หลังเกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้น กล้องวิดีโอหน้ารถถูกนำมาเผยแพร่ ทำให้เขาถูกตั้งข้อหาเสพยาและพยายามฆ่า แม้พื้นฐานทางครอบครัวจะดีเพียงใด ก็คงรับมือกับเรื่องนี้ได้ยาก
เหลียงจี้ไม่สามารถกลับเข้าวงการบันเทิงได้อีก เพราะภาพลักษณ์เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง อย่าว่าแต่ถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าเลย แค่ใบหน้าตะปุ่มตะป่ำของเขาก็คงไม่มีใครทนดูได้
ผู้จัดการส่วนตัวของเหลียงจี้จากไปนานแล้ว แถมยังถูกบริษัทยกเลิกสัญญาอีก ชีวิตซูเปอร์สตาร์ของเหลียงจี้พังลงเพราะอุบัติเหตุในครั้งนั้น ซ้ำยังมีปัญหาทางจิตอย่างโรคซึมเศร้าอีก ทั้งวันไม่ยอมออกไปไหน เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง
หน้าจอโทรทัศน์กำลังฉายภาพงานประกาศรางวัลโล่ทองคำ เหลียงจี้กวาดตามองบรรยากาศในงานด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
อดีตที่เคยรุ่งเรืองกับชีวิตในปัจจุบันที่ไม่สามารถออกไปเจอใครได้ ช่างต่างกันลิบลับ ยิ่งเห็นก็ยิ่งทรมานมากขึ้นเป็นเท่าตัว
ที่หน้าห้อง พ่อของเหลียงจี้ยืนกอดอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“อาการของเหลียงจี้หนักขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่จิตแพทย์ยังยอมแพ้ ปล่อยไว้แบบนี้จะมีแต่ทรุด”
“เพราะนังสารเลวเฉียวอิ้งฉิงคนเดียว!” แม่ของเหลียงจี้พูดด้วยความโกรธ “มันทำให้ลูกของเราติดยาจนหลอน ฉันอยากจะฆ่ามันจริงๆ!”
เรามักจะรังแกคนที่อ่อนแอกว่าและกลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า
ชื่อเสียงของเฉียวอิ้งฉิงย่อยยับป่นปี้ไปแล้ว สองผัวเมียตระกูลเหลียงจึงคิดจะสะสางบัญชีแค้นกับเธอ แต่กลับไม่กล้าหาเรื่องกู้เซียง เพราะเท่ากับเป็นการหาเหาใส่หัว
ในจอโทรทัศน์ ดารารับเชิญหญิงที่ขึ้นมอบรางวัลประกาศผลด้วยรอยยิ้ม
“รางวัลนักแสดงชายดีเด่นในค่ำคืนนี้ได้แก่…” เธอผายมือไปที่จอขนาดใหญ่ด้านหลัง
จากนั้น ภาพของจ่านหยางที่อยู่บนโปสเตอร์หนังเรื่องวีรบุรุษสุจริตก็ปรากฏขึ้น
เสียงปรบมือดังกึกก้อง เสียงโห่ร้องยินดีดังไปทั่วทั้งงาน ชายหนุ่มในชุดสูทลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม ก่อนจะหันกลับไปโค้งคำนับเพื่อเป็นการขอบคุณ
“เพล้ง!” เหลียงจี้ขว้างแก้วใส่กำแพงจนแตกละเอียด
ดารารับเชิญชายที่เป็นพิธีกรในงานพูดกับจ่านหยาง
“ภาพยนตร์เรื่องวีรบุรุษสุจริตกระแสดีมาก การแสดงของคุณจ่านทำคนดูประทับใจถึงขั้นน้ำตาซึมไปตามๆ กัน รางวัลนี้จึงเหมาะสมกับคุณที่สุด” เขาชื่นชมจากใจจริง
“คุณรู้สึกยังไงบ้างคะที่ได้รางวัลนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย” ดารารับเชิญหญิงที่เป็นพิธีกรคู่ถามต่อ
“รู้สึกตื่นเต้นมากครับ ขอบคุณทุกๆ คนที่ให้การสนับสนุนผมจนมีวันนี้” จ่านหยางยิ้ม “รางวัลนี้สำคัญกับผมมาก ต่อไปจะทุ่มเททำงานให้ดีที่สุดครับ”
เขาไม่ได้กล่าวสุนทรพจน์ยืดยาวและไม่ได้สรรหาประโยคเท่ๆ มาพูด แต่กลับทำให้คนฟังรู้สึกถึงความจริงใจได้
ดาราที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่จะอายุมาก ส่วนคนหนุ่มสาวก็มักทะนงตน แต่จ่านหยางกลับสุภาพนอบน้อมและมีมารยาท ไม่ว่าใครก็ประทับใจในตัวเขา
“พูดเก่งจริงๆ เด็กคนนี้ เรียกคะแนนจากแฟนคลับได้เยอะแน่เลย” เจี่ยงลี่ลี่กระซิบที่ข้างหูถางรุ่ย
ได้ยินเช่นนี้ ดารารับเชิญหญิงก็แซวขึ้นว่า “เป็นคำขอบคุณที่เรียบง่ายมาก ดูไม่ออกเลยว่ากำลังตื่นเต้นอยู่หรือเปล่า ว่าแต่คุณกู้จะกลับมาร่วมแสดงความยินดีหรือเปล่าคะ?”
ใครๆ ก็ชอบถามเรื่องส่วนตัวกันทั้งนั้น แม้แต่ในงานประกาศรางวัลก็ไม่เว้น
คู่รักเปิ่นเป๋อถูกพูดถึงอย่างมากในวงการบันเทิง เพราะต่างจากคู่อื่นที่ภายนอกเหมือนจะดี แต่กลับทำให้แฟนคลับใจสลายในตอนท้าย ทว่ากู้เซียงกับจ่านหยางคบกันได้ยาวนานโดยไม่มีข่าวเสียหาย ทั้งสองคล้ายกำลังแข่งเดินบนเส้นทางเดียวกัน พอเธอไปโด่งดังในต่างประเทศ เขาก็ก้าวขึ้นรับรางวัลนักแสดงชายดีเด่นแห่งปี ต่างฝ่ายต่างวิ่งตามความฝันและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
“ถามแบบนี้ทำไม?” ถางรุ่ยขมวดคิ้วไม่พอใจ
แม้จะไม่กระทบอะไรมาก แต่ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่ากู้เซียงไม่ได้มาร่วมงาน แล้วจะถามอีกทำไม
“ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงครับ วันนี้คุณกู้มีงานเลี้ยงปิดกล้องหนังเรื่องไล่ล่าฆ่าเบค คงมาร่วมงานไม่ได้ แต่เธอต้องยินดีกับผมแน่นอน” จ่านหยางตอบด้วยสีหน้าปกติ
ดารารับเชิญหญิงกะพริบตามองเขา “เธออาจมีเซอร์ไพรส์รอคุณอยู่ก็ได้นะคะ”
ปกติพิธีกรจะไม่พูดวนประเด็นเดิม จ่านหยางจึงเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ
“จริงเหรอครับ?”
สิ้นเสียงของเขา สปอตไลต์บนเวทีก็ส่องไปที่มุมหนึ่งของห้อง
ตรงนั้นมีหญิงสาวในเสื้อคลุมสีดำนั่งอยู่ เมื่อถอดหมวกกับแว่นตาออกก็ปรากฏใบหน้าที่คุ้นเคย
กู้เซียงลุกขึ้นปรบมือให้จ่านหยาง เด็กหนุ่มผมหยิกที่กำลังปรับมุมกล้องดีใจจนเกือบตกเก้าอี้
หากไม่เกรงใจว่ากำลังทำงานอยู่ เขาคงกระโดดโลดเต้นไปแล้ว
“ซูเปอร์สตาร์กู้ปรากฏตัวงั้นเหรอ? ไม่เห็นมีสายรายงานมาเลย” บรรดานักข่าวพากันตกอกตกใจ
ไม่มีใครกล่าวโทษเด็กหนุ่มผมหยิก เพราะกู้เซียงเพิ่งจะเดินทางมาถึง
หลังแอบไปเจรจาเรื่องนี้กับผู้จัดงาน พวกเขาก็ยินดีที่จะร่วมมือด้วย
จากที่บรรยากาศคึกคักอยู่แล้ว พอมีกู้เซียงมาเพิ่ม ก็ยิ่งคึกคักเข้าไปอีก
ข่าวการมาของเธอถูกปิดเงียบ แม้แต่ถางรุ่ยก็ยังไม่รู้ ทุกคนปรบมือโห่ร้องด้วยความดีใจ ทุกสายตาจับจ้องกู้เซียงด้วยความชื่นชม
“ให้ตายเถอะ มาจริงๆ ด้วย!” ถางรุ่ยอุทาน
“บอกแล้วไงว่าเซียงเซียงต้องไม่พลาด โอกาสสำคัญขนาดนี้ จะทิ้งจ่านหยางให้ฉายเดี่ยวคนเดียวได้ยังไง” เจี่ยงลี่ลี่ปรบมือดีใจ
พอเห็นกู้เซียง เคลวินก็ตะลึงไปพักหนึ่ง
“ปฏิเสธงานเลี้ยงปิดกล้องจนได้ ถือว่ายังมีน้ำใจอยู่”
แต่แล้วเขาก็นึกบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะทำหน้าเจื่อนแล้วค่อยๆ ถอยหลังไปหลบมุม
วินาทีที่กู้เซียงปรากฏตัว ตู้หยู่กระโดดตัวลอยขึ้นบีบคอกู้หนานแล้วเขย่าอย่างแรง
“เย้ เย้ ในที่สุดก็มา เดาถูกขนาดนี้ พี่น่าจะไปเป็นหมอดูนะ!”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” กู้หนานพยายามสลัดตู้หยู่ออก “จะบีบคอให้ตายเลยหรือไง?”
ดารารับเชิญหญิงแอบเขินแทนจ่านหยาง “ดูเหมือนคุณกู้จะไม่ได้งานยุ่งอย่างที่คุณจ่านคิด ว่าแต่คุณกู้ปฏิเสธงานเลี้ยงปิดกล้องมาใช่ไหมคะ?”
กู้เซียงตอบด้วยรอยยิ้ม “ถ้าฉันพลาดงานประกาศรางวัลครั้งนี้ คงเสียใจไปตลอดชีวิต” พูดจบก็หันไปทางจ่านหยาง “ยินดีด้วยนะคะ”
ประเด็นที่คึกคักที่สุดในคืนนี้ ไม่ใช่ผลการประกาศรางวัล แต่เป็นเซอร์ไพรส์ของกู้เซียง
ในวงการบันเทิง หากยังไม่มั่นใจเรื่องการคบหา นักแสดงส่วนใหญ่จะไม่เปิดเผยถึงความสัมพันธ์
ไม่ใช่เพราะเกรงใจแฟนคลับ แต่เพื่อเป็นการหาแผนสำรองให้ตัวเอง เพราะหากประกาศไปแล้วแต่จบไม่สวย ภาพความรักก่อนหน้านี้จะย้อนกลับมาทิ่มแทงได้
กู้เซียงกับจ่านหยางทักทายกันแบบเรียบง่าย แต่แววตาลึกซึ้งที่มีให้กันไม่อาจเล็ดลอดสายตาของนักข่าวได้
ท่ามกลางคำอวยพร คนจำนวนไม่น้อยยังคงคลางแคลงใจ จึงพากันจับตามองคู่รักกิ่งทองใบหยกว่าจะเลิกรากันวันไหน
หลังงานประกาศรางวัล ทั้งกู้เซียงและจ่านหยางก็ยุ่งหนักกว่าเดิม…
คนหนึ่งเริ่มงานในต่างแดน ส่วนอีกคนเริ่มเป็นพระเอกแบบเต็มตัว
ดูเหมือนทั้งสองจะมุ่งมั่นในอาชีพจนมีเวลาให้กันน้อยลง แต่ในความเป็นจริง พวกเขาอิงแอบแนบชิด พูดคุยและแลกเปลี่ยนเรื่องดวงจันทร์ ดวงดาว บทกลอน หรือแม้แต่ปรัชญาชีวิตตลอด
ด้วยความที่พักใกล้กันมาก หากทำเป็นภาพยนตร์คงใช้ชื่อเรื่องว่า ‘เพื่อนบ้านผมเป็นสาวสวย’ ไม่ก็ ‘เพื่อนบ้านฉันเป็นดาราหนัง’
จ่านหยางมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงอยู่แล้ว ส่วนกู้เซียงก็กลายเป็นซูเปอร์สตาร์หลังผ่านไปแค่สามปี ยิ่งได้งานในต่างประเทศ เธอก็ยิ่งเติบโตแบบก้าวกระโดด
ไม่ว่าใครที่คลางแคลงใจในความสามารถ เธอจะใช้ฝีมือเพื่อพิสูจน์ตัวเอง จนคนเหล่านั้นหน้าหงายไปตามๆ กัน
งานแสดงภาพยนตร์ของพวกเขายังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง พริบตาเดียวก็เป็นเวลาหนึ่งปีแล้วตั้งแต่งานประกาศรางวัลครั้งนั้น
คอนเสิร์ตของเติ้งซินใกล้เข้ามาทุกที
ตอนกู้เซียงถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องไล่ล่าฆ่าเบคที่อเมริกา จ่านหยางเคยพูดเรื่องนี้กับเธอ บอกว่าเติ้งซินชวนให้ไปเป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ตที่เมือง G
วันนี้กู้เซียงสวมเสื้อคลุมลายสก็อต หมวกไหมพรม ใส่ผ้าพันคอปิดบังใบหน้าไปแล้วกว่าครึ่ง ทั้งยังสวมแว่นตาดำทรงกลมคู่โตอีก มองผิวเผินอาจเหมือนนักศึกษา แต่ด้วยฝีมือการแสดงทำให้เธอแปลงโฉมและวางท่าได้อย่างแยบยล จนไม่มีใครจำได้
หลังถ่ายภาพยนตร์เสร็จ จ่านหยางก็มารับเธอที่กองถ่าย เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดคอนเสิร์ต
พวกเขาถูกเชิญเป็นการส่วนตัว เคลวินกับเหวินจิ้งจึงไม่ได้มาด้วย โดยการแสดงร่วมของทั้งสองถูกปิดเป็นความลับ เติ้งซินจึงไม่บอกแฟนเพลงว่าจะมีแขกรับเชิญพิเศษ
“ใกล้ถึงงานประกาศรางวัลโล่ทองคำแล้ว ถ้าคุณได้รางวัลนักแสดงหญิงดีเด่น เราไปพักผ่อนกันดีไหม?” จ่านหยางถามขณะขับรถ
“เร็วจังเลย หนึ่งปีแล้วเหรอเนี่ย?” กู้เซียงอุทาน
หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องคมมีดอาชาออกฉาย ฝีมือการแสดงของกู้เซียงไม่เพียงทำให้เธอได้แฟนคลับเพิ่มขึ้น แต่ยังสร้างความประทับใจให้กับบรรดานักวิจารณ์อีกด้วย