เธออยู่ในวงการด้วยความราบรื่นนานหลายปี แวดล้อมไปด้วยคนสนับสนุน หากไม่ฉลาดพอ คงอยู่ไม่ได้ถึงทุกวันนี้
แต่กู้เซียงที่มากับดวง ไม่มีแม้แต่ที่พึ่ง ไม่มีประสบการณ์ โด่งดังจากละครเพียงเรื่องเดียว กลับได้รับบทนางเอกภาพยนตร์อีกเรื่องในเวลาอันรวดเร็ว
พวกเธอไม่เคยมีความแค้นต่อกัน แค่เฉียวอิ้งฉิงรู้สึกไม่ชอบหน้ากู้เซียงเท่านั้น ที่จริงคนที่เธอไม่ชอบมีอยู่มากมาย แต่ไม่เคยมีใครที่นึกอยากทำลายให้ล่มจมได้ขนาดนี้
กู้เซียงแทบไม่ต้องทำอะไรเลย แต่กลับไต่เต้าขึ้นสู่จุดที่สูงกว่าได้อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง ต่างจากเฉียวอิ้งฉิงที่ต้องยอมมีความสัมพันธ์กับหลี่ซั่วเพื่อแย่งบทนางเอกมา แต่อีกฝ่ายกลับได้ไปเล่นหนังของถางรุ่ยคู่กับจ่านหยางแทน
ผู้คนเริ่มคลางแคลงใจในฝีมือการแสดงของเธอ ถูกพระเอกของเรื่องรังเกียจ ถูกตัวประกอบไร้ชื่อนินทาลับหลัง ทั้งหมดเป็นเพราะกู้เซียงทั้งสิ้น!
เฉียวอิ้งฉิงกำหมัดแน่น
ที่ด้านนอก นักแสดงคนหนึ่งหยิบกระดาษขึ้นท่องบทเสียงดังลั่น
“ชั่วดีต้องรับกรรม ฟ้าดินยุติธรรมเสมอ หากสงสัยให้แหงนมองฟ้า เพราะฟ้าไม่เคยไว้หน้าใคร!”
ไม่นานก็ถึงช่วงปลายปี
ภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่ใช้เวลาถ่ายทำยาวนานกว่าสามเดือนแล้ว เนื่องจากผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจ การถ่ายทำจึงรวดเร็วกว่าเมื่อก่อนเป็นเท่าตัว หากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ตรุษจีนปีหน้าคงได้ฉายจริงแล้ว
แม้จะเป็นช่วงปีใหม่ แต่กู้เซียงกลับไม่ได้หยุดพัก เนื่องจากมีงานประกาศรางวัลจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนได้เรตติ้งสูงที่สุดของปี แม้จะเป็นเพียงความนิยมในช่วงครึ่งแรก แต่ก็ได้รับคำชื่นชมเป็นวงกว้าง ถือเป็นละครย้อนยุคฟอร์มยักษ์ที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างดี ปลายปีน่าจะได้รับรางวัลหลายรายการ
ด้วยกระแสที่โด่งดัง ทำให้นักแสดงในเรื่องค่าตัวสูงขึ้น
ในฐานะดาราหน้าใหม่ที่ถูกจับตามอง เส้นทางของกู้เซียงราบเรียบเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ เช่นนี้รางวัลดาราหน้าใหม่ดีเด่นแห่งปีคงจะไม่พ้นเธอ
เนื่องจากต้องเตรียมตัวเข้าร่วมงานเลี้ยงประกาศรางวัลตามที่ต่างๆ ทำให้ชีวิตของกู้เซียงยุ่งวุ่นวายอีกครั้ง โชคดีที่การถ่ายทำภาพยนตร์ไม่มีอุปสรรคมากนัก
วงการบันเทิงชอบยกคนเด่นเหยียบคนด้อย เมื่อมีรางวัลดาราหน้าใหม่แห่งปี ก็ต้องมีรางวัลดารายอดแย่แห่งปีเช่นกัน แล้วผู้โชคร้ายก็คือเฉียวอิ้งฉิง เธอเป็นดาวเด่นในวงการบันเทิงมานาน ในที่สุดก็ถึงช่วงตกต่ำของชีวิต
ในฐานะที่รับบทนางเอกในละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วน แต่กลับถูกดาราหน้าใหม่ลดบทบาทจนอับแสงอย่างไม่เป็นท่า พอเข้าร่วมกองถ่ายเรื่องฆ่าทั้งอาฆาต ก็ถูกนินทาว่าใช้เส้นสายเพื่อแย่งบทนางเอกไปจากกู้เซียงอีก
ระหว่างถ่ายทำเรื่องฆ่าทั้งอาฆาต เฉียวอิ้งฉิงพบเจอกับอุปสรรคมากมาย ทั้งฝีมือการแสดงที่ไม่เข้าขั้น นิสัยส่วนตัวที่ไม่มีใครประทับใจ และปัญหากับเพื่อนร่วมงานโดยเฉพาะพระเอก
ทันทีที่เรื่องเหล่านี้ถูกเผยแพร่ เธอก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ยังมีคนให้ข่าวด้วยว่าเฉียวอิ้งฉิงจงใจทำลายชื่อเสียงของกู้เซียง โดยมีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
ข่าวดราม่าไม่เคยทำให้นักแสดงหญิงคนไหนโด่งดัง การรักษาภาพลักษณ์ที่ดีจึงสำคัญอย่างมาก ยิ่งเฉียวอิ้งฉิงทำตัวแบบนี้ ก็ยิ่งเหมือนขุดหลุมฝังตัวเอง
อยู่ในวงการบันเทิงอย่าได้คิดมีศัตรู เพราะทันทีที่ถูกปล่อยข่าวด้านลบ คนที่เคยถูกเฉียวอิ้งฉิงทำร้ายต่างก็ลุกขึ้นแทงข้างหลังเธอซ้ำๆ ทั้งเรื่องแย่งงาน ทั้งเรื่องที่เธอเคยทำร้ายคนอื่น จริงเท็จผสมปนเปกันจนภาพลักษณ์ของหญิงสาวใสซื่อบริสุทธิ์ถูกทำลายจนหมดสิ้น
ภาพยนตร์เรื่องฆ่าทั้งอาฆาตต้องหยุดการถ่ายทำกลางคัน เซี่ยหัวตัดสินใจพักกองชั่วคราว อ้างว่าอยากให้ทีมงานได้พักผ่อนช่วงสิ้นปี แต่ทุกคนรู้ดีว่าในกองถ่ายมีปัญหา เนื่องจากข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่วเมืองก่อนหน้านี้
มีการหยิบยกเอากู้เซียงและเฉียวอิ้งฉิงมาเปรียบเทียบว่าต่อไปอนาคตของใครจะดีกว่ากัน คนหนึ่งคือดาราหน้าใหม่ที่อาศัยฝีมือล้วนๆ กับอีกคนที่อยู่ในช่วงขาลงจากการถูกแฉ
กู้เซียงมีแฟนคลับที่คลั่งไคล้ในตัวเธอ ส่วนเฉียวอิ้งฉิงก็มีฐานแฟนคลับและชื่อเสียงที่สั่งสมมานานหลายปี แฟนคลับของทั้งสองฝั่งจึงโจมตีและสาดโคลนใส่กันจนกลายเป็นประเด็นร้อนช่วงปีใหม่
เฉียวอิ้งฉิงนั่งอยู่บนโซฟา พูดกับคนที่ปลายสายด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“เหล่าหลี่ ช่วยฉันอีกสักครั้งได้ไหม? ครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ”
“เสี่ยวเฉียว ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยนะ แต่สถานะของคุณในตอนนี้ไม่ควรจะมีเรื่องกับใคร ผมไม่รู้ว่าเธอทำอะไรให้คุณเจ็บแค้น แต่ควรอยู่เงียบๆ จะดีที่สุด”
เฉียวอิ้งฉิงหน้าถอดสี แผดเสียงเกรี้ยวกราดใส่อีกฝ่ายทันที
“คุณคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องบังเอิญงั้นเหรอ? กู้เซียงจงใจเล่นงานฉันตั้งแต่แรก ตัวเองจะได้เป็นดาวเด่นในวงการ แบบนี้ไม่แค้นยังไงไหว!”
จู่ๆ เฉียวอิ้งฉิงก็ทำเสียงอ่อนลง “ที่ฉันเป็นอยู่ในตอนนี้ ไม่เป็นผลดีกับคุณเลย ถ้ากู้เซียงกล้าลงมือกับฉัน ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับคุณด้วยนะคะ”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง
“คุณคิดจะทำอะไรต่อ?”
“ฉันอยากให้ชื่อเสียงของเธอย่อยยับแบบไม่มีวันผุดวันเกิด!”
“ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายนะ”
“ครั้งสุดท้ายแน่นอนค่ะ คุณดีกับฉันมาก ฉันต้องหาทางตอบแทนบุญคุณอย่างถึงที่สุด”
“อย่าทำให้เรื่องบานปลายใหญ่โตก็แล้วกัน ระวังตัวด้วยล่ะ” เขาทำเสียงรำคาญ
หลังวางสาย เฉียวอิ้งฉิงก็จ้องคอมพิวเตอร์แบบไม่วางตา
ข่าวเสียๆ หายๆ ในนั้นล้วนเกี่ยวข้องกับเธอ ทั้งเรื่องที่แย่งบทนางเอกไปจากกู้เซียง แต่สุดท้ายก็ขโมยไก่ไม่ได้ แถมยังเสียข้าวสารอีกเป็นกระสอบ
การจะทำให้คนในวงการบันเทิงเสื่อมเสียชื่อเสียงนั้นง่ายมาก แค่รูปไม่กี่รูปกับคลิปวิดีโอก็สามารถทำให้ศิลปินคนหนึ่งถูกเหยียบจมดินได้แล้ว ไม่ต้องสนว่าภาพหรือคลิปนั้นๆ จะเป็นของจริงหรือไม่ เพราะไม่มีใครใส่ใจ ทุกคนเชื่อในสิ่งที่เห็น
ถ้ากู้เซียงถูกทำลายชื่อเสียงจนย่อยยับ ยังจะมีคนอยากชื่นชมเธออีกหรือไม่ แม้แต่กองถ่ายภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่ ก็อาจจะถีบเธอออกอย่างไม่ลังเล
นี่คือวงการบันเทิงที่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ในเมื่อเฉียวอิ้งฉิงเคยจัดการกับคนที่ขวางทางไปแล้วมากมาย แค่เด็กใหม่คนเดียวไม่คณนามือแน่นอน!
กู้เซียงมัวแต่ยุ่งกับการทำงานจนไม่มีเวลาอ่านข่าว กลายเป็นเหวินจิ้งที่คอยป้อนข่าวของเฉียวอิ้งฉิงให้ด้วยความสะใจ
ตั้งแต่ที่กู้เซียงถูกฝ่ายนั้นแย่งงาน เหวินจิ้งก็เกลียดหล่อนเข้ากระดูกดำ ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวจะเกิดความวุ่นวายภายหลัง ก็แทบอยากไปกดถูกใจให้กับทุกคอมเมนต์ที่ด่าเฉียวอิ้งฉิง
กู้เซียงเชื่อมสัมพันธไมตรีกับทุกคนในกองถ่ายเรื่องน้องใหม่ นอกจากความสนุกสนานและเป็นกันเองแล้ว เธอยังเอาใจใส่เพื่อนร่วมงานด้วยการอบขนมมาฝากเสมอ
เธอนึกขำตัวเองในใจ ชาติที่แล้วกู้เซียงอยู่บ้านทุกวัน พยายามทำหน้าที่แม่บ้านอย่างสมบูรณ์ที่สุด แต่ก็ยังถูกพ่อแม่สามีตำหนิตลอด ตอนนี้แค่ลองทำขนมเล็กๆ น้อยๆ มาแจก ทุกคนก็ตื่นเต้นดีใจมากแล้ว
เจี่ยงลี่ลี่โน้มตัวเข้าหาแล้วส่งกาแฟให้กู้เซียง
“ฉากต่อไปปังมาก พร้อมรับมือหรือยัง?” เธอทำเสียงกระซิบกระซาบ
“หือ?” กู้เซียงถอดถุงมือออกรับกาแฟ
“ฉากจูบไง” เจี่ยงลี่ลี่ทำตาโต “ไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ?”
“ไม่นะคะ”
เจี่ยงลี่ลี่ตบบ่ากู้เซียงเบาๆ แล้วทำท่าเหมือนคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน “ถ่ายฉากจูบครั้งแรกก็ตื่นเต้นกันทุกคนแหละ” พูดจบก็ยกสองมือขึ้นกุมใบหน้า “แต่ถ้าจะตื่นเต้นก็ไม่แปลก จูบกับจ่านหยางเชียวนะ แค่คิดฉันก็เขินจนจะเป็นลมแล้ว”
เห็นอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ เจี่ยงลี่ลี่ก็จิ๊ปากเบาๆ “นี่เธอรังเกียจซูเปอร์สตาร์จ่านของฉันเหรอ?”
“คุณเจี่ยง ประจำที่ได้แล้วค่ะ” ทีมงานตะโกนเรียก
เจี่ยงลี่ลี่โบกมือตอบแล้วหันบอกกู้เซียงว่า “ฉันไปก่อนนะ จัดการอารมณ์ตัวเองให้ดี เตรียมใจไว้ด้วย อย่าสปาร์กจนเป็นลมล่ะ”
พออีกฝ่ายคล้อยหลังไป เหวินจิ้งก็ชะโงกหน้าเข้ามาหาเธอ ในมือถือกล้องไว้สามตัว
“จะทำอะไรน่ะ?” กู้เซียงถาม
“ฉากต่อไปเธอต้องจูบกับจ่านหยางไง” เหวินจิ้งนั่งลง ถอนหายใจเบาๆ “ถ้าเธอไม่ใช่ศิลปินที่ฉันดูแล ความสัมพันธ์ของเราอาจต้องจบลงแค่นี้ โชคดีที่ฉันมีจรรยาบรรณมากพอ” เธอกำหมัดแน่น แล้วแหงนหน้าขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ “ความรักที่แท้จริงคือการปล่อยให้เขามีความสุข ฉันก็เลยเตรียมกล้องไว้สามตัว เพราะเป็นครั้งแรกที่จ่านหยางได้จูบออกทีวี”
“บ้ากันไปใหญ่แล้ว!” กู้เซียงกลอกตา
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ไม่ให้เกียรติจูบแรกของจ่านหยางเลย!” เหวินจิ้งเท้าสะเอวสั่ง “ตั้งใจแสดงให้ดี อย่าปล่อยให้จูบแรกของคนอื่นต้องเสียเรื่อง!”
“เธอก็อย่าลืมเอาจูบแรกของเขาไปใส่กรอบ แล้วจุดธูปบูชาวันละสามรอบด้วยล่ะ!” กู้เซียงประชด
“เซียงเซียง เธอก็ถ่ายฉากจูบครั้งแรกเหมือนกันนี่?” เหวินจิ้งนึกขึ้นได้ “ตื่นเต้นหรือเปล่า?”
“ไม่ถามตอนถ่ายเสร็จไปเลยล่ะ!” กู้เซียงมองอีกฝ่ายด้วยหางตา
“อย่าบอกนะว่าไม่ตื่นเต้นเลย”
“เพราะฉันเป็นนักแสดงมืออาชีพไงล่ะ”
ต่อให้จูบกับท่อนไม้ เธอก็ต้องจินตนาการเพื่อเข้าถึงอารมณ์ให้ได้
คุยกันไปได้สักพัก ถางรุ่ยก็ตะโกนเรียกกู้เซียง
“ฉากของลี่ลี่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมเลยให้เธอไปพัก เดี๋ยวถ่ายคุณกับเคลาส์ก่อนก็แล้วกัน ว่าแต่… พร้อมแล้วใช่ไหม?” ถางรุ่ยถามเพื่อความแน่ใจ
“พร้อมแล้วค่ะ” กู้เซียงตอบอย่างหนักแน่น
หลังต่อบทกับป๋ายเหล่ยเสร็จ จ่านหยางก็เดินมาหาเธอด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ทุกคนในกองถ่ายต่างรอดูฉากนี้ เพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะจูบออกทีวี
ชาติที่แล้วกู้เซียงต้องถ่ายฉากจูบไม่น้อย ทั้งกับนักแสดงที่เป็นผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก และคนแก่ ยังมีที่ไม่ใช่คนอีก หากแต่ครั้งแรกของเธอคือเหลียงจี้ไม่ใช่จ่านหยาง