หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 13

ตอนที่ 13

เฉียวอิ้งฉิงคืออดีตสำหรับสามีเธอ เพราะพวกเขาต่างก็แยกย้ายกันไปแต่งงานแล้ว คิดไม่ถึงว่าคู่ที่ดูเหมาะสมกันมากในตอนแรก จะกลับมาลงเอยกันอีกครั้ง

คนในเวยป๋อกล่าวหาว่ากู้เซียงเข้าไปแทรกกลางระหว่างความรักของทั้งคู่ จนเธอเครียดลงกระเพาะ ปวดท้องปางตาย

เมื่อได้ย้อนเวลากลับมาอีกครั้ง เรื่องนี้กลับเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิม เพราะจู่ๆ เธอก็ต้องมาร่วมงานกับเหลียงจี้

บทที่ต้องเล่นแทงใจกู้เซียงมาก เฉินเมี่ยวคือภรรยาที่ถูกหลอกใช้ ขณะที่รักแท้ของหมิงอ๋องคือภรรยาของคนอื่น

การพยายามทำเพื่อรักแท้ทำให้หลายคนกลายเป็นผู้พลีชีพ เพื่อแสดงให้เห็นถึงเจตนาอันบริสุทธิ์ของนางเอก ตัวร้ายจำต้องแสดงความโหดร้ายให้ถึงที่สุด

มันคือชีวิตรักของกู้เซียง เหลียงจี้ และเฉียวอิ้งฉิงในอดีตชัดๆ เพียงแต่เธอต้องกลายเป็นตัวร้าย

หากเป็นรักแท้ของกันและกันก็ไม่ควรเสแสร้งตั้งแต่ตอนแต่งงาน ที่ถูกคือหมิงอ๋องต้องฟันฝ่ากระทั่งได้อยู่เหนือบัลลังก์ โอบร่างของเฉินเมี่ยวแล้วบอกกับนางว่า “นี่คือสิ่งที่ข้าอยากมอบให้เจ้ามาตลอด” แบบนี้ถึงจะถูก

ไม่ใช่อาศัยจังหวะที่ฮ่องเต้ไม่อยู่ เข้าวังแอบไปเป่าขลุ่ยปักผ้าแบบลอยนวล หากมีกลอนรักให้สักสองสามบท คงกลายเป็นละครน้ำเน่ามากกว่าละครอิงประวัติศาสตร์ ไหนจะนางเอกผู้แสนดี แต่ตอนท้ายโหดเหี้ยมอำมหิต แล้วจะเล่นเป็นนางฟ้าตั้งแต่แรกไปทำไม หากเป็นสาวสวยแสนดีจริงจะไปแทรกกลางระหว่างความรักของผัวเมียคู่อื่นทำไม ก็ไต่เต้าในตำแหน่งสนมต่อไปสิ

สมแล้วที่ถูกเฉินเมี่ยวด่า “หญิงเลวก็คือหญิงเลว!”

กู้เซียงอ่านบทด้วยความรู้สึกอัดอั้นตันใจ เรื่องแรกที่เธอเล่นกับเหลียงจี้คือหนังรักที่เนื้อเรื่องราวกับซินเดอเรลล่า ตอนนั้นเขาคือดาราเจ้าเสน่ห์ในวงการภาพยนตร์ ความหวั่นไหวภายในใจทำให้เธอแสดงได้อย่างสมบทบาทและเป็นธรรมชาติ หลังจากที่พวกเขาโด่งดัง เหล่าแฟนคลับก็เชียร์ให้ทั้งคู่คบหากัน

เมื่อกลับชาติมาเกิดอีกครั้ง กู้เซียงจำต้องปล่อยโอกาสที่จะโด่งดังในวงการ ไม่ใช่เพราะเธอเกลียดเหลียงจี้ แต่เพราะไม่อาจแสดงบทรักกับเขาได้

แม้จะมีความสามารถด้านการแสดงเพียงใด ก็ไม่อาจเอาชนะความรู้สึกที่แท้จริงภายในใจได้

จากที่คิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้ร่วมงานกับเหลียงจี้อีก แต่โชคชะตากลับเล่นตลก

การต้องเล่นเป็นหญิงสาวที่มีแรงแค้นต่อหญิงโฉดชายชั่ว กับบทบาทที่ถูกจัดวางไว้อย่างเหมาะสม อาจทำให้ละครเรื่องนี้ดังเป็นพลุแตก

กู้เซียงกัดแอปเปิลหนึ่งคำ ก่อนจะทบทวนบทอีกครั้ง

เธอจำได้ว่าละครเรื่องนี้มีรายละเอียดหลายอย่าง ตอนนั้นคนที่เล่นเป็นเฉินเมี่ยวคือดาราอันดับสองที่แสดงได้อย่างสมบทบาท จนผู้ชมรู้สึกร่วมอย่างไม่อาจถอนตัวได้

กู้เซียงไม่รู้ว่าทำไมเวินหลินยู่ถึงอยากให้เธอมารับบทนี้ ตัวละครที่ผู้คนเกลียดชัง ถูกกล่าวหาว่าแทรกกลางระหว่างคู่ของเหลียงจี้กับเฉียวอิ้งฉิงเหมือนในอดีต ต่างจากบทของจูชิงฮวนที่ทำให้เฉียวอิ้งฉิงได้ขึ้นเป็นดาราแถวหน้าระดับประเทศ

ชาติที่แล้ว กู้เซียงเคยได้รางวัลนักแสดงดีเด่นเช่นกัน หากทักษะเป็นดั่งอาวุธ เธอก็หวังว่าบทของเฉินเมี่ยวจะทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสความรักที่ขมขื่นเช่นกัน

คิดได้เช่นนี้ จึงพยายามศึกษาตัวละครเฉินเมี่ยวอย่างถ่องแท้ เพราะนักแสดงที่ฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดีจะสามารถทำให้ตัวละครนั้นๆ มีชีวิตได้

เฉินเมี่ยวในนิยายคือตัวละครที่ฉลาดและมีชั้นเชิง ทว่านักแสดงคนก่อนใส่ใจกับผลลัพธ์มากเกินไป จนตัวละครตัวนี้กลายเป็นตัวร้ายที่ดูโง่เขลา

กู้เซียงรู้ว่าจะเล่นบทร้ายยังไงให้ผู้ชมรักและสงสาร แถมมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นทั้งที่ยังไม่มีชื่อเสียง

หญิงเลวก็คือหญิงเลว

ตลอดหนึ่งเดือน กู้เซียงไม่ทำอะไรนอกจากอ่านนิยายเรื่องฉีโฮ่วจ้วนและบทละครเพื่อศึกษาการแสดง

กู้หนานมาเยี่ยมหลายครั้ง เมื่อพี่สาวไม่สนใจมากๆ เข้า เขาก็งอนและหายไป กลายเป็นเหวินจิ้งที่ชื่นชมในความตั้งใจจริงของเธอแทน

ก่อนหน้านี้ กู้เซียงคือคนเกียจคร้านและไร้ความทะเยอทะยานที่สุดของบริษัทหัวเซิน แม้จะมีรูปร่างหน้าตาสะสวย แต่วงการบันเทิงไม่ได้อาศัยเพียงรูปโฉมอย่างเดียว มาวันนี้เธอกลับเปลี่ยนเป็นคนละคน ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ท่าทีกระตือรือร้นนี้อาจทำให้บริษัทให้โอกาสเธออีกครั้ง

ไม่นานก็ถึงวันเปิดกล้อง

“ทำไมวันนี้สวยจัง?” เหวินจิ้งทักตอนกู้เซียงขึ้นรถ

งานเปิดกล้องไม่จำเป็นต้องแต่งตัวสวยหรือหล่อมาก แม้แต่ดาราดังบางคนก็ยังใส่แค่แว่นตาดำ เธอจึงแต่งหน้าบางๆ ผมยาวรวบสูงไว้บนศีรษะ ใส่เสื้อยืดสีขาว สวมเสื้อคลุมไหมพรมสีชมพู กางเกงยีนเข้ารูปช่วยเสริมให้ขาเรียวยาว ประกอบกับรองเท้าผ้าใบที่ช่วยให้ทะมัดทะแมง

จากหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ ที่บุคลิกใสซื่อบริสุทธิ์ พอแต่งตัวแบบนี้ก็คล้ายกับนักเรียนหญิงที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย

ดาราหน้าใหม่จะชอบแต่งหน้าจัดๆ เพื่อให้ขึ้นกล้อง ส่วนคนที่แต่งหน้าเพียงเล็กน้อยจะเป็นดาราที่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองอยู่แล้ว

“สื่อมาหลายสำนัก ต้องแต่งตัวให้ดูดีหน่อย” กู้เซียงตอบด้วยรอยยิ้ม

ที่จริงเธอไม่ได้คิดมากขนาดนั้น ใครจะมาหรือไม่มาก็ไม่สนใจ แต่คู่พระนางอย่างเหลียงจี้และเฉียวอิ้งฉิงมาแน่นอน

ความอาฆาตแค้นไม่ใช่เรื่องที่จะลบได้ง่ายๆ ภาพจำที่แสนเจ็บปวดยังแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของกู้เซียงเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ดังนั้น เธอจะต้องสดใสและมีความสุขเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงโฉดชายชั่วคู่นั้น

ระหว่างการเดินทางกู้เซียงไม่พูดแม้แต่คำเดียว เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย นึกย้อนถึงอดีตที่หดหู่และโศกเศร้าของตัวเอง

เหวินจิ้งสงสัยแต่ก็ไม่กล้าถามตรงๆ จึงได้แต่นิ่งเงียบ

ที่หน้างาน เจ้าหน้าที่มายืนรอต้อนรับพวกเธอแล้วพาเดินจากจุดจอดรถเข้าไปด้านใน

นักข่าวมากันเยอะมาก เสียงเรียกและแสงแฟลชระยิบระยับไปทั่วทั้งงาน แต่กู้เซียงเป็นแค่ดาราหน้าใหม่ จึงไม่มีใครสนใจจะถ่ายรูปเพื่อนำไปเขียนข่าว ทั้งสองจึงเดินผ่านเข้างานได้อย่างราบรื่น เมื่อไปถึงห้องพักนักแสดง ก็พบดาราอีกหลายคนที่มาถึงก่อนแล้ว

หญิงสาวคนหนึ่งนั่งประคองแก้วกาแฟอยู่บนโซฟา เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็เงยหน้าขึ้น พอเห็นกู้เซียง เธอก็หรี่ตาเล็กน้อย

“นักแสดงใหม่ที่เล่นเป็นพระชายาใช่ไหม? ได้ยินผู้กำกับเวินพูดถึงบ่อยๆ ไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้”

กู้เซียงนิ่งไปเล็กน้อย จำได้ว่าคนที่พูดคือดาราแถวหน้าระดับประเทศชื่อว่า ‘เจี่ยงลี่ลี่’

เธออายุสามสิบต้นๆ สวมกระโปรงหนังเอวสูงที่ช่วยเสริมทรวดทรงองค์เอวให้ชัดเจน ใส่รองเท้าบูทยาว ผิวสีน้ำตาลอ่อนผุดผ่อง ดวงตางดงามชวนหลงใหล

หากกู้เซียงคือคนที่มีบุคลิกอ่อนโยนใสซื่อ เฉียวอิ้งฉิงสง่างามภูมิฐาน เจี่ยงลี่ลี่ก็คือคนที่มีบุคลิกเร่าร้อน ดึงดูดสายตาผู้คนตลอดเวลา

