หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 13

ตอนที่ 13

กู้เซียงปิดคอมพิวเตอร์ เธอจำไม่ได้ว่าตอนดูหนังมีการนั่งซบ ป้อนขนม และกระซิบกระซาบกันตอนไหน ช่างแต่งเรื่องกันเก่งเหลือเกิน

นั่งคิดไปได้สักพัก เคลวินก็โทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงโกรธจัด

“ไม่เห็นจะต้องทำให้เป็นข่าวขนาดนี้ ที่จริงเธอควรตีตัวออกห่างไม่ก็จากไปเงียบๆ ได้แล้ว หรือเห็นว่าเคลาส์ของฉันหล่อ เลยคิดจะดึงไว้สร้างกระแส ฉันไม่ยอมให้เธอได้สมหวังหรอกนะ!”

ซวยจริงๆ เลย กู้เซียงบ่นในใจ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่ตกเป็นกระแส ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี

ภาพยนตร์รักชวนฝัน คู่พระนางได้รับความนิยมอย่างสูง แถมยังเป็นคู่รักนอกจอกันอีก ในจอหวานชื่นยังไง นอกจอก็หวานชื่นไม่แพ้กัน

ชีวิตแต่ละวันของคนเราต้องดิ้นรนต่อสู้ ภาพยนตร์จึงเป็นตัวช่วยบำบัดความปรารถนาในใจที่ไม่อาจเอื้อมถึง การจะมีความรักที่สมหวังไม่ใช่เรื่องง่าย คู่ของกู้เซียงกับจ่านหยางจึงเป็นภาพฝันของใครหลายๆ คน

กู้เซียงเล่นเป็นอาจวนได้สมบทบาทมาก ทั้งที่บุคลิกแตกต่างกับเฉินเมี่ยวโดยสิ้นเชิง นอกจากฝีมือด้านการแสดงแล้ว บทเพลง ‘ความกล้า’ ของเติ้งซินยังฮิตติดหูไปทั่วบ้านทั่วเมืองอีก ไม่ว่าจะไปตลาดหรือไปที่ไหนๆ ก็จะได้ยินคนเปิดฟังเพลงนี้จนเป็นเรื่องปกติ

เพลงนี้ยังช่วยให้คนจำนวนมากกล้าบอกความในใจของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน คนทำงาน หรืออาชีพไหนๆ ก็สามารถใช้เพลงนี้ในการบอกรักได้

กู้เซียงยอมรับว่าละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนได้พลิกชีวิตของเธอจนมีชื่อเสียงโด่งดัง ส่วนเรื่องน้องใหม่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี

ชีวิตคนเราควรได้รับโอกาสที่จะพาตัวเองไปสู่จุดสูงสุด เพียงแต่ต้องไขว่คว้าจึงจะได้โอกาสนั้นมา

เข้าสู่ช่วงปลายปีกับการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่

ร้านค้าต่างๆ เริ่มประดับธงและข้อความอวยพรที่ข้างประตู ริมถนนมีโคมแดงประดับประดา แสงไฟระยิบระยับยามค่ำคืน ห้างสรรพสินค้ามีผู้คนเดินกันขวักไขว่

หน้าโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งติดโปสเตอร์หนังขนาดใหญ่ ภาพหนุ่มหล่อสาวสวยที่อยู่บนนั้นช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน

แม้จะอยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่โปสเตอร์กลับมีเสน่ห์ดึงดูดให้หลายคนที่เดินผ่านชี้ชวนกันเข้ามาดู แล้วสนทนากันอย่างมีความสุข ช่วยให้บรรยากาศการเฉลิมฉลองสมบูรณ์มากขึ้น

ตรงสี่แยกไฟแดง รถสีดำคันหนึ่งจอดนิ่งอยู่ กระจกรถถูกเลื่อนลงครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นใบหน้าด้านข้างที่งดงามของหญิงสาว

เธอสวมผ้าปิดปากขนาดใหญ่ ซ่อนใบหน้าคล้ายสาวลูกครึ่งเอาไว้ บุคลิกโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด ดวงตางดงามจับจ้องโปสเตอร์ครู่ใหญ่

ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อไฟเขียวปรากฏจึงเลื่อนกระจกขึ้นอย่างช้าๆ แล้วรถสีดำคันนั้นก็มุ่งหน้าต่อไป

ในอะพาร์ตเมนต์ห้องหนึ่งหนึ่งศูนย์หนึ่ง กู้เซียงกำลังปวดหัวกับกลุ่มคนตรงหน้า ไหนจะต้องคอยดูขนมในเตาอบที่กำลังจะเสร็จในไม่ช้า

ถ้ามีแค่เหวินจิ้งก็ว่าไปอย่าง เพราะยังช่วยงานในครัวได้บ้าง ทว่ามีเจี่ยงลี่ลี่กับถางรุ่ยที่มาขอกินข้าวด้วยท่าทางน่าสงสาร กับจ่านหยางที่ถูกกู้หนานลากไปคุยเรื่องสถาปัตย์ในห้องหนังสือ

เรื่องกินข้าวฉลองปีใหม่เป็นแค่ข้ออ้าง พวกเขาแค่หาเรื่องมากินข้าวที่บ้านเธอเท่านั้น

จู่ๆ เสียงออดหน้าประตูก็ดังขึ้น กู้เซียงคิดว่าเป็นเคลวินจึงเดินไปเปิดประตูทั้งชุดกันเปื้อน เพราะเหวินจิ้งกำลังปอกหอมด้วยความตั้งอกตั้งใจอยู่

พอเปิดประตู เธอก็อึ้งไปเล็กน้อย

ที่หน้าประตูมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ เธอสวมเสื้อโค้ตขนแกะแสนหรูหรา ผมยาวถูกม้วนเป็นลอนหลวมๆ ใบหน้ากะทัดรัดคล้ายคนตะวันตก

หลังสำรวจกู้เซียงหัวจรดเท้า เธอก็เชิดคางแล้วถามขึ้นว่า “คุณเป็นใคร?”

“เคลวินกลับมาแล้วเหรอ?” เจี่ยงลี่ลี่เดินถือแตงโมมาที่ประตู พอเห็นผู้มาเยือนก็ทำตาโตด้วยความตกใจ “เฝิงเหวิน!”

ได้ยินชื่อนี้ กู้เซียงก็เข้าใจทันที

หากจะวิจารณ์ดาราหญิง ต้องแยกก่อนว่าเป็นดาราในประเทศหรือต่างประเทศ หากเป็นดาราต่างประเทศก็ต้องแยกด้วยว่าเป็นเอเชียหรือยุโรป

เฝิงเหวินคือดาราที่ไปโด่งดังในยุโรป ชื่อเสียงของเธอในประเทศเป็นที่รู้จักน้อยกว่าต่างประเทศ แต่หากดาราได้ไปโด่งดังในต่างประเทศ ก็จะถูกยกระดับในประเทศด้วย

อย่างเช่นเฝิงเหวิน เธอเป็นมืออาชีพในวงการหนังต่างประเทศ เป็นดาราจีนที่ได้แสดงฝีมือในระดับสากลและมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ แต่ทำไมถึงมาปรากฏตัวที่นี่?

กู้เซียงไม่ได้ตกใจมากมาย เพราะเฝิงเหวินเป็นดาราในสังกัดของเซิ่งถาง โดยมีถางรุ่ยเป็นคนปั้นจนกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก

“มีอะไรกันเหรอ?” ถางรุ่ยลุกเดินตามมา ก่อนจะถามด้วยความประหลาดใจ “เสี่ยวเหวิน มาได้ไงเนี่ย?”

“เสี่ยวเหวินเหรอ?”

กู้เซียงแอบคิดในใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่น่าจะใช่เจ้านายกับลูกน้องทั่วไป

“อืม” เฝิงเหวินตอบเสียงเบาในลำคอ แล้วเดินผ่านทุกคนไปนั่งลงบนโซฟา

“มั่นหน้าจริงนะแม่คนดัง!” เจี่ยงลี่ลี่เบ้ปาก

กู้เซียงไม่รู้จักดาราต่างประเทศ เฝิงเหวินคือคนแรกที่เธอได้เห็นตัวเป็นๆ จึงพยายามวางตัวให้เป็นปกติ

“ทำไมจู่ๆ ถึงกลับมา ไม่เห็นบอกก่อนเลย แล้วถ่ายหนังเรียบร้อยดีไหม ผมเตรียมบทของสเก็ตเชอร์สไว้ให้แล้ว ว่างๆ ก็ลองอ่านดู จะได้เล่นเป็นนางเอกเสียที” ถางรุ่ยวางกระดาษปึกหนึ่งลงบนโต๊ะ

แม้เฝิงเหวินจะเป็นดาราจีนที่โด่งดังในต่างประเทศ แต่ก็เป็นแค่นักแสดงสมทบมาตลอด เนื่องจากความต้องการของต่างประเทศไม่เหมือนกับในประเทศ รวมถึงปริมาณงานที่ค่อนข้างจำกัดด้วย

การที่ถางรุ่ยกระตือรือร้นเพื่ออีกฝ่ายขนาดนี้ ทำหลายคนตรงนั้นนั่งกะพริบตาปริบๆ

คนดังย่อมได้รับการดูแลเป็นพิเศษ โอกาสแบบนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ

เฝิงเหวินตอบกลับด้วยท่าทางหงุดหงิด “ไว้คราวหน้าแล้วกัน ไม่อยากคุยเรื่องงานตอนนี้”

“โอเค” ถางรุ่ยไม่เซ้าซี้ให้เสียเวลา “ว่าแต่ทำไมถึงกลับก่อนกำหนด? แล้วได้บอกใครบ้างหรือเปล่า? หรืออยากจะมาฉลองตรุษจีนที่นี่?”

เฝิงเหวินหันมามองค้อน “บ่นเก่งจริง!”

“ต้องมีอะไรแน่ๆ” เจี่ยงลี่ลี่กระซิบบอกกู้เซียง

สำหรับเธอถางรุ่ยดีกับทุกคนรอบตัวเสมอ โดยเฉพาะนักแสดงในสังกัด กับเฝิงเหวินก็คือเพื่อนในวงการที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันเท่านั้น

แต่นิสัยของเฝิงเหวินดูจะไม่เหมือนกับบทบาทในภาพยนตร์ เธอทั้งเย่อหยิ่ง ไม่เห็นหัวใคร จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พูดหรือสบตากับใครนอกจากถางรุ่ย

เธอคงไม่รู้ว่าที่นี่คือห้องของกู้เซียง ถึงได้กล้าเข้ามานั่งแล้วทำเหมือนกับเป็นเจ้าของแบบนี้

เสียงประตูห้องนอนถูกเปิดออก กู้หนานเดินออกมาพร้อมกับหนังสือสามเล่มในมือ โดยมีจ่านหยางเดินตามมาติดๆ

“เคลาส์ เสี่ยวเหวินกลับมาแล้ว” ถางรุ่ยชี้นิ้วบอก

เฝิงเหวินจ้องจ่านหยางไม่วางตา เหมือนเป็นสมบัติส่วนตัว แต่เขากลับทำหน้าปกติ ไม่ตื่นเต้นดีใจอะไร

สายตาของลูกผู้หญิงด้วยกันย่อมดูออก ชาติที่แล้วกู้เซียงก็เคยทำ

แววตาแบบนี้คือการบอกเป็นนัยว่า ‘รีบมาหาฉันสิ’

เอาละ… เธอพอจะเข้าใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้มาทำอะไร

ทันทีที่เห็นเฝิงเหวิน กู้หนานก็ลูบศีรษะพลางถามตะกุกตะกัก

“นี่คือ… คือ…”

“เฝิงเหวิน” เจี่ยงลี่ลี่ช่วยตอบ

“จริงด้วย!” กู้หนานตาเป็นประกาย

เขาชอบดูภาพยนตร์ต่างประเทศอยู่แล้ว จึงรู้สึกคุ้นหน้าเฝิงเหวินมาก

จ่านหยางยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย หลังรินน้ำใส่แก้วก็พยักหน้าให้เฝิงเหวินแล้วพูดกับกู้หนานว่า “พี่จะให้ทางนั้นส่งของมา ถึงแล้วจะรีบบอกนะ”

“ขอบคุณพี่เขยมาก” กู้หนานยิ้มปริ่ม

“พี่เขย?” เฝิงเหวินขมวดคิ้วมองจ่านหยางกับกู้เซียง

กู้เซียงได้แต่ยักไหล่แล้วเดินไปดูขนมอบในครัว

บรรยากาศในห้องรับแขกอึดอัดขึ้นทันตา

“เคลาส์” เฝิงเหวินเรียก “ได้ข่าวว่าคุณมีแฟนแล้ว”

“สวยใช่ไหมล่ะ?” จ่านหยางตอบด้วยรอยยิ้ม

เจี่ยงลี่ลี่เผลอเอามือกอดแขนเหวินจิ้งด้วยความตื่นเต้น ผู้ชายไม่มีวันรู้เลยว่าผู้หญิงสัมผัสกับอคติของเพศเดียวกันได้ไวมาก

เฝิงเหวินสมกับเป็นนักแสดงมืออาชีพ เพราะทุกการเคลื่อนไหวของเธอน่าจับตามองมาก

ทุกคนในที่นั้นรู้สึกว่าอุณหภูมิห้องลดลงหลายองศา

ถางรุ่ยกระแอมเบาๆ “ทำไมเคลวินยังไม่มาอีกนะ”

พูดยังไม่ทันจบดี ประตูห้องที่งับไว้หลวมๆ ก็ถูกเปิดออก

เคลวินถือโจ๊กถั่วแดงมาสองถุง ด้วยบรรยากาศของการเฉลิมฉลองปีใหม่ เขาจึงตัดผมรุงรังของตัวเองให้ดูสะอาดสะอ้านมากขึ้น

พอเห็นเฝิงเหวิน เคลวินก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง

“กลับมาทำไม เคลาส์ไม่โสดแล้วนะ” เคลวินพูดเสียงเย็นชา

เรื่องนี้ทุกคนรู้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าเคลวินจะพูด

เฝิงเหวินถลึงตาใส่เคลวิน ซึ่งเขาก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน

“ซื้อโจ๊กถั่วแดงมาให้ใคร?” เฝิงเหวินถาม

“ซื้อมาให้เคลาส์ เธอไม่ชอบแต่เขากินย่ะ!” เคลวินตอบ

“เคลาส์ชอบกินโจ๊กถั่วแดงตั้งแต่เมื่อไหร่?” เฝิงเหวินเหลือบมองจ่านหยางแล้วถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “คุณเกลียดของหวานไม่ใช่เหรอ?”

“เมื่อก่อนเกลียด แต่ตอนนี้ชอบ!” เคลวินจ้องตาอีกฝ่ายราวกับเป็นศัตรูตัวฉกาจ “เซียงเซียงชอบทำขนม เธอก็รู้ว่าลิ้นคนเปลี่ยนรสได้”

เฝิงเหวินไม่พูดอะไรอีก

จ่านหยางยิ้มแล้วหยิบโจ๊กถั่วแดงขึ้นมา “มีใครอยากชิมไหม?”

เจี่ยงลี่ลี่รีบยกมือ “ฉันๆ”

บรรยากาศในห้องจึงเริ่มผ่อนคลายลง เพราะเฝิงเหวินเหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมระเบิดตัวเองตลอด

“ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ” เฝิงเหวินลุกขึ้น

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท