หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 16

ตอนที่ 16

ละครเรื่องนี้เน้นนักแสดงหญิงเป็นหลัก โดยเฉพาะนางเอก เพราะเฉียวอิ้งฉิงคือคนเดียวที่เคยได้รับรางวัลนักแสดงดีเด่น

 

หากเธอคือดอกไม้แดงที่กำลังเบ่งบานงดงาม ทุกคนในที่นี้ก็เป็นเหมือนใบไม้สีเขียวที่ช่วยเสริมให้ดอกไม้โดดเด่นยิ่งขึ้น

 

จ่านหยางใช้เวลาแต่งตัวไม่นาน เนื่องจากเป็นแค่องครักษ์ การแต่งกายจึงเรียบง่าย เขาใส่ชุดสีดำดิ้นเงินที่ดูทะมัดทะแมง ผมปลอมถูกยัดไว้ใต้หมวก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาชวนมอง

 

จากตัวละครที่บุคลิกซื่อๆ ถูกเปลี่ยนให้เคร่งขรึม พูดน้อย เป็นที่หมายปองของใครหลายๆ คน แต่ก็ไม่อาจเอื้อมถึง ช่างแต่งหน้าลงเครื่องสำอางเล็กน้อย เพิ่มขอบตาให้ชัดด้วยการกรีดอายไลเนอร์ ยิ่งทำให้ใบหน้าของเขาเหมือนภาพวาด เพิ่มความรู้สึกเย็นชาได้เป็นอย่างดี

 

“ฝีมือใช้ได้” ถางรุ่ยวิจารณ์ในฐานะโปรดิวเซอร์มือทอง “แต่ยังไม่โดนใจเท่าไหร่”

 

เฉียวอิ้งฉิงอาจไม่ดีที่สุด หากแต่ไม่มีใครในที่นี้ฝีมือสูสีกับเธอ

 

“พอได้นะ” จ่านหยางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

 

ถางรุ่ยส่ายหน้า “ครั้งที่แล้วก็บอกว่าเซียงเซียงเล่นได้ดี จะรอดูแล้วกัน”

 

พอเขาพูดจบ เวินหลินยู่ก็ตะโกนขึ้นว่า “กู้เซียง เตรียมตัวเข้าฉาก”

 

“มาแล้วค่ะ” กู้เซียงค่อยๆ เดินเข้าฉากด้วยความระมัดระวัง เพราะกระโปรงแบบโบราณเป็นชั้นๆ ซ้อนกันทำให้เธอเดินไม่สะดวก

 

กู้เซียงแสดงเป็นหมิงอ๋องหวังเฟย การต้องเล่นเป็นชายาของเชื้อพระวงศ์ ทำให้เธอต้องใส่ชุดกระโปรงยาวระพื้นตลอดเวลา หากไม่ระวังก็อาจสะดุดล้มได้

 

เธอปรากฏตัวด้วยใบหน้าและริมฝีปากชมพูระเรื่อ ฟันขาวเรียงตัวสวย คิ้วโก่งได้รูป ดวงตาสดใสเป็นประกาย ผมดำขลับยาวสลวยถูกมัดเป็นมวยอย่างสตรีโบราณในวัง ชุดสีอาทิตย์อัสดงพลิ้วไหวตามการก้าวเดินราวกับมีชีวิต

 

ชาติที่แล้ว กู้เซียงไม่ค่อยรับงานแนวย้อนยุคทั้งที่ฝีมือการแสดงโดดเด่น แต่ไม่ว่าจะเป็นบทบาทไหน เธอก็แสดงได้ดีทั้งหมด ต่อให้เป็นแนวเทพเซียนอภินิหารที่ไม่ถนัด ก็จะใช้ประสบการณ์ที่มีเข้าช่วย

 

ทุกคนในที่นั้นรวมถึงเวินหลินยู่ตะลึงไปตามๆ กัน เดิมกู้เซียงสวยอยู่แล้ว ยิ่งได้แต่งหน้าแต่งตัวแบบโบราณ ก็ยิ่งดึงดูดสายตาผู้คนเข้าไปอีก

 

จูชิงฮวนแต่งกายอย่างสตรีที่เพิ่งเข้าวัง เมื่อเทียบกับชุดของพระชายาก็ดูจืดไปถนัดตา

 

เฉียวอิ้งฉิงหน้าเจื่อนในทันที ยิ่งได้เห็นแววตาชื่นชมที่เหลียงจี้มองกู้เซียง เธอก็ขบกรามแน่น

 

“เริ่มถ่ายกันเลยดีกว่า นานไปเดี๋ยวเธอจะลืมบท” เฉียวอิ้งฉิงหันไปพูดกับเวินหลินยู่

 

“ตาถึงเหมือนกันนะ” ถางรุ่ยแอบสะกิดจ่านหยาง

 

แต่จ่านหยางไม่สนใจเพราะกำลังสนทนาอยู่กับเคลวิน ผู้จัดการส่วนตัวร่างกำยำ แต่บุคลิกอ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิง “เคลาส์ นายนี่หาเรื่องจริงๆ เลยนะ แต่ละฉากพูดไม่เกินสองประโยค บทเล็กขนาดนี้รับเล่นไปได้ยังไง!”

 

หลังจัดเสื้อผ้าให้จ่านหยางเสร็จ ผู้กำกับก็เปลี่ยนมุมกล้องเพื่อเริ่มถ่ายทำฉากของกู้เซียงกับจ่านหยาง

 

จ่านหยางรับบทเป็นองครักษ์ที่ชื่อว่า ‘เจียงเยว่’ ซึ่งจะปรากฏตัวพร้อมกับเฉินเมี่ยวแทบทุกครั้ง มีนิสัยชอบประจบประแจง เป็นตัวละครที่ช่วยเพิ่มความน่าสงสารให้กับพระชายา จนคนดูนึกเสียดายเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่ตามนายผิดคน

 

เวินหลินยู่ตั้งใจให้เจียงเยว่ปรากฏตัวตั้งแต่ต้นเรื่องเพื่อเรียกเรตติ้ง แต่สำหรับดาราหน้าใหม่ที่ต้องประกบคู่กับดาราอันดับต้นๆ ของประเทศ อาจไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ หากไม่ถูกด่าเรื่องฝีมือการแสดง ก็ถูกด่าเรื่องหน้าตา

 

กู้เซียงหน้าตาสะสวยก็จริง แต่ระหว่างการแสดงอาจถูกจ่านหยางกลบรัศมีจนกลายเป็นแค่ตัวประกอบตัวหนึ่ง

 

ฉากนี้บรรยายถึงความเย่อหยิ่งและโหดร้ายของเฉินเมี่ยว พอนางรู้ว่าชายารองในตำหนักจุ้นหวังตั้งครรภ์ ก็สั่งให้เจียงเยว่ไปจัดการแม่ลูกคู่นั้น

 

ภายในห้องโถงที่ประดับตกแต่งอย่างหรูหรา ตั่งนอนถูกปูด้วยพรมขนแกะสีขาวราวหิมะ กระถางทองแดงรูปนกอินทรีมีควันของกำยานลอยออกจากปาก องุ่นสีม่วงลูกโตเป็นมันวาววางอยู่บนจานคริสตัลราคาแพง

 

องครักษ์ในอาภรณ์สีดำยืนสงบนิ่ง แผ่นหลังตั้งตรง ท่าทางสง่างามอย่างชายชาตรี

 

เบื้องหน้าของเขาคือสตรีนางหนึ่งที่กำลังนอนเอนกายท่วงท่าสง่างามและอ่อนช้อยอยู่บนตั่ง ชายอาภรณ์ยาวระพื้น กล้องเบลอภาพบรรยากาศโดยรอบ และภาพหญิงงามก็ชัดขึ้นตรงหน้า

 

“พอนางท้อง ท่านอ๋องก็ไม่มาหาข้าอีกเลย” สตรีที่นอนเอนกายอยู่บนตั่งเอ่ยเสียงเรียบ

 

กู้เซียงถ่ายทอดอารมณ์ผ่านบทพูดได้ดีกว่าที่เวินหลินยู่คิด

 

“แม้แต่ห้องเครื่องก็ต้องแยกกัน คงกลัวว่าข้าจะแอบใส่ยาพิษให้นางกินละสิ อุตส่าห์เห็นว่าตำหนักอ๋องไม่มีเรื่องน่ายินดีมานาน กลับถูกระแวงเสียอย่างนั้น!” น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

 

กล้องจับไปที่ใบหน้าคมสันได้รูปขององครักษ์เจียงเยว่ เขามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบคล้ายไม่ได้จดจ่อกับคำบอกเล่า ทว่าพู่หยกที่ห้อยติดกับดาบบริเวณเอวกลับสั่นไหว ความกดดันกระจายตัวเป็นวงกว้าง บรรยากาศรอบด้านเต็มไปด้วยความตึงเครียด

 

เจี่ยงลี่ลี่กำแขนเสื้อแน่น เธอเคยดูการแสดงของจ่านหยางผ่านจอทีวีมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นเขาแสดงต่อหน้าแบบนี้ เป็นการแสดงที่เข้าถึงบทบาทจนเธอไม่อาจละสายตาได้

 

บรรยากาศในตอนนี้เหมือนโลกคู่ขนาน โลกที่จ่านหยางอยู่คือราชวงศ์หมิง คนที่เหลือเป็นเพียงนักแสดงในกองถ่าย หากต้องเข้าฉากด้วยกันคงเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน

 

กล้องตัดภาพไปที่ใบหน้าของเฉินเมี่ยว

 

ใบหน้าของนางงดงามดั่งดอกไม้แรกแย้ม ริมฝีปากบางยกยิ้ม นิ้วเรียวยาวลูบคลำจานคริสตัลด้วยความรู้สึกที่อึมครึม คล้ายหลงอยู่ในม่านหมอก

 

“หญิงชั่วชอบใช้มารยา ข้าคงใจอ่อนเกินไปนางถึงได้รอดจนถึงทุกวันนี้ ในเมื่อถูกมองในแง่ร้ายทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร ก็คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!” พูดจบก็ลาดสายตาไปที่องครักษ์ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอำมหิต “ครั้งนี้เหมือนเดิมนะ”

 

“ขอรับ” องครักษ์ยอบกายเคารพ

 

ทั้งสองเข้าขากันเป็นอย่างดี ไม่มีจุดบกพร่อง มีแต่จังหวะ น้ำเสียง และการแสดงที่พอเหมาะพอควร แววตาที่สื่อเต็มไปด้วยไฟโทสะ คล้ายการแข่งขันที่คู่ต่อสู้ฝีมือสูสีกันมาก

 

 

v

 

 

การแสดงที่ดีต้องเข้าถึงผู้ชมได้อย่างกลมกลืนลงตัว

 

บางคนมีพรสวรรค์มาตั้งแต่เกิด ถึงอย่างนั้นก็ต้องอาศัยเวลาในการฝึกฝนด้วย ไม่มีดาราหน้าใหม่คนไหนจะโดดเด่นและน่าจับตามองตั้งแต่ครั้งแรก เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องผ่านประสบการณ์และกระบวนการไม่น้อย

 

ถางรุ่ยมองกู้เซียงผ่านทางจอมอนิเตอร์ด้วยแววตาครุ่นคิด เธอดูไม่เหมือนดาราหน้าใหม่ทั่วไป เพราะนอกจากความชำนาญแล้ว ยังต่อบทได้เป็นธรรมชาติ คล้ายจมอยู่กับบทบาทของตัวละครตลอด ดาราหน้าเก่าหลายคนยังทำได้ยาก แต่คนที่เคยเล่นเป็นตัวประกอบเพียงครั้งเดียวกลับทำได้ดี

 

องครักษ์เจียงเยว่เดินออกจากฉากหลังแสดงจบ ส่วนสาวงามที่เอนกายอยู่บนตั่งก็หลุบตาลง ลูบคลำนิ้วมือของตัวเอง ราวกับกำลังซึมซับจิตวิญญาณของตัวละคร

 

เฉินเมี่ยวคือหญิงงามไร้สมอง ทั้งบ้าคลั่งและอำมหิต แต่กู้เซียงเลี่ยงที่จะถ่ายทอดบุคลิกน่ารังเกียจนี้ออกมา และพยายามแสดงให้เห็นอีกมุมด้วยการต่อว่าหมิงอ๋องที่ละเลยภรรยาจนนางกลายเป็นคนแบบนี้

 

กู้เซียงทั้งตัดพ้อทั้งแสดงสีหน้าโศกเศร้า ดึงอารมณ์จากภายในออกมาเพื่อเปลี่ยนตัวละครที่แข็งกร้าวให้ดูน่าสงสาร

 

“คัท!” เวินหลินยู่ตะโกนให้สัญญาณ แล้วหันไปพูดกับกู้เซียง “แสดงได้ไม่เลวนี่”

 

นี่อาจเป็นคำชมที่น้อยเกินไป ควรใช้คำว่าฝีมือเกินมาตรฐานมากกว่า ขนาดต้องเล่นกับซูเปอร์สตาร์อย่างจ่านหยาง ก็ยังไม่ถูกเขาแย่งซีน สำหรับดาราหน้าใหม่ถือว่าไม่ธรรมดา

 

เฉียวอิ้งฉิงในชุดจีนโบราณแขนยาวยืนฟังอยู่ด้านข้าง มือที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อกำหมัดแน่น สมองคิดวนไปวนมาด้วยความสับสน

 

เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ถูกชะตากับกู้เซียงตั้งแต่แรกเห็น ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ประหลาดมาก อาจเพราะที่ผ่านมาไม่มีดาราหน้าใหม่คนไหนคิดเทียบฝีมือกับเธอ

 

จากทั้งหมดสองตอน กู้เซียงได้เข้าเพียงสองฉาก ฉากแรกคือฉากที่เฉินเมี่ยวสั่งให้องครักษ์ไปจัดการกับลูกในท้องของชายารอง ฉากที่สองคือฉากที่ชายารองแท้งลูก ทำให้เฉินเมี่ยวมีปากเสียงกับหมิงอ๋อง

 

ฉากแรกเหมือนเป็นการวอร์มอัปเพื่อให้เธอคุ้นเคยกับบรรยากาศโดยรอบก่อน แต่พอถึงฉากสอง นักแสดงสมทบคนอื่นๆ ก็เริ่มจะเกร็ง เพราะรู้ว่าเธอต้องทำได้ดีมากแน่นอน

 

“เซียงเซียง ตามบทเฉินเมี่ยวจะต้องหยิ่งกว่านี้ เธอช่วยทำเสียงให้โหดขึ้นอีกได้ไหม ฉันฟังแล้วไม่ค่อยประทับใจ” เฉียวอิ้งฉิงออกปากแนะนำ

 

เฉียวอิ้งฉิงคือดาราอันดับหนึ่งที่กำลังโด่งดังในวงการ หากได้เธอช่วยแนะนำคงเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่กู้เซียงกลับไม่เห็นด้วย การที่เฉินเมี่ยวดุดันเกินไปจะส่งผลดีต่อจูชิงฮวน เพราะยิ่งโหดเท่าไหร่ ก็จะยิ่งแสดงให้เห็นถึงความฉลาดของนางเอกเท่านั้น

 

น่าเสียดายที่กู้เซียงไม่ใช่ดาราหน้าใหม่ จึงไม่อาจยอมรับคำแนะนำของเฉียวอิ้งฉิงได้ “ขอบคุณพี่เฉียวมากนะคะ แต่ฉันเป็นคนขี้อาย ให้ทำเสียงโหดคงไม่ไหว ทั้งที่ใจจริงก็อยากจะเล่นบทตัวร้ายให้เก่งได้เท่าพี่เหมือนกัน”

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท