หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 16

ตอนที่ 16

จ่านหยางรินน้ำให้เธอ

“เหวินจิ้งบอกว่าช่วงนี้คุณฝึกศิลปะป้องกันตัวอยู่ เตรียมถ่ายหนังบู๊เหรอ?”

ดูเหมือนเฝิงเหวินจะไม่ได้เล่าเรื่องที่คุยกันให้คนนอกฟัง จ่านหยางจึงไม่รู้เรื่องนี้

“ใช่ค่ะ เป็นหนังบู๊ที่ท้าทายความสามารถมากๆ เลย”

“คุณนี่เล่นบทไม่เคยซ้ำเลยนะ” จ่านหยางพูดด้วยรอยยิ้ม “อยากได้รางวัลนักแสดงดีเด่นเหรอ?”

กู้เซียงใจเต้นแรงตอนเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย

ทั้งที่เขาพูดด้วยสีหน้าปกติ แต่ประโยคเมื่อครู่กลับสะกิดใจคนฟัง

“คุณคิดว่าฉันเหมาะสมหรือเปล่า?” เธอถามความเห็น

“ร้อยเปอร์เซ็นต์” จ่านหยางหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม นิ้วเรียวยาวของเขาปรากฏข้อนิ้วชัดเจนเมื่อกำแก้วน้ำไว้ในมือ

“มั่นใจขนาดนั้นเลย?” กู้เซียงอดหัวเราะไม่ได้ “ไม่คิดว่าฉันบ้าพลังเหรอ?”

“ไม่นะ” จ่านหยางตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ตอนแรกผมรู้สึกว่าคุณกำลังไล่ตามความฝันบางอย่าง หรือไม่ก็…” เขาเว้นจังหวะเล็กน้อยคล้ายกำลังทบทวน “เป็นนักแสดงดีเด่นอยู่แล้ว แค่ทำเพื่อพิสูจน์ตัวเองเท่านั้น”

ให้ตายเถอะ! กู้เซียงแทบอยากคุกเข่าคารวะเดี๋ยวนั้น

ถ้าไม่ใช่เพราะรู้จักกันมาสักพัก เธอคงคิดว่าเขากลับชาติมาเกิดเหมือนกัน

ในเมื่อพูดประเด็นนี้ออกไปไม่ได้ กู้เซียงจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“ตอนสื่อยิงคำถาม เราจะตอบว่าอะไรดี? ฉันไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้เลย”

จ่านหยางจ้องตาเธอไม่กะพริบ “ผมก็ไม่มีประสบการณ์เหมือนกัน งั้นเลื่อนไปก่อนนะ”

“เลื่อนเหรอ?” กู้เซียงทำหน้าตกใจ

“ใช่” จ่านหยางตอบพลางหยิบบุหรี่ขึ้นสูบ

ยิ่งเยว่คือภัตตาคารบนดาดฟ้าที่มีชื่อเสียงในเมือง G

บรรยากาศบนนั้นดีมาก แม้จะมีกระจกขนาดใหญ่กั้น ก็ยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทั้งเมืองได้

บนพื้นมีไฟสีแดงส่องเพื่อสร้างบรรยากาศ หากแหงนหน้ามองจะพบกับดวงดาวระยิบระยับทั่วท้องฟ้า ยิ่งมีไวน์แดง ดนตรีบรรเลงเบาๆ และอารมณ์ที่เคลิบเคลิ้มไปกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ ก็ยิ่งโรแมนติกเหมาะสมกับคู่รักและเหล่าคนโสดที่ชอบใช้สถานที่นี้ในการสารภาพรัก

วันนี้ภัตตาคารยิ่งเยว่ถูกเหมาไว้จัดงานบอกเลิก

ถางรุ่ยนั่งอยู่ด้านในสุดของห้องรับรอง ถัดมาคือเคลวินกับเหวินจิ้ง

เคลวินเหลือบดูนาฬิกา “พวกนักข่าวยังไม่มากันอีก ไม่รักษาเวลาเลย!”

“เสียมารยาทน่ะ!” เหวินจิ้งแดกดัน

“ไม่รู้ว่าพวกเขาบอกเลิกกันหรือยัง บทก็ไม่ยอมอ่าน บอกว่าจะตอบคำถามเอง!” เคลวินแหงนมองดาดฟ้า “ให้รอลุ้นอยู่แบบนี้ ฉันละเครียดจริงๆ”

“บทของนายมีแต่ประโยคคร่ำครวญ พวกเขาไม่ได้กำลังแสดงซีรีส์วัยรุ่นสักหน่อย ฉันเองก็เป็นห่วง ไม่รู้ว่าพวกนักข่าวถามซอกแซกเกินไปหรือเปล่า” เหวินจิ้งส่ายหน้าด้วยความระอา

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนักข่าวหรอก” ถางรุ่ยดีดนิ้ว “ผมเตี๊ยมมาแล้วทั้งนั้น จะห่วงก็แต่เคลาส์นี่แหละ”

“เคลาส์น่าเป็นห่วงตรงไหน?” เคลวินเลิกคิ้วถาม “คนอย่างเขาเอาอยู่ทุกสถานการณ์ย่ะ!”

“เอาอยู่ทุกสถานการณ์ก็จริง แต่วันนี้จะยอมเล่นตามเกมหรือเปล่า?” ถางรุ่ยพูดเสียงขรึม “ตอนเรียนด้วยกัน ทุกคนเดาว่าเขาจะเป็นหมอ แต่สุดท้ายกลับเลือกเรียนสถาปนิก พอเรียนจบก็ไม่ทำงานด้านวิศวกรรม แต่เข้าวงการบันเทิงแทน ไม่มีใครเอาเคลาส์อยู่หมัด อยากทำอะไรก็ทำ ต่อให้ไม่สมเหตุสมผล สุดท้ายก็ทำอยู่ดี”

“แต่วันนี้ไม่เหมือนทุกวัน” เคลวินเถียง

“แล้วมันต่างกันตรงไหน?” ถางรุ่ยถามต่อ “คอยดูเถอะ ยังไงเขาก็ไม่เล่นตามเกมหรอก!”

ภายในลิฟต์แออัดไปด้วยนักข่าวที่แบกกล้องพะรุงพะรัง สีหน้าประหลาดใจปนตื่นเต้น หนึ่งในนั้นคือเด็กหนุ่มผมหยิกสีทองที่ลักษณะโดดเด่นกว่าใคร

“วันนี้เป็นข่าวเกี่ยวกับอะไรเหรอครับ?” เด็กหนุ่มผมหยิกถามคนในลิฟต์ “ตอนถูกส่งมาลูกพี่บอกแค่ว่าเป็นข่าวของกู้เซียง พอจะมีใครบอกข้อมูลเพิ่มเติมได้บ้างไหม?”

แม้ตำแหน่งของเขาในสำนักข่าวบันเทิงรายวันจะดีขึ้นแล้ว แต่หัวหน้ากลับมีท่าทีที่ต่างไปจากเดิม ไม่ยอมแจ้งประเด็นข่าวของวันนี้ให้รู้ก่อน

“ใครจะไปรู้ล่ะ” สาวผมสั้นพูดขึ้น “อาจเป็นข่าวเลิกกันของจ่านหยางกับกู้เซียงก็ได้นะ”

“คุณก็อายุยังน้อย ทำไมพูดจาเลอะเทอะแบบนี้ล่ะ?” พอไอดอลของตัวเองถูกพาดพิง เด็กหนุ่มผมหยิกก็กลายร่างเป็นองครักษ์ผู้พิทักษ์ทันที “หรืออิจฉาที่คนอื่นเขารักกัน?”

“ฉัน…” สาวผมสั้นมองค้อนด้วยความโมโห

เด็กหนุ่มผมหยิกเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมหัวหน้าถึงไม่ยอมบอกข่าวนี้กับเขา เพราะบอกไปก็คงไม่เชื่อ

“ให้ร้ายคนอื่นแบบนี้ ไม่มีสามัญสำนึกบ้างเลย! ข่าวของวงการบันเทิงจะเขียนมั่วๆ ไม่ได้นะ ที่ทุกวันนี้เละเทะก็เพราะนักข่าวไร้จรรยาบรรณอย่างคุณนี่แหละ!”

สาวผมสั้นเลือกที่จะเงียบ ส่วนคนอื่นๆ ในลิฟต์ก็ไม่กล้าพูดอะไร

“แค่คิดว่าจะได้เจอเซียงเซียงก็ตื่นเต้นจะแย่แล้ว” เด็กหนุ่มอมยิ้ม “ไม่รู้จะขอถ่ายรูปคู่ได้หรือเปล่า”

เธอคงอยากถ่ายด้วยหรอก!—สาวผมสั้นแอบเยาะเย้ยในใจ

พื้นกระจกของภัตตาคารสะท้อนภาพทิวทัศน์ของเมือง แสงสลัวช่วยเพิ่มบรรยากาศให้เหมือนอยู่ในความฝัน

หลังสูบบุหรี่เสร็จ จ่านหยางก็กดก้นบุหรี่ลงบนที่เขี่ย

“คุณว่าผมเป็นยังไง?”

กู้เซียง “…..”

“ไม่ได้หมายถึงมุมของนักแสดงหรือเพื่อนนะ แต่ในฐานะของผู้ชายคนหนึ่ง” จ่านหยางอธิบาย

แค่ประโยคแรก กู้เซียงก็รู้สึกถึงความผิดปกติแล้ว เพียงแต่สีหน้าของเขาจริงจังจนเธอลังเล

“คุณเป็นคนดีมากๆ ถ้าอยู่ในรายการเทคมีเอาท์ ฉันจะเปิดไฟให้คุณไปจนถึงรอบสุดท้ายเลย”

จ่านหยางไม่คิดว่ากู้เซียงจะตอบกลับเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

“ผมชอบคุณ”

ให้ตายเถอะ ทำไมถึงสารภาพตรงๆ แบบนี้! พูดให้เป็นลำดับขั้นตอนหน่อยไม่ได้เหรอ?—กู้เซียงแอบบ่นในใจ

“ทุกครั้งที่ได้เห็นคุณ ผมจะอารมณ์ดีมาก ต่อให้อยู่ด้วยกันเฉยๆ ไม่มีกิจกรรมอะไรเลย ก็มีความสุขมากแล้ว” จ่านหยางสาธยายความในใจ “การที่ผมพูดแบบนี้อาจทำให้คุณอึดอัด แต่ถ้าไม่ได้พูดคงเสียใจน่าดู” เขาทำหน้าจริงจัง “ผมจะเป็นคนหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว ทำกับข้าวและทำงานบ้านให้คุณเอง”

จ่านหยางลูบศีรษะตัวเองด้วยความเขิน “ผมบอกรักไม่เก่ง ยิ่งไม่มีบทให้ท่องเหมือนในหนังก็ยิ่งคิดหนัก เลยตัดสินใจว่าจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาทั้งหมด คุณคือผู้หญิงคนแรกที่ผมชอบ ถ้าเราได้อยู่ด้วยกัน ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุด” เขาสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะโพล่งออกมาว่า “ผมไม่อยากเลิกกับคุณ!”

แสงสลัวยามค่ำคืน ยังไม่อบอุ่นเท่าความรู้สึกของจ่านหยางในตอนนี้

ดวงดาวบนท้องฟ้ายังคงส่องแสงระยิบระยับ แต่ไม่อาจสู้ประกายแห่งความสุขในแววตาของเขาได้

บรรยากาศในตอนนี้เหมือนฉากในภาพยนตร์ ชายหนุ่มตรงหน้าทั้งอบอุ่น อ่อนโยน และสง่างามราวกับสุภาพบุรุษ แม้จะดูประหม่าราวกับเด็กน้อยก็ตาม

ทำไมเด็กน้อยถึงดูน่ารัก ก็เพราะพวกเขาจริงใจยังไงล่ะ…

กู้เซียงยังคงนั่งนิ่ง จ่านหยางจึงค่อยๆ ดึงมือเธอมากุม แล้วงอนิ้วโป้งกับนิ้วชี้จรดกันเป็นวงกลม ก่อนจะทำท่าสวมแหวนที่นิ้วนางของเธอ

“คุณคือรักแรกของผม” จ่านหยางกระซิบ “ตอนนี้ไฟของผมยังเปิดอยู่หรือเปล่า?”

กู้เซียงสูดหายใจเข้าลึก แต่ยังไม่ทันได้ตอบ เสียงจอแจของคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามาก็ทำให้ต้องชะงัก

เด็กหนุ่มผมหยิกตะโกนด้วยความตื่นเต้น “ดูนั่นสิ พวกเขากำลังขอแต่งงาน!”

เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสงแฟลชสว่างจ้าจนทั้งสองแสบตา

ขอแต่งงาน…

ขอแต่งงาน…

ดูเหมือนจ่านหยางจะได้คำตอบเป็นที่เรียบร้อย นักข่าวมากันขนาดนี้ กล้าปิดไฟใส่เขาก็แย่แล้ว!

ข่าวดีช่วงฤดูใบไม้ผลิมาถึงเร็วเหลือเกิน

ในหัวของกู้เซียงมีแต่ความว่างเปล่า

เธอแค่มาเพื่อแถลงข่าวบอกเลิก ทำไมถึงกลายเป็นขอแต่งงานไปได้

ถางรุ่ยเองก็นัดนักข่าวกลุ่มนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้วนี่ ทำไมพวกเขาถึงตะโกนพร้อมกับเด็กหนุ่มผมหยิกว่า “แต่งเลย แต่งเลยล่ะ?”

กว่าเหวินจิ้ง เคลวิน และพนักงานรักษาความปลอดภัยจะมาถึง เรื่องก็ดำเนินไปจนไม่สามารถควบคุมได้แล้ว

จากการเลิกกันด้วยดี กลายเป็นการขอแต่งงานแบบโรแมนติกไปซะงั้น

“เขาไม่ได้กำลังขอแต่งงานนะคะ” กู้เซียงอธิบายอย่างใจเย็น แต่ก็ไม่เป็นผล

ทุกคนพยายามสร้างบรรยากาศให้คึกคัก โดยไม่กลัวว่าเรื่องราวจะบานปลาย

เธอพอจะเดาจุดเริ่มต้นออก แต่ไม่รู้ว่าจุดจบจะประหลาดขนาดนี้

จ่านหยางกับกู้เซียงรีบลุกหนี พวกนักข่าวจึงได้แต่มองตามหลังอย่างอาลัยอาวรณ์

“ดูเอาไว้นะ” เด็กหนุ่มผมหยิกพูดกับสาวผมสั้นที่เพิ่งบอกว่ากู้เซียงกับจ่านหยางจะเลิกกัน “ต้องรอให้ความจริงปรากฏก่อนแล้วค่อยพูด ไม่อย่างงั้นจะถูกความจริงย้อนมาทำร้าย!”

สาวผมสั้นถลึงตาใส่เขาด้วยความโมโหแล้วเดินจากไป

กู้เซียงใช้เวลาเดินทางกลับบ้านเพียงครึ่งชั่วโมง

ในอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยข่าวจ่านหยางขอเธอแต่งงาน ภาพถูกแชร์ออกไปนับครั้งไม่ถ้วน ที่ได้อารมณ์สุดๆ คือภาพที่เขาใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ทำเป็นแหวนแล้วสวมเข้านิ้วนางของเธอ

“ไม่ลงทุนเลย แม้แต่แหวนก็ไม่มี!”

“เมนต์บนไม่รู้อะไร นี่มันแหวนแทนใจต่างหากล่ะ ของจริงอะลอกได้ แต่แบบนี้ไม่ลอกนะจ๊ะ”

“ฉันจะบ้าตาย เผลอแป๊บเดียวขอแต่งงานซะแล้ว ปีหน้าไม่คลอดลูกเลยล่ะ”

“ซูเปอร์สตาร์จ่านโคตรไวอะ แต่ก็เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ”

“คู่รักกิ่งทองใบหยกของวงการ หวานกันทุกวันเลย”

กู้เซียงปิดคอมพิวเตอร์ด้วยความเหนื่อยอ่อน ขณะจะล้มตัวลงนอน กู้หนานก็โทรเข้ามาพอดี

“พ่อบอกว่าให้พาพี่เขยมากินข้าวเย็นที่บ้านด้วย พวกเราดีใจที่พี่มีแฟน ชีวิตจะได้ลงตัวเสียที”

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท