หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 9

ตอนที่ 9

“เกิดอะไรขึ้น?” พนักงานรักษาความปลอดภัยที่เห็นความผิดปกติรีบเข้ามาขวาง แต่เหลียงจี้กลับเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ

“คุณเข้าใจผิดแล้ว คุณเข้าใจผิดแล้ว!” เขาตะโกน

“เวรแล้ว!” กู้เซียงรู้สึกกลัวจับใจ แต่ก็ไม่กล้ากระโดดออกจากรถ

เธอคิดจะหักพวงมาลัย แต่ก็กลัวว่าจะชนกำแพงตรงหน้า ยิ่งเห็นว่าความเร็วของรถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีอุปกรณ์ประกอบฉากมากมายล้มระเนระนาด ก็ยิ่งขวัญกระเจิง

“กู้เซียง!” เสียงตะโกนเรียกของจ่านหยางดังขึ้นที่ด้านหลัง

เบื้องหน้าคือกำแพงสูงทึบ แต่เหลียงจี้ก็ยังคงเหยียบคันเร่งจนสุด ราวกับไม่ต้องการให้ใครได้รอดชีวิตกลับไป

เสียงของจ่านหยางยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ทว่าห่างออกไปเรื่อยๆ

เธอรู้สึกได้ถึงความกระวนกระวายและความโมโหในน้ำเสียงของเขา ปกติจ่านหยางจะพูดเสียงเบาด้วยความสุภาพอ่อนโยน แต่วันนี้กลับตะโกนสุดเสียง ราวกับต้องการประสานโลกอดีตและปัจจุบันให้เชื่อมกัน ฉุดคนจากก้นบึ้งของหนองน้ำให้ผุดขึ้นมาหายใจอีกครั้ง

กู้เซียงขอบตาร้อนผ่าว ชีวิตคนเรานั้นสั้นเหลือเกิน เธออุตส่าห์ได้กลับมาเกิดอีกครั้ง แต่กลับต้องจบชีวิตพร้อมกับคนที่เกลียดที่สุดในชาติที่แล้ว

“ไม่ยุติธรรม ไม่ยุติธรรมเลย ฉันไม่ยอม ไม่ยอมเด็ดขาด!”

คิดได้เช่นนี้ กู้เซียงก็เปิดประตูแล้วตะโกนขึ้นว่า “ไปตายคนเดียวเถอะไอ้ชั่ว!”

วินาทีที่เธอกระโดดลงจากรถช่างยาวนานเหลือเกิน

พริบตาเดียวเสียงโครมก็ดังสนั่น รถเก๋งทรงคลาสสิกชนเข้ากับกำแพงจนยับ กระโปรงหน้าบู้บี้จนดูไม่ได้

เปลวเพลิงโหมไหม้ส่วนหน้าของรถอย่างรวดเร็ว ทุกคนในกองถ่ายวิ่งมาดูด้วยความตื่นตะลึง

ภาพตรงหน้าคือรถที่อยู่ในสภาพย่อยยับกับดวงไฟลุกโชน นี่คงเป็นข่าวใหญ่ที่สุดในวงการบันเทิงแล้ว

ท่ามกลางความวุ่นวาย กู้เซียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด

เธอพยายามยันกายขึ้นเหมือนตอนที่เล่นฉากบู๊ เพราะสตันต์แมนเคยสอนไว้ว่าตอนกระโดดให้เก็บคอและศีรษะให้ดี ถึงอย่างนั้นก็ยังบาดเจ็บ แสบที่ขาและแขนเพราะถลอกอย่างหนัก

จ่านหยางพุ่งเข้ามาหากู้เซียงอย่างรวดเร็วแล้วประคองไว้ในอ้อมกอด “เรียกรถพยาบาล!”

เธอคว้าคอเสื้อของเขาตามสัญชาตญาณ แล้วนิ่งฟังเสียงหัวใจที่เต้นระรัวด้วยความตกใจ

พลังชีวิตของจ่านหยางทำกู้เซียงรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก ตัวเขามีกลิ่นบุหรี่อ่อนๆ คล้ายยานอนหลับ ขณะกำลังสะลึมสะลือ เธอได้ยินเสียงปลอบอย่างอ่อนโยนสลับกับเสียงตะโกนสั่ง ก่อนจะหลับไป

นี่คือโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในวงการบันเทิง ดาราหนุ่มชื่อดังถูกไฟคลอกจากเหตุการณ์รถชนในกองถ่าย อาการเป็นตายเท่ากัน

เพียงสิบนาที ข่าวนี้ก็ถูกแชร์ในโลกอินเทอร์เน็ต นักข่าวทั้งสายบันเทิงและอาชญากรรมรีบตามไปที่โรงพยาบาล

ฉินฮ่าวถูกรัวคำถามใส่จนแทบเสียสติ

“เกิดเหตุการณ์รถชนขึ้นได้ยังไงคะ?”

“เพราะระบบความปลอดภัยไม่ดีหรือเปล่าคะ ถึงได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้?”

“อุบัติเหตุครั้งนี้ใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีของวงการบันเทิง ผู้กำกับวางแผนจะแก้ปัญหายังไงบ้างคะ?”

“ช่วยเล่าเหตุการณ์ให้ฟังแบบละเอียดได้ไหมครับ?”

“ได้ข่าวว่ามีนักแสดงบาดเจ็บ ผู้กำกับคิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ”

ฉินฮ่าวภูมิใจกับผลงานของตัวเองในรอบหลายปีที่ผ่านมามาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกกล่าวหาว่าประมาทเลินเล่อ เหมือนกับร้านอาหารชื่อดังที่บอกว่าตัวเองสะอาดและใส่ใจสุขภาพของลูกค้า แต่กลับแอบใช้น้ำมันเก่าจนถูกรัฐบาลสั่งปิด

เขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกครั้งที่ใช้งานรถคันนั้น จะมีการตรวจสอบความปลอดภัยก่อน ไม่มีทางที่จะเกิดอุบัติเหตุอย่างแน่นอน หรือเหลียงจี้จะขับรถไม่เป็น

“ผู้กำกับฉินครับ ผู้จัดการส่วนตัวของเหลียงจี้โทรมา เห็นว่า…” ผู้ช่วยเดินเข้ามาบอก

ฉินฮ่าวหน้าแดงด้วยความโกรธ “ยังจะมีหน้ามาเรียกค่าเสียหายอีก เกิดอะไรขึ้นฉันยังไม่รู้เลย คนของมันนั่นแหละก่อเรื่อง!”

ผู้ช่วยเอ่ยด้วยความลำบากใจ “เหลียงจี้ถูกไฟคลอกบาดเจ็บสาหัสครับ”

ที่โรงพยาบาล ถางรุ่ยรีบตามมาปลอบจ่านหยาง

“เคลาส์ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่เกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด ตอนเกิดเรื่องพวกเขาก็อยู่กันแค่สองคน นายจะวู่วามไม่ได้นะ”

“วู่วามตรงไหน?” ดวงตาของจ่านหยางแฝงไปด้วยความเย็นชา “ไม่มีหลักฐานก็ทำขึ้นมาสิ สายงานของนายถนัดเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เหรอ?”

คำพูดของเขาสะเทือนใจถางรุ่ยไม่น้อย

“ฉันรู้ว่านายคิดถึงคุณน้า…”

“หุบปาก!” ถางรุ่ยถูกจ่านหยางกระชากคอเสื้ออย่างแรง “เลิกพูดได้แล้ว!”

กู้เซียงฟื้นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงถางรุ่ยกับจ่านหยางทะเลาะกัน จึงไอแรงๆ สองครั้งเพื่อให้พวกเขาหยุด

จ่านหยางปล่อยคอเสื้อถางรุ่ย แล้วยืนนิ่งอยู่กับที่

“เป็นยังไงบ้าง?” ถางรุ่ยถาม

“ไม่เป็นไรค่ะ” กู้เซียงลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก

“คุณโชคดีมากที่กระโดดออกมาได้ทัน เลยแค่มีแผลถลอก แต่เหลียงจี้ไม่โชคดีเหมือนคุณ”

“เขาเป็นยังไงบ้างคะ?” เธอถามต่อ

“ถูกไฟคลอกจนบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้อยู่ในห้องไอซียู” ถางรุ่ยตอบ “ตอนนี้ทุกคนเดากันมั่วไปหมด เหลียงจี้บาดเจ็บสาหัส แต่คุณบาดเจ็บเล็กน้อย ผู้จัดการของเหลียงจี้เลยมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา กู้เซียง… เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” กู้เซียงนัยน์ตาแดงก่ำ “เขาเจตนาฆ่าฉัน!”

โทรทัศน์ทุกช่องออกข่าวอุบัติเหตุในกองถ่ายคมมีดอาชา

ภาพสถานที่เกิดเหตุที่เสียหายย่อยยับ ทำผู้ชมใจหายไปตามๆ กัน

เฉียวอิ้งฉิงกดปิดโทรทัศน์แล้วหยิบโทรศัพท์ด้วยความลนลาน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้โทรออก

หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เฉียวอิ้งฉิงก็รีบออกจากห้องไป

ถางรุ่ยปวดหัวกับจ่านหยางมากพออยู่แล้ว กู้เซียงยังทำตัวประหลาดอีก

เขาคิดมาตลอดว่าเธอเป็นคนหนักแน่นและฉลาด ผ่านการถูกกลั่นแกล้งสารพัด ก็ยังเอาตัวรอดมาได้ แต่ตอนนี้กลับเหมือนคนเสียสติ เอาแต่พูดว่าจะแจ้งความเหลียงจี้แม้เขาจะเจ็บเจียนตาย

“ผมรู้ว่าคุณลำบากใจ แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าเขาเจตนาฆ่า ยิ่งแจ้งความก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อคุณ รอให้ผมหาวิธีที่ดีกว่านี้ก่อนนะ” ถางรุ่ยเกลี้ยกล่อม

“ยังต้องหาหลักฐานอะไรอีก?” กู้เซียงไม่เข้าใจ “ในเมื่อเขาหลอกฉันได้ ฉันก็หลอกเขาได้เหมือนกัน สายงานของคุณถนัดเรื่องพวกนี้กว่าใคร สร้างหลักฐานขึ้นมาสักชิ้นคงไม่ลำบากหรอกนะ”

ถางรุ่ยแทบคลั่ง กู้เซียงกับจ่านหยางพูดจาเหมือนกันมาก ไม่เสียแรงที่เป็นคู่รักแห่งปี

กู้เซียงหันมองจ่านหยาง ตั้งแต่ฟื้นจนถึงตอนนี้ เขายังไม่พูดกับเธอสักคำ

“เขาเป็นอะไรเหรอ?” เธอถามถางรุ่ย

“เป็นแบบนี้เดือนละสองสามวัน ไม่ต้องไปสนใจหรอก”

กู้เซียงคร้านจะถามต่อ จึงลุกขึ้นคว้าเสื้อผ้าแล้วพูดกับถางรุ่ยว่า “เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ ฉันอยากกลับบ้านแล้ว”

“แต่คุณยังไม่หายนะ” เขาปราม

จังหวะนั้น เหวินจิ้งเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับใครบางคนที่ด้านหลัง

“ขอโทษครับ” ชายหนุ่มสวมแว่นตากรอบทอง ท่าทางมีการศึกษาแนะนำตัว “ผมเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเหลียงจี้ชื่อสู่เซิน อยากจะคุยกับคุณกู้เรื่องอุบัติเหตุหน่อยครับ”

ทั้งห้องเงียบไปชั่วขณะ

กู้เซียงจ้องสู่เซินไม่วางตา “ยินดีค่ะ”

ทั้งสองเผชิญหน้ากันอย่างที่ไม่มีใครยอมใคร จ่านหยางยืนพิงประตูฟัง ส่วนถางรุ่ยกับเหวินจิ้งนั่งอยู่บนโซฟา

‘สู่เซิน’ อายุประมาณยี่สิบแปดปี ใส่ชุดสูท สวมแว่นตาอย่างคนทำงานมืออาชีพ

เขาไม่ใช่คนที่รับมือด้วยง่ายๆ ตั้งแต่เหลียงจี้เข้าวงการกระทั่งโด่งดัง ก็มีเขาคอยผลักดันอยู่เบื้องหลัง

คนในวงการต่างรู้ดีว่าคนคนนี้ถนัดเรื่องการเจรจา ซึ่งการมาของเขาในวันนี้ต้องมีเจตนาแอบแฝงแน่นอน

แม้สู่เซินจะบอกอย่างชัดเจนแล้วว่าต้องการคุยกับกู้เซียง แต่ถางรุ่ยก็ยังรู้สึกไม่ไว้ใจ

กู้เซียงมองอีกฝ่ายด้วยแววตาคุ้นเคย เธอรู้จักสู่เซินดีกว่าใคร ช่วงก่อนแต่งงานกับเหลียงจี้ก็ได้เขาคอยดูแลตลอด เรียกว่าอาซ้อทุกคำ แต่หลังจากหย่ากัน เขาก็ปล่อยภาพลับของเธอกับผู้กำกับ เป็นคนจ่ายเงินจ้างสื่อให้ลงข่าวเสียๆ หายๆ

สู่เซินเป็นคนฉลาด รู้ทันความคิดคนอื่น ปรับตัวเก่ง ถนัดใช้สื่อโซเชียลเพื่อโจมตีคู่แข่ง

เพื่อรักษาภาพลักษณ์ให้เหลียงจี้ในฐานะสามีแห่งชาติ เขาถึงกับปล่อยข่าวด้านลบเพื่อทำลายกู้เซียง แถมยังซ้ำเติมด้วยคำพูดราวกับเธอเป็นคนโง่

“ผมก็แค่ปรับตัวตามสถานการณ์ ไม่ได้เนรคุณใครสักหน่อย ไหนๆ ก็เลิกกับเหลียงจี้แล้ว อาซ้อจะมาโวยวายให้ตัวเองดูแย่ไปทำไม?”

ความเย็นชาในแววตาของกู้เซียงทำสู่เซินขนลุกไม่น้อย แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพเขาจึงรีบทำการเจรจา

“คุณกู้ ตอนนี้เหลียงจี้อยู่ในห้องไอซียู แต่คุณกลับได้รับบาดเจ็บแค่เล็กน้อย ผมต้องการคำตอบเพื่อไปชี้แจงกับสื่อมวลชนที่รออยู่หน้าโรงพยาบาล”

เขาเผยธาตุแท้อย่างหน้าไม่อาย พยายามสาดโคลนใส่คนอื่นเพื่อไม่ให้ตัวเองผิด

“เรื่องนี้ไม่ซับซ้อนอะไรเลย เหลียงจี้เจตนาฆ่าฉัน จงใจขับรถพุ่งชนกำแพง ฉันเห็นท่าไม่ดีเลยกระโดดลงมา สรุปก็คือเขาบาดเจ็บสาหัสเพราะเวรกรรมของตัวเอง”

เธอตอบชัดถ้อยชัดคำจนสู่เซินเริ่มเสียความมั่นใจ

“ทำไมเหลียงจี้ต้องอยากฆ่าคุณถึงขนาดเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงด้วยล่ะ?”

ถางรุ่ยเห็นด้วยกับสู่เซิน ถึงเธอจะยืนยันหนักแน่นแต่ก็ยากที่จะเข้าใจได้

คนที่พยายามฆ่านอนอยู่ในห้องไอซียู ส่วนคนถูกฆ่ากลับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เหลียงจี้ต้องฟั่นเฟือนไปแล้วแน่ๆ

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท