กู้เซียงมีสัญชาตญาณของความเป็นแม่อยู่แล้ว จึงไม่ถือสาและเป็นฝ่ายชวนพวกเขาคุยก่อน
“ทำพวกเธอตกใจ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
“ไม่เป็นไรครับ” เด็กหนุ่มร่างอ้วนพูดขึ้น
“ที่พี่ทำโคตรเท่เลย พวกอันธพาลต้องเจอแบบนี้!”
กู้หนานจ้องคนที่พูดด้วยแววตาจริงจัง “แกเรียกใครว่าพี่?”
“พี่นายก็คือพี่ฉันไม่ใช่เหรอ?” เด็กหนุ่มร่างอ้วนยีหัวกู้หนานแบบสนิทสนม
พอเห็นว่ากู้เซียงใจดี ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เขาก็ขยับเข้าใกล้เธอมากขึ้น
“เมื่อกี๊เหมือนฉากบู๊ในหนังเลย พี่เคยฝึกศิลปะป้องกันตัวด้วยเหรอ สอนผมบ้างสิ”
“อันที่จริง…”
“ผมจะเก็บเป็นความลับ” เด็กหนุ่มสวมแว่นตาพูดพลางกระชับแว่นให้เข้าที่ “แต่ถ้าไม่สะดวก ไม่ต้องก็ได้ครับ คงไม่มีใครอยากเปิดเผยตัวตนกับคนที่ไม่สนิท พี่เป็นพี่แท้ๆ ของกู้หนาน พวกเราก็เป็นเพื่อนของกู้หนาน คงไม่ทำลายกันเองแน่นอน”
กู้เซียงหมดคำจะโต้เถียง เด็กหนุ่มพวกนี้ช่างจินตนาการจริงๆ
กู้หนานยกมือลูบผม สีหน้าอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด เริ่มรู้สึกกลัวว่าพวกเพื่อนซื่อบื้อจะเผลอทำเรื่องขายหน้าโดยไม่รู้ตัว
พอเด็กหนุ่มร่างอ้วนได้ยิน ก็รีบแสดงความจริงใจออกมา
“พวกเราสัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับ” เขาย้ำอีกครั้งด้วยความหนักแน่น “ไม่พูดแน่นอน!”
กู้เซียงล้มเลิกความคิดที่จะอธิบาย เพราะสุดท้ายพวกเขาจะเข้าใจเองว่าฉากในภาพยนตร์ไม่มีทางปรากฏในชีวิตจริง แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับดีเกินคาด
ตอนซ้อมเดี่ยวกับครูฝึก เธอไม่เคยฝึกฝนแววตาท่าทางของตัวเอง เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องไล่ล่าฆ่าเบคต้องการความโหดเหี้ยมเป็นหลัก แต่หน้าตาของเธอทั้งจีนทั้งอ่อนหวานไปอีก
การแสดงให้ดูโหดนั้นไม่ง่าย ยิ่งเป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนความรุนแรง ก็ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับภาพที่สมจริง
คุณภาพของแสงในคืนนี้ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะมีเพียงแสงสลัวจากไฟบนถนนเท่านั้น แถมคู่ปรับของเธอยังเมาหัวทิ่มอีก
เรื่องที่พวกเขาทะเลาะตบตีกันไม่ใช่ปัญหาของกู้เซียง แต่การเห็นคนท้องต้องสูญเสียลูกเหมือนกับเธอในชาติที่แล้ว เป็นอะไรที่ดูดายไม่ได้
อาจเพราะจมอยู่กับบทบาทมากเกินไป จึงเผลอปฏิบัติต่อชายคนนั้นด้วยท่าทางของเจ้าสาวนักฆ่าในเรื่อง
แรงปรารถนาที่จะสังหารคือเรื่องจริง แรงแค้นก็เป็นของจริง ทุกอารมณ์หล่อหลอมเข้าด้วยกันในพริบตาเดียว เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าฝีมือการแสดงของเธอพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นแล้ว
เมื่อรถกู้ชีพไปถึงโรงพยาบาล สาวท้องคนนั้นก็ถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน
สถานการณ์รุนแรงขนาดนี้ ยากที่เธอจะรักษาลูกในท้องไว้ได้ และด้วยสถานะที่เป็นอยู่ก็ทำให้กู้เซียงไม่สะดวกจะเข้าไปดูด้วยตัวเอง แต่ก็กลัวว่ากู้หนานที่ไม่มีประสบการณ์จะทำเรื่องวุ่นวาย จึงตัดสินใจสวมผ้าปิดปากแล้วปรี่เข้าไปในห้องฉุกเฉิน
ทีมแพทย์ทำการส่งข่าวให้พ่อกับแม่ของหญิงตั้งครรภ์ทราบ กระทั่งพวกเขามาถึง กู้หนานกับเพื่อนๆ ก็ช่วยกันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง บอกว่าสาวท้องคนนี้ถูกสามีไล่ทำร้ายจนถึงริมฟุตบาท โชคดีที่มีคนจอดรถช่วยและโทรแจ้งตำรวจได้ทัน
แต่เรื่องไม่จบลงแค่นั้น เพราะชายขี้เมาดันไปแจ้งความว่าถูกเจ้าของรถข่มขู่ด้วยการใช้ปืนจ่อหัว คาดว่าน่าจะเป็นมือสังหารหรือฆาตกรต่อเนื่อง
กู้หนานยอมใจกับข้อหานี้มาก แม้ว่าเพื่อนๆ ของเขาจะช่วยกันยืนยันเพื่อที่เรื่องจะได้ไม่ถึงกู้เซียง แต่ตรงสี่แยกไฟแดงมีกล้องวงจรปิด ภาพของกู้เซียงที่ใช้ปืนจ่อขมับชายคนนั้นจึงชัดเจนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากใครได้ดูภาพในกล้องวงจรปิด ย่อมรู้สึกถึงความดุดันกล้าหาญ แม้ไม่ได้ยินบทสนทนา
ภาพน่ายำเกรงของมือสังหารไม่จำเป็นต้องปรากฏในจอโทรทัศน์ แค่ผ่านกล้องวงจรปิดก็รู้สึกได้แล้ว
ตำรวจหนุ่มหน้าเด็กสอบปากคำกู้เซียงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ปืนอยู่ไหน?”
ในฐานะผู้ต้องสงสัย เธอถูกนำตัวมาสอบสวนเพียงลำพัง เพราะหากรู้ไปถึงหูนักข่าว สถานีตำรวจคงแตกแน่นอน
หลังถูกตำรวจหญิงค้นตัว แต่ไม่พบอาวุธ กู้เซียงก็ตอบอย่างอ่อนใจว่า “อยู่บนรถค่ะ”
“บนรถค้นแล้วไม่มี” ตำรวจหนุ่มทำหน้าดุ “อยู่ที่ไหนกันแน่?”
เธอสบถในใจด้วยความหงุดหงิด หากตำรวจพบว่ามันเป็นแค่อุปกรณ์ประกอบฉาก เธอก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรอีก แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นคดีใหญ่เนื่องจากปืนที่เป็นของกลางหายไป
ใครเอาปืนไป เอามาคืนเถอะ มันไม่ใช่ของเล่นนะ!
“คุณตำรวจคะ” กู้เซียงถอดผ้าปิดปากออก “ฉันชื่อกู้เซียง เป็นนักแสดง วันนี้เกิดเหตุสุดวิสัยเลยต้องใช้ปืนปลอมที่เป็นอุปกรณ์ประกอบฉากออกมาป้องกันตัว”
ตำรวจหนุ่มตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะตะโกนด้วยความตกใจ “เซียงเซียง?”
แม้ชื่อนี้จะไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่วัยรุ่นหนุ่มสาวย่อมรู้จัก แม้แต่คนที่ไม่เคยดูภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่ ก็ต้องเคยได้ยินเพลงความกล้าที่เปิดตามที่ต่างๆ
ตำรวจหนุ่มนายนี้เป็นแฟนคลับของกู้เซียง การได้พบไอดอลครั้งแรกในสถานการณ์แบบนี้ทำเขาวางสีหน้าไม่ถูก
จู่ๆ ประตูห้องสอบสวนก็ถูกเปิดออก ตำรวจหญิงคนหนึ่งเข้ามาแจ้งว่าพบปืนปลอมขณะค้นตัวนักศึกษาชายสองคนที่มากับผู้ต้องสงสัย
หลังพูดจบ เธอก็นิ่งไปครู่หนึ่ง “กู้เซียง?”
กู้เซียงยิ้มตอบ ทั้งที่ในใจแทบคลั่ง
ผลของการทำเท่คือต้องถูกตำรวจสอบปากคำ ถ้าเหวินจิ้งรู้คงถูกด่าเปิงแน่
“ช่วยเล่าหน่อยครับว่าเกิดอะไรขึ้น” ตำรวจหนุ่มหน้าเด็กถาม
กว่าจะรู้ที่มาที่ไปของเรื่อง เวลาก็ล่วงเลยจากช่วงเกิดเหตุไปหลายชั่วโมง
เดินเข้าโรงพักน่ะง่าย แต่ขั้นตอนการทำเอกสารนั้นยุ่งยากมาก
จากที่เตรียมจะเขียนรายงานถึงผู้บังคับบัญชาว่าจับตัวมือสังหารได้ กลายเป็นว่าทั้งหมดคือเรื่องเข้าใจผิด
แม้ว่าเรื่องที่เกิดจะเป็นเรื่องผัวๆ เมียๆ แต่กู้เซียงก็ให้ปากคำจนชายขี้เมาถูกตั้งข้อหาใช้ความรุนแรงในครอบครัวและเจตนาทำร้ายร่างกายจนถูกจับกุม
ด้วยความที่ชายคนนั้นไม่เคยดูโทรทัศน์ จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดกู้เซียงที่เอาปืนจ่อเขาถึงได้รับการปล่อยตัว แต่เขาที่เป็นพลเมืองดีกลับต้องติดคุก
เพื่อนๆ ของกู้หนานไม่รู้กระทั่งเรื่องปืนปลอม พอเห็นกู้เซียงเดินออกมาอย่างปลอดภัย ก็ตื่นเต้นดีใจกันใหญ่
“พี่กู้น่าจะไปสมัครเป็นสายลับเหมือนในหนังนะ” เด็กหนุ่มร่างอ้วนกระซิบบอกเพื่อน
“นั่นสิ” เด็กหนุ่มร่างผอมพยักหน้าเห็นด้วย
“พวกเราทำเป็นไม่รู้เรื่องจะดีกว่า”
“โอเค”
หลังเจรจาเสร็จเรียบร้อย กู้เซียงก็ขอร้องตำรวจหนุ่มให้ช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะหากรั่วไหลออกไป อาจเกิดเรื่องวุ่นวายได้
ตำรวจมีหน้าที่ทำตามกฎหมาย แต่ก็เข้าใจเหตุและผล ถ้าเป็นเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบและสามารถยืดหยุ่นได้ เขาก็ยินดีทำให้ แค่ต้องแลกกับการได้ลายเซ็นและถ่ายรูปคู่กับกู้เซียง
เธอง่วงจนตาแทบปิด ทว่าต้องไปรับกู้หนานที่โรงพยาบาลก่อน
หญิงสาวผู้โชคร้ายแท้งลูกตามที่กู้เซียงคาดไว้จริงๆ
ขณะเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย เธอเห็นอีกฝ่ายยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ทอดตามองออกไปด้านนอก
ภาพนี้ทำกู้เซียงนึกถึงตัวเองในวันนั้น หลังแท้งลูกจะเกิดภาวะซึมเศร้าได้ง่าย สถานการณ์แบบนี้เหมือนจะไม่ได้เกิดกับเธอแค่คนเดียวแล้ว
ทุกคนมีสามัญสำนึกเป็นของตัวเอง แม้กู้เซียงจะไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่ใจร้ายพอจะดูดายคนที่โศกเศร้าจากการแท้งลูก
เพราะความสงสารและเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองในชาติที่แล้ว กู้เซียงจึงเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงคนนี้ดี
เธอค่อยๆ หันมาด้วยใบหน้าซีดเผือด พอเห็นกู้เซียง แววตาแห่งความผิดหวังก็ปรากฏขึ้นครู่หนึ่ง
“เขาล่ะคะ?”
“จะไปสนใจอีกทำไม?” กู้เซียงตอบแบบไม่อ้อมค้อม
ก่อนหน้านี้เธอเห็นกู้เซียงมีท่าทีอ่อนโยน แต่พอได้รับคำตอบก็อึ้งไปพักหนึ่ง
กู้เซียงกวาดตามองห้องผู้ป่วยแล้วพูดขึ้นว่า “น่าจะไม่เป็นอะไรมากแล้ว จากนี้ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ ผู้ชายยังมีอีกมาก คุณยังสาว ยังสวย อนาคตยังอีกไกล อย่าเสียเวลาชีวิตไปกับการล้างแค้น รีบฟ้องหย่าแล้วยึดสมบัติที่ควรต้องได้มา ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ คนที่ผ่านความเป็นความตายมาขนาดนี้ ถ้ายังไม่ตาสว่างก็จนปัญญาจะช่วย”
เธออบรมอย่างไม่เกรงใจ ทั้งหญิงสาวในชุดผู้ป่วยและตัวเองในชาติที่แล้ว
แสงแดดจากด้านนอกส่องกระทบร่างของหญิงสาวตรงหน้า ทำให้กู้เซียงนึกถึงผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างด้วยความสิ้นหวัง หมดอาลัยตายอยากจนต้องทิ้งร่างออกนอกหน้าต่าง
“ฉันแค่ไม่เข้าใจ…” หญิงสาวผู้โชคร้ายก้มหน้าแล้วปล่อยโฮ “อุตส่าห์ยอมเป็นควายให้เขาหลอกใช้มานานหลายปี แถมยังมีลูกให้อีก แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้…”
กู้เซียงถอนหายใจเฮือกใหญ่
“คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้ ถ้าเขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก คุณจะรักเหรอ? เรื่องลูกฉันเสียใจด้วย แต่เพราะคุณกับเขาไม่มีวาสนาต่อกัน แล้วจะยอมทิ้งชีวิตที่เหลือเพื่ออยู่ด้วยกันไปทำไม?”
ดวงตาของอีกฝ่ายงดงามแต่อิดโรย เหมือนจะไม่ได้นอนทั้งคืน กู้เซียงจึงปลอบด้วยความห่วงใย คล้ายแม่ที่เป็นห่วงลูก พยายามใช้เหตุผลให้มากที่สุด แม้จะฟังไม่รื่นหู แต่ก็ตรงไปตรงมา
หลังปลอบโยนอยู่พักใหญ่ กู้เซียงก็เหนื่อยแทบขาดใจเพราะไม่ได้นอนเช่นกัน โชคดีที่เหวินจิ้งโทรตาม เธอจึงขอตัวกลับ