หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 34

ตอนที่ 34

เจี่ยงลี่ลี่นึกเป็นห่วงกู้เซียง แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายแสดงละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนได้ดีมาก แต่บทบาทของเฉินเมี่ยวค่อนข้างชัดเจน ซึ่งเหมาะกับกู้เซียงที่ชอบแสดงอารมณ์หลากหลาย ต่างจากอาจวนที่หน้าตาธรรมดา อกแบน ร่างเล็ก ประวัติสะอาด ไม่เคยทำผิด ไม่มีครอบครัว ไม่มีพี่น้อง ไม่มีญาติ ไม่มีเพื่อน และไม่เคยมีความรัก แม้แต่หมาสักตัวก็ไม่เคยเลี้ยง ในฮ่องกงจะมีหรือไม่มีคนอย่างเธอก็ไม่ส่งผลอะไร

 

เราอาจได้เจอกับผู้หญิงประเภทนี้นับไม่ถ้วน ธรรมดาจนไม่น่าจดจำ แต่ก็ใกล้เคียงกับชีวิตจริงของใครหลายคน

 

ดารามักถูกจับตามองชีวิตส่วนตัว เคยชินกับการอยู่ท่ามกลางแสงสปอตไลต์ ชอบเห็นตัวเองในมุมที่ดีที่สุดในกระจก ไม่ว่ามองไปทางไหนก็มีแต่คนจับจ้อง แสดงละครแทบทุกเวลา หากต้องเล่นเป็นใครสักคนที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย คงเป็นบทบาทที่ไม่ง่าย

 

อาจวนมีความเป็นตัวเองค่อนข้างสูง และสิ่งที่ศิลปินมีน้อยที่สุดก็คือความเป็นตัวเอง

 

ถางรุ่ยบอกจ่านหยางที่กำลังแต่งตัวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เอาจริงๆ นะ ฉันไม่ค่อยมั่นใจในตัวเธอเลย”

 

“เธอค่อนข้างมีประสบการณ์ ไม่ต้องกังวลหรอก” จ่านหยางมองกู้เซียงที่กำลังนั่งอ่านบทอยู่

 

ถางรุ่ยทำหน้างง “มีประสบการณ์ตรงไหน? เคยเป็นตัวประกอบที่ไม่มีบทพูดหนึ่งครั้ง กับเล่นเป็นตัวร้ายที่ออกแค่ไม่กี่ตอนอีกหนึ่งครั้งเนี่ยนะ”

 

“ไม่เกี่ยวกับจำนวนครั้งหรอก” จ่านหยางยักคิ้ว

 

หนังแนวปัจจุบันไม่จำเป็นต้องแต่งตัวมากมาย แค่ปรับบุคลิกให้เข้ากับบทบาท ทาปาก เติมแก้มเล็กน้อยก็พอแล้ว

 

วันนี้มีนักข่าวสายบันเทิงมาเยือนหลายคน แน่นอนว่าสามารถถ่ายรูปกลับไปฝากคนดูเพื่อสร้างกระแสได้บ้าง แต่ต้องเน้นที่คู่พระนางอย่างที่ตกลงกับกองถ่ายเอาไว้

 

ละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนทำให้ทั้งสองคนกลายเป็นคู่จิ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ คนหนึ่งคือดาราหนุ่มรูปหล่อที่สาวๆ ใฝ่ฝัน อีกคนคือดาราหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการ ความบังเอิญที่ลงตัวนี้ทำผู้ชมปลาบปลื้มไปตามๆ กัน

 

แม้ฝีมือการแสดงในบทของเฉินเมี่ยวจะเป็นที่ประจักษ์ แต่ด้วยความที่ละครมาจากบทประพันธ์ ซึ่งได้รับความนิยมอยู่แล้ว จึงมีการตั้งคำถามว่ากู้เซียงจะรับมือกับบทของอาจวนในภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่ ที่บุคลิกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิงไหวหรือไม่

 

เช้าวันใหม่ อาจวนสวมชุดตำรวจที่ค่อนข้างหลวม บทบาทของผู้หญิงแสนธรรมดาทำให้กู้เซียงดูน่ารักไปอีกแบบ ยิ่งใบหน้าของเธอเนียนนุ่มเหมือนเด็กอยู่แล้ว ยามขมวดคิ้วก็ชวนให้นึกสงสาร แต่เมื่อแย้มยิ้ม ก็ทำให้โลกทั้งใบสดใส

 

ภาพที่ปรากฏในกล้องคืออาจวนที่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ทั้งที่เธอยังไม่ได้เริ่มแสดงอะไร แต่ความโดดเด่นในตัวก็เปล่งประกายออกมาเรียบร้อยแล้ว

 

“สมรรถภาพร่างกาย ทักษะการยิง พื้นฐานตำรวจ แล้วก็ภาษาอังกฤษไม่ผ่านทั้งหมด!” ผู้บังคับบัญชารายงานผลการทดสอบ “อย่าลืมขอบคุณตัวเองที่สอบเข้าโรงเรียนตำรวจได้ ทั้งที่ความสามารถไม่ถึงด้วยซ้ำ! หมายเลขของเธอคือ 1166 จากนี้จะต้องไปประจำการที่โรงพักบนเขาสือหยุน มีหน้าที่รับแจ้งความเรื่องของหาย”

 

อาจวนทั้งเสียใจและผิดหวัง แต่ไม่นานก็ยิ้มออก ราวกับต้นหญ้าน้อยๆ ที่กำลังเติบโตหลังถูกกระแสลมแรงโหมกระหน่ำ

 

เป็นไรหรอก อย่างน้อยก็แค่ลม ไม่ใช่ลูกเห็บ…

 

ตัดภาพไปที่จุดรับแจ้งความของหาย อาจวนกำลังนั่งใจลอย เหม่อมองตำรวจรูปหล่อนายหนึ่งที่เพิ่งเดินผ่าน

 

เจี่ยงลี่ลี่กับเฉิงหลินอดที่จะอมยิ้มกับฉากนี้ไม่ได้ บทของอาจวนทำเรื่องเปิ่นๆ ตลอดเวลา ซึ่งกลายมาเป็นจุดเด่นในที่สุด

 

กู้เซียงโด่งดังจากตัวละครที่แสนรันทด หากจะเดินออกจากกรอบเดิม คงต้องใช้ความสามารถไม่น้อย เนื่องจากละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนได้ฝากภาพจำของพระชายาเฉินผู้แสนอาภัพเอาไว้ แต่หญิงสาวที่กำลังทำการแสดงอยู่ ไม่เหลือร่องรอยของพระชายาเฉินเลย กลายเป็นอีกคนที่แตกต่างออกไป ทั้งเบิกบาน สนุกสนาน อารมณ์ดี เป็นซินเดอเรลล่าที่ทุกคนใฝ่ฝัน

 

นักแสดงที่สามารถทำให้คนดูหัวเราะได้ถือว่าประสบความสำเร็จ แต่ในมุมของนักแสดงมืออาชีพกลับให้ความหมายที่ต่างออกไป

 

การจะหลุดออกจากกรอบของบุคลิกเดิมได้ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ดาราบางคนเผลอแสดงบทบาทของตัวละครเก่า ขณะกำลังแสดงบทบาทใหม่ที่ต่างไปจากเดิม

 

คงไม่ใช่เรื่องใหญ่หากเธอคือนักแสดงเก่ามากประสบการณ์ แต่เพราะเป็นแค่ดาราหน้าใหม่ที่อายุเพียงยี่สิบต้นๆ จึงยากจะหาเหตุผลมาอธิบายสถานการณ์นี้นอกจากคำว่า ‘พรสวรรค์’

 

“เคลาส์” ถางรุ่ยสะกิด “ฉันขอคืนคำพูดเมื่อกี๊นะ เธอเป็นคนมีประสบการณ์จริงๆ”

 

ฉากแรกของภาพยนตร์ถือเป็นการประเดิม ซึ่งก็ผ่านไปอย่างราบรื่น มีเพียงสามเทคแรกที่ต้องถ่ายใหม่ เพราะนักแสดงและทีมงานยังไม่คุ้นกับบรรยากาศ

 

“ฉากต่อไปนายต้องแสดงกับกู้เซียง ลองต่อบทกันดูก่อน จะได้เข้าถึงอารมณ์ เพราะเรื่องนี้ต่างจากเรื่องที่แล้วมาก”

 

แม้คู่จิ้นแมวรัตติกาลจะได้รับความนิยม แต่ก็เป็นเรื่องที่คนดูคิดไปเอง เนื่องจากนักเขียนเพิ่มฉากหวานทางสายตาลงไป แต่ภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่พวกเขาคือคู่รักกันจริงๆ

 

การเล่นเป็นคู่รักจะต้องเข้าถึงอารมณ์รักให้ได้ ขนาดแค่สนทนากันในเรื่องฉีโฮ่วจ้วน คนดูยังเกิดอารมณ์ร่วมและอินกับละครขนาดนั้น พอรู้ว่าทั้งคู่จะได้แสดงความหวานในฉากรักของหนังเรื่องน้องใหม่ ก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีก

 

กู้เซียงรู้สึกกดดันอย่างมาก ชาติที่แล้วเธอคือหญิงโง่ที่ถูกความรักทำให้หน้ามืดตามัว จึงสามารถเล่นบทของหญิงสาวที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักได้ แต่ชาตินี้เธอคือหญิงกร้านโลกที่มองว่าผู้ชายเลวเหมือนกันหมด พอต้องแสดงเป็นหญิงสาวใสซื่อบริสุทธิ์ จึงฝืนตัวเองไม่น้อย

 

เธอจะสามารถแสดงเป็นหญิงสาวที่ลุ่มหลงในความรักได้จริงๆ หรือ? เพราะในความเป็นจริง กู้เซียงคือแม่ที่เกือบจะคลอดลูกชาย ชีวิตแต่งงานพังทลาย สิ้นหวังจนคิดฆ่าตัวตาย

 

“ตื่นเต้นหรือเปล่า?” ถางรุ่ยถามจ่านหยาง “เล่นตามอินเนอร์ได้เต็มที่เลยนะ”

 

“อินเนอร์อะไร” จ่านหยางเลิกคิ้วถาม “แค่เธอคนเดียวก็เอาอยู่แล้ว”

 

“เลิกอวยได้ยัง?” ถางรุ่ยเริ่มจะหมั่นไส้ “เอาจริงๆ คิดยังไงถึงรับเล่นเรื่องนี้?”

 

“ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น” จ่านหยางวางน้ำในมือ

 

“ฉันว่าเธอไม่ธรรมดา” ถางรุ่ยลูบปลายคางครุ่นคิด

 

“เห็นด้วย” จ่านหยางตอกย้ำความคิดของอีกฝ่าย

 

เฉิงหลินและเว่ยคุนใส่ชุดตำรวจเสร็จเรียบร้อย เช่นเดียวกับนักแสดงที่เล่นเป็นเพื่อนร่วมงานของอาจวนอย่าง เฉินเฟิง โจวซิน และป๋ายเหล่ย ที่แสดงหนังรักจนชำนาญ แต่เมื่อต้องร่วมงานกับจ่านหยาง ก็รู้สึกเกร็งไปตามๆ กัน

 

เหวินเส้าเหย่ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้ามาเฟียแทนผู้เป็นพ่อ ถูกตำรวจสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าสิ่งผิดกฎหมาย จึงให้อาจวนที่เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ แฝงตัวเข้าไปเป็นสายลับ ด้วยการสมัครเป็นพนักงานร้านกาแฟ จะได้เอาเครื่องดักฟังที่ซ่อนอยู่ในขวดซอสมะเขือเทศไปวางไว้บนโต๊ะของเหวินเส้าเหย่

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนเข้าประจำที่ อาจวนในชุดพนักงานร้านกาแฟสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานด้วยท่าทางจริงจังแต่แฝงไปด้วยความซื่อบื้อ

 

“ตั้งใจหน่อย!” ตำรวจฟางพูดผ่านวิทยุสื่อสาร “เป้าหมายปรากฏตัวแล้ว!”

 

ทันทีที่ได้ยิน อาจวนก็เดินถือขวดซอสมะเขือเทศไปที่โต๊ะราวกับวีรสตรี

 

ชายหนุ่มตรงหน้าสวมชุดหนังสีดำ แว่นตาแบบมาเฟีย วางมาดเท่คล้ายเพลย์บอย

 

อาจเพราะรีบเกินไป อาจวนชนเข้ากับหน้าอกของเหวินเส้าเหย่ ศีรษะของเธออยู่แค่ระดับอกของเขา จึงถูกอีกฝ่ายย่อตัวลงจ้องหน้า

 

“มากี่ท่านคะ?” เธอถามตะกุกตะกัก

 

“สองคน” เหวินเส้าเหย่ตอบในลำคอแล้วนั่งลงแบบเท่ๆ

 

กระทั่งแฟนเก่าของเหวินเส้าเหย่ที่เป็นสาวขี้วีนมาถึง เธอไม่พอใจที่ถูกบอกเลิกและพยายามง้อขอคืนดี พอเห็นว่าเขาไม่แยแส จึงคว้าขวดซอสมะเขือเทศมาปาใส่ อาจวนที่ซื่อบื้ออยู่แล้วรีบวิ่งเข้าไปแย่งขวดคืนจนเกิดเหตุการณ์ชุลมุน

 

ตอนแรกถางรุ่ยแค่อยากซ้อมก่อนถ่ายจริง แต่ผลลัพธ์กลับดีเกินคาดแม้ไม่มีดนตรีประกอบ ขนาดผู้กำกับอย่างเขายังมีอารมณ์ร่วมขนาดนี้ ถ้าออกสู่สายตาสาธารณชนจะได้รับความนิยมขนาดไหน

 

ไม่ว่าจะเป็นฉากที่นักแสดงสมทบคู่หนึ่งหยอกล้อด้วยมุกตลก ฉากที่เว่ยคุนเปลี่ยนสีหน้าจากเคร่งขรึมเป็นซื่อบื้อ หรือแม้แต่ฉากของแฟนเก่าขี้วีนอย่างเจี่ยงลี่ลี่

 

นักแสดงที่ดีจะทำให้ผู้ชมเข้าถึงอรรถรสของการแสดง จ่านหยางและกู้เซียงต่างก็เป็นมืออาชีพ บรรยากาศในฉากจึงกลมกลืนลงตัว โดยเฉพาะตอนที่พวกเขาเริ่มโต้ตอบกัน เมื่อนักแสดงสมทบรู้สึกถึงการแสดงที่เข้าขา ทุกคนจึงเข้าถึงบทบาทได้อย่างสมบูรณ์เช่นกัน

 

เจี่ยงลี่ลี่เล่นเป็นแฟนเก่าที่เข้ามาโวยวายในร้าน เธอเล่นสุดฝีมือมากเพราะอินกับบทเป็นทุนเดิม ยิ่งได้เล่นกับจ่านหยางเป็นครั้งแรก ก็ยิ่งตั้งใจมากขึ้นไปอีก

 

ขณะที่คู่กรณีกำลังทะเลาะกัน อาจวนก็พยายามแย่งขวดซอสมะเขือเทศกลับมาจนถูกแฟนสาวขี้วีนฟาดขวดซอสลงกลางหัว ก่อนจะถูกลูกน้องของเหวินเส้าเหย่ลากตัวออกจากร้านไป ทิ้งให้อาจวนกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวด

 

“ตายแล้ว ฉันเสียโฉมหรือเปล่า? เดี๋ยวได้ขึ้นคานกันพอดี!” อาจวนร้องโอดโอย

 

เหวินเส้าเหย่คุกเข่าลงดูแผล แล้วใช้หลังมือแตะหน้าผากของอีกฝ่ายเบาๆ “ยังไม่เสียโฉม ยังสวยอยู่”

 

ฟินมาก เจ๋งมาก…

 

กู้เซียงมองใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าในระยะใกล้ด้วยใจอ่อนระทวย

 

เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเลยว่าจะสามารถเล่นเป็นหญิงสาวที่ลุ่มหลงในความรักได้หรือไม่ แค่มีคนหล่อขนาดนี้อยู่ตรงหน้า ก็แทบไม่ต้องแสดงอะไรอีก

 

กู้เซียงใจลอยจนจ่านหยางรู้สึกได้ จึงยักคิ้วให้แล้วยกยิ้มมุมปากแบบที่กล้องไม่เห็น

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท