หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 5

ตอนที่ 5

“ให้ตายเถอะ ดาราสมัยนี้เป็นได้ทั้งชายและหญิงแล้วเหรอ? ถ้าจะหล่อจะสวยขนาดนี้ ก็ไม่ต้องหาแฟนกันแล้ว”

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในเวยป๋อ จนมีคนผุดความคิด ‘คู่จิ้นคู่เซียง’ ขึ้นมา

กระแสคู่จิ้นคู่เซียงได้รับความนิยมมากกว่าคู่จิ้นแมวรัตติกาลเสียอีก

กลายเป็นว่าหญิงสาวที่มีดีเอ็นเอชั้นดี จะสามารถสนองความต้องการของตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งผู้ชาย เพราะยังไงพวกเขาก็ตั้งท้องไม่ได้

เฉาหยุนเรียกคะแนนนิยมจากแฟนคลับสายหวานได้กลุ่มใหญ่ ส่วนเซียงหงก็เรียกคะแนนนิยมจากแฟนคลับสายห้าวได้มากเช่นกัน

“ทั้งน่ารัก ทั้งเท่ ทั้งแมน หลงไม่ไหวแล้วจ้า ฮ่าๆๆ” ตู้หยู่กุมท้องหัวเราะ

“แบบนี้ซูเปอร์สตาร์จ่านก็ถูกแย่งคนรักแล้วสิ ปวดใจแย่เลย”

เสี่ยวหมิ่นเป็นแฟนคลับของจ่านหยางที่ผันตัวมาเป็นแฟนคลับคู่จิ้น กว่าจะทำใจยอมรับได้ต้องใช้เวลาพอสมควร ทว่าจู่ๆ กลับมีคู่จิ้นวายมาสั่นคลอนคู่จิ้นแมวรัตติกาลของเธอไปอีก

เจี่ยงลี่ลี่แชร์โพสต์ของสำนักข่าวบันเทิงรายวัน แล้วเขียนแคปชั่นว่า “เข้าสู่ลัทธิวายโดยสมบูรณ์ คู่จิ้นคู่เซียงจงเจริญ”

แฟนคลับของกู้เซียงในเวยป๋อแบ่งเป็นสองกลุ่ม

กลุ่มแรก น้องเซียงแต่งงานกับพี่เถอะ

กลุ่มสอง พี่เซียงฉันจะมีลูกให้พี่

“พี่เซียงกับน้องเซียงอะไรอีกเนี่ย?” กู้เซียงขมวดคิ้วด้วยความงุนงง

เธอเพิ่งรู้เรื่องกระแสคู่จิ้นวาย เพราะมัวแต่วุ่นอยู่กับบทของคมมีดอาชา

ด้วยความที่ภาพยนตร์เลื่อนการถ่ายทำนานถึงสองปี จึงจำเป็นต้องประสานงานกับนักแสดงสมทบเพื่อแจ้งตารางการถ่ายทำใหม่ทั้งหมด

ส่วนหนังเรื่องน้องใหม่ก็เข้าสู่กระบวนการอัดเสียงแล้ว คนที่แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ให้คือเติ้งซิน นักร้องที่ขึ้นมอบรางวัลให้กู้เซียง ซึ่งปกติจะไม่เขียนเพลงให้ใครง่ายๆ

ถางรุ่ยให้ความสำคัญกับภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่มาก เพลงประกอบภาพยนตร์จึงแบ่งเป็นสองส่วน เพลงเดี่ยวจะมีแค่ซิงเกิล ส่วนเพลงคู่จะมี MV ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของหนังแบบย่อ

กู้เซียงไม่กังวลเรื่องการถ่าย MV เท่าการร้องเพลง เพราะชาติที่แล้วเพลงที่เติ้งซินร้องดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง หากให้เธอเป็นคนร้อง เกรงว่าเพลงคลาสสิกเพราะๆ จะเสียหายเปล่าๆ

ก่อนเข้าวงการ เคยมีค่ายเพลงมาขอให้กู้เซียงเซ็นสัญญาเป็นนักร้อง แต่เธอชอบแสดงหนังมากกว่า จึงปฏิเสธโดยไม่ลังเล

หลังโด่งดัง กู้เซียงได้แสดงภาพยนตร์ที่ต้องร้องเพลงประกอบและมีซิงเกิลเป็นของตัวเอง แต่นั่นก็นานมากแล้ว ยิ่งไม่ได้มีเวลาซ้อม เธอก็ยิ่งไม่มั่นใจ

“จะกลัวไปทำไม แค่ร้องเพลงเอง ร้องไม่ดีก็ไม่มีใครว่าหรอก เธอเป็นนักแสดงไม่ใช่นักร้องสักหน่อย จ่านหยางเองก็ไม่ใช่นักร้องมืออาชีพ เขาอาจร้องแย่กว่าเธอก็ได้”

ไม่ว่ากู้เซียงจะคิดยังไง ในที่สุดวันอัดเพลงก็มาถึง

ที่หน้าสตูดิโอ จ่านหยางกำลังยืนคุยกับถางรุ่ยอยู่ กว่าครึ่งเดือนแล้วที่กู้เซียงไม่ได้เจอเขา ทั้งที่อะพาร์ตเมนต์และกองถ่าย

ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหนหรือกำลังทำอะไร แต่เมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอกลับรู้สึกไม่คุ้นเคยเหมือนก่อน

“รีบไปหาแฟนสิ โอ้เอ้อยู่ทำไม!” เหวินจิ้งกระทุ้งแขนกู้เซียง “นักข่าวแอบถ่ายอยู่นะ อย่าทำตัวมีพิรุธสิ”

พลาดครั้งเดียวต้องชดใช้กรรมไปหลายปี โกหกหนึ่งครั้งกลายเป็นว่าต้องเล่นละครทุกวัน แบบนี้เป็นคู่จิ้นคู่เซียงสบายกว่าเยอะ

กู้เซียงถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินไปหาจ่านหยาง

พอถางรุ่ยเห็นเธอ ก็โบกมือทักทาย “พี่เซียง”

กู้เซียงเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง—เป็นบ้าไปแล้วหรือไง?

“วันนี้หน้าตาสดใสดีนะ” จ่านหยางลูบศีรษะกู้เซียงด้วยความเอ็นดู

กู้เซียงนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะมองตามสายตาของจ่านหยางแล้วเห็นว่านักข่าวคนหนึ่งกำลังเล็งกล้องใส่พวกเขา

ไม่เสียแรงที่เป็นถึงซูเปอร์สตาร์จ่าน สามารถแสดงความรักได้อ่อนโยนและเป็นธรรมชาติมาก

“พวกนายนี่น่าขนลุกจริงๆ” ถางรุ่ยลูบแขนตัวเอง “ฉันจะไปดูความเรียบร้อยทางนั้นหน่อย วันนี้ว่าจะซ้อมถ่าย MV สักสองสามฉาก แล้วค่อยให้คุณกู้ร้องเพลงเดี่ยว”

กู้เซียงทำหน้าตกใจ—ทำไมต้องเป็นฉันก่อนด้วย?

ทุกคนต่างมีสิ่งที่ตัวเองกลัว อย่างกู้เซียงในตอนนี้ที่กลัวการร้องเพลง ให้เธอเล่นบทคนบ้าหรือคนขี้เหร่ยังไม่ประหม่าเท่าต้องร้องเพลงเลย

กู้เซียงเคยประกวดร้องเพลงช่วงฟันน้ำนมใกล้จะหลุด ขณะร้องฟันซี่นั้นก็ร่วงออกจากปาก กลายเป็นปมในใจของเธอจนถึงทุกวันนี้

“ได้ข่าวว่าผมกลายเป็นมือที่สามไปแล้ว?” จ่านหยางโพล่งขึ้น

จังหวะที่เธอหันมอง จ่านหยางก็ชะโงกหน้าเข้าใกล้จนเกือบชนกันพอดี

“ดีใจจังเลย ได้เกาะคุณดังแล้ว” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม

ที่ผ่านมากระแสพี่เซียงกับน้องเซียงแรงมาก คู่จิ้นวายกับคู่จิ้นจ่านหยางจึงเปิดศึกกัน ผลคือคู่จิ้นจ่านหยางแพ้ พวกลัทธิวายจึงประกาศว่าจ่านหยางคือมือที่สามของคู่จิ้นคู่เซียง คนใจร้ายที่ทำให้ความรักอันบริสุทธิ์ต้องแปดเปื้อน

นี่คือความประหลาดของวงการบันเทิง…

เรื่องนี้ทำให้จ่านหยาง สามีในฝันของหลายๆ คนกลายเป็นมือที่สาม แถมยังพ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงแบบราบคาบอีก

“อยากหล่อสู้ฉันไม่ได้เอง” กู้เซียงยักคิ้วใส่

ตอนเธอไม่ยิ้ม สีหน้าจะจริงจังและเคร่งขรึมมาก แต่พอทำหน้าทะเล้นกลับดูน่ารักไปอีกแบบ

จ่านหยางตะลึงไปครู่หนึ่ง สักพักจึงหัวเราะแล้วเลิกคิ้วทำตาโตล้อเลียนอีกฝ่าย “แต่ผมไม่กลัวการร้องเพลงเหมือนคุณนะ”

“รู้ได้ไง?” เธอทำเสียงตกใจ

หรือเขาจะกลับชาติมาเกิดเหมือนกัน?

“น้องเมียเป็นคนบอก” จ่านหยางจิ้มหน้าผากกู้เซียงเบาๆ แล้วเดินนำหน้า “ไปเข้ากองกันเถอะ”

“กู้หนาน ไอ้น้องเฮงซวย!”

มีการตัดต่อภาพบางส่วนจากภาพยนตร์มาใส่ใน MV แล้วเพิ่มฉากหวานอีกเล็กน้อย

หากจะบอกว่าภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่บอกเล่าเรื่องราวความรักที่เพิ่งจะเกิดขึ้น เพลงประกอบภาพยนตร์ก็กำลังเล่าถึงความรักช่วงสุกงอม

นอกจากจะทำให้หลายคนอิจฉาตาร้อนแล้ว นางเอกอย่างอาจวนยังเล่าถึงความรักที่ต้องไขว่คว้าอย่างเหน็ดเหนื่อยอีกด้วย

ฉากแสดงความรักมีให้เลือกมากมาย แต่ฉากแรกใน MV กลับเป็นฉากที่เหวินเส้าเหย่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา โดยมีอาจวนนั่งมองอยู่ด้านข้าง

เธออยากจูบอยากเข้าใกล้แต่ไม่กล้า ได้แต่ลังเลอยู่แบบนั้น เลยแสดงออกผ่านทางเสียงเพลงและท่าทางที่ทำให้รู้สึกว่ากำลังกระวนกระวาย

“แอคชั่น!” ถางรุ่ยตะโกนจากที่ไกล

แสงอาทิตย์จากนอกหน้าต่างส่องกระทบโซฟา ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวนวล ใบหน้าหล่อเหลากำลังนอนหลับตา

อาจวนเดินมานั่งข้างๆ ก่อนจะไล้นิ้วชี้ไปบนคิ้วของอีกฝ่าย ใบหน้าที่สดใสกลายเป็นโศกเศร้า

หญิงสาวท่าทางซื่อบื้อกับความรักที่ไม่สมหวัง เป็นอะไรที่สมเหตุสมผลมาก อาจวนตัดสินใจโน้มตัวลงอย่างระมัดระวังแล้วทำท่าจะจูบคนตรงหน้า

ฉากหวานที่สร้างความปลื้มปริ่มให้กับสาวๆ กลับกลายเป็นฉากตลก น้ำที่หกอยู่ใต้โซฟาโดยบังเอิญทำให้รองเท้าแตะของอาจวนลื่น โชคดีที่เหวินเส้าเหย่คว้าแขนของเธอได้ทัน หน้าจึงไม่คะมำลงกับพื้น

ศีรษะของกู้เซียงอยู่ตรงเอวของจ่านหยางพอดี MV ที่แสดงถึงความรักของหญิงสาวใสซื่อจึงกลายเป็นวิดีโอลามกโดยปริยาย

กู้เซียงแทบคลั่ง ทุกครั้งที่เธอร้องเพลงมักจะมีเรื่องขายหน้าเกิดขึ้น

ถางรุ่ยก็หน้าไม่อาย ไม่ยอมสั่งคัทเสียที!

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอสบถคำหยาบออกมาเหมือนที่เคยทำในชาติที่แล้ว

แทนที่จ่านหยางจะตกใจ เขากลับถามขึ้นว่า “ไม่ร้องต่อแล้วเหรอ?”

ร้องต่อกับผีสิ นอนลงไปเลย!!!

ต้องมีสักครั้งในชีวิตที่คนเรารู้สึกอับอาย

ท่าทางของกู้เซียงในตอนนี้ไม่เคยปรากฏใน MV เพลงรัก ที่น่าปวดใจไปกว่านั้นคือสายตาของจ่านหยางที่กำลังหัวเราะเยาะเธอ

เนื่องจากกล้องอยู่ด้านหลัง กู้เซียงจึงแกล้งอีกฝ่ายด้วยการเผยอริมฝีปากแล้วเป่าลมใส่เป้าของเขา

จ่านหยางเกร็งไปทั้งร่าง เธอจึงรีบลุกขึ้นไปหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดพื้นที่เปียก

เมื่อก่อน กู้เซียงเคยถ่ายฉากที่ต้องใกล้ชิดกว่านี้ จ่านหยางเป็นแค่ผู้ชายใสซื่อบริสุทธิ์ พอถูกโต้กลับก็ถึงกับไปไม่เป็น

เห็นอีกฝ่ายนั่งตัวแข็งทื่อ เธอจึงส่งน้ำให้ขวดหนึ่ง

“ดื่มน้ำก่อนดีไหม หูแดงหน้าแดงหมดแล้ว”

ถางรุ่ยรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงตะโกนขึ้นว่า “เคลาส์ แฟนนายทำพลาดนิดเดียว จะหน้าแดงไปทำไม มีอะไรค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน”

ได้ยินประโยคนี้ จ่านหยางก็เผลอพ่นน้ำในปากออกมา

ฉากใน MV ถูกยกเป็นพาดหัวข่าวบันเทิงวันรุ่งขึ้น นักข่าวน่าจะสนิทกับถางรุ่ย จึงได้ภาพเบื้องหลังที่เต็มไปด้วยความโรแมนติกมา

“พี่เซียงโผเข้าหาซูเปอร์สตาร์จ่านอย่างเท่!”

“เห็นพี่เซียงออกกล้องทีไร ฉันฟินจิกหมอนทุกทีเลย”

“พี่จ่าน ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้ เป็นลมแป๊บ”

“ไม่ไหวแล้ว ออนแอร์เดี๋ยวนี้!”

ตู้หยู่ส่งข้อความหาเสี่ยวหมิ่น “อยากไปดูหนังจังเลย”

“หลังสอบเสร็จไปเยี่ยมกองถ่ายคมมีดอาชากันไหม จะได้ถือโอกาสไปเที่ยวด้วยเลย” เสี่ยวหมิ่นพิมพ์ตอบ

ข้อเสนอนี้ได้รับการตอบรับจากตู้หยู่ทันที ทั้งสองจึงวางแผนร่วมกันอย่างสนุกสนาน

MV เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่ยังคงถ่ายทำอย่างต่อเนื่อง แค่ MV ก็ใช้เวลาไม่น้อยแล้ว ตารางอัดเพลงจึงต้องยืดออกไปอีก ขณะที่กองถ่ายภาพยนตร์เรื่องคมมีดอาชาก็ได้ฤกษ์เปิดกล้องเสียที

การต้องเจอเหลียงจี้ในกองถ่าย ทำกู้เซียงกระอักกระอ่วนไม่น้อย

ที่เธอไม่รู้ข่าวก่อนหน้านี้ เพราะเขาเป็นแค่นักแสดงสมทบ จึงไม่มีใครพูดถึง

เรื่องราวฉาวโฉ่ของเฉียวอิ้งฉิง ทำให้คนในวงการบันเทิงเห็นอกเห็นใจเหลียงจี้มาก แต่เขาเป็นคนเย่อหยิ่ง จึงกุมความอัปยศไว้เพียงลำพัง

หลังหยุดงานไประยะหนึ่ง เขาก็กลับมารับเล่นเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท