ตอนที่ 897 เล่านิทาน
สืออิ๋งไม่ชอบอย่างยิ่ง เพียงแต่เห็นว่าเซียนรุ่นเล็กทั้งสองคนนี้ค่อนข้างซื่อตรง จึงไม่แกล้งพวกเขาแล้วเช่นกัน ถึงขั้นว่ายังนำของกินส่วนหนึ่งมาแบ่งให้พวกเขาอย่างใจกว้างเป็นพิเศษอีกด้วย
ด้านนอก หน้าผากซ่งสวินเต็มไปด้วยเหงื่อ มือที่จดปลายพู่กันสั่นเทาเป็นครั้งคราว เขาจึงวาดไม่ดีสักที
ปีศาจเหล่านี้ตั้งเงื่อนไขค่อนข้างมาก หวังให้ซ่งสวินวาดร่างเดิมของพวกเขาออกมาเดี่ยวๆ มิหนำซ้ำแต่ละคนยังวางท่วงท่ากันยกใหญ่และยังขยับเขยื้อนเป็นบางครั้งอีกด้วย ทำให้เขาปวดหัวอย่างยิ่ง
ซ่งสวินยุ่งอยู่กับการวาดภาพมาตลอดช่วงบ่าย วาดออกมาได้แค่สองภาพเท่านั้น คืบหน้าไปอย่างช้ายิ่ง
ที่ร้ายแรงไปกว่านั้นคือฟ้ามืดแล้ว เขาต้องเลือกปีศาจน้อยมานอนด้วยหนึ่งคน
ปีศาจน้อยเหล่านี้ล้วนค่อนข้างไร้เดียงสา รู้เพียงแค่ซ่งสวินเป็นพี่ชายของซ่งอิง ดังนั้นไม่ได้ปฏิเสธความต้องการของเขาแต่อย่างใด อีกทั้งตอนนี้ตัดขนแกะเสร็จแล้ว ด้ายขนสัตว์ที่จำเป็นต้องถักก็ไม่ได้มากมาย ดังนั้นทุกคนจึงมีเวลาเหลือเฟือ ตราบใดที่เงื่อนไขความต้องการเหมาะสม พวกเขาล้วนตกลงทั้งนั้น
ซ่งสวินครุ่นคิดแล้วครุ่นคิดอีก สุดท้ายจิ้มไปจิ้มมาก็ไปจิ้มถูกหนอนตัวที่ปลุกให้เขาฟื้นจากการหมดสติเมื่อวันนั้น
หนอนผีเสื้อ…ออกจะตัวใหญ่ไปหน่อย
รูปร่างหนาอย่างกับท่อนแขน ตามตัวเขียวเลื่อม กล่าวว่ามันค่อนไปทางอัปลักษณ์ แต่ก็รู้สึกว่าสีสันนี้สดใสงดงามดี
ซ่งสวินถอนหายใจ “เจ้า เจ้ายินยอมนอนกับข้าในคืนนี้หรือไม่”
ซ่งสวินรู้สึกอายไม่น้อยหลังจากเอ่ยถ้อยคำดังกล่าวจบ ดีที่ปีศาจตนนี้ไม่ใช่เพศเมีย
“ยินยอมอยู่แล้วสิ ท่านจะเล่านิทานให้ข้าฟังได้หรือไม่” หนอนผีเสื้อเผยสีหน้าไร้เดียงสา “ข้ารู้ว่าท่านเป็นบัณฑิตจิ้นซื่อ เคยอ่านตำราประเภทนั้นมามากมาย ดังนั้นท่านต้องเล่านิทานได้น่าฟังเป็นพิเศษแน่”
ซ่งสวินสีหน้าชะงักงันไป
ยามราตรี…
เขาเล่านิทานมาตลอดคืนหนึ่งคืน
ไม่รู้เช่นกันว่าปีศาจตนนี้ไปเอาความมีชีวิตชีวาขนาดนี้มาจากไหน หลังฟังจบก็ยังต้องการฟังต่ออีก
กระทั่งถึงเช้า หนอนผีเสื้อจึงเดินจากไปอย่างสุขใจมาก เขาไปจับกลุ่มอยู่กับสหาย ไม่ลืมคุยโวโอ้อวดนำต้นฉบับนิทานที่ซ่งสวินเล่าบอกกล่าวให้คนอื่นฟัง เมื่อทำเช่นนี้ กระทั่งถึงตอนเย็น ไม่ต้องให้ซ่งสวินชักชวน ปีศาจหนึ่งกลุ่มใหญ่ก็พากันมาอออยู่หน้าประตูห้องของเขา มิหนำซ้ำยังไปนอนบนเก้าอี้ตัวยาวของเขาหน้าตาเฉย เบิกตาดำแป๋วคู่โต ต้องการฟังเขาเล่านิทานต่อ
จริงๆ แล้วซ่งสวินอยากเล่านิทานให้ปีศาจฟังแค่ตนเดียวเท่านั้น!
เขาถึงขั้นคิดไว้เสร็จสรรพแล้วว่า หนอนผีเสื้อตัวนี้ดูค่อนข้างนุ่มนวล หนึ่งเดือนนี้ เขาเพียงแค่ฝืนอยู่กับหนอนผีเสื้อตัวนี้ก็พอแล้ว ใครจะรู้ว่าตอนนี้กลับแห่มากันหมด!
เขายังจะทำอย่างไรได้อีก ไม่กล้าไล่ปีศาจพวกนี้ไปด้วยซ้ำ
ซ่งอิงทักษะการได้ยินดีเยี่ยม จึงได้ยินเสียงปีศาจกลุ่มหนึ่งดังจอแจคล้ายพูดคุยอะไรกันอยู่กลางดึกดื่น ทำนองว่า ‘ภรรยาผู้เล่าเรียนหนังสือและอัครเสนาบดี’ ถึงขึ้นตอนที่ฟังไปถึงครึ่งคืน ปีศาจน้อยเหล่านี้ยังร้องไห้ขึ้นมาอีกด้วย
พวกมันเอ่ยพูดถ้อยคำทำนองว่า ‘ภรรยาสาวน่าสงสารเกินไปแล้ว’ และเอ่ยว่า ‘ลูกผู้ดีมีเงินคนนั้นนิสัยเสียเกินไปแล้ว’
ซ่งอิงถึงกับตกตะลึงเล็กน้อย
สืออิ๋งช่างโหดเหี้ยมจริงๆ
ถึงขั้นคิดลูกไม้ที่โหดๆ อย่างการให้พี่ชายนางเล่านิทานให้ปีศาจฟังออกมาได้!
ดูท่า นางจำเป็นต้องบำรุงร่างกายซ่งสวินให้ดีๆ เข้าไว้ มิเช่นนั้นขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ต่อให้เป็นเทพเซียนก็รับไม่ไหวเช่นกันน่ะสิ!
เพียงแต่ว่าวิธีการนี้น่าจะได้ผล
ซ่งสวินในตอนนี้มองปีศาจที่อยู่ข้างล่างแต่ละคนน้ำตาตกจนดวงตาแดงก่ำ รู้สึกงุนงงจนทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
ชีวิตมนุษย์อย่างเขาผู้นี้มาถึงช่วงเวลาเช่นนี้ได้ก็น่าจะถึงจุดสูงสุดแล้วกระมัง
ถึงขั้นทำให้ปีศาจอย่างพวกมันร้องไห้ได้ด้วยสงครามทางวาจา?
ไม่กล้าเชื่อสายตาตนเองเลยจริงๆ
แต่มองเห็นปีศาจเหล่านี้พรั่งพรูความรู้สึกออกมาอย่างแท้จริง ซ่งสวินพลันรู้สึกว่าความรู้สึกกลัวเลือนหายไปหมดแล้ว เมื่อก่อนเขารู้สึกว่าปีศาจดุร้ายและจะกินคน แต่เมื่อมองดูพวกเขาเหล่านี้ แต่ละคนดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆ
เว้นแต่ภาพลักษณ์ภายนอกยามที่เปลี่ยนเป็นปีศาจซึ่งมองดูชวนตกใจกลัวหน่อย นอกนั้นก็ไม่มีอันใดต่างจากมนุษย์
แน่นอนว่าปีศาจน้อยเหล่านี้ไม่น่ากลัว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าสืออิ๋งผู้นั้นจะเหมือนเช่นพวกเขา
ตอนที่ 898 กระเจิดกระเจิง
ซ่งสวินไม่โง่เขลา หากเล่านิทานในแบบเดียวกันให้สืออิ๋งฟัง ไม่แน่ว่าสืออิ๋งจะด่าทอออกมาทันทีและต้องการจับบัณฑิตที่อยู่ในนิทานผู้นั้นกินเข้าไปเสียเลย
จะว่าไประหว่างปีศาจกับปีศาจก็มีความแตกต่างมากเช่นกัน!
ซ่งอิงเห็นซ่งสวินคลุกคลีอยู่กับปีศาจเหล่านี้ได้ไม่เลวและอาการก็ดูดีขึ้นมากแล้วเช่นกัน ถึงขั้นบางครั้งยามเผชิญหน้าปีศาจเหล่านี้ยังเผยรอยยิ้มที่ดีใจออกมาเล็กน้อยอีกด้วย ซ่งอิงจึงไม่ค่อยพอใจกับพฤติกรรมที่เขาเอาแต่อยู่ในหมู่บ้านสวนแห่งนี้เสียแล้ว
“ข้าไปไม่ได้ ข้าบอกกับซั่งเฟิงไว้แล้วว่าลาหยุดเพิ่มได้อีกหลายวัน” ครั้นซ่งสวินได้ยินว่าซ่งอิงต้องการไล่เขากลับไปก็ร้อนรนใจขึ้นมาทันที
หากเขาไปแล้ว เช่นนั้นก็เท่ากับไม่ได้เก็บคำพูดของสืออิ๋งมาใส่ใจน่ะสิ ถึงตอนนั้นได้เป็นปัญหาใหญ่กันพอดี!
“ท่านลาหยุดก็ไม่ได้เป็นปัญหาหรอก แต่งานของท่านนั้นเดิมทีก็คือต้องอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้เพื่อสร้างการมีตัวตนอยู่ในราชสำนัก บัดนี้ไม่อยู่ตั้งนานขนาดนี้ เรื่องที่ทำได้ล้วนถูกคนอื่นแย่งไปหมดแล้ว ฮ่องเต้เดิมทีมีความประทับใจในตัวท่านอยู่บ้าง ตอนนี้เห็นท่านไม่อยู่ตลอด มีหรือจะไม่เกิดความไม่พอใจ” ซ่งอิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า “ท่านเชื่อข้า ไปวันนี้เลย หลังจากนี้เว้นแต่วันหยุด มิเช่นนั้นก็ไม่ต้องมาแล้ว”
ตำแหน่งงานซ่งสวินไม่ได้ใหญ่โต แต่ก็มีโอกาสได้เจอฮ่องเต้เช่นกัน
ตัวอย่างเช่นฮ่องเต้ต้องการให้มีคนมาอ้างอิงตำหรับตำรา จึงจะเรียกเหล่าบัณฑิตจำพวกซ่งสวินไปพบ
วาดภาพและอ่านตำราเป็นเพื่อนฮ่องเต้ หรือแม้กระทั่งบางครั้งก็ต้องคัดลอกพระราชโองการทั่วไปให้ฮ่องเต้ นี่ล้วนเป็นหนึ่งในเนื้อหางานที่เขาจำเป็นต้องทำ
แต่ตำแหน่งงานทำนองนี้ก็มิใช่มีเพียงซ่งสวินผู้เดียวเท่านั้น หลายต่อหลายครั้ง ฮ่องเต้ล้วนเรียกใช้คนคุ้นเคยไปทำ ที่ทำตัวเหมือนอย่างซ่งสวินลักษณะนี้ หลังจากฮ่องเต้เคยถามไถ่ไปสามสี่ครั้งกลับพบว่าคนผู้นี้ไม่อยู่ตลอด เกรงว่าภายหลังอยากจะเสนอหน้าก็คงเป็นการยากแล้ว
“แต่…” ซ่งสวินเผยสีหน้าลังเลสับสน “ยังไม่ได้อยู่ดี ข้า ข้าอยู่ต่ออีกหน่อยเถอะ ไม่ ไม่เป็นไรหรอก”
เส้นทางขุนนางมีหรือจะสำคัญกว่าชีวิตน้อยๆ ของซ่งอิง
ซ่งอิงเห็นเขาชักช้าร่ำไร นางจึงขมวดคิ้วนิ่วหน้า
หลังจากลังเลชั่วครู่ นางจึงตัดสินใจเปลี่ยนแนวคิดก่อนหน้านี้ของตนเองโดยการกล่าวออกไปตรงๆ “มิใช่ว่าเพราะสืออิ๋งกระมัง ท่านวางใจเถอะ ข้าให้ท่านไป นางไม่ว่าอะไรหรอก”
“???” ซ่งสวินตะลึงงัน “สืออิ๋งหรือ เจ้ารู้จักสืออิ๋งด้วยหรือ! น้องพี่ ไฉนเจ้าจึงได้…หรือว่านางไปหาเจ้าแล้ว!”
“เมื่อก่อนข้าก็เคยบอกกับท่านแล้วว่าข้ามิใช่น้องสาวคนเดิมของท่าน ท่านน่าจะจำได้กระมัง” ซ่งอิงเอ่ยถาม
ซ่งสวินพยักหน้า
“ในเมื่อข้าไม่ใช่น้องสาวดั้งเดิมของท่าน เช่นนั้นรู้จักสืออิ๋งก็ไม่มีอันใดแปลกนี่เจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง
“แต่สืออิ๋งนาง นางเป็นปีศาจ…” ซ่งสวินพูดจบ ต่อจากนั้นพลันนึกถึงเรื่องราวมากมาย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความกลัว “เจ้า เจ้าก็เป็นปีศาจเช่นกันใช่หรือไม่ ข้าน่าจะนึกได้แต่แรก ที่นี่จะมีปีศาจน้อยจำนวนมากขนาดนี้ได้อย่างไรเล่า อีกทั้ง พวกนางดีต่อเจ้าเป็นพิเศษ เชื่อฟังคำพูดของเจ้าอย่างยิ่ง…”
“เจ้าเป็นคนเลี้ยงพวกมันทั้งหมดสินะ” ซ่งสวินสติกระเจิงเล็กน้อย
เขารู้ว่าซ่งอิงไม่ใช่น้องสาวของเขาอย่างสิ้นเชิงเสียทีเดียว แต่มีรูปลักษณ์และความทรงจำของนางสาวเขา เขาจึงไม่เคยเห็นนางเป็นคนนอก
แต่บัดนี้นางกลับบอกกล่าวเขาอย่างกะทันหันว่านางก็เป็นปีศาจ!
“ข้าในตอนนี้เป็นคนอย่างจริงแท้แน่นอน” ซ่งอิงลังเลไปชั่วครู่ “ทว่าเป็นปีศาจหรือคนมันสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ หากสืออิ๋งเป็นคน นางคงช่วยชีวิตท่านและช่วยกู้หมิงเป่าไว้ไม่ได้ หากข้าเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ ถึงแม้ข้ามีเงินทองอย่างนับไม่ถ้วน ก็มิใช่ว่าจะต่อกรจวนโหวได้ง่ายดายขนาดนั้นเช่นกัน” ซ่งอิงกล่าวเสียงเรียบเฉย
ซ่งสวินตะลึงงัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าล้วนเป็นจริงอย่างที่ซ่งอิงพูด
“ดังนั้นท่านอ๋องฮั่วก็รู้เช่นกันว่าเจ้ารู้จักปีศาจกระมัง มิเช่นนั้นวันนั้นเขาคงไม่สุขุมได้เช่นนั้น” ซ่งสวินกล่าวอีกครั้ง
“เขารู้เจ้าค่ะ” ซ่งอิงพยักหน้า และไม่ได้พูดว่าฮั่วเจ้ายวนเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด
เพราะบางคนดิ้นรนมาจากดินโคลน ก็อย่างเช่นซ่งสวิน ส่วนบางคนก็เหนือกว่าผู้อื่นและแตกต่างจากผู้อื่นมาแต่ไหนแต่ไร อย่างเช่นฮั่วเจ้ายวน
หากให้ซ่งสวินรู้ความจริงนี้ ต่อให้จิตใจปกติแค่ไหน เกรงว่าก็จะสติกระเจิดกระเจิงได้อยู่เล็กน้อยเช่นกัน