่งสวินได้ยินดังนั้ ดวงตาก็ลุกวาวขึ้นมาแล้วร้องออกมาทันที พูดจบก็นึกถึงเรื่องปีศาจจิ้งจอกสามหางนั่นขึ้นมากะทันหัน จึงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ข้าเกือบลืมไปเลย เมื่อก่อนที่เมืองยง ท่านอ๋องเคยเห็นปีศาจจิ้งจอกตัวหนึ่งกระมัง ตอนนั้นท่านอ๋องรู้สึกว่าสิ่งนั้นน่ากลัวหรือไม่”
“สิ่งนั้นหรือ” ฮั่วเจ้ายวนได้ยินดังกล่าวก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้าทันที
ซ่งสวินมิใช่ว่าจัดซ่งอิงเป็นประเภท…สิ่งนั้นกระมัง
ทันใดนั้น ฮั่วเจ้ายวนรู้สึกไม่สบอารมณ์
“เป็นคนหรือปีศาจขึ้นอยู่กับจิตใจ ตอนแรกปีศาจจิ้งจอกตนนั้นแม้ว่าเป็นตัวประหลาด แต่ก็ไม่เคยทำร้ายผู้คนถึงแก่ชีวิต ถึงขั้นที่ทั้งคนในครอบครัวและนอกครอบครัวก็ต้องขอบคุณนางที่ให้ความช่วยเหลือด้วยซ้ำ พี่เขย เป็นคนต้องมีคุณธรรมในใจเข้าไว้ มิเช่นนั้นจะสู้สัตว์เดรัจฉานไม่ได้ด้วยซ้ำ” ฮั่วเจ้ายวนกล่าวเย็นชา
ซ่งสวินตะลึงงัน “แต่ว่า…หากปีศาจตนนี้กินคนเล่า”
มิหนำซ้ำยังกินหลายคนในคราวเดียวอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านี้ แต่ยังบีบบังคับให้เขาเก็บเป็นความลับอีกด้วย
“กินคนหรือ” ฮั่วเจ้ายวนตะลึงงัน ซ่งอิงกินคนหรือ
“ใช่ ปีศาจที่กินคน ควรทำอย่างไร” ซ่งสวินเผยสีหน้าจริงจัง
“เป็นไปไม่ได้” ฮั่วเจ้ายวนยืนกราน “ท่านต้องเข้าใจผิดแล้วเป็นแน่!”
“ข้า…” ซ่งสวินอึดอัดใจจะแย่ เขาเห็นกับตาตัวเอง ยังจะเป็นการเข้าใจผิดได้อีกหรือ หรือว่าเขาตาลายไปแล้ว
ซ่งสวินไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไร ถึงอย่างไรก็พูดไม่ได้ว่าจู่ๆ กู้หมิงเป่าก็ถูกปีศาจตนนั้นครอบงำร่าง นอกจากนี้ปีศาจตนนั้นยังช่วยชีวิตพวกเขาไว้ด้วยกระมัง แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงประเด็นนี้ ในใจซ่งสวินก็ไม่ได้รู้แย่ขนาดนั้นแล้ว อย่างไรเสียที่ปีศาจกินก็…เป็นคนชั่วช้า
ตอนที่ 882 วาดปีศาจลงภาพวาด
ซ่งสวินในขณะนี้ทำได้เพียงปลอบใจตัวเองเช่นนี้เหมือนกัน อย่างไรเสียเขาก็เล่าเรียนหนังสือมาและท่องจำตัวบทกฎหมายของราชสำนักได้ขึ้นใจ แต่ในใจเขา วิธีการปฏิบัติต่อคนชั่วช้าก็ไม่ใช่การกินเข้าไปอยู่ดี…
แต่กินคนเลว ถึงอย่างไรก็ดีกว่ากินผู้บริสุทธิ์ ทำให้คนรู้สึกสบายใจได้หน่อย
“ไยจึงไม่พูดแล้วล่ะ” ฮั่วเจ้ายวนขมวดคิ้ว “ท่านเคยเห็นปีศาจที่ไหนมาหรือ เป็นปีศาจอะไร”
“เปล่า กลางวันแสกๆ ปีศาจจะมาจากไหนได้” ซ่งสวินเริ่มยืนกรานปฏิเสธ
เขามีท่าทีเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้ฮั่วเจ้ายวนเชื่อว่าที่ซ่งสวินพูดน่าจะเป็นซ่งอิง หากเป็นคนอื่น ซ่งสวินจะปิดบังเช่นนี้ทำไม
“นางเป็นปีศาจที่ดี แม้ว่าชื่นชอบในเงินตรา แต่หลายปีมานี้ข้าก็ไม่เคยเห็นนางทำเรื่องเลวร้ายอันใด ถึงขั้นเป็นคนที่มีหลักการมากอีกด้วย ท่านอย่าได้ทำลายน้ำใจนางเลย” ฮั่วเจ้ายวนเอ่ยออกมาอย่างหน้าตาเฉย
“?” ซ่งสวินตะลึงงัน
ฮั่วเจ้ายวนหมายความว่าอะไรหรือ
ที่เขาพูดหมายถึงใครกัน เป็นปีศาจจิ้งจอกตัวนั้นหรือ ถึงอย่างไรก็ไม่ถึงขั้นกล่าวถึงกู้หมิงเป่ากระมัง!
ซ่งสวินเต็มไปด้วยความงุนงงสับสน หลังผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ช่างเถิด ไม่เอ่ยถึงสิ่งเหล่านี้แล้ว ท่านอ๋อง ท่านก็มาพักผ่อนใจเช่นกันกระมัง ดูชีวิตแต่ละวันของน้องสาวข้าที่หมู่บ้านสวนแห่งนี้สิ กิจการนับวันยิ่งจะเจริญรุ่งเรืองจริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องสาวข้าไปรับสมัครคนจากไหนมาจึงทำงานกันอย่างสดใสเริงร่าทั้งนั้น”
คนเหล่านี้ที่ซ่งอิงซื้อเอามา บ้างก็กำลังทำงาน บางส่วนกำลังเย้าแหย่กัน มองดูคึกครื้นอย่างยิ่ง
ฮั่วเจ้ายวนกวาดตามองไป ถึงกับเลิกคิ้วขึ้นมาฉับพลัน
เขา…เห็นอะไรแล้วน่ะหรือ
ที่เห็นก็คือโขยงแมงมุม แมลง ตัวหนอน ผีเสื้อ งูขาวตัวใหญ่ หรือแม้กระทั่งหนูและกวางตัวเล็กอะไรพวกนี้ก็มี…
ฮั่วเจ้ายวนรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าตนเองตาฝาดไปแล้ว ดังนั้นจึงขยี้ตา เมื่อมองอีกครั้งก็ยังไม่ผิดไปจากเดิม ทั้งหมดคือ…ปีศาจ
ดังนั้นครอบครัวข้าทาสที่ซ่งอิงซื้อกลับมาเหล่านี้ ล้วนเป็นปีศาจน้อยที่นางเลี้ยงไว้…
น่าจะเป็นสาเหตุที่เขาบำเพ็ญเพียร จึงได้มองเห็นได้ทั้งเทพเซียนและปีศาจ
เพียงแต่ว่าจำนวนปีศาจมากไปหน่อยแล้วหรือไม่ นี่ไม่เพียงแค่อยู่ในเมืองหลวง ทางด้านเมืองยงแห่งนั้นยังมีอีกเท่าไหร่!
ฮั่วเจ้ายวนอึกอัก ส่วนซ่งสวินกลับเกิดความกระตือรือร้นอย่างยิ่งขึ้นมากะทันหัน วิ่งกลับเข้าไปในเรือนแล้วหยิบเอาอุปกรณ์การเขียนออกมา เขามองไปยังทิวทัศน์การทำงานที่ไกลออกไป เตรียมวาดภาพที่งดงามสักรูป
“ภาพฉากงดงามเช่นนี้ไม่เก็บเอาเป็นภาพวาดคงน่าเสียดายจริงๆ” ซ่งสวินยิ้มเล็กน้อยยามเอ่ย
ภาพฉากงดงาม…
ฮั่วเจ้ายวนพรูลมหายใจออกมา “เมื่อครู่ท่านยังนึกถึงเรื่องปีศาจอยู่เลยมิใช่หรือ นี่ออกจะอารมณ์เปลี่ยนไวไปหน่อยแล้วกระมัง”
“มองเห็นผู้คนที่ขยันขันแข็งมากขนาดนี้ จะมัวนึกถึงเรื่องที่วุ่นวายสับสนได้อย่างไรเล่า” ซ่งสวินยิ้มเล็กน้อย เขาถึงขั้นอยากจะแต่งกวีสักบทด้วยซ้ำ!
“เช่นนั้นเกิดที่อยู่ตรงหน้าท่านนี้ล้วนเป็นปีศาจทั้งสิ้นล่ะ” ฮั่วเจ้ายวนหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ขึ้นมากะทันหัน
ซ่งสวินสีหน้าชะงักแข็งทื่อ น้ำหมึกจากปลายพู่กันในมือหยดลงบนกระดาษ เขาจึงรู้สึกเสียดายในทันที จากนั้นรีบเปลี่ยนอีกแผ่น “จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า ท่านดูสิ เป็นคนทั้งนั้น คนเป็นๆ ท่านอ๋องพบเห็นสังคมโลกภายนอกมาน้อย ปีศาจจิ้งจอกตัวนั้นก็แค่เป็นผู้ที่จิตใจดี ดังนั้นท่านจึงคิดว่าปีศาจทั่วหล้านี้ล้วนเหมือนกันทั้งนั้น แต่ในความเป็นจริง…”
“ในความเป็นจริง?” ฮั่วเจ้ายวนเลิกคิ้ว
ซ่งสวินหัวเราะแห้ง
ในความเป็นจริง ปีศาจหน้าตาน่ากลัวมาก
ปีศาจจิ้งจอกไม่ถือว่าร้ายกาจอะไรเลย เทียบกับปีศาจงูใหญ่ตนนั้น มันก็ไม่ต่างจากอาหารเรียกน้ำย่อยเลยด้วยซ้ำ
ฮั่วเจ้ายวนยิ้มเล็กน้อยด้วยความขบขัน
หากซ่งสวินรู้ว่าที่เขาวาดในขณะนี้เป็นปีศาจทั้งหมด จะทำอย่างไร
“ข้าคิดว่า…ในเมื่อท่านต้องการวาดพวกเขา ไม่สู้ให้พวกเขาชี้นำจะดีกว่า” หลังผ่านไปครึ่งชั่วยามโดยประมาณ ฮั่วเจ้ายวนมองไปยังรูปวาดนั้นชั่วครู่แล้วกล่าวอย่างจริงจัง
ครั้นซ่งสวินได้ยินดังกล่าวก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จากนั้นจึงเรียกคนเหล่านั้นมาหา
ถูกสตรีกลุ่มหนึ่งห้อมล้อม ซ่งสวินจึงค่อนข้างอายเช่นกัน ดีที่คนเหล่านี้แววตาใสบริสุทธิ์ มองดูเป็นผู้ร่าเริงสดใสไร้เดียงสาโดยแท้จริง