หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 9

ตอนที่ 9

เถียนลี่เป็นคนเคร่งครัดกับการทำงาน เข้มงวดแต่จริงใจ ขอเพียงรู้กาลเทศะและตรงต่อเวลาก็จะสามารถทำงานกับเขาได้อย่างราบรื่น

การที่กู้เซียงกระตือรือร้นขอช่องทางการติดต่อ สร้างความประทับใจให้เถียนลี่อย่างมาก คนหนุ่มสาวในวงการบันเทิงมักชอบถือตัว ยิ่งเขาได้เห็นกับตาว่ากู้เซียงมีไหวพริบเพียงใด ก็ยิ่งวางใจและอยากให้เธอมาร่วมงานด้วย “อีกสักครู่ผมจะให้ผู้ช่วยติดต่อคุณ ถ้าสนใจก็ลองศึกษาบทก่อนได้”

“ยินดีค่ะ” กู้เซียงตอบด้วยรอยยิ้ม

รอจนกระทั่งเถียนลี่เดินจากไป เหวินจิ้งจึงเขย่าแขนกู้เซียง “ดวงพลิกแล้วแม่นางเอก!”

“แค่ไปทดสอบหน้ากล้องเอง”

“ฉันเชื่อว่าเธอทำได้” เหวินจิ้งให้กำลังใจ “ส่วนบทจะเป็นยังไง เหมาะกับเธอหรือเปล่า ค่อยว่ากันอีกที”

กู้เซียงรู้อยู่แล้วว่าหนังเรื่องนี้จะช่วยยกระดับของเถียนลี่ในฐานะผู้กำกับให้สูงขึ้น แถมยังได้รับฉายา ‘นักบันทึกเรื่องราวทางสังคม’ อีกด้วย

เมื่อกลับถึงที่พัก กู้เซียงไม่ได้รีบเปิดคอมพิวเตอร์ในทันที แต่ดึงลิ้นชักแล้วหยิบสมุดบันทึกออกมา

การได้เจอกับเถียนลี่ในงานแถลงข่าว นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่อยู่เหนือความคาดหมาย เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะให้โอกาสอีกครั้ง แถมยังชวนให้ไปแคสต์งานด้วยตัวเองอีก

เถียนลี่เป็นคนค่อนข้างพิถีพิถัน ชาติที่แล้วหลังจากที่กู้เซียงโด่งดัง เขาเคยติดต่อผู้จัดการส่วนตัวของเธอเพื่อชวนไปเล่นหนัง แต่เธอไม่สนใจ เพราะไม่อยากแต่งตัวสกปรกและอยากเล่นหนังฟอร์มยักษ์มากกว่า

เมื่อย้อนทบทวน เธอก็พบว่าภาพยนตร์ที่ฝากความประทับใจจริงๆ มีเพียงไม่กี่เรื่อง แม้จะเปลี่ยนบทบาทกี่ครั้ง ก็ยังเหมือนขาดอะไรบางอย่างอยู่

ในฐานะดาราหน้าใหม่ การค่อยๆ ไต่เต้าในวงการหรือการก้าวเพียงก้าวเดียวเพื่อขึ้นสู่จุดสูงสุดล้วนใช้ความสามารถทั้งสิ้น ประเภทแรกอาจต้องทุ่มเทเวลามากกว่า แต่การดังเร็วเกินไปก็อาจไปขัดแข้งขัดขาคนประเภทแรกได้

หนังของเถียนลี่เข้ากับช่วงชีวิตของกู้เซียงพอดี แม้จะไม่ใช่หนังฟอร์มยักษ์ แต่แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง มีประเด็นให้ชวนคิดตาม หนังแบบนี้ไม่ได้ทำให้ดาราหน้าใหม่มีชื่อเสียงในชั่วพริบตา แต่ก็เป็นเวทีให้แสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่

หน้าตาดีจะเป็นตัวดึงดูดความสนใจ ส่วนความสามารถด้านการแสดงจะเป็นตัวดึงดูดแฟนคลับ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับกู้เซียงเลย

ภาพยนตร์ของเถียนลี่มีชื่อว่า ‘คืนรัง’

ชาติที่แล้ว กู้เซียงดาวน์โหลดเรื่องนี้มาจากอินเทอร์เน็ต ตอนนั้นเธอแต่งงานกับเหลียงจี้แล้ว จึงใช้เวลาว่างแสนน่าเบื่อไปกับการดูหนังเพื่อฆ่าเวลา ทว่าเนื้อเรื่องกลับดีเกินคาด ทำเธอร้องไห้จนแทบจะถอนตัวออกจากอารมณ์เศร้าไม่ได้

ภาพยนตร์ถูกสร้างในแบบของเถียนลี่ โดยเล่าถึงชีวิตของหญิงสาวสี่คนในยุค 90

พวกเธอเป็นเพื่อนรักกัน ออกจากบ้านในชนบทมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง หวังจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ชีวิตในเมืองหลวงไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด หนึ่งในนั้นต้องทำงานก่อสร้างด้วยความยากลำบาก ถูกของหนักหล่นจากที่สูงทับจนสิ้นใจ คนที่สองไปเป็นโสเภณี คนที่สามกลายเป็นเมียเก็บของผู้บริหาร ส่วนคนที่สี่กลายเป็นลูกจ้างในร้านตัดผม

ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนความเป็นจริงของสังคม ทำให้เห็นว่าอุดมการณ์กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อต้องอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง

ความปรารถนาของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด หลังผ่านพ้นความไร้เดียงสาในวัยเยาว์ ก็เหลือเพียงความจริงอันน่าอนาถ ท่ามกลางสังคมอันฟอนเฟะ

เถียนลี่ไม่ลืมที่จะสะท้อนแง่มุมอันดีงามของพวกเธอด้วย ในช่วงท้ายหญิงสาวทั้งสามซื้อตั๋วรถไฟกลับบ้านพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย พอลองย้อนคิดถึงวันที่พวกเธออยากจะออกจากบ้านเพื่อไปเผชิญกับโลกใบใหม่ น้ำตาก็นองหน้าด้วยความโศกเศร้า

หนังเรื่องคืนรังไม่ได้สื่อถึงการได้กลับบ้านเท่านั้น แต่ยังสื่อถึงเจตนาอันบริสุทธิ์ของการกลับบ้าน สลับกับภาพสะท้อนชะตากรรมที่ทั้งสี่ได้ประสบพบเจอมา

บทที่ผู้ช่วยของเถียนลี่ให้กู้เซียงอ่านคือบทของผู้หญิงที่ต้องไปเป็นโสเภณี

ตัวละครนี้ชื่อว่า ‘ฟางฟาง’ หน้าตาสวยแต่ยากจน เมื่อครอบครัวต้องการสินสอดไปให้น้องชาย เธอจึงถูกบังคับให้แต่งงานกับพ่อม่ายตาบอดในหมู่บ้านใกล้เคียง แต่ฟางฟางวัยสิบแปดปีมีคนรักชื่อ ‘ต้าขุย’ ซึ่งเป็นลูกชายของผู้ใหญ่บ้านอยู่แล้ว ทั้งสองจึงตัดสินใจหนีตามกันไป

หลังแต่งงานจึงจะเรียกว่าเมีย แต่ถ้าหนีตามกันไปจะเรียกว่าชู้

เธอคิดมาตลอดว่าความรักจะทำให้ชีวิตสมบูรณ์ได้ แต่ความจริงไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

ทั้งสองปักหลักอยู่ในเมืองหลวง พอเงินเก็บเริ่มหมด ต้าขุยก็เริ่มออกลาย ดุด่าและทำร้ายร่างกายฟางฟางไม่เว้นแต่ละวัน เมื่อทนลำบากต่อไปไม่ไหว เขาก็หนีกลับบ้านเกิด ทิ้งฟางฟางไว้กับห้องเช่าที่ยังค้างจ่ายอยู่

ฟางฟางใช้ชีวิตต่อในเมืองหลวงด้วยการสมัครเป็นพนักงานร้านอาหาร กระทั่งได้พบกับจิตรกรคนหนึ่ง เขาชอบที่เธอบุคลิกไม่เหมือนใครและมักจะให้ของขวัญแก่เธอ

ฟางฟางไม่เคยได้รับการเอาอกเอาใจขนาดนี้ จึงตกลงปลงใจคบหากับจิตรกรผู้นั้น

นอกจากความสามารถด้านการวาดภาพแล้ว เขาก็เป็นแค่ศิลปินไส้แห้งคนหนึ่ง พอขาดแคลนเงินจึงหลอกขายฟางฟางให้กับเถ้าแก่ผู้ร่ำรวย

เมื่อเถ้าแก่คนนั้นเริ่มเบื่อหน่ายเธอ ฟางฟางที่เคยชินกับการใช้ชีวิตอย่างสุรุ่ยสุร่ายก็ถูกทิ้งขว้าง ล่องลอยไปตามคลื่นลมอย่างไร้ทิศทางและไร้ที่พึ่ง

ชีวิตที่ยากลำบากเปลี่ยนฟางฟางให้กลายเป็นหญิงกร้านโลก จิตใจหยาบกระด้าง ด้วยความที่หน้าตาดีจึงใช้เสน่ห์เย้ายวนผู้ชายจนกลายเป็นสาวเนื้อหอม กระทั่งผันตัวไปเป็นนางบำเรอ ขายบริการทางเพศเพื่อแลกกับเงิน

เมื่อพบว่ากำลังตั้งครรภ์ ฟางฟางไม่คิดที่จะทำแท้ง และหนีแม่เล้าไปซ่อนตัวในโกดังร้างเพื่อคลอดลูกสาว

หลังคลอดลูกได้หนึ่งเดือน เธอก็รีบกลับมาทำงาน แต่ด้วยสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ไม่ได้รับความนิยมเหมือนเคย

บทของฟางฟางสะเทือนใจคนดูอย่างมาก โดยเฉพาะฉากที่สะท้อนถึงความรักของผู้เป็นแม่

เวลามีแขกพาไปเลี้ยงข้าว เธอจะพยายามกินเนื้อสัตว์ให้เยอะที่สุด จะได้มีน้ำนมเพียงพอไปเลี้ยงลูก ถึงขั้นไปเก็บผักเน่าในตลาดมาทำอาหาร เป็นภาพที่ชวนอนาถใจแก่ผู้พบเห็น แต่ถึงจะถูกหัวเราะเยาะ เธอก็ไม่เคยสนใจ

ฉากที่ฟางฟางอุ้มลูกสาวไปโรงพยาบาลกลางดึกของคืนวันฝนตกหนัก ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกสะเทือนใจของผู้ชม สุดท้ายก็ไม่อาจรักษาชีวิตของลูกสาวได้

ในพิธีศพ ฟางฟางยืนเผากระดาษเงินกระดาษทองแล้วพึมพำด้วยแววตาเหม่อลอย

“ฉันมันอาภัพ แค่อยากให้ลูกสาวมีชีวิตที่ดี ไม่ต้องเป็นเหมือนแม่ของมัน ก็ยังทำไม่ได้…”

ที่จริงบทนี้เคยเป็นของดาราหน้าใหม่คนหนึ่ง ที่บุคลิกส่วนใหญ่ไม่เข้ากับตัวละคร ตอนแสดงเป็นฟางฟางสมัยยังสาวก็ทำได้ไม่เลว แต่หลังจากผ่านโลกไปพักหนึ่ง เธอก็เริ่มเข้าไม่ถึงบทบาท

กู้เซียงพยายามนึกย้อนถึงรายละเอียดของภาพยนตร์ ทั้งจากมุมของคนดูและจากมุมของนักแสดง จนรู้ว่าจุดไหนที่เข้าถึงอารมณ์ของคนดู และจุดไหนที่ท้าทายความสามารถของนักแสดง

สิ่งที่เธอต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือ เขียนสิ่งที่ควรระวังและทบทวนปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นให้รอบคอบ จึงจะได้บทนี้มาครอบครองโดยสมบูรณ์

v

เหวินจิ้งมารับกู้เซียงไปกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องคืนรัง

เหตุที่เถียนลี่ชวนเธอไปคัดตัวนักแสดงก็เพราะดาราที่ต้องเล่นเป็นฟางฟางยกเลิกสัญญากะทันหัน ขณะที่ทีมงานเตรียมตารางการถ่ายทำให้เข้ากับคิวของนักแสดงคนนั้นเรียบร้อยแล้ว

เหลือเพียงฉากของฟางฟางที่ยังไม่ถ่ายทำ เถียนลี่จึงอยากได้นักแสดงมาทดแทนเร็วที่สุด

กู้เซียงพอจะเข้าใจที่ผู้กำกับต้องการดาราหน้าใหม่มาเล่น แต่คิดไม่ถึงว่าการกลับชาติมาเกิดจะทำให้เธอได้เป็นนักแสดงผู้โชคดีคนนั้น

แม้ภาพยนตร์เรื่องคืนรังจะไม่ดังมาก แต่การคัดเลือกนางเอกแบบกะทันหันก็นับว่าเป็นโอกาสทองของบรรดาดาราหน้าใหม่ รวมถึงเฉินเหล่ยที่มาในวันนี้ด้วย

หลังจากมีเรื่องกันในเวยป๋อ เฉินเหล่ยกับกู้เซียงก็กลายเป็นศัตรูกันโดยปริยาย

ถึงเฉินเหล่ยจะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเหมยจวงอยู่ แต่ก็เป็นแค่ตัวประกอบเล็กๆ จึงพอจะมีเวลาว่างมาแคสต์งานด้วย

พอเห็นกู้เซียงที่กองถ่าย เธอก็ย่ำส้นสูงเข้าไปหา “คิดว่าใคร ที่แท้ก็เธอนี่เอง!” เฉินเหล่ยเบ้ปากแล้วทำหน้าเยาะเย้ย “มาแคสต์บทตัวประกอบเหรอ? ถ้าบอกแต่แรกฉันจะได้ให้พี่สาวช่วยพูดกับผู้กำกับ จะได้ไม่ต้องลำบาก”

“คุณเฉิน” เหวินจิ้งเริ่มหมดความอดทน “ผู้กำกับเถียนเป็นคนชวนคุณกู้มาแคสต์งานเองนะคะ”

เหวินจิ้งมีหน้าที่ดูแลปกป้องชื่อเสียงของกู้เซียง โดยปกติจะเป็นคนอัธยาศัยดี ไม่เคยพูดจาแดกดันใคร มาวันนี้กลับพูดตอกหน้าอีกฝ่ายจนหงายท้อง

พอได้ยินคำว่า ‘ชวน’ เฉินเหล่ยก็จ้องกู้เซียงอย่างไม่เชื่อสายตา “เป็นไปได้ยังไง?”

กู้เซียงแสยะยิ้มแล้วหันไปพูดกับเหวินจิ้ง “ไปรายงานตัวกันเถอะ”

เฉินเหล่ยโกรธหน้าดำหน้าแดง ก่อนจะตวาดเสียงดังลั่น “หูหนวกหรือไง! ไม่ได้ยินที่ฉันถามเหรอ?”

“ไม่ได้ยิน” กู้เซียงยักไหล่ เดินจากไปแบบไม่แยแส

เธอไม่ใช่หญิงสาวอายุยี่สิบต้นๆ ที่จะมานั่งต่อปากต่อคำกับเฉินเหล่ยในกองถ่าย ถ้าเป็นเมื่อก่อน คงได้ฟาดฝีปากกันไปแล้ว

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท