หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 33

หลังตั้งค่าจ้างให้ตัวเองใหม่ กู้เซียงก็ได้งานภาพยนตร์คู่กับจ่านหยาง โดยมีถางรุ่ยเป็นผู้กำกับ ทำหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่าชาติที่แล้วเธอทำบุญด้วยการกอบกู้กาแล็กซีทางช้างเผือกไว้หรือเปล่า

ตู้หยู่อ่านข้อความในเวยป๋อซ้ำไปซ้ำมาเกือบยี่สิบรอบ พอแน่ใจว่าเป็นเรื่องจริง ก็เหมาเหลี่ยงผี* มาเลี้ยงเพื่อนๆ

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าคู่จิ้นแมวรัตติกาลจะกลับมาเจอกันอีก”

เสี่ยวหมิ่นทำแก้มป่อง ก่อนจะก้มลงดูดเส้นหมี่ “ผู้กำกับคงได้ยินเสียงตะโกนของพวกเรา บอกแล้วว่าคู่นี้เหมาะสมกัน ฉันจะตั้งหน้าตั้งตารอดูฉากสวีตเลย”

“อย่าจบเศร้าอีกก็แล้วกัน” ตู้หยู่ทำหน้าเซ็ง “ถ้าตายทั้งคู่เหมือนเดิม โลกนี้คงไม่มีความรักแล้วแหละ”

“หนังชื่อน้องใหม่ น่าจะเป็นแนวรักกุ๊กกิ๊ก ยิ่งได้โปรดิวเซอร์มือทองอย่างถางรุ่ยที่ถนัดทำหนังวัยรุ่น ยังไงต้องออกมาดีแน่นอน” เสี่ยวหมิ่นพูดให้กำลังใจ

เหวินจิ้งที่ได้รับคำเชิญจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่กู้เซียงกลับไม่ตื่นเต้น

เรื่องราวความรักที่ถูกเอามาทำเป็นภาพยนตร์และละครมีมานานตั้งแต่ยุคซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายแล้ว

ภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่คือหนังรักที่จบแฮปปี้เอนดิ้ง

ชาติที่แล้วกู้เซียงชอบดูหนังแอคชั่นฟอร์มยักษ์และหนังบู๊มากกว่าหนังรัก แต่กลับชอบเรื่องน้องใหม่ที่เป็นภาพยนตร์แนวคลาสสิก

หนังเรื่องหนึ่งจะคลาสสิกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการถ่ายทอดของผู้กำกับและนักเขียน ไม่จำเป็นต้องตีความมากมาย ขอแค่มีความฝันที่อยากจะเป็นซินเดอเรลล่า เพราะมันคือความปรารถนาของหญิงสาวทุกคน

นางเอกของเรื่องคือ ‘อาจวน’ มีพ่อเป็นตำรวจที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่

เนื่องจากสอบได้คะแนนน้อย เธอจึงมีหน้าที่แค่รับแจ้งความของหายในโรงพัก ต่อมาได้รับมอบหมายให้ไปตีสนิทกับผู้ที่จะรับช่วงขึ้นเป็นมาเฟียใหญ่อย่าง ‘เหวินเส้าเหย่’

ถึงภารกิจสายลับจะล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่อาจวนกับเหวินเส้าเหย่กลับมีใจให้กัน คนหนึ่งเป็นทายาทธุรกิจสายมืดผู้หล่อเหลา แต่ในใจใฝ่ดี ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงโก๊ะๆ ไม่มีชาติตระกูลสูงส่ง เมื่อทั้งสองมีใจให้กัน วีรกรรมขำขันมากมายจึงกำเนิดขึ้น

หญิงสาววัยรุ่นล้วนมีรองเท้าแก้วคนละคู่ แม้จะผ่านไปนานหลายปี แต่หากย้อนนึกถึงความฝันในวัยสาวกับรองเท้าแก้ว ก็อดไม่ได้ที่จะหยิบขึ้นสวมอีกครั้ง ต่อให้ไม่โชคดีเหมือนอย่างอาจวน ไม่มีเจ้าชายรูปหล่อมาปรากฏตรงหน้าก็ไม่เป็นไร

หนังรักประเภทซินเดอเรลล่า หากทำไม่ดีก็จะกลายเป็นหนังน้ำเน่า แต่หากทำดีก็จะกลายเป็นภาพฝันของสาวๆ ไปอีกนานแสนนาน

การที่ภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่กลายเป็นหนังคลาสสิกได้ นั่นเพราะผู้กำกับเลือกประเด็นรักอมตะมาเล่น รวมถึงฉากและรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำได้น่าประทับใจ อย่างรุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียนตำรวจ ที่บุคลิกต่างกันแบบสุดขั้ว แต่กลับทำให้ภาพยนตร์มีสีสันมากขึ้น

น่าแปลกที่หนังธรรมดาๆ เรื่องหนึ่ง สร้างความประทับใจได้ยาวนานหลายปี

ชาติที่แล้ว ภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่ไม่ได้เปิดกล้องเร็วขนาดนี้ นักแสดงก็ไม่ใช่จ่านหยางกับเธอ แต่เป็นดาราวัยรุ่นสองคนที่ทั้งหล่อและสวย แถมยังแสดงได้สมบทบาทมาก พอต้องรับเล่นบทนี้ กู้เซียงก็รู้สึกลำบากใจ

เธอมีภาพของตัวละครที่แน่ชัดอยู่แล้ว หากจะให้แสดงแทนก็คงจะแปลกๆ อีกอย่างเธอถนัดเล่นเป็นหญิงม่ายสองบุคลิกที่มีอารมณ์ซับซ้อนมากกว่านางเอกโก๊ะๆ แสนซื่อ ที่รอคอยความโชคดีอย่างซินเดอเรลล่า

กู้เซียงรู้สึกขอบคุณถางรุ่ยที่มอบโอกาสนี้ให้ เพราะขนาดเธอถูกแบน เขาก็ยังกล้าออกโรงสนับสนุน

“จ่านหยางอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่นอน” เหวินจิ้งวิเคราะห์ “หรือเขากำลังจีบเธออยู่?”

เธอก็อยากรู้เหตุผลเหมือนกัน ยิ่งกระแสคู่จิ้นแมวรัตติกาลดังไปทั่วบ้านทั่วเมืองขนาดนี้ กู้เซียงก็ยิ่งวางตัวลำบาก เพราะคนไม่รู้ก็จะหาว่าปั่นกระแส

ที่อีกฟากหนึ่ง เฉียวอิ้งฉิงแผดเสียงใส่คนปลายสายด้วยความโกรธจัด

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถางรุ่ยถึงให้กู้เซียงไปเล่นหนัง คุณตกลงกับฉันแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ผมจะไปรู้ได้ยังไง ไม่สนิทกันสักหน่อย ยิ่งอยู่กันคนละสังคมยิ่งกดดันยาก คุณก็อย่าเอาแต่ใจนักเลย เดี๋ยวบริษัทผมจะเสียหายไปด้วย!” พูดจบเหล่าหลี่ก็วางสายทันที

เฉียวอิ้งฉิงกรี๊ดลั่นแล้วปาโทรศัพท์ลงบนเตียง

“คุณกับหลี่ซั่วคบกันแล้วใช่ไหม?” เสียงของเหลียงจี้ดังขึ้นที่ด้านหลัง

พอหันไปเห็นใบหน้าซีดเผือดของอีกฝ่าย เธอก็เริ่มลนลาน

“วงการบันเทิงก็แบบนี้แหละ คุณเองก็รู้ไม่ใช่เหรอ?”

“ผมถามว่าคุณคบกับหลี่ซั่วแล้วใช่ไหม?” เหลียงจี้ถามย้ำอีกรอบ

“ใช่!” เธอตวาดกลับ “ก็เหมือนคุณที่คบดาราคนอื่นนั่นแหละ อย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกันจะดีกว่า!”

“เรื่องส่วนตัวงั้นเหรอ?” เหลียงจี้เลิกคิ้ว “ไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้!”

“ฉันเป็นคนยังไง?” ประโยคนี้ของเขาแทงใจดำเธอมาก “อย่าบอกนะว่าไม่รู้ ตอนจะคบกันไม่คิดให้ดีก่อนล่ะ!”

เหลียงจี้ทั้งรูปหล่อและชาติตระกูลดี แต่หลี่ซั่วให้โอกาสในวงการบันเทิงกับเฉียวอิ้งฉิงได้มากกว่า อีกทั้งเขามีข้อจำกัดและเงื่อนไขในความสัมพันธ์จนน่าอึดอัด ทำให้การคบกันของพวกเขาไม่มีความสุข

“ผมเข้าใจแล้ว… เราเลิกกันเถอะ” เหลียงจี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วหันหลังเดินจากไป

เฉียวอิ้งฉิงอึ้งไปเล็กน้อย—ฉันถูกบอกเลิกงั้นเหรอ?

เขาคือรักแรกพบของเธอ ที่ผ่านมามีหนุ่มๆ แวะเวียนมาจีบเฉียวอิ้งฉิงมากมาย แต่เหลียงจี้คือคนที่เธอหลงใหลที่สุด ตั้งแต่ยังไม่มีตำแหน่งในวงการจนถึงทุกวันนี้

ด้วยความที่เหลียงจี้เป็นตัวสำรองที่จงรักภักดีเสมอมา ทำให้เฉียวอิ้งฉิงมั่นใจว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้ แต่วันนี้เธอกลับเป็นฝ่ายถูกบอกเลิก

สิ่งที่ผู้ชายรับไม่ได้มากที่สุดคือการถูกผู้หญิงทรยศ โดยเฉพาะเฉียวอิ้งฉิงที่ชอบแสดงความรักหวานชื่นเมื่ออยู่ต่อหน้า เหลียงจี้ชอบบุคลิกนางเอกของเธอ เมื่อพบว่าคนที่รักไม่ได้จริงใจเหมือนที่แสดงออก เขาจะยอมเสียศักดิ์ศรีง่ายๆ ได้ยังไง

ภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่เปิดกล้องไวกว่าที่คิด

เหมือนยาชูกำลังที่ทำให้หลายคนฮึกเหิมเป็นพิเศษ คล้ายว่ากองถ่ายได้เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ขาดก็แต่นักแสดงเท่านั้น

เมื่อนักแสดงครบ ถางรุ่ยก็เปิดกล้องทันที ทำให้งานเดินเร็วกว่ากองถ่ายฆ่าทั้งอาฆาตไปก้าวหนึ่ง

กู้เซียงถึงกองถ่ายตั้งแต่เช้าตรู่ เธอคุ้นเคยกับเนื้อเรื่องจนแทบไม่ต้องท่องบท เหลือเพียงทำความคุ้นเคยกับนักแสดงสมทบคนอื่นๆ เท่านั้น ยิ่งมีเจี่ยงลี่ลี่กับเว่ยคุนร่วมแสดงด้วย ก็ยิ่งอุ่นใจมากขึ้น

เฉิงหลินร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน โดยรับบทเป็นเพื่อนร่วมงานของอาจวน เป็นตำรวจหญิงซื่อๆ คนหนึ่ง

เมื่อภาพยนตร์ต้องการจะเหน็บแนมวงการตำรวจฮ่องกง การแสดงเป็นตำรวจซื่อๆ ก็ทำให้ดูน่ารักไปอีกแบบ

พอเห็นกู้เซียงเดินมา เฉิงหลินก็พยักหน้าทักทาย

กู้เซียงรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ชาติที่แล้วผู้แสดงร่วมเป็นแค่นักแสดงอันดับสามเท่านั้น ทว่าวันนี้กลับมีแต่ดาราใหญ่ แล้วถางรุ่ยจะเหลือกำไรอีกหรือ?

เจี่ยงลี่ลี่เดินมาโอบไหล่กู้เซียงด้วยความคิดถึง “ขอบคุณเธอกับจ่านหยางที่ทำให้ความฝันของแฟนคลับคู่จิ้นอย่างฉันเป็นจริงนะ”

กู้เซียง “…..”

“มาเช้ากันจังเลย เห็นแล้วปลื้มใจจริงๆ” ถางรุ่ยในชุดเสื้อลายดอก กางเกงสีส้ม สวมแว่นตาดำ เดินทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง

ด้านหลังของเขาคือเคลวินที่ยืนถือผ้าขนหนู สายตาจับจ้องกลุ่มคนตรงหน้าอย่างภาคภูมิใจ โดยมีจ่านหยางสวมเสื้อคลุมสีดำยืนอยู่ข้างๆ

แม้การแต่งกายของถางรุ่ยจะฉูดฉาดบาดตา แต่ก็ไม่อาจบดบังรัศมีของจ่านหยางได้ ทั้งรูปร่างที่สมส่วนอย่างนายแบบ ใบหน้าคมสันคล้ายภาพแกะสลัก และแววตาเป็นประกายชวนหลงใหล

กู้เซียงสัมผัสได้ว่าเจี่ยงลี่ลี่ที่นั่งอยู่ด้านข้างกำลังหักห้ามใจอยู่ วงการบันเทิงมีคนหน้าตาดีมากมาย แต่คนที่หน้าตาดีแถมบุคลิกดีมีน้อยเหลือเกิน

จ่านหยางทั้งสง่างามและสะอาดสะอ้าน คล้ายดอกบัวขาวที่ผุดอยู่ในสระน้ำแห่งวงการบันเทิง แต่กลับไม่แปดเปื้อนโคลนตม

เขาเดินมาหยุดตรงหน้าทุกคนแล้วกล่าวทักทายอย่างสุภาพ

ชาติที่แล้ว คนที่แสดงเป็นเหวินเส้าเหย่คือดาราหนุ่มรูปหล่อ เพียงแต่ออร่าไม่เจิดจรัสเท่าจ่านหยาง สำหรับคนที่เคยผ่านโลกมาก่อนอย่างเธอ หากภาพยนตร์เรื่องนี้ออกสู่สายตาประชาชน คงไม่มีใครคู่ควรกับบทนี้นอกจากเขา ที่ยกระดับความหล่อในอุดมคติของหญิงสาวในประเทศให้ขึ้นไปอีกขั้น

บุคลิกของจ่านหยางคล้ายตัวละครเหวินเส้าเหย่มาก ทั้งที่มีชาติตระกูลสูงส่ง แต่ก็ยังแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ทุกคนได้สัมผัส

เหวินเส้าเหย่ทั้งหล่อ รวย และจงรักภักดีต่อตระกูล ส่วนจ่านหยางก็มีรัศมีความน่ายำเกรงอยู่ในตัว

เป็นอะไรที่เหมาะสมลงตัวเหลือเกิน

ภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่ต่างจากละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนอย่างมาก

กู้เซียงเบิกบานใจมากที่ได้ทำงานกับกองถ่ายภาพยนตร์อีกครั้ง คล้ายได้กลับไปในช่วงที่ดีที่สุดของชาติที่แล้ว

ชีวิตคนเราก็แบบนี้ ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าพรุ่งนี้กับชาติหน้าอย่างไหนจะมาถึงก่อน

เธอคิดไม่ถึงว่าจะได้แสดงหนังคลาสสิกของชาติที่แล้ว ซ้ำยังได้เล่นคู่กับจ่านหยางอีก เขาเองก็คงคิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งจะได้เป็นพระเอก แถมยังต้องเล่นคู่กับดาราหน้าใหม่ที่ไม่เคยมีผลงานมาก่อน