หากรายการทำตามผังทุกอย่าง คนดูอาจรู้ทันและเบื่อได้ ในเมื่อจ่านซิงเฉินไม่ยอมเดินตามเกม การจัดกิจกรรมพิเศษขึ้นมาคงน่าสนุกไม่น้อย
“งั้นอาจะพาเพื่อนๆ ออกไปก่อน หนูรออยู่ที่นี่คนเดียวนะ” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
จ่านซิงเฉินไม่ตอบ แต่กลับนั่งลงจัดกระเป๋าอย่างเงียบๆ
“หนูจะไม่ได้เจอคุณพ่อคุณแม่อีกสักพัก อยากจะฝากบอกอะไรไหม?”
จ่านซิงเฉินตาเป็นประกาย “มีฮะ!”
“อยากบอกว่าอะไรลูก?” พิธีกรหนุ่มผมหยิกก้มลงเงี่ยหูฟัง
เด็กน้อยรูปหล่อสูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดขึ้นว่า “หม่าม้า ผมมีความลับจะบอก… ดอกไม้ทั้งหมดที่หม่าม้าได้จากแฟนคลับผู้ชายในงานรับรางวัล ปะป๊าเป็นคนเอาไปทิ้ง แต่สั่งให้หนูพูดว่ามันเหม็นเลยต้องทิ้ง”
พิธีกรหนุ่มผมหยิก “…..”
จ่านหยาง “…..”
กู้เซียงที่กำลังดูการถ่ายทอดสดอยู่หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“ตอนที่หม่าม้าโดนคนนิสัยไม่ดีต่อว่า ปะป๊าเป็นคนบุกไปเคลียร์กับพวกเขาเอง”
“ตอนหม่าม้านอนกลางวัน ปะป๊าแอบจุ๊บเหม่งด้วยนะ”
“ตอนอยู่บ้าน ปะป๊าชอบบ่นว่าไม่มีใครสนใจ”
“ปะป๊า…”
จ่านซิงเฉินเป็นเด็กที่มีเสน่ห์มาก เขาได้เปลี่ยนรายการเรียลลิตี้ให้กลายเป็นรายการซุบซิบครอบครัวดาราไปแล้ว
ตอนแรกทุกคนตั้งอกตั้งใจฟัง ผ่านไปได้สักพักก็เริ่มรู้ตัวว่าถูกกู้เซียงกับจ่านหยางส่งลูกชายตัวน้อยมาประกาศความหวานให้โลกได้รับรู้
“ครอบครัววายร้ายชัดๆ!”
คนโสดพากันตายสนิท เหมือนถูกแทงโดยไม่ทันตั้งรับ
กู้เซียงที่อยู่ในกองถ่ายรู้สึกจนปัญญา จ่านซิงเฉินที่ปกติจะฉลาดเป็นกรด มาวันนี้กลับแกล้งซื่อบื้อ จนหลายคนในกองถ่ายเดินเข้ามาถามเธอด้วยแววตาเหลือเชื่อ
“พวกคุณหวานกันขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ตอนปะป๊าให้เลือกระหว่างการแสดงกับปะป๊า แล้วหม่าม้าไม่ได้ตอบ แต่แอบมาบอกคำตอบกับผม…”
จ่านหยางที่ก่อนหน้านี้วางหน้าเรียบเฉย เอนตัวเข้าใกล้จอมอนิเตอร์ด้วยสีหน้าประหม่า
“หม่าม้าบอกว่า ปะป๊าเป็นพระเอก ถ้าไม่มีปะป๊าแล้วจะแสดงหนังได้ยังไง”
จู่ๆ รายการเรียลลิตี้ก็กลายเป็นรายการซุบซิบครอบครัวดารา ผู้คนเริ่มออกจากรายการถ่ายทอดสดแล้วเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อแสดงความคิดเห็น
พิธีกรหนุ่มผมหยิกแทบคลั่ง เพราะไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อ
จ่านซิงเฉินมีพรสวรรค์ด้านการแสดง ทำให้รายการโชว์กลายเป็นภาพยนตร์ได้ในพริบตา
พอเห็นว่าสถานการณ์เริ่มบานปลาย พิธีกรก็พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย แต่ไม่ว่าจะยังไง จ่านซิงเฉินก็ไม่หยุดแสดงท่าทีซื่อๆ และไม่ยอมเดินออกจากถ้ำด้วย
ทีมงานจึงขอความช่วยเหลือจากจ่านหยาง
เพียงประโยคเดียวที่เขาพูดกับลูกชาย เด็กน้อยก็ล้มเลิกความคิดที่จะอยู่ในถ้ำต่อ
“มีคนเอาคัมภีร์ลับไปแล้ว”
“จริงเหรอฮะ?” จ่านซิงเฉินน้ำตาคลอเบ้า
“จริงสิ” จ่านหยางตอบ
คนเป็นพ่อย่อมเข้าใจลูกที่สุด
จ่านซิงเฉินมีนิสัยไม่ยอมแพ้และเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง ส่งผลให้กระตือรือร้นในการตามล่าหาคัมภีร์ลับอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หากวันใดเขาโตขึ้นแล้วได้ย้อนดูวิดีโอนี้ คงรู้สึกอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี
กิจกรรมสำรวจถ้ำของรายการปะป๊าไปไหน ทำให้ยอดผู้ชมเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ตามด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงบวก
จ่านซิงเฉินกลายเป็นว่าที่ลูกเขยของสาวๆ ทั่วประเทศ เขาทั้งบุคลิกดี หน้าตาดี ทำแผลเป็น แม้จะเวิ่นเว้อไปบ้างก็เพราะยังเด็กมาก ผู้ชมจึงพร้อมจะให้อภัย
ช่วงที่ได้รับความสนใจสูงสุดคือช่วงเมาท์มอยครอบครัวตระกูลจ่าน
จนพวกเขาได้รับฉายาว่า ‘ครอบครัวสวีตหวานสังหารคนโสด’
สามปีแล้ว นับจากวันที่กู้เซียงได้รับรางวัลนักแสดงหญิงดีเด่น
ที่ผ่านมาซูเปอร์สตาร์จ่านและกู้เซียงต่างยืนในวงการบันเทิงได้อย่างมั่นคง ไม่มีข่าวเสียหายหรือข่าวในทางลบ พวกเขาเฝ้าฝึกฝนฝีมือการแสดงจนได้รับรางวัลมากมาย ถึงขั้นได้รับการยกย่องให้เป็นราชาและราชินีแห่งวงการภาพยนตร์
แฟนคลับของทั้งสองฝ่าย หวังให้เรื่องนี้ดำเนินไปได้ด้วยดี
สำหรับแฟนคลับ การที่ได้เห็นไอดอลประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไป คือความภาคภูมิใจอันสูงสุด อีกทั้งจ่านหยางและกู้เซียงก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
นักแสดงส่วนใหญ่ เมื่อขึ้นถึงจุดสูงสุดก็มักจะหยุดความพยายามแต่เพียงเท่านั้น บางคนแม้จะพยายามทั้งชีวิตก็ไม่อาจข้ามผ่านจุดนี้ไปได้ สุดท้ายก็หยุดพยายามไปเอง
แต่ทั้งสองกลับไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมอยู่เสมอ แม้แต่บรรดานักวิจารณ์ก็ไม่อาจหาข้อผิดพลาดมาตำหนิได้
อายุเท่านี้แต่ประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้ หากจะอธิบายด้วยเหตุผล คงบอกได้เพียงว่า ‘ปาฏิหาริย์’
ในฐานะที่เป็นดารา ย่อมถูกสื่อมวลชนเอาเรื่องส่วนตัวไปใส่สีตีไข่ แต่ทั้งคู่กลับมีท่าทีต่อข่าวเสียหายต่างจากศิลปินคนอื่นๆ ขอแค่มีนักข่าวมาสัมภาษณ์ ก็จะสามารถแก้ข่าวได้อย่างหมดจด ไม่เหลือมลทินตกค้าง เรียกว่าเด็ดขาดในคราวเดียว
ขณะที่การงานราบรื่นจนเป็นที่อิจฉา เรื่องความรักก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน
หากจะถามว่ามีเรื่องใดที่รู้สึกเสียดาย คงเป็นเรื่องที่ทั้งสองไม่มีโอกาสได้ร่วมงานกันอีก ตั้งแต่ที่เล่นภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่
คนหนึ่งคือนักแสดงหญิงที่ฝีมือการแสดงเป็นเลิศ ส่วนอีกคนคือนักแสดงชายที่ฝีมือการแสดงเหนือชั้น รวมถึงหน้าตาและบุคลิกก็โดดเด่นกว่าใคร หากพวกเขาได้งานภาพยนตร์คู่กันอีกครั้ง คงประสบความสำเร็จและสร้างรายได้จนกลายเป็นสถิติใหม่อย่างแน่นอน
แต่หากจะจ้างทั้งคู่มาเล่นหนังด้วยกัน คงต้องใช้ทุนสร้างสูงมาก
ภาพยนตร์ที่กล้าทุ่มทุนส่วนใหญ่จะคาดหวังกำไรเป็นหลัก ขณะที่กู้เซียงกับจ่านหยางค่อนข้างพิถีพิถันในการเลือกบท ไม่สนใจว่าจะเป็นตัวเอกหรือนักแสดงสมทบ ขอเพียงมีจุดที่ท้าทายฝีมือ ก็จะตอบรับด้วยความกระตือรือร้น
ทั้งกู้เซียงและจ่านหยางมีส่วนร่วมในภาพยนตร์คลาสสิกที่กลายเป็นตำนานของประเทศอยู่หลายเรื่อง แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ร่วมงานกันอีกเลย
หลังรอคอยมานาน ก็มีข่าวที่ทำให้แฟนคลับตื่นเต้น เพราะพวกเขาจะแสดงคู่กันในภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่ภาคสอง
ภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่กลายเป็นหนังรักคลาสสิกที่ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงบวก ส่วนเพลงประกอบภาพยนตร์ก็กลายเป็นเพลงที่คู่รักส่วนใหญ่ใช้ในการสารภาพรัก
เมื่อบทน่าสนใจและอาจได้ฝากชื่อไว้เป็นตำนานอีกหลายปี ภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่ภาคสองจึงใช้นักแสดงกลุ่มเดิมทั้งหมด
ผู้ที่สามารถเชิญทั้งกู้เซียงและจ่านหยางมาร่วมแสดงได้ก็คือถางรุ่ย
เมื่อข่าวนี้ถูกเผยแพร่ ก็สั่นสะเทือนไปทั้งวงการ
แฟนคลับต่างตื่นเต้นที่ไอดอลชายและหญิงของพวกเขากลับมาอีกครั้ง
ภาพยนตร์ภาคแรกทำให้ทั้งสองได้มาเจอกัน ส่วนภาคนี้ทั้งสองเจอกันหลังเกิดความรักนอกจอแล้ว ยิ่งทำให้บรรดาคนโสดเชื่อมั่นและศรัทธาในความรักมากขึ้นไปอีก
กว่าจะถ่ายทำเสร็จก็อีกครึ่งปี โดยทีมงานวางแผนจะออกฉายช่วงปีใหม่เหมือนอย่างภาคแรก
จากดาราหน้าใหม่ในตอนนั้น กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ และด้วยการบ่มเพาะประสบการณ์ทำให้พวกเขาเติบโตอย่างสง่างาม แม้แต่บทของนักแสดงสมทบที่ผู้แสดงแทบไม่เป็นที่รู้จัก ก็ได้แจ้งเกิดในวงการกันไปหลายคน
วงการบันเทิงมีพื้นที่สำหรับโอกาสและความท้าทายเสมอ หากมีศักยภาพมากพอก็จะสามารถขึ้นสู่จุดที่สูงกว่าได้ ทว่าการอยู่ในวงการได้อย่างมั่นคงจึงจะเรียกได้ว่ามีความสามารถอย่างแท้จริง
ด้านล่างของเวทีงานแถลงข่าว เจี่ยงลี่ลี่กระซิบที่ข้างหูกู้เซียง
“ป๋ายมั่วจ้องแฟนเธอใหญ่เลย ระวังให้ดีล่ะ!”
“อย่าไปสนใจเลย ฟังที่พิธีกรพูดก่อนดีกว่า” กู้เซียงตอบ
ศิลปินสาวในวงการมีมากมาย ส่วนดาราที่ชอบเล่นสกปรกก็มีไม่น้อย
จ่านหยางในฐานะพระเอกอันดับหนึ่ง ดึงดูดหมู่ภมรจนกลายเป็นเรื่องปกติ มีตั้งแต่รุ่นพี่ผู้หญิงในวงการ และรุ่นน้องหน้าใหม่ที่เรียงแถวมาให้เลือก
ตำแหน่งของกู้เซียง หากนำไปทำเป็นละครย้อนยุคประเภทวังหลัง คงจะดุเดือดไม่น้อย
เมื่อได้เจอกับคนนอกโดยเฉพาะสาวๆ จ่านหยางจะวางมาดขรึมทันที กู้เซียงจึงไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ แม้จะมีคนคอยส่งข่าวก็ตาม
“ไม่พูดกับเธอแล้ว!” เจี่ยงลี่ลี่ส่ายหน้าด้วยความหงุดหงิด “ถ้าเขาหลุดมือไป อย่ามาเสียใจนะ ผู้ชายแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆ ชอบกันก็รีบแต่งๆ ไปซะ ต่อไปถ้าไม่รักกันก็แค่หย่า ตกลงปลงใจในช่วงยังรักน่ะดีที่สุดแล้ว” เธออดที่จะเตือนไม่ได้
เจี่ยงลี่ลี่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน ย่อมมองเรื่องพวกนี้ออกเป็นธรรมดา ส่วนการหย่าร้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เอาที่สบายใจเป็นพอ
“ช่วงนี้ถางรุ่ยก็ดีกับพี่เหมือนกันนี่?” กู้เซียงเหล่ตามองอีกฝ่าย
ครึ่งปีหลังมานี้ ถางรุ่ยดูจะสนใจเจี่ยงลี่ลี่เป็นพิเศษ
ที่ผ่านมาเขาค่อนข้างโชกโชนเรื่องความรัก ส่วนเจี่ยงลี่ลี่ที่เคยหย่ามาก่อนก็ค่อนข้างถือตัว เวลาอยู่ด้วยกันจึงเหมือนคู่กัดมากกว่า
แม้ถางรุ่ยจะแสดงท่าทีอ่อนโยน แต่เจี่ยงลี่ลี่ก็ไม่หวั่นไหว
“ถางรุ่ยจะไปสู้จ่านหยางได้ยังไง?” เจี่ยงลี่ลี่ถลึงตาใส่กู้เซียง “เธอกำลังดูถูกฉันอยู่นะ!”
คนที่ทั้งสองกำลังพูดถึงเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องรับรอง
“ไม่ต้องเอาเบอร์ฉันให้ป๋ายมั่วเลยนะ!” ถางรุ่ยเอ่ยด้วยความโมโห “หลายวันมานี้ มีคนส่งข้อความมาที่เบอร์ส่วนตัวของฉันเต็มไปหมด ถ้าไม่หยุดฉันจะแจ้งความว่าถูกก่อกวน”
“ไม่ชอบหรอกเหรอ?” จ่านหยางขยับเน็กไทหน้ากระจก
“นมใหญ่ ขายาว ผิวขาว แถมเป็นลูกครึ่งด้วยนะ” เขาย้ำ
“เมื่อก่อนก็ชอบอยู่หรอก แต่ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว” ถางรุ่ยตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คางแหลมไป ตาก็โตเป็นไข่ห่าน เอะอะก็อ่อยไปทั่ว ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะทำแบบนี้”
“โอเค เดี๋ยวฉันหาให้ใหม่”
“ไม่ใช่เรื่องหน้าตา” ถางรุ่ยเริ่มหงุดหงิด “ฉันเน้นเรื่องนิสัยเป็นหลัก”
“กู้เซียงฝากบอกว่าให้อยู่ห่างๆ เจี่ยงลี่ลี่หน่อย” สวมเน็กไทเสร็จ จ่านหยางก็ติดกระดุมแขนเสื้อต่อ
“ทำไมฉันต้องอยู่ห่างๆ ด้วย ทุกคนมีสิทธิ์จะวิ่งตามรักแท้ นายยังเป็นเพื่อนฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย?”