หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 31

ตอนที่ 31
การปะทะกันของแฟนคลับฝ่ายมืด การวิพากษ์วิจารณ์ของคนทั่วไป รวมถึงกลุ่มคนที่เต้นตามกระแส ทำให้เกิดแฮชแท็กร้อนแรงแห่งปีที่ว่า #ไล่เสี่ยวเฉียวออกจากวงการบันเทิง

 

เรื่องนี้ไม่ต่างจากการสาดโคลนใส่หน้าดารารุ่นใหญ่ที่รักษาชื่อเสียงในวงการบันเทิงมานานหลายปีอย่างเฉียวอิ้งฉิง แถมยังทำให้เธอกับเหลียงจี้ถูกกลุ่มปาปารัสซี่ไล่ล่าอีก

 

กู้เซียงไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องอื่น เพราะต้องไปคัดตัวนักแสดงเรื่องฆ่าทั้งอาฆาต

 

เหวินจิ้งเห็นว่ากู้เซียงสามารถแสดงละครได้ดี จึงอยากให้รับงานละครเพิ่มเพื่อสะสมแฟนคลับ เนื่องจากละครใช้เวลาถ่ายทำสั้น แต่ได้รับความนิยมมากกว่างานภาพยนตร์

 

ตอนนี้ฝีมือการแสดงละครของกู้เซียงเป็นที่ยอมรับแล้ว เหลือแค่งานภาพยนตร์ที่ยังไม่เคยชิมลาง จึงไม่อาจคาดเดาฝีมือและเสียงตอบรับได้

 

ตั้งแต่ถ่ายทำเรื่องฉีโฮ่วจ้วนเสร็จ ก็มีละครน้ำดีหลายเรื่องติดต่อกู้เซียงมา อยากให้ไปเล่นเป็นนางเอก แต่เธอยืนยันหนักแน่นว่าจะเดินทางในสายภาพยนตร์

 

เหวินจิ้งจนปัญญา เพราะสถานการณ์ของกู้เซียงในตอนนี้ไม่ต่างจากตัวเองตอนที่เรียนจบ ที่ลังเลว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยชิงหัวหรือมหาวิทยาลัยปักกิ่งดี สุดท้ายก็ต้องเรียนซ้ำชั้นมัธยมหกอีกปี

 

กู้เซียงไม่รู้ว่าผู้จัดการส่วนตัวของเธอกังวลมากแค่ไหน แต่เธอกำลังมีความสุขมาก

 

เรื่องฆ่าทั้งอาฆาตเป็นภาพยนตร์น้ำดี บทบาทท้าทาย ต่างจากเฉินเมี่ยวที่เธอเคยแสดงอย่างสิ้นเชิง หากสามารถเล่นบทนางเอกที่เป็นตัวร้ายได้ ก็นับว่ายกระดับความสามารถด้านการแสดงได้มาก

 

หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กู้เซียงก็รีบเดินทางไปคัดตัวนักแสดง

 

คนที่มาแคสต์บทนางเอกมีไม่น้อย ส่วนใหญ่อายุสามสิบปีขึ้นไปและเข้าวงการด้วยฝีมือล้วนๆ

 

เนื่องจากนางเอกมีบุคลิกเย็นชา เป็นแม่ม่ายที่ปกปิดความเป็นฆาตกร นักแสดงที่มาคัดตัวจึงค่อนข้างมีอายุ เมื่อกู้เซียงที่ยังดูสาวปรากฏตัวขึ้น จึงเหมือนมาผิดกองถ่าย

 

เหวินจิ้งเริ่มรู้สึกแปลกๆ แต่กู้เซียงยังยืนยันที่จะไปลงชื่อตรงจุดลงทะเบียน

 

ขณะกำลังยืนรอ เสียงเรียกหนึ่งก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง

 

“กู้เซียง”

 

พอหันไปมอง เธอก็พบกับหญิงวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบกว่าปี ผิวคล้ำ หน้าคม สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีน ท่าทางทะมัดทะแมง

 

‘เฉิงหลิน’ คือนางเอกเรื่องฆ่าทั้งอาฆาตในชาติที่แล้ว นักแสดงหญิงที่โดดเด่นในวงการภาพยนตร์มีไม่มาก และเธอคนนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น อาจไม่เหมือนนักแสดงหญิงคนอื่นๆ ที่มีแฟนคลับคอยติดตาม แต่ก็ทำงานอย่างมืออาชีพ ฝีมือการแสดงโดดเด่น

 

สิ่งที่ทำให้เฉิงหลินเป็นกระแสคือรสนิยมทางเพศ ซึ่งทำให้การงานของเธอตกต่ำ เมื่อบริษัทไม่รู้ว่าจะจัดวางบุคลิกของเธอยังไง สุดท้ายเฉิงหลินก็ประกาศลาออกจากวงการแล้วหายเข้ากลีบเมฆ

 

กู้เซียงไม่อยากจะออกความคิดเห็นทั้งเรื่องรสนิยมทางเพศและฝีมือการแสดงของอีกฝ่าย เนื่องจากเฉิงหลินเป็นเพื่อนของเฉียวอิ้งฉิง

 

ชาติที่แล้ว พวกหล่อนอวดมิตรภาพที่ดีต่อกันผ่านทางเวยป๋ออยู่บ่อยๆ แต่เมื่อเฉิงหลินประกาศลาออกจากวงการ เฉียวอิ้งฉิงก็รีบประกาศว่าเธอไม่ใช่พวกรักร่วมเพศ ตั้งแต่นั้นก็ไม่มีรูปคู่ของเธอกับเฉิงหลินอีกเลย

 

ดูจากพฤติกรรมของเฉียวอิ้งฉิงแล้ว เธอไม่จำเป็นจะต้องทำถึงขนาดนั้น เพราะการที่เฉิงหลินงานหดก็ไม่ได้กระทบอะไรกับเธอ

 

กว่าเฉิงหลินจะลาออกจากวงการก็อีกสิบปี ตอนนี้พวกเธอจึงยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่ ไม่ว่าใครก็ตามที่มีความสัมพันธ์กับเฉียวอิ้งฉิง กู้เซียงจะไม่ข้องแวะด้วย

 

“เสี่ยวเฉียวบอกว่าเธอจะมาแคสต์งาน ไม่คิดว่าจะมาจริงๆ” เฉิงหลินทำเสียงตื่นเต้น “ได้อ่านบทมาก่อนหรือเปล่า นี่ไม่ใช่หนังครอบครัวนะ แล้วนางเอกก็ไม่ใช่พวกสวยแต่รูปด้วย”

 

จะหาคนในวงการบันเทิงที่นิสัยตรงไปตรงมานั้นยากมาก ทั้งที่เคยเห็นฝีมือการแสดงของกู้เซียงแล้ว แต่เฉิงหลินก็ยังกล่าวหาว่าเธอสวยแต่รูปอีก

 

“ฉันแค่อยากลองน่ะค่ะ เห็นว่าบทน่าสนใจดี” เธอยิ้มตอบ

 

“คราวที่แล้วก็รับบทตัวร้ายไม่ใช่เหรอ คงจะชอบแนวนี้สิท่า?”

 

เฉิงหลินคงไม่รู้ว่ากำลังด่าเหมารวมตัวเองไปด้วย แต่กู้เซียงรู้กาลเทศะพอจึงไม่ตอบโต้

 

เหวินจิ้งที่เพิ่งเสร็จจากการลงทะเบียนเดาสถานการณ์ออก จึงเอ่ยแบบไม่เกรงใจว่า “เซียงเซียง ผู้ช่วยบอกว่าผู้กำกับดีใจมากที่เธอมา แถมยังบอกให้สู้ๆ ด้วยนะ” พูดจบก็ส่งบัตรคิวที่ออกเป็นพิเศษเพื่อเธอ

 

คำพูดที่แฝงไปด้วยน้ำเสียงยั่วโมโห ทำเฉิงหลินสบถเบาๆ แล้วหันหลังเดินจากไป

 

“ทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องมาวุ่นวายกับเธอด้วย?” เหวินจิ้งถาม

 

“ฉันสวยไง ก็เลยอิจฉา” กู้เซียงตอบยียวน

 

“แหมๆๆ”

 

ไม่นานก็ถึงคิวของกู้เซียง ซึ่งเฉิงหลินก็นั่งอยู่ในห้องด้วย

 

เฉิงหลินสนิทกับผู้กำกับหลายคน เพราะเป็นคนเก่าคนแก่ในวงการภาพยนตร์ กู้เซียงรู้ดีว่าถ้าวันนี้เธอไม่มา คนที่จะได้แสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือเฉิงหลิน

 

อีกฝ่ายแคสต์งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ที่ยังอยู่ก็เพราะอยากรอดูเรื่องขายหน้าของกู้เซียง จะได้เอาไปเล่าให้เฉียวอิ้งฉิงฟัง

 

เฉียวอิ้งฉิงบอกว่ากู้เซียงชอบทำอะไรลับหลัง เป็นดาราหน้าใหม่แต่ไม่เคารพรุ่นพี่ แถมยังแกล้งเธอบ่อยๆ เฉิงหลินเลยรู้สึกโกรธแทน

 

กู้เซียงเดินเข้ามาในห้อง โค้งคำนับผู้กำกับด้วยท่าทางอ่อนน้อม กระแสของเธอในช่วงนี้เป็นที่น่าประทับใจอยู่แล้ว ยิ่งอ่อนน้อมถ่อมตนก็ยิ่งสร้างความประทับใจขึ้นไปอีก

 

เธอหยิบยางมัดผมสีดำออกจากกระเป๋า รวบผมหางม้าขึ้นสูง ยกปกเสื้อกันลมสีดำที่ใส่ทับเสื้อยืดสีขาวขึ้นเพื่อให้ดูทะมัดทะแมง

 

กู้เซียงเข้าถึงบทบาทอย่างรวดเร็ว แม้แต่เฉิงหลินก็ไม่พบความตื่นเต้นในตัวเธอ สีหน้าและแววตาของผู้กำกับเซี่ยหัวเผลอตึงเครียดตามไปด้วย

 

เขาเคยเห็นการแสดงที่ทรงพลังของเธอในฉีโฮ่วจ้วนมาแล้ว แต่ภาพยนตร์ไม่ใช่ละคร หากไม่ใช่เพราะผู้กำกับเถียนแนะนำมา เขาคงไม่ให้โอกาสดาราหน้าใหม่ เพราะกู้เซียงมีบุคลิกอ่อนโยนซึ่งต่างจากนางเอกของเรื่องที่ค่อนข้างแข็งกระด้าง

 

เห็นอีกฝ่ายพยายามจะแต่งตัวให้เข้ากับบทบาท เฉิงหลินก็แสยะยิ้ม

 

กู้เซียงเลือกแสดงฉากที่ฉางหยูถูกไอ้หนุ่มทำดีชวนให้กลับเข้าวงการนักฆ่าอีกครั้ง เธอก้มหน้าแล้วจินตนาการว่ามีลูกชายกับลูกสาวนอนอยู่ หลังยกผ้าห่มคลุมร่างให้พวกเขาอย่างอ่อนโยน เธอก็เดินออกจากห้องนอนเพื่อไปหยิบปืนจากในลิ้นชักมานับลูกกระสุน

 

สีหน้าของเฉิงหลินยังคงเย้ยหยัน ทั้งที่จ้องกู้เซียงไม่วางตา

 

ฉางหยูเดินออกจากบ้านด้วยใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง ใครจะรู้ว่าหนึ่งนาทีก่อนหน้า เธอยังเป็นคุณแม่ผู้งดงามและอ่อนโยนดั่งดอกไม้

 

บนถนนยามราตรี ฉางหยูหยุดฝีเท้าหน้าร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ขมวดคิ้วมองพฤติกรรมโผงผางของกลุ่มคนในร้าน ก่อนจะเดินเข้าด้านในแล้วหาที่นั่งหลบมุม

 

หลังสั่งเบียร์แก้วโตเสร็จ ชายที่กำลังมึนเมาก็เดินมายืนตรงหน้าเธอ พึมพำบางอย่าง ฉางหยูไม่ตอบโต้ คล้ายว่าคุ้นชินกับสถานการณ์แบบนี้

 

“มันผ่านมานานมาก” เธอพูดกับตัวเอง “ฉันเปลี่ยนไปแล้ว”

 

ผู้หญิงตัวคนเดียวที่ไร้หัวใจบอกลาอดีตเพื่อความรัก แต่ความเป็นเธอ สิ่งที่อยู่ในสายเลือด วิถีชีวิตที่คุ้นเคยกลับยังคงอยู่

 

ฉางหยูยกเบียร์แก้วโตดื่มจนหมด ฉากนี้ในบทไม่ได้อธิบายท่าทางเอาไว้ ต้องอาศัยความสามารถของนักแสดงเอง

 

กู้เซียงเพียงคนเดียวแต่กลับแสดงทุกบทบาทของตัวละครในร้านเหล้าได้อย่างสมบูรณ์ จนเฉิงหลินเริ่มไม่มั่นใจ

 

ฉางหยูค่อยๆ วางแก้วลงบนโต๊ะ แล้วล้วงมือเข้าไปในอกเสื้ออย่างเงียบๆ

 

นาทีแห่งการสังหารเริ่มต้นขึ้น เลือดแดงฉานอาบไปทั่วทั้งร้าน สังเวียนที่เธอรามือไปนานได้กลับมาแล้ว

 

ความเงียบสงัดปรากฏเนิ่นนาน กระทั่งกู้เซียงลุกขึ้นโค้งคำนับให้กับผู้กำกับ

 

“ฉันชื่อกู้เซียง ขอบคุณผู้กำกับและทีมงานมากค่ะ”

 

เซี่ยหัวนิ่งไปนาน ดวงตาฉายแววตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด

 

ฉางหยูคือตัวละครที่มีความซับซ้อนและขัดแย้งในตัวเอง ทั้งอ่อนโยนและเย็นชา ไร้เดียงสาและโหดร้าย มีบุคลิกแฝงที่ก้าวร้าวรุนแรงกว่าคนปกติ แต่กู้เซียงก็สามารถถ่ายทอดได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

 

กู้เซียงกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะปรายตามองเฉิงหลิน—ขอโทษที่ทำให้ต้องเสียตำแหน่งนางเอก ก็คนมันเก่ง ช่วยไม่ได้จริงๆ!

 

ตั้งแต่ทำการแสดงจนถึงตอนที่ออกจากสตูดิโอ เฉิงหลินไม่พูดกับกู้เซียงอีกเลย

 

เธอเดาความคิดของอีกฝ่ายออก ถ้าวันนี้กู้เซียงแสดงได้แย่ เฉิงหลินคงรีบเข้ามาซ้ำเติม แต่พอเห็นว่าเธอทำได้ดี ก็ไม่กล้าที่จะเข้ามาแหย่

 

ต้องยอมรับว่าแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของเฉิงหลินทำกู้เซียงไม่เป็นตัวของตัวเองสักเท่าไหร่ ยังดีที่เซี่ยหัวแสดงความเป็นกันเองกับเธอมาก ซ้ำยังถามถึงตารางงานในอนาคตเพื่อให้แน่ใจว่าคิวจะไม่ชนกัน เพราะอีกไม่นานเขาก็จะเปิดกล้องแล้ว

 

การได้กลับมาเกิดอีกครั้ง ทำให้กู้เซียงอยากรักษาทุกช่วงเวลาเอาไว้ เช่นหนังเรื่องนี้ที่เธอตั้งใจอย่างมาก และหวังว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีเช่นกัน

 

หลังละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนจบลง ชาวเน็ตก็เริ่มวิจารณ์นักแสดง จนได้ข้อสรุปว่ากู้เซียงคือดาราหน้าใหม่ที่โด่งดังที่สุดแห่งปี

 

ในที่สุดเธอก็ขยับจากนักแสดงธรรมดาๆ ไปเป็นดาราอันดับสอง เพียงแต่ยังขาดบทนักแสดงนำที่จะทำให้ได้ชื่อว่าเป็นนางเอก

 

เหวินจิ้งรู้สึกยินดีกับความมุ่งมั่นในเส้นทางใหม่ของกู้เซียง แม้จะเป็นกังวลอยู่บ้างแต่ก็ทำใจยอมรับได้ ในเมื่ออีกฝ่ายมีพรสวรรค์ขนาดนี้ ต่อไปจะต้องได้รางวัลในสาขาภาพยนตร์อย่างแน่นอน

 

ระหว่างรอผลการคัดเลือก กู้เซียงยังคงฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอ เธอคาดหวังกับหนังเรื่องนี้มาก เช่นเดียวกับหัวเซินที่มั่นใจว่าเธอจะกลายเป็นแม่เหล็กดูดเงินเข้าบริษัท จึงยืดหยุ่นให้เป็นพิเศษ กู้เซียงจึงได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท