กระแสในอินเทอร์เน็ตมาไวไปไว หากเรื่องนี้ไม่ถูกพูดถึงก็จะเงียบไปเอง กู้เซียงไม่เชื่อว่าชื่อของเธอจะเป็นกระแสได้ตลอด เฉินเหล่ยเองก็เป็นดาราหน้าใหม่ คงไม่กล้าหาเรื่องถึงขนาดนั้น
ต้องยอมรับว่ากู้เซียงเป็นคนดวงดีมาก เพราะครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นก็มีข่าวใหม่ถูกดันขึ้นกลบกระแสของเธอแล้ว
#จ่านหยางโผล่ที่เมือง G
‘จ่านหยาง’ คือดาราที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เป็นเน็ตไอดอล เป็นนักแสดงแถวหน้า เล่นทั้งภาพยนตร์และละคร แถมยังเป็นนักร้องอีกด้วย
แม้เหลียงจี้จะได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงอันดับต้นๆ ของประเทศ แต่จ่านหยางกลับเหนือชั้นกว่า
ต้นสังกัดของเหลียงจี้สร้างภาพลักษณ์ราวกับเทพบุตรให้เขา เพื่อจะได้เดินบนเส้นทางนี้อย่างสง่างามและมั่นคง ซึ่งตรงกันข้ามกับความเป็นจริงเพราะเขาเป็นคนค่อนข้างทะเยอทะยาน
แม้เหลียงจี้จะเป็นนักแสดงที่มีความสามารถ แต่โลกใบนี้กลับมีคนประเภทที่ได้บางอย่างมาโดยง่าย ขณะที่คนอื่นต้องใช้ความพยายามอย่างมหาศาล และจ่านหยางก็เป็นคนประเภทนั้น
จ่านหยางโดดเด่นในทุกๆ ทาง หน้าตาดี ชาติตระกูลเพียบพร้อม สุขุมนุ่มลึก และไม่เคยมีข่าวเสียหายมาก่อน
หากจะบอกว่าไอดอลคืออาชีพอย่างหนึ่ง จ่านหยางก็คือคนที่ทำอาชีพนี้ได้อย่างสมบูรณ์
เขาแย่งส่วนแบ่งการตลาดก้อนใหญ่จากดาราชายในวงการบันเทิง เป็นที่รักของทุกคน และถนัดเรื่องบริหารเสน่ห์อย่างมาก
ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขาเล่นเป็นพระเอกคือหนังฟอร์มยักษ์ที่ร่วมทุนสร้างกับต่างประเทศ แต่เมื่อผลงานถูกเผยแพร่ แทนที่เขาจะอยู่ชื่นชมความโด่งดังของตัวเอง กลับหายเข้ากลีบเมฆ
หลังจากนั้นก็ปรากฏตัวเป็นครั้งคราว รับบทไม่เคยซ้ำ แม้ผลงานจะดูไม่มาก แต่ภาพยนตร์และละครที่เลือกรับล้วนโด่งดังทั้งสิ้น
เหลียงจี้เคยถูกชวนไปเล่นเป็นนักแสดงชายอันดับสามในภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง บทของเขาถูกเขียนขึ้นเพื่อเรียกคะแนนจากแฟนคลับ แต่สุดท้ายจ่านหยางก็ได้ไป
เรื่องนี้ทำเหลียงจี้มีอคติกับจ่านหยางอย่างมาก เขาบอกกู้เซียงว่าอีกฝ่ายมีคนคอยหนุนหลัง ทำให้ได้รับโอกาสดีๆ ตลอด รวมถึงพื้นฐานครอบครัวที่ร่ำรวย นักข่าวจึงไม่กล้าเสนอข่าวในทางที่เสียหาย ทั้งที่ไม่ได้มีความสามารถด้านการแสดงเท่าไหร่
แต่กู้เซียงไม่คิดเช่นนั้น จึงไม่เก็บเรื่องของพวกผู้ชายมาคิดให้รกสมอง ใครจะรู้ว่าการกลับมาครั้งนี้ของเธอ จะมีจ่านหยางคอยช่วยกู้สถานการณ์ให้
ข่าวการปรากฏตัวของจ่านหยางที่เมือง G ขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่งในเวยป๋ออย่างรวดเร็ว
ที่ทุกคนตื่นเต้นก็เพราะซูเปอร์สตาร์คนนี้ค่อนข้างเก็บตัว โพสต์เหน็บแนมดาราหน้าใหม่ของเฉินเหล่ยจึงถูกข่าวของจ่านหยางกลืนหายไปในพริบตา
กู้เซียงจิบน้ำแล้วเปิดดูโพสต์ที่กำลังติดเทรนด์อันดับหนึ่งในเวยป๋อ ภาพที่เห็นคือชายหนุ่มในชุดลำลองสีดำ สวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า รูปร่างสูงโปร่ง
พริบตาเดียว คอมเมนต์กว่าหมื่นข้อความก็ปรากฏขึ้นที่ใต้โพสต์ บรรดาแฟนคลับพากันกรีดร้องด้วยความดีใจ
“หล่อมาก ขาอย่างยาวอะ”
“อยู่ดีๆ ก็กลับมา หรือจะมีผลงานใหม่?”
“ขอให้ได้เป็นพระเอก ขอให้ได้เป็นพระเอก ขอให้ได้เป็นพระเอก”
“คุณสาของฉัน!”
บรรยากาศแห่งความยินดีนี้ไม่ต่างจากช่วงเฉลิมฉลองปีใหม่ แทบไม่หลงเหลือร่องรอยการก่นด่าอย่างไม่มีใครยอมใครเมื่อครู่
ศัตรูของศัตรูนับว่าเป็นเพื่อน ชาติที่แล้วเหลียงจี้ริษยาจ่านหยางมาก นั่นแปลว่าชาตินี้เธอควรเชื่อมสัมพันธ์กับจ่านหยางเอาไว้
กู้เซียงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย เพราะแม้แต่เฉียวอิ้งฉิงก็ไม่เคยได้ร่วมงานกับจ่านหยาง ซูเปอร์สตาร์คนนี้โลดแล่นในวงการบันเทิงราวกับงานอดิเรก ไม่ทำตัวสนิทสนมกับดาราคนไหนเป็นพิเศษ
ที่ผ่านมาเธอเป็นคนวู่วาม ใจร้อน ครั้งนี้จึงตั้งใจจะลบข้อบกพร่องในอดีตทั้งหมด
เรื่องแรกที่กู้เซียงต้องรับมือคืองานแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทต้นสังกัดกับสตูดิโอผู้ผลิตซีรีส์เน็ตไอดอล
งานนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอโดยตรง แต่เนื่องจากเป็นดาราหน้าใหม่ บริษัทจึงต้องพาออกงาน เพื่อให้ผู้คนชินตา เปิดโอกาสให้ได้พบปะกับคนเบื้องหลังภาพยนตร์และละคร เพราะความบังเอิญที่เกิดขึ้นในวงการนี้ อาจเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา
กู้เซียงรู้ดีว่ามันคือโอกาสทองสำหรับดาราหน้าใหม่ แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดเมื่อชาติที่แล้วก็ตาม
ท่ามกลางผู้คนมากมาย ชุดที่เธอใส่มาร่วมงานเกิดปริขาด แม้จะรวบผ้าไว้ได้ทัน ไม่ถึงขั้นโป๊เปลือย แต่ก็ถูกนักข่าวเอาไปเขียนในทางเสียหาย ตามด้วยถ้อยคำเยาะเย้ยถากถางอีกมากมาย
เรื่องการปะทะคารมในเวยป๋อ รวมถึงเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยกลางงานแถลงข่าว ทำกู้เซียงกลายเป็นกระแสในแง่ลบ ซึ่งค่อนข้างรุนแรงสำหรับดาราหน้าใหม่ที่เกือบต้องอำลาวงการอย่างถาวร
หากไม่ใช่เพราะบังเอิญได้งานภาพยนตร์ ชื่อของเธอคงไม่ต่างจากนักแสดงตัวเล็กๆ อีกหลายคน ที่ไม่มีวันได้เจิดจรัสในวงการ เพราะไม่ว่าจะปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอีกกี่ครั้ง วีรกรรมที่เคยสร้างก็ไม่อาจลบเลือนได้ ต้องทนกระแสโจมตีอยู่เกือบครึ่งปี
แล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เสื้อผ้าของเธอปริขาด?
ทั้งที่ก่อนวันงานได้ตรวจสอบชุดอย่างดีแล้ว กู้เซียงเองก็ไม่เคยพลาดเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้
ท่ามกลางดาราหน้าใหม่ เธอปรากฏตัวด้วยหน้าตาที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ บริษัทจึงให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ
ในเมื่อขวางทางก็ต้องถูกโค่น การแก่งแย่งชิงดีในวงการบันเทิงไม่ใช่เรื่องแปลก ต่อให้ไม่หาเรื่องใครก่อนก็ใช่ว่าจะไม่ถูกหาเรื่อง
อุตส่าห์ได้กลับมาเกิดอีกครั้ง เธอจะไม่ยอมพลาดซ้ำรอยเดิมเด็ดขาด หากใครคิดขวางทาง ก็พร้อมจะเอาคืนทันที
กู้เซียงเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดราตรีสีดำแนบเนื้อที่ออกแบบอย่างประณีตออกมา
ชายกระโปรงที่เป็นริ้วระบายเปลี่ยนความสุขุมให้กลายเป็นสดใส การตัดเย็บค่อนข้างแน่นหนา ไม่ปริแตกง่ายๆ แน่นอน
ชุดนี้เคยถูกกู้เซียงฉีกเป็นชิ้นๆ หลังจบงานแถลงข่าว แต่วันนี้เธอกำลังรูดซิปหลัง ติดตะขอยึดกระดุมด้วยความมั่นใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น เหวินจิ้งมารับกู้เซียงที่หอพัก เพราะเด็กใหม่ที่ยังไม่มีชื่อเสียงบริษัทจะไม่เตรียมรถรับส่งไว้ให้
พอกู้เซียงขึ้นนั่งบนรถ เหวินจิ้งก็แอบดูสีหน้าของอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าเธออารมณ์ดีจึงส่งนมและไข่ต้มให้
“โอเคขึ้นไหม?” เหวินจิ้งเปิดประเด็น
“โอเคนะ” กู้เซียงก้มลงดื่มนม “ได้จ่านหยางมาช่วยกลบกระแสแล้วนี่”
“ชื่อนี้เยียวยาได้ทุกสิ่งจริงๆ” เหวินจิ้งอมยิ้ม
กู้เซียงกลอกตามองบน แม้แต่ผู้จัดการส่วนตัวของเธอก็ยังหลงเสน่ห์ของจ่านหยาง “เยียวยาอะไรกัน เขาเพิ่งจะแสดงเป็นฆาตกรโรคจิตไม่ใช่เหรอ?”
“เสียดายเมื่อวานไม่อยู่ที่นั่น อดได้ลายเซ็นเลย” เหวินจิ้งยังคงรำพึงรำพัน
“…..”
“ไม่แน่อาจได้เจอเขาที่งานแถลงข่าววันนี้ อย่าลืมขอลายเซ็นมาให้ด้วยนะ หรือฉันควรเข้าไปขอเขาถ่ายรูปเอง? แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว!” ตอนทำงาน เหวินจิ้งค่อนข้างเป็นมืออาชีพ แต่ถึงจะเป็นถึงผู้จัดการศิลปิน เธอก็อายุแค่ยี่สิบต้นๆ หากจะออกอาการคลั่งไคล้ดาราก็คงไม่แปลก “รู้งี้แวะสระผมกับเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่า ไม่เป็นไรๆ แต่งหน้าเพิ่มเอาแล้วกัน”
“พอได้ยัง!” กู้เซียงเริ่มหมดความอดทน “แล้วจ่านหยางจะมางานแถลงข่าวนี้ทำไม?”
เหวินจิ้งทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะสงบปากสงบคำ
จ่านหยางทั้งหน้าตาดี มีฐานะ ฝีมือการแสดงเป็นเลิศ มั่นใจในตัวเอง ไม่ทำตามคำสั่งของใครง่ายๆ จะเชิญไปงานแถลงข่าวหรืองานเลี้ยงรับรางวัลทีก็ต้องดูอารมณ์ก่อน เพราะแม้แต่งานประกาศรางวัลสำคัญๆ ก็ยังถูกเขาปฏิเสธ นับประสาอะไรกับงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์ของบริษัทไร้ชื่อทุนน้อย
หลังก้มหน้าพักหนึ่ง เหวินจิ้งก็ทำเสียงตื่นเต้นอีกครั้ง
“รอให้ฉันดันเธอจนดังก่อน ค่อยหาโอกาสถ่ายรูปกับจ่านหยางก็ได้ เซียงเซียง มาสู้ไปด้วยกันนะ!”
กู้เซียงรู้สึกเหมือนกำลังต่อสู้เพื่อให้เหวินจิ้งได้ถ่ายรูปคู่กับจ่านหยาง ไม่ใช่เพื่ออนาคตในวงการบันเทิงอีกต่อไปแล้ว
“เอาเถอะ… เอาที่สบายใจ”
เมื่อพวกเธอไปถึง ฝ่ายสถานที่ก็กำลังง่วนกับการจัดแสงและลองเครื่องเสียง
บริษัทต้นสังกัดของกู้เซียงชื่อว่า ‘หัวเซิน’ มีแนวโน้มว่าจะเติบโตไปในทิศทางที่ดีในอีกสิบปีข้างหน้า แต่ตอนนี้ยังเป็นเพียงบริษัทเล็กๆ ไม่มีดาราแถวหน้าในสังกัด มีเพียงดาราอันดับสองและสามเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กใหม่ที่ยังไม่ได้เข้าวงการ
ในฐานะศิลปินที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก กู้เซียงไม่มีข้ออ้างใดๆ ที่จะเข้างานสาย จึงรีบมาถึงก่อนเวลาเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งตัว
ชาติที่แล้วเธอมัวแต่โมโหกับเรื่องในเวยป๋อจนนอนดึก หลังไปร่วมงานสายก็ยังต้องเจอเรื่องชุดขาดอีก ช่างไร้สาระจริงๆ
เหวินจิ้งทักทายพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ด้านหน้า แต่เนื่องจากมาถึงก่อนเวลาหลายชั่วโมง เธอจึงต้องไปรายงานตัวกับทีมงานก่อน กู้เซียงจึงไปยืนรอตรงประตูหลังเวที
“กู้เซียง”
หญิงสาวที่เรียกเธอจากด้านหลังดูจะอายุน้อยกว่า ผมสีน้ำตาลเข้มม้วนเป็นลอน หน้าม้าเรียบตรงเสมอกัน สวมชุดราตรีสีชมพู ชายกระโปรงเป็นริ้วระบาย บุคลิกทั้งอ่อนโยนและอ่อนหวาน