เธอแจ้งเกิดในวงการนางแบบ มีรูปร่างหน้าตาเป็นเอกลักษณ์ ฝีมือการแสดงไม่ธรรมดา ทำให้มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ หลังแต่งงานกับนักธุรกิจผู้ร่ำรวย จึงปลีกตัวออกจากวงการบันเทิง ครั้นหย่ากับสามี จึงกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง

ทว่าดาราสาวที่เคยสูญเสียแฟนคลับไปแล้ว การจะเรียกความนิยมท่ามกลางดาราหน้าใหม่ที่แจ้งเกิดในวงการอย่างต่อเนื่องนั้นไม่ง่าย ทำให้เจี่ยงลี่ลี่ไม่รุ่งเหมือนก่อน

กู้เซียงรู้ดีว่าละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนที่เจี่ยงลี่ลี่แสดงเป็นฮองเฮาผู้อำมหิตจะทำให้เธอกลับมาโด่งดังอีกครั้ง แม้จะไม่เท่าเฉียวอิ้งฉิง แต่ความสามารถด้านการแสดงจะช่วยพิสูจน์ตัวเธอ กระทั่งกลับมายืนในวงการได้อย่างมั่นคง

เธอจำเจี่ยงลี่ลี่ได้ขึ้นใจ เพราะชาติที่แล้วหลังหย่ากับเหลียงจี้ คนในวงการบันเทิงต่างอวยพรให้กับความรักของเหลียงจี้และเฉียวอิ้งฉิง แต่เจี่ยงลี่ลี่กลับโพสต์ประชดในเวยป๋อ แถมยังกดถูกใจให้กับบทความที่เขียนเพื่อสนับสนุนกู้เซียง

ไม่รู้ว่าทำไมเจี่ยงลี่ลี่ถึงทำแบบนั้น พวกเธอไม่เคยร่วมงานกัน ไม่สนิทสนมเป็นการส่วนตัว แค่มีชีวิตแต่งงานที่ไม่ราบรื่นเหมือนกันเท่านั้น

“พี่เจี่ยงสวยกว่าฉันอีกค่ะ” กู้เซียงตอบด้วยรอยยิ้ม

ดวงตาของเจี่ยงลี่ลี่ฉายแววประหลาดใจ ทั้งที่เป็นแค่ดาราหน้าใหม่แต่กลับไม่เอาดีเข้าตัว แถมยังชมเธอกลับอย่างรู้งานอีกด้วย

กู้เซียงเคยดูรายการโทรทัศน์ของเจี่ยงลี่ลี่ คนที่กล้าพูดกล้าถามแบบตรงไปตรงมา เธอไม่รู้ว่าภาพที่เห็นคือตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายหรือไม่ แต่เมื่อได้เจอกันวันนี้ก็พอจะดูออกว่าเป็นคนจริงใจ ซึ่งหาได้ยากมากในวงการบันเทิง

“บทที่เธอเล่นน่าหมั่นไส้มาก พวกเด็กใหม่ที่รับบทตัวร้ายมักถูกแฟนคลับตามด่า เตรียมตัวไว้ให้ดีๆ ล่ะ” เจี่ยงลี่ลี่เตือนกู้เซียง

“บทของพี่เจี่ยงก็ร้ายเหมือนกันนะคะ” กู้เซียงกะพริบตาปริบๆ

“งั้นเราก็เป็นพวกเดียวกันแล้วสิ” เจี่ยงลี่ลี่ตอบอย่างสนิทสนม

เจี่ยงลี่ลี่คือนักแสดงที่ตั้งใจทำงานมาก พอรู้ว่ากู้เซียงซ้อมบทมาเป็นอย่างดี ก็ยิ่งตื่นเต้นและสนทนากันอย่างออกรส

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท