หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 32

ตอนที่ 32

ผ่านไปเดือนกว่าแล้ว แต่กองถ่ายเรื่องฆ่าทั้งอาฆาตก็ยังคงไม่ติดต่อมา

ตอนไปคัดตัวนักแสดง เซี่ยหัวสอบถามเกี่ยวกับคิวงานของเธออย่างกระตือรือร้น แต่กลับเงียบหายไปเป็นเดือน ดูยังไงก็ไม่สมเหตุสมผล

ครุ่นคิดไปได้สักพัก กู้เซียงก็ต่อสายหาเซี่ยหัว ผู้ช่วยของเขาเป็นคนรับโทรศัพท์แทน และให้เหตุผลว่าเธอยังไม่เหมาะกับงานนี้

หลังวางสาย กู้เซียงนิ่งไปครู่ใหญ่ เธอรู้สึกสับสนกับท่าทางสนอกสนใจของพวกเขาในตอนนั้น แต่วันนี้กลับบอกว่าเธอไม่เหมาะสม ล้อเล่นกันอยู่หรือเปล่า?

ขณะพยายามตั้งสติ สายปริศนาสายหนึ่งก็โทรเข้ามา

“กู้เซียง”

“คุณคือ?”

“เฉิงหลินไงล่ะ”

“อ้อ สวัสดีค่ะ”

เฉิงหลินอาจไม่ได้แย่งบทนี้ไปจากเธอ เพราะอีกฝ่ายต้องเป็นนางเอกหนังเรื่องนี้อยู่แล้ว ต่อให้เธอกลับชาติมาเกิด ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิตได้

“ไม่ต้องรอผลการคัดเลือกแล้วนะ”

“ยินดีด้วยนะคะ” กู้เซียงตอบ

“ไม่ใช่ฉัน…” ปลายสายเว้นจังหวะเล็กน้อย “แต่เป็นเฉียวอิ้งฉิง!”

ที่ผ่านมา กู้เซียงไม่ได้นึกถึงเฉียวอิ้งฉิง เพราะอีกฝ่ายมักจะเล่นแต่หนังที่รักษาภาพลักษณ์ แถมบุคลิกของเธอยังไม่เหมาะกับการเป็นนักฆ่าอีกด้วย

หากคิดจะดีดเธอทิ้ง ก็ควรเอาเฉิงหลินมาเล่นแทน ไม่ใช่เฉียวอิ้งฉิงที่ยังเป็นเพื่อนรักกับอีกฝ่ายอยู่

“บอกเรื่องนี้กับฉันทำไมเหรอคะ?” กู้เซียงถามออกไปตรงๆ

“ไม่ใช่แค่เรื่องฆ่าทั้งอาฆาตนะ” เฉิงหลินตอบไม่ตรงคำถาม “ระวังตัวไว้หน่อยก็แล้วกัน” พูดจบก็วางสายทันที

กู้เซียงรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงรีบโทรหาเหวินจิ้งเพื่อถามเกี่ยวกับงานชิ้นอื่นๆ

แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ภาพยนตร์ ละคร รวมถึงรายการโทรทัศน์ที่เคยติดต่อเธอมา พากันยกเลิกโดยไม่ได้นัดหมาย คล้ายว่ามีคนแย่งงานของกู้เซียงภายในคืนเดียว

“เกิดอะไรขึ้น เราทำผิดตรงไหนหรือเปล่า?” เหวินจิ้งทำเสียงกระวนกระวาย “ฉันขอโทรถามบริษัทก่อนนะ อย่าเพิ่งคิดมากไปล่ะ”

ไม่นานบริษัทก็ให้คำตอบกลับมาว่าเธอแค่ไม่เหมาะสมกับงานไหนเลยเท่านั้น

หัวเซินไม่ใช่บริษัทใหญ่โต มีนักแสดงในสังกัดยังไม่มาก หากศิลปินคนไหนกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ก็ควรจะรีบสนับสนุน แต่กลับแสดงท่าทีเหมือนไม่อยากจะข้องเกี่ยว

จะเป็นฝีมือใครได้อีก นอกจากเฉียวอิ้งฉิง…

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงจงใจหาเรื่องอย่างบ้าคลั่ง เฉียวอิ้งฉิงใช้สารพัดวิธีเพื่อจัดการดาราหน้าใหม่แค่คนเดียว เหมือนกินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำ

ชาติที่แล้วกู้เซียงเสียเปรียบให้กับชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้ แต่ชาตินี้เธอจะไม่ยอมเดินซ้ำรอยอีก

คงต้องหาให้ได้ก่อนว่าใครที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้!

ภายในห้องที่กว้างขวาง

หญิงสาวในชุดลำลองตัวหลวมนั่งอย่างสบายอารมณ์อยู่บนโซฟา ใบหน้างดงามอย่างกุลสตรี แววตาให้ความรู้สึกเซ็กซี่เย้ายวน มือเรียวยาวปัดลอนผมไปด้านหลัง เผยให้เห็นลำคอและไหล่ขาวเนียน

“เหล่าหลี่ ครั้งนี้จัดการได้ดีมากเลย”

ชายที่นั่งตรงข้ามโซฟาอายุประมาณสี่สิบกว่า ร่างท้วม ศีรษะบาง หน้าตาไม่เป็นที่นิยม สวมแหวนหยกวงใหญ่ที่นิ้วกลางข้างขวา

“ไม่เชื่อแล้วมาหาทำไม?” เขาทำเสียงตัดพ้อ

“จะไม่เชื่อได้ยังไงล่ะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณช่วยดัน ฉันคง…”

“บุญคุณงั้นเหรอ?” เขาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ “จะตอบแทนยังไงดีล่ะ?”

“คุณว่าไงฉันก็ว่าตามนั้นค่ะ” เฉียวอิ้งฉิงพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวน

“ผมละแปลกใจจริงๆ ทำไมคุณถึงทุ่มเทกับการทำลายเด็กใหม่ขนาดนี้?”

“อย่างเธอไม่นับว่าเป็นเด็กใหม่หรอกค่ะ” เฉียวอิ้งฉิงตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ตั้งแต่เข้าวงการ ฉันไม่เคยเสียหน้าขนาดนี้มาก่อน ทุกคนพากันมองว่าฉันสู้นังนั่นไม่ได้ แถมยังถูกมันหาเรื่องสารพัดอีก!” พูดจบก็ทำหน้าออดอ้อน “คุณเป็นคนสร้างฉันขึ้นมา จะทนเห็นฉันลำบากได้ลงคอเหรอคะ?”

“ผมไม่ยอมให้คุณลำบากหรอก” เหล่าหลี่ยิ้มตาเป็นประกาย “ยิ่งเป็นเด็กใหม่ที่ไม่มีคนคอยหนุนหลังก็ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ ว่าแต่… อย่าลืมตอบแทนผมด้วยล่ะ”

เฉียวอิ้งฉิงส่งจูบด้วยความเสน่หา “แน่นอนอยู่แล้วค่ะ”

จู่ๆ กู้เซียงก็ต้องเผชิญกับการขัดแข้งขัดขาในวงการ

ต่อให้แฟนคลับและชาวเน็ตจะไม่รู้ แต่คนในวงการอย่างถางรุ่ยจะไม่รู้ไม่ได้

จ่านหยางเพิ่งลงเครื่องหมาดๆ ยังไม่ได้ดื่มน้ำสักคำ ถางรุ่ยก็วิ่งหน้าตาตื่นมาหา

“เคลาส์ เด็กของนายเกิดเรื่องแล้ว”

จ่านหยาง “เด็กของฉัน?”

“ก็แมวน้อยไง?” ถางรุ่ยกลัวอีกฝ่ายจะนึกไม่ออก “ไปเมืองนอกแป๊บเดียว ลืมคู่จิ้นของตัวเองซะแล้ว?”

“เกิดอะไรขึ้น?” จ่านหยางวางกระเป๋าแล้วรินน้ำใส่แก้ว

“เธอถูกแบนงาน อยากรู้ไหมว่าใครเป็นคนทำ?”

จ่านหยางพยักหน้า

“หลี่ซั่ว!” ถางรุ่ยทำเสียงตื่นเต้น “ไม่รู้ว่าเธอไปมีเรื่องกับเขาได้ยังไง แต่ทั้งวงการกำลังลือว่าเธอถูกยกเลิกงานทั้งที่แคสต์ผ่านแล้ว แต่เพราะไม่มีเส้นสายก็เลยไม่ได้ไปต่อ”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“หลายวันมาแล้ว” ถางรุ่ยทำหน้าปวดใจ “กู้เซียงฝีมือดีก็จริง แต่ถ้ามีเรื่องกับหลี่ซั่วน่ากลัวจะอยู่ต่อลำบาก แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องสั่งแบนงานเธอด้วย”

จ่านหยางมองแก้วน้ำโดยไม่พูดอะไร

“พูดอะไรหน่อยสิ” ถางรุ่ยผลักไหล่เพื่อนเบาๆ “ยังไงนายก็เคยเป็นคู่จิ้นกับเธอนะ จะยอมให้ออกจากวงการไปง่ายๆ งั้นเหรอ?”

ในใจของกู้เซียงสบถด้วยความโมโหเป็นร้อยเป็นพันครั้ง

การได้ใช้ชีวิตคู่น่าบัดซบกับเหลียงจี้ ทำให้เธอรับรู้ในอีกหลายๆ เรื่อง

เบื้องหลังของเฉียวอิ้งฉิงมีคนใหญ่คนโตคอยดูแล ขนาดสั่งแบนใครก็ได้ง่ายๆ หลังคิดทบทวนอยู่นาน ดวงตาของเธอก็เป็นประกาย ใครคนนั้นก็คือ ‘หลี่ซั่ว’ สามีเก่าของเฉียวอิ้งฉิงนั่นเอง

ไม่มีใครในวงการบันเทิงไม่รู้จักเขา เจ้าพ่อแห่งวงการภาพยนตร์ ผู้ผลิตและผู้จัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศ มีทั้งเงินและอำนาจ มีบริษัทภาพยนตร์เป็นของตัวเอง บรรดาศิลปินที่โด่งดังในช่วงแรกๆ ล้วนถูกเขาผลักดันทั้งสิ้น

ตระกูลของหลี่ซั่วมีความเกี่ยวข้องกับทางราชการ จึงนับว่าเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลอย่างมาก ศิลปินที่เคยมีเรื่องกับเขาล้วนต้องออกจากวงการบันเทิง และชีวิตหลังจากนั้นก็ไม่ง่าย

หลี่ซั่วเคยหย่าร้างมาแล้วสองครั้ง ตอนมีข่าวว่าเฉียวอิ้งฉิงจะแต่งงานกับเขา แฟนคลับต่างตกตะลึงและรู้สึกผิดหวัง เมื่อเทียบกับชายหนุ่มผู้หล่อเหลาและแสนดีอย่างเหลียงจี้ หลี่ซั่วก็คือลุงแก่ๆ คนหนึ่ง

ตอนให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ เฉียวอิ้งฉิงกล่าวชื่นชมความสามารถของหลี่ซั่ว บอกด้วยว่าคนอย่างเธอไม่คู่ควรกับเขาแม้แต่น้อย

กู้เซียงก็คิดเหมือนอย่างแฟนคลับคนอื่นๆ ว่าเธอคงถูกล้างสมองมา ยังนึกเสียดายอาหารเลิศรสที่กำลังจะถูกป้อนให้กับหมูสกปรก

ขณะที่ชีวิตของเฉียวอิ้งฉิงรุ่งโรจน์อย่างถึงที่สุด ทั้งสองก็หย่ากันด้วยดี แต่ความเสียใจก่อนหน้านี้ ทำให้เหลียงจี้ตกลงคบหากับกู้เซียงเพื่อลืมความเจ็บปวดทั้งหมด

นอกจากหลี่ซั่วแล้ว กู้เซียงยังคิดไม่ออกว่าจะเป็นฝีมือของใครได้อีก

กว่าเฉียวอิ้งฉิงจะประกาศการแต่งงานกับหลี่ซั่วก็อีกหลายปีหลังจากนี้ เป็นช่วงที่เธอกับเหลียงจี้กำลังรักกันหวานชื่น หรืออีกฝ่ายต้องการจะกำจัดเธอ จึงยอมหว่านเสน่ห์ใส่หลี่ซั่ว

กู้เซียงรู้สึกตกใจกับความคิดนี้ อะไรที่ทำให้เฉียวอิ้งฉิงยอมแลกเรือนร่างเพื่อกำจัดเธอให้พ้นทาง แม้จะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกแต่กู้เซียงก็ไม่มีท่าทีโศกเศร้าหรือเป็นกังวล คงเพราะชาติที่แล้วเคยเป็นโรคซึมเศร้า เคยแท้งลูก เคยหย่า และเคยกระโดดตึกฆ่าตัวตาย เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าจึงเล็กไปถนัดตา

“เซียงเซียง ทำไมยังยิ้มอยู่อีกล่ะ?” เหวินจิ้งถาม

“ชีวิตมันไม่แย่ขนาดนั้นหรอก” กู้เซียงตอบ

ชีวิตของเธอก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นจริงๆ เพราะมีคนกำลังจะช่วยแก้ปัญหาให้แล้ว

จ่านหยางยื่นบุหรี่ให้ถางรุ่ยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นายสนิทกับหลี่ซั่วหรือเปล่า?”

“ไม่สนิทเลย” ถางรุ่ยส่ายหน้า

“ถ้างั้นก็ดี” จ่านหยางยักคิ้ว “ไม่รู้จัก ก็ไม่เป็นการหาเรื่อง”

“ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก!” ถางรุ่ยรีบปฏิเสธ “ให้เอาธุรกิจไปเสี่ยง ไม่เอาด้วย!”

“เห็นบอกว่ากำลังจะมีหนังเรื่องใหม่?” จ่านหยางไม่สนคำปฏิเสธ

“จะให้เอาเธอมาเล่นเป็นนางเอกเหรอ? ให้ตายเถอะ ยังไงฉันก็ไม่…”

“ฉันจะเล่นเป็นพระเอกให้เอง” จ่านหยางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ถ้างั้น ฉันจะโทรหาเธอเดี๋ยวนี้เลย!”

ทันทีที่ภาพยนตร์เรื่อง ‘น้องใหม่’ ประกาศรายชื่อคู่พระนาง ทั้งวงการก็พากันแตกตื่น

เพราะหลังจากที่กู้เซียงถูกแบน ก็ไม่มีใครกล้าชวนเธอไปทำงานด้วย แต่พอรู้ว่าเป็นฝีมือของถางรุ่ย ทุกคนก็พอจะเข้าใจได้

ตั้งแต่เข้าวงการ จ่านหยางเป็นแค่นักแสดงสมทบมาโดยตลอด ไม่เคยยอมเล่นเป็นพระเอกสักครั้ง

พอข่าวนี้แพร่กระจาย แฟนคลับของเขาก็โพสต์ลงเวยป๋อจนติดหนึ่งในห้ากระทู้ยอดฮิตอย่างรวดเร็ว

ความดีใจแผ่ขยายเป็นวงกว้าง ในที่สุดไอดอลที่พวกเขาชื่นชอบก็ได้เป็นพระเอกเสียที คนที่เล่นเป็นนางเอกคู่กับเขาก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคู่จิ้นแมวรัตติกาลจากละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนที่แสนจะโด่งดัง

กู้เซียงเคยรับงานโฆษณามาบ้าง แต่ที่ทำให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างก็คือบทของพระชายา กระทั่งได้มาเป็นนางเอกหนังเรื่องน้องใหม่ ซึ่งตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ ใช้เวลาเพียงครึ่งปีเท่านั้น

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท