หิวแสง Give me the Spotlight – [เล่ม 1] ตอนที่ 1

[เล่ม 1] ตอนที่ 1

สายลมต้นฤดูร้อนพัดพาความอบอุ่นผ่านหน้าต่างอย่างอ่อนโยน

ช่วงบ่ายสอง ระเบียงทางเดินของโรงพยาบาลเงียบสงบ ไร้สรรพเสียง

พยาบาลสาวสองคนในวอร์ดกำลังกระซิบกระซาบกัน คนที่ไว้ผมม้ายื่นโทรศัพท์ให้อีกคนแล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนอยากรู้อยากเห็น

“รูปใหม่ออกแล้วนะ”

“เหลียงจี้หล่อไปไหม?” พยาบาลผมสั้นทำตาเยิ้ม “เล่นเอาฉันช็อกตาตั้งไปเลย”

“เฉียวอิ้งฉิงก็สวยไม่เบา เกือบสี่สิบแล้วยังสาวขนาดนี้ ดูแลตัวเองดีจริงๆ”

“แถมได้แต่งงานใหม่กับผู้ชายดีๆ แล้วยังมาท้องอีก โอ๊ย! ทำบุญด้วยอะไรนะ” พยาบาลผมสั้นอิจฉาตาร้อน

“ว่าแต่… เรื่องนี้คนใหม่ชื่นมื่น คนเก่าน้ำตานองหน้าสินะ” พยาบาลผมม้าเดินจนสุดระเบียงแล้วพยักพเยิดหน้าไปที่ห้องคนไข้ “ยัยนั่นต้องรับไม่ได้แน่นอน”

“เบาๆ หน่อยสิ” พยาบาลผมสั้นขัดจังหวะ “ถ้าหัวหน้าได้ยิน โดนดุแน่!”

พยาบาลผมม้ายักไหล่แล้วไม่พูดอะไรอีก

ห้องคนไข้ห้องสุดท้ายดึงม่านปิดมิดชิด ไม่เปิดไฟ มีเพียงเสียงลมจากแอร์ที่เย็นฉ่ำคล้ายห้องเก็บศพ

หญิงสาวที่นั่งอยู่กลางเตียงแววตาเหม่อลอย ทีวีถูกเปิดทิ้งแบบไร้เสียง รายการบันเทิงกำลังออกอากาศภาพของชายหนุ่มหญิงสาวหน้าตาดีที่กำลังกอดกันอย่างมีความสุข

‘กู้เซียง’ กำผ้าปูที่นอนแน่น แววตาโกรธแค้น

“เหลียงจี้…” เป็นสามีภรรยากันมาสี่ปี เธอไม่เคยเห็น ‘เหลียงจี้’ มีสีหน้าอิ่มเอมและเปี่ยมสุขขนาดนี้ แม้แต่ในวันแต่งงานก็ยังคงนิ่งเฉย แววตาไร้ความรู้สึก

กู้เซียงคิดมาตลอดว่าเขาเป็นคนโลกส่วนตัวสูง มาวันนี้ถึงได้รู้ว่าเพราะเธอไม่ใช่ ‘เฉียวอิ้งฉิง’ คนที่จะพาเขาขึ้นสู่ตำแหน่งราชาแห่งวงการบันเทิง

หลังสูดหายใจเข้าลึก กู้เซียงก็ค่อยๆ ลงจากเตียงแล้วเดินไปที่กระจก เอื้อมมือเปิดไฟ

ภาพในกระจกคือหญิงสาวที่ดูอิดโรยอ่อนล้า ใบหน้าซีดเผือด ร่างกายซูบผอม ผมเผ้ายุ่งเหยิง บางครั้งก็ร่วงติดมือเป็นกระจุก แก้มตอบจนโหนกปูดโปนชัดเจน ดวงตาที่เคยสดใสไร้ซึ่งประกายชีวิต

กู้เซียงหันมองโทรทัศน์ ‘เฉียวอิ้งฉิง’ ในวัยสามสิบหกปีกำลังยิ้มหน้าระรื่น ใบหน้าเลือดฝาดอมชมพูคล้ายสาวน้อยวัยแรกรุ่น ทั้งที่ก่อนหน้าไม่ได้สวยสะดุดตาหรือโดดเด่นอะไร แต่วันนี้กลับออร่าพุ่ง เหยียบกู้เซียงจนจมดินโดยง่าย

กู้เซียงนั่งเหม่ออยู่ในห้องผู้ป่วย เธอเคยงดงามอย่างไร้ที่ติ ผมดำขลับเป็นมัน แค่แต่งแต้มใบหน้าด้วยเครื่องสำอางเล็กน้อยก็ดูดีแล้ว

ด้วยความที่มีใบหน้าเป็นเอกลักษณ์ หลังโฆษณาตัวแรกถูกเผยแพร่ เธอก็ถูกเลือกไปเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง กระทั่งขึ้นเป็นศิลปินหญิงอย่างเต็มตัว

ไม่นานกู้เซียงก็เริ่มมีชื่อเสียง ยิ่งมีพรสวรรค์ด้านการแสดงก็ยิ่งทำให้เธอยืนหยัดอยู่ในวงการบันเทิงได้อย่างมั่นคง แต่โชคชะตากลับเล่นตลก พัดพาให้เธอไปเจอกับเหลียงจี้…

พวกเขาเล่นเป็นคู่พระนางในภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ตอนนั้นเหลียงจี้ได้รับสมญานามว่า ‘ราชาแห่งวงการบันเทิง’ กู้เซียงเองก็แอบชอบรูปร่างหน้าตาและบุคลิกสุขุมนุ่มลึกของเขาตั้งแต่ก่อนเข้าวงการบันเทิงแล้ว

หนังเรื่องนี้เป็นแนวดราม่า คนที่ไม่เคยมีแฟนอย่างเธออินกับบทบาทอย่างหนัก ประกอบกับความรักที่เก็บงำอยู่ในใจ จึงหลงรักเหลียงจี้แบบโงหัวไม่ขึ้น

ตอนนั้นเหลียงจี้เลิกกับเฉียวอิ้งฉิงได้ปีกว่า พอเห็นว่าเขาโสด อีกทั้งฝ่ายหญิงก็แต่งงานใหม่ไปแล้ว กู้เซียงจึงเดินหน้าสานสัมพันธ์กับเขา สุดท้ายก็ตกลงคบหากัน

สำหรับเธอ แค่ได้อยู่กับเหลียงจี้ชีวิตก็มีความสุขราวกับอยู่ในโลกแห่งความฝัน แม้เขาจะไม่ค่อยมีความรับผิดชอบ แต่เธอก็ยอมปิดตาหนึ่งข้าง ปล่อยผ่านข้อบกพร่องมากมาย กระทั่งยกย่องให้เขาเป็นแฟนที่ดีที่สุด

ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็หมั้นหมายและแต่งงานกัน

ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี คล้ายเจ้าชายกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย เหมือนกับการแต่งงานของเฉียวอิ้งฉิงและเหลียงจี้ในวันนี้ สื่อทุกสำนักออกข่าวครึกโครม เพื่อนในวงการต่างร่วมแสดงความยินดี

ตลอดสามปีที่แต่งงานกัน กู้เซียงอยากมีลูกมาก แต่เหลียงจี้ปฏิเสธและยกเรื่องงานขึ้นอ้าง

ผู้ชายยิ่งอายุมากก็ยิ่งเนื้อหอม นานวันเข้าสามีของเธอก็ยืนหยัดในวงการบันเทิงอย่างมั่นคง จนได้ห้องทำงานและห้องพักส่วนตัวในสตูดิโอ เมื่อไม่ค่อยกลับบ้าน ช่วงเวลากับครอบครัวจึงน้อยลงเรื่อยๆ

เหลียงจี้มีทัศนคติที่ว่าผู้ชายเป็นใหญ่ในบ้าน เขาไม่ยอมให้กู้เซียงกลับไปเล่นละครหลังแต่งงาน ซึ่งเธอก็ยอมทำตาม นานๆ จะรับงานโฆษณาสักครั้ง ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านเต็มเวลา แฟนคลับของกู้เซียงต่างพากันเสียดาย แต่เธอรักเหลียงจี้ จึงยินดีสละทุกอย่างเพื่อเขา

ความรักมักทำให้คนตาบอด โดยเฉพาะตอนที่รักคนผิด…

ย่างเข้าปีที่สี่ กู้เซียงแอบหยุดยาคุม พอตั้งครรภ์กลับมีข่าวฉาวระหว่างเธอกับผู้กำกับที่เคยร่วมงานด้วยกัน ภาพไม่เหมาะสมมากมายถูกปล่อยออกมา

กู้เซียงรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนตรงไปตรงมา อาจกระทบกระทั่งกับคนอื่นโดยไม่ตั้งใจ อย่างตอนที่เข้าวงการใหม่ๆ เธอถูกคนใส่ร้ายป้ายสี แม้จะทำไม่สำเร็จแต่ก็แปดเปื้อนมลทินไม่น้อย

เพียงชั่วข้ามคืน ชาวเน็ตต่างพากันรุมด่ากู้เซียง หาว่าเธอเป็นหญิงสำส่อน นอกใจสามี แกล้งทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์มาตลอด

ผู้คนในโซเชียลอาละวาดอย่างหนัก แทบไม่มีความยับยั้งชั่งใจใดๆ ข้อความด่าทอหยาบคายมากมายทำกู้เซียงเครียดจนถึงขั้นแท้งลูก

แทนที่เหลียงจี้จะปลอบใจ เขากลับขอหย่า

ต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนมีความอดทนสูงมาก สามารถเก็บงำความรักที่มีต่อเฉียวอิ้งฉิงแล้วมาแต่งงานกับกู้เซียงได้

เมื่อเฉียวอิ้งฉิงหย่า เหลียงจี้ก็สบโอกาส ถ่านไฟเก่าปะทุขึ้นอีกครั้ง ภรรยาอย่างกู้เซียงจึงต้องกลายเป็นผู้เสียสละ

“ผมยินดียกทรัพย์สินมากกว่าครึ่งให้คุณเพื่อแลกกับอิสรภาพ”

คำว่า ‘อิสรภาพ’ ตรงกับนิสัยของเหลียงจี้ที่ไม่ชอบเดินตามใคร

เฉียวอิ้งฉิงโลดแล่นในวงการบันเทิงมานานหลายปี เป็นดาราสาวที่ภาพลักษณ์สูงส่ง ดูยังไงก็ไม่ร้ายกาจถึงขั้นแย่งสามีของคนอื่น

เหลียงจี้ยอมทำเพื่อรักแท้ วางแผนแยบยลด้วยการสาดโคลนใส่กู้เซียงอย่างไม่ปรานี ข่าวฉาวระหว่างกู้เซียงกับผู้กำกับ ภาพที่ถูกปล่อย รวมถึงการแถลงข่าวต่อหน้าสาธารณชน ทำให้เธอกลายเป็นหญิงชั่วทันที

กู้เซียงไม่ได้มีอดีตที่งดงามหมดจดเหมือนเฉียวอิ้งฉิง เธอไม่น่ารักเรียบร้อย นิสัยโผงผางตรงไปตรงมาจนเพื่อนร่วมงานไม่พอใจ ซ้ำยังเคยมีข่าวเสียหายอีก

ตอนยังรัก แฟนคลับที่หลงใหลได้ปลื้มก็พอจะให้อภัยได้ แต่เมื่อหมดรัก สิ่งเหล่านี้ก็กลายเป็นยาพิษขนานแรง

ข่าวฉาวถูกประโคมอย่างไม่หยุดยั้ง ผู้คนพากันสงสารเหลียงจี้ที่ถูกหญิงสำส่อนอย่างกู้เซียงสวมเขานานหลายปี

เรื่องพวกนี้ทำกู้เซียงอดสงสัยไม่ได้ว่านางมารร้ายเห็นแก่ตัวในข่าวคือเธอจริงๆ หรือเปล่า?

เหลียงจี้ตัดสินใจหย่าอย่างเด็ดขาด กู้เซียงจึงโวยวายและร้องไห้ออกสื่อ แต่กลับไม่มีสำนักข่าวไหนอยากจะทวงความยุติธรรมให้กับดาราตกกระป๋อง

แม้แต่วันที่เธอเป็นลมจนต้องเข้าโรงพยาบาล สื่อทุกสำนักก็ยังลงข่าวการแต่งงานของเหลียงจี้กับเฉียวอิ้งฉิงตามปกติ

กู้เซียงจ้องคู่กิ่งทองใบหยกในจอโทรทัศน์ด้วยแววตาโศกเศร้า ข้อความในเวยป๋อเต็มไปด้วยคำอวยพรให้ทั้งสองครองรักกันชั่วนิรันดร์

เมื่อโลกใบนี้ทอดทิ้งเธอ จากที่เคยรักหมดใจ ก็กลายเป็นความแค้นฝังอก

หากจะบอกว่าการที่เหลียงจี้รักเฉียวอิ้งฉิงนั้นไม่ผิด แล้วเมียเก่าอย่างเธอผิดตรงไหน?

กู้เซียงยอมออกจากวงการบันเทิง ทำทุกอย่างตามคำสั่งของเหลียงจี้ด้วยการเป็นแม่บ้านเต็มเวลา รักและเชื่อมั่นในตัวเขา ก่อนจะถูกทรยศอย่างไม่ไยดี

นี่อาจไม่ใช่การทรยศ เพราะเหลียงจี้ไม่เคยรักเธอ เขาคือนักแสดงชั้นเลิศที่สามารถทำชีวิตจริงให้เป็นเหมือนละคร คำพูดอ่อนหวานที่เคยกระซิบบอก กลับกลายเป็นเรื่องตลกในวันนี้

พอเฉียวอิ้งฉิงแต่งงาน เขาก็รีบคว้ากู้เซียงมาแต่งงานด้วย พอเฉียวอิ้งฉิงหย่า เขาก็ไม่รีรอที่จะเข้าไปแทนที่อดีตสามี ทอดทิ้งกู้เซียงที่ยังสาวยังสวยและรักเขาหมดใจให้ต้องสูญเสียทุกอย่าง

วัยสาวของผู้หญิงทุกคนล้วนมีค่า แต่เขากลับทำลายจนป่นปี้!

“นี่มันมากเกินไปแล้ว…” กู้เซียงพึมพำ เดินโซเซไปที่หน้าต่าง

หลังเปิดม่านออก แสงจากภายนอกรวมถึงไอร้อนก็ส่องกระทบใบหน้าของเธอ ไม่ต่างจากวันแรกที่ได้ยืนท่ามกลางสปอตไลต์

หัวใจของกู้เซียงพองโต แต่เมื่อได้เห็นรอยแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย เธอก็รู้สึกสิ้นหวังจนแทบเสียสติ

ภาพสุดท้ายที่กู้เซียงเห็นคือภาพของพื้นดินที่ค่อยๆ ชัดขึ้น พร้อมกับเสียงกรีดร้อง

“ฉัน… ฉันรับไม่ได้อีกแล้ว!”

“เซียงเซียง เซียงเซียง!”

เสียงเรียกดังกระทบโสตประสาท คล้ายมีใครกำลังเขย่าแขนเธออยู่

กู้เซียงรู้สึกเหมือนทั้งร่างแตกละเอียด มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจดังอยู่รอบกาย

หลังลืมตาขึ้นช้าๆ เธอก็พบกับหญิงสาวอายุประมาณยี่สิบต้นๆ ใส่เสื้อยืดสีขาว เหงื่อโซมกาย แววตาร้อนรน

“เหวินจิ้ง?” กู้เซียงพึมพำ

พอเห็นอีกฝ่ายฟื้น ‘เหวินจิ้ง’ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วรีบส่งขวดน้ำให้

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท