หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 23

ตอนที่ 23

พวกเขาเดินออกจากห้องน้ำโดยไม่หันกลับไปมองอีก ปล่อยให้เหลียงจี้ยืนโมโหเพียงลำพัง

 

การออกมาปกป้องกู้เซียงของจ่านหยางทำเขารู้สึกขัดหูขัดตา เหมือนเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น

 

“ขอบคุณมากนะคะ” กู้เซียงบอกจ่านหยาง

 

“ไม่เป็นไร” เขาตอบ

 

“ดูเหมือนคุณจะคอยช่วยฉันตลอดเลย”

 

จ่านหยางช่วยเธอหลายครั้งแล้ว แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่สำหรับดาราหน้าใหม่ เรื่องพวกนี้ส่งผลต่ออนาคตในอาชีพมาก

 

หากตอนนี้เธอคือดาราหน้าใหม่ที่ไร้ประสบการณ์จริงๆ จ่านหยางก็คือคนที่มีพระคุณอย่างยิ่ง

 

“ที่จริงแล้ว…”

 

จ่านหยางคล้ายจะพูดบางอย่างแต่ถูกเหวินจิ้งเข้ามาขัดจังหวะ

 

“เซียงเซียง ผู้กำกับเวินเรียกน่ะ”

 

หลังจากที่เวินหลินยู่อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับฉากหลังให้กู้เซียงฟัง จ่านหยางก็แต่งตัวเสร็จพอดี

 

ฉากนี้คือฉากสุดท้ายของสัปดาห์ จากนี้ก็แค่รอดูกระแสตอบรับและเรตติ้งหลังออกอากาศในสัปดาห์ต่อไป

 

หลายวันมานี้ พวกเขาต้องถ่ายทำกันจนดึก

 

กู้เซียงรู้สึกเหนื่อยล้า เหวินจิ้งจึงปฏิเสธกิจกรรมทั้งหมดของบริษัทเพื่อให้เธอได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เพราะหากพักผ่อนไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อการถ่ายทำฉากต่อๆ ไป

 

ตัวอย่างตอนต่อไปถูกเผยแพร่ในคืนวันจันทร์ เป็นวิดีโอความยาวยี่สิบวินาทีเพื่อเรียกความสนใจจากคนดู มีฉากที่หมิงอ๋องจูบกับจูชิงฮวนอย่างเร่าร้อน ฉากที่เฉินเมี่ยวตบหน้าจูชิงฮวน และฉากที่เฉินเมี่ยวสั่งให้องครักษ์ไปเอาชีวิตจูชิงฮวน

 

หลังตัวอย่างละครถูกเผยแพร่ก็โด่งดังไปทั้งโลกโซเชียล เพราะมีทั้งฉากจูบ ฉากตบ และการปรากฏตัวของจ่านหยาง

 

ก่อนหน้านี้คนดูเห็นฝีมือการแสดงของเฉียวอิ้งฉิงมาพอสมควร แม้จะถูกกู้เซียงแย่งซีนไปบ้างก็ตาม

 

นานแล้วที่วงการบันเทิงไม่มีดาราหน้าใหม่ที่เข้าถึงอารมณ์ของตัวละครขนาดนี้ ทุกครั้งที่เวินหลินยู่ได้สนทนากับกู้เซียง เขาจะเอ่ยปากชมโดยไม่ลังเล

 

โดยรวมเธอคือศิลปินที่ครบเครื่องคนหนึ่ง ต่อให้มีเส้นสายของถางรุ่ยมาเกี่ยวข้อง แต่ความสามารถก็ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ ละครทุกเรื่องสามารถทำให้นักแสดงโด่งดังได้ และครั้งนี้ก็เป็นกู้เซียงในฐานะตัวร้ายหน้าใหม่ที่สามารถดึงดูดความสนใจจากคนดูได้ด้วยความสามารถ

 

การที่เธอไม่ปั่นกระแส ไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะไม่ปั่นกระแส

 

ในนิยายเฉินเมี่ยวไม่ได้ถูกจับตามองมากนัก ต่างจากในละครที่เรียกแฟนคลับได้ไม่น้อย ทั้งวันจะมีผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ผ่านทางเวยป๋อกันต่างๆ นานา ซ้ำยังตั้งคำถามด้วยว่าหากนางเอกกับนางร้ายมาเจอกัน ใครจะเด่นกว่า

 

ยี่สิบกว่าตอนก่อนหน้านี้ นางเอกกับนางร้ายยังไม่เคยเจอกัน เมื่อถึงคราวที่พวกเธอจะได้ปะทะกันในฉาก ทีมจูชิงฮวนกับทีมเฉินเมี่ยวจึงตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ

 

คืนวันพุธ ครูประจำชั้นไม่อยู่ในห้อง บรรยากาศการเรียนภาคค่ำจึงคึกคักกว่าปกติ

 

“อยากกลับบ้านไปดูละครแล้ว” ตู้หยู่หมอบบนสมุดการบ้าน “คืนนี้จ่านหยางออกด้วย ตื่นเต้นจัง”

 

“มีฉากที่จูชิงฮวนถูกตบด้วยนะ” เสี่ยวหมิ่นทำหน้าเศร้า

 

“สมควรแล้ว” ตู้หยู่พูดอย่างไม่ใส่ใจ “กล้าเป็นกิ๊กกับสามีชาวบ้านก็ต้องไม่กลัวถูกตบสิ” เธอเข้าข้างเฉินเมี่ยวอย่างไม่ลังเล

 

“จะบ้าเหรอ!” เสี่ยวหมิ่นตอบกลับด้วยความโมโห “จูชิงฮวนเป็นนางเอกนะ เฉินเมี่ยวใจคอโหดเหี้ยมขนาดนั้น สมแล้วที่จบไม่สวย”

 

“โหดเหี้ยมตรงไหน?” ตู้หยู่เถียงกลับ “ถูกแย่งสามีก็ต้องแก้แค้นสิ ใครจะยอมง่ายๆ”

 

“พูดอะไรของเธอ!” เสี่ยวหมิ่นปัดสมุดด้วยความโมโห

 

ขณะกำลังจะมีปากเสียงกัน ครูที่ปรึกษาก็ชะโงกหน้าเข้ามาในห้อง ตู้หยู่จึงแย่งยางลบที่เคยให้เสี่ยวหมิ่นยืมคืนมา

 

หากจะบอกว่าตู้หยู่คือทีมเฉินเมี่ยวก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะเธอคือทีมกู้เซียงที่ทั้งสวยและฝีมือดี ปรากฏตัวทีไรคนดูมีอันถูกสะกดจิตตลอด

 

เธอมั่นใจว่าดาราคนนี้จะต้องเป็นซูเปอร์สตาร์ในอนาคตอย่างแน่นอน เพียงแต่ต้องใช้เวลาและความสามารถในการพิสูจน์ตัวเอง

 

อีกหนึ่งชั่วโมงก็จะได้กลับไปดูละครที่บ้านแล้ว

 

กดพวกนั้นให้จมดินไปเลยนะกู้เซียง—ตู้หยู่คิดในใจ

 

แต่ที่เธอไม่รู้ก็คือผลลัพธ์หลังละครออกอากาศ ซึ่งรุนแรงยิ่งกว่าที่คิดไว้หลายร้อยเท่า

 

พูดได้คำเดียวว่า ‘เจ๋งมาก’

 

 

ฉีโฮ่วจ้วนก็เหมือนกับละครเรื่องอื่นๆ ที่อาศัยความนิยมของคนดู การฉายตัวอย่างก็เพื่อรักษากระแสให้คงอยู่ได้นาน

 

ส่วนละครจะยังสามารถดำเนินไปตามประเด็นหลักโดยไม่ออกนอกลู่นอกทางได้หรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

หลังละครออกอากาศ มักมีการเปลี่ยนบทเล็กน้อยตามกระแสตอบรับของคนดู หากประสบความสำเร็จก็ถือว่าโชคดี แต่ถ้าไม่ก็อาจถูกด่ายับ

 

เวินหลินยู่คิดมาตลอดว่าละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนจะไม่เป็นเหมือนละครเรื่องอื่นๆ เนื่องจากดัดแปลงมาจากบทประพันธ์ แต่หลังจากออกอากาศจนถึงตอนนี้ คำวิพากษ์วิจารณ์ของชาวเน็ตก็ทำให้เขาเปลี่ยนความคิด

 

คู่พระนางที่ควรจะดังเปรี้ยงปร้างกลับลุ้นไม่ขึ้น ส่วนดาราหน้าใหม่ที่ใช้เส้นเข้ามากลับโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน แม้วงการบันเทิงจะให้ความสำคัญกับโอกาส แต่ผลที่ออกมาก็ทำเวินหลินยู่สับสนไม่น้อย

 

ตู้หยู่นั่งเรียบร้อยอยู่หน้าจอโทรทัศน์ เพื่อนนักเรียนหญิงที่อยู่ในกลุ่มวีแชตต่างดูละครเรื่องนี้ จากนักเรียนที่มีความสัมพันธ์แบบผิวเผิน ไม่ว่าจะเด็กเรียนดีหรือเด็กเกเร ต่างส่งข้อความลงในกลุ่มอย่างสนุกสนาน

 

ทุกสัปดาห์ สองแม่ลูกจะดูละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนด้วยกันในห้องแอร์เย็นฉ่ำ โดยตู้หมู่จะถักนิตติ้งไปด้วย

 

ขณะหน้าจอกำลังฉายภาพของเฉินเมี่ยวที่หลบอยู่หลังพุ่มไม้ จ้องมองจูชิงฮวนกับหมิงอ๋องจูบกันอย่างดูดดื่ม ตู้หยู่ก็เริ่มหน้าแดง

 

“เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด” ผู้เป็นแม่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ละครทุกวันนี้ลามกขึ้นทุกที”

 

เธอเข้าใจว่าวัยรุ่นชอบดูละครพวกนี้ แต่บางคนยังเด็กเกินไป หากไม่มีวุฒิภาวะมากพออาจเกิดการเลียนแบบได้

 

“นางเอกก็อายุไม่น้อยแล้ว ทำไมถึงกล้าเล่นฉากแบบนี้ หน้าไม่อาย!”

 

“เฉียวอิ้งฉิงอายุแค่ยี่สิบหกปีเองนะแม่”

 

แม้ตู้หยู่จะอยู่ทีมเฉินเมี่ยว แต่การได้เห็นหนุ่มหล่อสาวสวยกอดจูบกัน ก็เป็นอะไรที่น่าชื่นใจ เพราะหลายตอนก่อนหน้านี้มีแต่ฉากไม่สมหวังในความรัก

 

ฉากวาบหวิวดำเนินไปได้สักพัก กล้องก็ค่อยๆ เคลื่อนไปที่เฉินเมี่ยว

 

ที่ผ่านมาเธอเล่นเป็นตัวร้ายได้สมบทบาทมาก แต่ตัวละครที่ไร้สมอง ชอบใช้อารมณ์เหนือเหตุผล งี่เง่าและเผยพิรุธอยู่บ่อยๆ มักมีจุดจบที่น่าเศร้า แฟนละครเรื่องนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เพศที่มีความรู้สึกหลากหลายที่สุดบนโลกใบนี้

 

ภาพตรงหน้าเผยให้เห็นอากัปกิริยาของเฉินเมี่ยว ใบหน้างดงามดั่งภาพวาดซีดเผือด ร่างสั่นไหวเล็กน้อยใต้แสงไฟ แววตาเผยความรู้สึกทั้งเหลือเชื่อ โกรธแค้น และสิ้นหวัง แม้จะมีหน้าจอกั้นกลาง แต่คนดูก็รู้สึกได้ถึงไฟโทสะที่กำลังปะทุอยู่ในใจ

 

สตรีหยิ่งยโส ผู้ปรารถนาจะครอบครองความรักแต่เพียงผู้เดียว มีจิตใจอิจฉาริษยาและโหดเหี้ยม แม้จะงดงามเพียงใดก็สามารถลดตัวลงไปทำเรื่องเลวร้ายได้เพื่อความรัก

 

โชคชะตาที่แสนอาภัพของนางทำตู้หยู่รู้สึกสลดใจ ยังมีตู้หมู่ที่เบือนหน้าหนีพลางส่งเสียงสะอื้นไห้ เสื้อไหมพรมสีแดงในมือที่ถักไปแล้วครึ่งหนึ่งพันกันยุ่งเหยิง

 

ตู้หมู่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว สามีของเธอมีชู้ตอนตู้หยู่กำลังจะสอบเข้าชั้นมัธยมปลาย หลังจับได้คาหนังคาเขาในโรงแรม เขาก็ออกจากบ้านไปแต่งงานใหม่แล้วไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย

 

ตู้หยู่ยังจำภาพที่แม่ของเธอนั่งอยู่ตามลำพังในห้องรับแขก มือสองข้างกอดไหล่ที่สั่นสะท้าน หัวใจแตกสลายเนื่องจากสามีเข้าข้างหญิงอื่น

 

มันคือช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดของตู้หยู่ โชคดีที่แม่ของเธอหลุดออกจากเรื่องนี้ได้ในเวลาอันสั้น แล้วค่อยๆ ดีขึ้นอย่างมั่นคง

 

เธอคิดว่าผู้เป็นแม่ลืมความทรงจำเหล่านั้นได้แล้ว อาจมีน้ำตาซึมบ้างเวลาที่ดูละครดราม่าแนวครอบครัว แต่ก็ยังสามารถด่าพวกตัวร้ายได้ฉอดๆ

 

“เป็นเมียน้อยทั้งทีน่าจะสวยกว่านี้หน่อย!”

 

ตู้หยู่ไม่ได้พูดอะไร เพียงก้มหน้าและกุมมืออีกฝ่ายอย่างเงียบๆ

 

เหตุการณ์ครั้งนั้นฝากรอยแผลไว้ในใจของตู้หมู่ แต่เวลาที่ล่วงเลยก็ทำให้เธอสง่างามและอ่อนโยนมากขึ้น พอตั้งสติได้จึงหยิบไหมพรมขึ้นถักด้วยรอยยิ้ม

 

“ดาราคนนี้เล่นดีจังเลย เอาซะคนแก่น้ำตาร่วงเผาะๆ”

 

กู้เซียงแสดงได้ดีอย่างที่อีกฝ่ายบอกจริงๆ ทุกความเศร้า ความสิ้นหวัง และความโกรธแค้น ล้วนถูกเธอถ่ายทอดออกมาอย่างหมดจด

 

ในหัวของตู้หมู่เหลือเพียงความว่างเปล่า เธอย้อนนึกถึงตัวเองในวันนั้น การเจ็บปวดจากความรักทำให้เติบโต ภาพฝันที่งดงามแหลกสลาย เหลือเพียงความจริงที่โหดร้ายกับอนาคตที่จำต้องตื่นมารับรู้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

 

ดาราหน้าใหม่คนนี้พาเธอย้อนเวลากลับไปในความทรงจำที่ผ่านมานานหลายปี ราวกับไม่ใช่หญิงสาวอายุยี่สิบต้นๆ

 

“คนนี้ชื่อกู้เซียงใช่ไหม” ตู้หมู่ถามลูกสาว

 

“ใช่ค่ะ”

 

มีการพูดคุยถึงฉากในวันนี้จนวีแชตแทบระเบิด

 

ปัจจุบันมีครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พ่อมีชู้ แม่หลั่งน้ำตาอย่างเงียบๆ ซึ่งตู้หยู่ก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

ท่ามกลางแฟนละครจะต้องมีแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่มากก็น้อย ซึ่งฉากนี้ของเฉินเมี่ยวโดนใจพวกเธอแบบสุดๆ

 

ไม่เพียงแต่แม่เลี้ยงเดี่ยวเท่านั้น ผู้หญิงที่อารมณ์อ่อนไหวง่ายก็คล้อยตามฉากนี้ อย่างเช่นนักเรียนหญิงในกลุ่มวีแชตที่ย้ายมาอยู่ทีมเฉินเมี่ยวเกือบทั้งหมด

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท