หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 34

ตอนที่ 34

ดาราชายที่ทำหน้าที่พิธีกรพูดด้วยรอยยิ้ม

“ทุกคนคงได้เห็นรายชื่อผู้เข้าชิงไปแล้ว การแข่งขันในปีนี้สูงมาก เพราะวงการภาพยนตร์ของเรามีดารามากความสามารถไม่น้อย ซึ่งคนที่จะได้รางวัลนี้ต้องไม่ธรรมดา มาลุ้นกันดีกว่าครับว่าใครจะได้ไป”

กู้เซียงรู้สึกเหมือนภาพตรงหน้าพร่ามัว คล้ายเห็นตัวเองในชาติที่แล้วกำลังเดินขึ้นไปรับรางวัลแห่งเกียรติยศนี้ ทว่าเป็นเกียรติยศที่แสนสั้น ความโง่เขลาทำให้เธอสลัดช่วงชีวิตที่กำลังเจิดจรัสทิ้งไป

แล้วครั้งนี้จะทำได้อีกไหม?

“กู้เซียง”

พิธีกรชายเอ่ยชื่อออกมา กู้เซียงได้ยินเสียงปรบมือดังสนั่นอยู่หลายรอบ เจี่ยงลี่ลี่เข้ามากอดเธอเป็นคนแรก

“เซียงเซียง ยินดีด้วยนะ ยินดีด้วย”

ถางรุ่ยยื่นมาจับมือเธอ “ยินดีด้วย”

กู้เซียงหันมองจ่านหยางที่นั่งข้างๆ

เขาลูบศีรษะเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไปเถอะ”

ตู้หยู่ดีใจจนหันไปแตะมือกับกู้ฉางชุน

หลังโห่ร้องด้วยความยินดี เธอก็ค่อยๆ เงียบเสียงลง แล้วหันไปขมวดคิ้วกับกู้หนาน

“คุณลุงก็เป็นแฟนคลับของเซียงเซียงเหรอ?”

วินาทีแห่งการประกาศรางวัล เด็กหนุ่มผมหยิกไม่อาจระงับความตื่นเต้นในใจ และกดชัตเตอร์ถ่ายภาพอย่างต่อเนื่อง

สามปีก่อนเขายังเป็นแค่นักข่าวฝึกหัด ส่วนกู้เซียงเป็นดาราใหม่ ซึ่งเขาก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์เธอในงานเลี้ยงปิดกล้องละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนเป็นครั้งแรก

ตอนนั้นเขาคิดว่าเธอเป็นคนจิตใจดีมาก จึงคอยติดตามผลงานมาตลอด รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตของอีกฝ่าย

พอได้เห็นศิลปินที่เคยสัมภาษณ์ตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ กระทั่งกลายเป็นดาราที่มีชื่อเสียง ได้เห็นแต่ละก้าวของเธอจนขึ้นสู่จุดสูงสุดของวงการ เด็กหนุ่มผมหยิกก็ตื้นตันจนน้ำตารื้น

คงดีไม่น้อยถ้ามีใครคนหนึ่งเติบโตไปพร้อมกับเรา และเราก็ให้ความสนใจกับการเติบโตของคนคนนั้นเช่นกัน คล้ายเป็นเพื่อนที่ร่วมฝ่าฟันอุปสรรคจนประสบความสำเร็จด้วยกัน

พิธีกรชายพูดบนเวทีว่า “ตั้งแต่มีการประกาศรางวัลโล่ทองคำจนถึงตอนนี้ คุณกู้คือผู้ได้รางวัลที่อายุน้อยที่สุด แถมยังใช้เวลาเติบโตน้อยที่สุดอีกด้วย ต้องตื่นเต้นมากๆ เลยใช่ไหมครับ?”

“ฉันตื่นเต้นมากๆ เลยค่ะ” กู้เซียงแย้มยิ้ม

ปกติเธอจะเป็นคนนิ่งๆ แต่ครั้งนี้กลับแสดงความดีใจอย่างปิดไม่มิด ความสดใสที่มีจึงเปล่งประกายมากขึ้นไปอีก

“การได้รางวัลใหญ่ทั้งที่อายุยังน้อย ต้องถูกตั้งคำถามจากหลายๆ คนแน่นอน คุณกู้มีวิธีรับมือหรือตอบคำถามยังไงบ้างครับ?”

จริงอย่างที่เขาว่า เธออายุน้อยเกินไปสำหรับรางวัลนี้ ไม่ว่าจะเป็นอายุจริง ช่วงเวลาในวงการบันเทิง ความสำเร็จที่เกินคาด และความสามารถที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำทุกคนรู้สึกอัศจรรย์ใจ รวมถึงพวกที่มองดูด้วยความอิจฉาด้วย

“แรกๆ ก็รับมือไม่ถูกค่ะ แต่ได้รางวัลที่อยู่ในมือเป็นเครื่องพิสูจน์แทนแล้ว จากนี้คนอื่นจะว่ายังไง ก็คงต้องปล่อยผ่าน” กู้เซียงตอบด้วยความมั่นใจ

“ดูเหมือนคุณกู้จะมีชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมมาก นอกจากคุณจ่านจะได้รางวัลด้วยแล้ว ความรักยังหวานชื่นจนหลายคนอิจฉาอีก นับว่าเป็นปีทองของแท้เลยนะครับ” พิธีกรชายละสายตาจากเธอแล้วหันไปทางผู้ชมที่ด้านล่างเวที “ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากว่าคุณกู้จะมาถึงจุดนี้ต้องผ่านความเพียรพยายามอย่างหนัก เธอเคารพจรรยาบรรณของนักแสดง ตั้งใจทำงาน ทำพวกเราอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมคนที่อายุเท่านี้ถึงไม่ถูกสิ่งเย้ายวนในวงการบันเทิงทำให้ไขว้เขว แต่กลับมุ่งมั่นในการสร้างผลงานที่มีคุณภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง”

บรรยากาศในงานประกาศรางวัลเงียบลงทันที ทุกคนต่างจับจ้องหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางเวที

“ชีวิตคนเราไม่อาจย้อนกลับ”

เสียงของกู้เซียงก้องกังวานไปทั้งฮอลล์

ชุดสีทองเปล่งประกายเพิ่มออร่าให้กับเธอ โดดเด่นจนผู้ชมไม่อาจละสายตา

“ในเมื่อมีโอกาสแค่ครั้งเดียว ฉันจะไม่ยอมปล่อยทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ เพราะไม่อยากเสียใจภายหลัง” เธอส่งยิ้มอ่อนโยนให้ทุกคน “เช่นนี้ฉันจึงมุ่งมั่นตั้งใจ อยากถ่ายหนังแบบไหน อยากรักกับใคร ก็แค่ลงมือทำและตั้งใจไปกับมัน ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาส ฉันจะพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นไปอีก”

กู้เซียงค้อมกายคำนับ นิ่งค้างอย่างให้เกียรติอยู่พักหนึ่ง

ทุกคนในงานพากันปรบมือด้วยความชื่นชม จากนั้นดาราชายคนหนึ่งก็ขึ้นมอบโล่รางวัลให้เธอ

โล่รางวัลอันหนักอึ้งส่องประกายในมือของกู้เซียง หยาดน้ำตาที่ไหลออกมาดั่งเพชรเม็ดงามเป็นตัวแทนของความตื้นตันอย่างหาที่สุดไม่ได้

เธอขอบคุณฟ้าที่ให้โอกาสได้แก้ตัวอีกครั้ง ความเจ็บปวด น้ำตา ความสิ้นหวังที่เกิดขึ้นเมื่อชาติที่แล้ว มลายหายไปจนสิ้น

ชายหนุ่มรูปงามที่นั่งอยู่ด้านล่างมองเธอด้วยความรักใคร่ ราชินีแห่งวงการบันเทิงกับเกียรติยศครั้งยิ่งใหญ่และเส้นทางเดินใหม่

ชีวิตคนเราผกผันแปรเปลี่ยนอยู่เสมอ ในที่สุดก็ถึงวันแห่งความสำเร็จ ความลำบาก ความทุกข์ และวันที่โชคชะตาไม่เข้าข้าง ล้วนหล่อหลอมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เมื่อรู้จักความทุกข์จึงจะตระหนักถึงคุณค่าของความสุข เมื่ออดทนจึงจะรู้คุณค่าของการรอคอย เหมือนกับค่ำคืนนี้ที่เมฆหมอกมลายหายไป เปิดทางให้ดวงดาวได้ส่องแสงอย่างไม่อาจบดบังได้

ก้าวไปข้างหน้าโดยไม่หันมองอดีต ความรักและเกียรติยศจึงจะหวนคืนอีกครั้ง

เวลาล่วงเลยมานานหลังเกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้น

จะว่าเป็นอุบัติเหตุก็ไม่เชิง ต้องบอกว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อจะดีกว่า

อดีตราชินีแห่งวงการบันเทิงอย่างกู้เซียง กระโดดตึกฆ่าตัวตายที่โรงพยาบาลในวันแต่งงานของเฉียวอิ้งฉิงและเหลียงจี้ เรื่องนี้สร้างความแตกตื่นและสั่นสะเทือนวงการอย่างมาก

หญิงสาวที่เคยมีชื่อเสียงตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ปลุกกระแสความสนใจในฐานะของดาราที่หมดประโยชน์ทางธุรกิจ สื่อมวลชนกลับมาให้ความสนใจเธออีกครั้ง หนังสือพิมพ์ทุกสำนักต่างพาดหัวข่าวใหญ่เกี่ยวกับเธอ

อาจเพราะกู้เซียงรู้นิสัยของสื่อมวลชนและคนดูเป็นอย่างดี การตายคือวิธีคลาสสิกที่จะทำให้หลายคนอภัยในความผิดพลาดของเธอได้

ก่อนหน้านี้กู้เซียงเป็นคนตรงไปตรงมา ยอมหักไม่ยอมงอ ถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่สามในความสัมพันธ์ของเหลียงจี้กับเฉียวอิ้งฉิง อย่างน้อยการตายในครั้งนี้จะทำให้หลายคนฉุกคิด และลุกขึ้นเป็นกระบอกเสียงเล็กๆ แทนเธอ

ภาพยนตร์ที่กู้เซียงเคยแสดงถูกนำมาฉายซ้ำอีกครั้ง ทุกคนต่างคิดถึงดาราผู้มีจิตวิญญาณในการแสดงโดยแท้จริง คู่ผัวเมียข้าวใหม่ปลามันเริ่มถูกตำหนิ ผู้จัดการส่วนตัวคนแรกของกู้เซียงเอาข่าวด้านลบของเหลียงจี้มาเปิดโปง รวมถึงความจริงเรื่องที่เธอเป็นโรคซึมเศร้า

พ่อและน้องชายของกู้เซียงพยายามหาหลักฐานมาแก้แค้นแทนลูกสาว แม้ว่าพลังของพวกเขาจะน้อยนิด แต่เมื่อรังควานไม่เลิก ก็ทำให้อีกฝ่ายลำบากไม่น้อย

เข้าสู่ปีที่สามของการจัดงานเพื่อรำลึกถึงกู้เซียง

ในโทรทัศน์มีการฉายภาพยนตร์ซึ่งเป็นผลงานในอดีตของเธอ ในเวยป๋อมีแต่คำไว้อาลัย การอยู่และการตายช่างให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างและน่าขันเหลือเกิน

เฉียวอิ้งฉิงปิดโทรทัศน์แล้วโยนรีโมตลงพื้นอย่างแรง

เพียงสามปี รูปโฉมของเธอทรุดโทรมลงมาก ไม่ได้สวยสดงดงามเหมือนที่ผ่านมา

เสน่ห์ของผู้หญิงขึ้นอยู่กับรูปร่างหน้าตา เมื่อโทรมเร็วก็ไม่ต่างจากดอกไม้ที่โรยราและหมดค่า

นิตยสารบันเทิงรายวันที่วางอยู่บนโต๊ะ พาดหัวข่าวเรื่องความสัมพันธ์ลับๆ ของเฉียวอิ้งฉิงกับหลี่ซั่ว ยังมีหลักฐานมัดตัวซึ่งเป็นภาพถ่ายของพวกเขาขณะกอดจูบอย่างเร่าร้อนในรถอีกด้วย

หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่เป็นไร เพราะทั้งคู่คือสามีภรรยากัน แต่ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเหลียงจี้แล้ว ก็แปลว่ากำลังคบชู้อยู่กับหลี่ซั่ว

สำหรับดาราหญิง การเล่นชู้คือเรื่องใหญ่ที่สามารถดับอนาคตในวงการบันเทิงได้ ซึ่งเฉียวอิ้งฉิงกำลังได้รับผลกระทบนั้น อย่างน้อยทุกอีเวนต์ก็ยกเลิกสัญญากับเธอแล้ว

ตลอดสามปีที่ผ่านมา เฉียวอิ้งฉิงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองปรารถนา

ตอนแรกเธอแค่ต้องการตำแหน่งในวงการ มีเหลียงจี้ซึ่งหน้าที่การงานมั่นคงเป็นสามี เพื่อจะได้เพิ่มฐานแฟนคลับและกอบโกยรายได้จากกระแสนี้ ส่วนหลี่ซั่วก็ได้เมียใหม่ที่สาวและสวยกว่า การเลิกราของพวกเขาจึงไม่มีใครเสียผลประโยชน์

เธอคิดว่างานของตัวเองจะรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ แต่ข่าวการตายของกู้เซียงในวันแต่งงานกลับทำลายทุกอย่าง

คนในวงการบันเทิงต่างมองว่าเธอกับเหลียงจี้ทำเกินไป ส่วนคนนอกวงการก็ไม่มีใครเข้าข้างพวกเขาแน่นอน ยังมีพ่อของกู้เซียงและอดีตผู้จัดการส่วนตัวที่ร่วมมือกันโจมตีทั้งสองอีก

สิ่งมีค่าที่สุดในวงการบันเทิงคือเวลา เฉียวอิ้งฉิงไม่ใช่คนที่ยิ่งแก่ยิ่งดูสง่า แต่ละปีมีดาราหน้าใหม่ผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งคนที่มีความสามารถและคนที่มีผู้ใหญ่คอยอุปถัมภ์ค้ำชู

เมื่อมีคนหน้าตาดีเกลื่อนวงการ ความโด่งดังของเฉียวอิ้งฉิงก็ค่อยๆ จางหายไป ยิ่งเธอถนัดใช้เต้าไต่มากกว่าฝีมือ ก็ยิ่งไม่สามารถซื้อใจคนดูได้

อนาคตในวงการบันเทิงของเธอเริ่มน่าเป็นห่วง สิ่งที่ทำให้กระวนกระวายไปกว่านั้นคือรอยร้าวในความสัมพันธ์กับเหลียงจี้

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท