หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 10

ตอนที่ 10

เฉินเหล่ยถูกกู้เซียงตอกหน้าจนยืนแข็งค้างอยู่กับที่ ตอนทะเลาะกันในเวยป๋อ เธอยังเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่เลย แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากัน กู้เซียงกลับไม่มีทีท่าหวาดกลัวหรือสะทกสะท้าน เหมือนเป็นการกระแทกหมัดลงบนปุยนุ่น ทำเอาเฉินเหล่ยคับแค้นใจมาก

กู้เซียงไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง หลังลงชื่อและได้รับบัตรคิวแล้ว ก็ไปนั่งรอเรียกชื่อที่ด้านนอก

เฉินเหล่ยถูกเรียกไปทดสอบหน้ากล้องก่อน ขณะเดินผ่านก็ไม่ลืมที่จะทำตาขวางใส่เธอ

การคัดตัวนางเอกในครั้งนี้ต้องทำอย่างเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาจึงไม่มีการเตรียมคนมาช่วยต่อบท ต้องอาศัยจินตนาการของนักแสดงเพียงอย่างเดียว

เฉินเหล่ยค่อนข้างมั่นใจว่าจะได้งานนี้ เพราะตอนที่เล่นเป็นเพื่อนนางเอกในเรื่องเหมยจวง เธอก็เป็นสาวบ้านนอกเหมือนกัน

หลังเดินไปยืนที่กลางห้อง เฉินเหล่ยก็เริ่มแสดงตามบทที่ซ้อมมา

“ปล่อยฉันไปเถอะพี่จิว ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน!” เธอคุกเข่าลงร้องไห้กอดขาอีกฝ่าย

ฟางฟางไม่ได้อยากเป็นโสเภณี แม่เล้าที่ชื่อพี่จิวมองเธอไม่ต่างจากหญิงสาวคนอื่นๆ ตอนแรกอาจจะขัดขืน แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ ต้องกล้ำกลืนฝืนทนอยู่ในวังวนขายบริการอย่างไม่อาจหลุดพ้น

บทขัดขืนแสดงไม่ยาก แค่ทำเป็นดิ้นรนและร้องไห้เท่านั้น ไม่ต้องอาศัยอินเนอร์มากมาย แค่ทำให้ลงตัวก็พอ เฉินเหล่ยได้เปรียบด้านประสบการณ์การทำงานจึงสามารถเล่นบทหญิงขายบริการและร้องไห้ได้อย่างสมจริง แต่สำหรับดาราหน้าใหม่ ฉากร้องไห้อาจต้องเตรียมตัวหลายชั่วโมง หากหนังเรื่องไหนมีฉากที่ต้องร้องไห้อยู่มาก การใช้ดารามืออาชีพจะช่วยประหยัดเวลาได้ดีกว่า

เถียนลี่ขมวดคิ้ว ยื่นใบสมัครของเฉินเหล่ยให้ผู้กำกับหลักอย่าง ‘สูเฟิง’

หลังแสดงเสร็จ เฉินเหล่ยลุกขึ้นปัดฝุ่นบนเสื้อผ้า หันไปส่งยิ้มให้ผู้กำกับ เมื่อได้รับอนุญาตจึงเดินออกจากประตูไป

ที่ด้านนอก เธอมองกู้เซียงด้วยสายตาดูถูกจนเหวินจิ้งผุดลุกขึ้นด้วยความโมโห

“ชักจะมากเกินไปแล้วนะ!” เหวินจิ้งเริ่มทนไม่ไหว

“ได้มาแคสต์ก็ดีแค่ไหนแล้ว อย่ามีเรื่องกันเลย” กู้เซียงเตือนสติ

“ไม่ต้องกังวลนะ แค่ได้ฝากฝีมือให้ผู้กำกับเห็นก็พอ เวลามีบทที่เหมาะสมเขาจะได้นึกถึงเธอ”

ประโยคนี้ของเหวินจิ้งเหมือนไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือของกู้เซียงเท่าไหร่ แต่เธอไม่ถือสา เพราะที่ผ่านมาได้แต่บทใสซื่อบริสุทธิ์ พอต้องเปลี่ยนบทบาทก็ทำได้ยากขึ้น นอกจากงานจะด้อยคุณภาพลง ชื่อเสียงก็อาจถูกกระทบไปด้วย

รูปร่างหน้าตาและบุคลิกภายนอกของกู้เซียงไม่เหมาะกับบทของฟางฟาง ตัวละครที่อารมณ์ค่อนข้างซับซ้อน อาจแสดงได้แค่ช่วงวัยสาว เพราะบทในช่วงหลังนั้นยากเกินไป

ที่เถียนลี่ชวนเธอมาแคสต์งานก็เพราะถูกใจรูปร่างหน้าตา ที่เขาไม่รู้ก็คือเธอมีพื้นฐานด้านการแสดงมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว บทนี้จึงไม่เกินฝีมือแน่นอน

จู่ๆ ทีมงานก็ตะโกนเรียกชื่อเธอ กู้เซียงจึงลุกขึ้นจัดกระโปรงแล้วเดินเข้าไปในห้อง

เถียนลี่และสูเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ โดยมีทีมงานอีกหลายคนยืนล้อมหลัง บรรยากาศนี้ทำเธอรู้สึกเหมือนได้กลับไปในช่วงเวลาที่ยังไม่ดัง ต้องตระเวนทดสอบหน้ากล้องเพื่อหางาน

หลังสูดลมหายใจเข้าลึก กู้เซียงก็พยักหน้าให้บรรดาผู้กำกับ

ฉากที่เธอเลือกเหนือความคาดหมายของทุกคนมาก เพราะเป็นฉากที่ฟางฟางกลายเป็นสาวไซด์ไลน์เต็มตัว ซึ่งเธอเป็นคนเดียวที่เลือกฉากนี้

ที่ว่ายากก็เพราะอาศัยเพียงท่าทางและบทพูดไม่ได้ ต้องแสดงอารมณ์จากภายใน รวมถึงสีหน้าและแววตาอย่างเต็มที่ด้วย หากมีจุดไหนบกพร่อง การแสดงทั้งหมดก็จะขาดความสมจริงทันที

บรรดาผู้กำกับต่างคิดไม่ถึงว่าจะมีคนเลือกฉากนี้ เพราะดาราหน้าใหม่ควรเริ่มจากบทที่ง่ายก่อน แล้วค่อยๆ ซึมซับบุคลิกของตัวละคร ก่อนจะไปแสดงฉากที่ยากกว่า ผลลัพธ์จะได้ใกล้เคียงกับมาตรฐานที่ตั้งไว้ แต่หากเริ่มจากบทที่ยากก่อน จะถูกดูแคลนฝีมือเอาง่ายๆ

สูเฟิงมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก หันไปสบตากับเถียนลี่แล้วส่ายหน้าเบาๆ

วันนี้กู้เซียงสวมเดรสคอเต่าทรงตรงสีดำสนิท เมื่อถอดเสื้อคลุมออกก็จะเห็นสัดส่วนที่ชัดเจนขึ้น กระดุมเสื้อเป็นสีแดงเข้ม คล้ายกระดุมตรงปกเสื้อของชุดกี่เพ้า แต่งแต้มใบหน้าด้วยรองพื้นบางๆ และทาปากสีแดงสด

ก่อนจะเริ่ม เธอดึงยางมัดผมออก ปล่อยผมยาวสลวยให้ทิ้งตัวแล้วนั่งด้วยท่วงท่างดงามลงบนเก้าอี้ตรงกลางห้อง

ไหล่ของเธอสั่นเล็กน้อย ขาเรียวยาวข้างซ้ายไขว้ลงบนขาข้างขวาอย่างสบายอารมณ์ ปลายเท้าเหยียดตึงคล้ายกำลังยั่วยวน

เดรสสีดำและรองเท้าส้นแหลมสูงสีดำตัดกับขาขาวเนียน เอวบางได้รูป อกตั้งสมส่วน ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ใครเห็นเป็นต้องหลงใหล

ใบหน้าขาวกระจ่างกับคิ้วดำได้รูปช่วยส่งภาพลักษณ์ของหญิงสาวแสนบริสุทธิ์ ทว่าปากสีแดงสดกับบุหรี่หนึ่งมวนในมือที่เธอเพิ่งจะจุดขึ้นสูบ เปลี่ยนภาพลักษณ์ก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง

กู้เซียงใช้มืออีกข้างม้วนผมเล่น ก่อนจะเอียงคอถามเบาๆ

“พี่จิว วันนี้ไม่มีแขกมาดูฉันเหรอ?”

ตอนที่พูดประโยคนี้ เธอแสร้งทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย ริมฝีปากได้รูปเย้ายวน ดวงตาเร่าร้อนดึงดูดคู่สนทนาให้เคลิบเคลิ้ม

ไม่มีบทพูดยืดเยื้อ ไม่ลีลามากมาย แค่บุหรี่มวนเดียวกับคำพูดหนึ่งประโยค ท่านั่งและสีหน้าที่สื่อถึงความเป็นหญิงขายบริการได้อย่างสมบูรณ์

ฉากที่ถูกเซ็ตออกมาอย่างโดดเด่นของราตรีกาลเปลี่ยนห้องธรรมดาให้กลายเป็นเมืองในยุค 90 ที่มีโคมไฟสีแดงประดับอยู่ตามซอกซอย มีสาวงามนั่งอวดขาเรียวยาว ยั่วยวนแขกผู้มาเยือนอย่างสบายอารมณ์

ทุกคนในห้องแทบหยุดหายใจ จ้องกู้เซียงตาไม่กะพริบ

กู้เซียงในวัยยี่สิบกว่า

ไม่อาจแสดงเป็นสตรีที่กร้านโลกได้อย่างแท้จริง นอกจากแสดงสีหน้า ท่าทาง และพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกับตัวละครเท่านั้น

การต้องแสดงอารมณ์ของตัวละครที่ซับซ้อนภายในระยะเวลาอันสั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก แม้จะถ่ายฉากนั้นๆ จบแล้ว นักแสดงบางคนก็ยังเข้าไม่ถึงอารมณ์ที่แท้จริงของตัวละคร สุดท้ายก็ถูกวิจารณ์ว่าไร้ความสามารถ

แต่กู้เซียงทำลายความคิดนั้นของคนดูอย่างสิ้นเชิง

พอต้องหย่ากับเหลียงจี้ เธอก็ทำอะไรไม่ถูก ผู้หญิงที่อยู่ได้ด้วยความรัก เมื่อสูญเสียไปก็เหมือนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา ทั้งสูบบุหรี่ กินเหล้า นอนไม่หลับ ทำร้ายตัวเองจนอยู่ในสภาพครึ่งผีครึ่งคน อยากจะให้ชีวิตยามนี้เป็นเพียงฝันร้าย ไม่อยากตื่นขึ้นจากความฝันเพื่อเผชิญหน้ากับอนาคตอันมืดมน ความรู้สึกไม่ต่างจากตัวละครของฟางฟางเลย

เถียนลี่เอื้อมมือไปจับปากกา มืออีกข้างถือประวัติของกู้เซียง นิ่งมองการแสดงตรงหน้าตาไม่กะพริบ หลังการแสดงจบลง บรรยากาศเมืองยุค 90 ก็หายไปพร้อมกับเธอเช่นกัน

กู้เซียงลุกขึ้นโค้งคำนับผู้กำกับ ทัดผมไว้หลังใบหูเพื่อไม่ให้ปิดบังใบหน้า ยืนสงบนิ่งด้วยความสุภาพเรียบร้อย

“เคยแสดงหนังมาก่อนไหมครับ” สูเฟิงถาม

“เคยเล่นเป็นตัวประกอบครั้งหนึ่งค่ะ”

แววตาของเถียนลี่ตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด เขาเพิ่งจะให้นักเขียนปรับบทเพื่อความเหมาะสม เพราะฟางฟางคือตัวละครที่ซับซ้อนและแสดงยาก ดาราก่อนหน้านี้ทั้งหน้าตาดีและเล่นได้สมบทบาท แต่เมื่อเทียบกับกู้เซียง กลับแตกต่างจนเหมือนเป็นเพียงตัวประกอบเท่านั้น

ตอนลุกขึ้นโค้งคำนับผู้กำกับ บุคลิกของกู้เซียงต่างจากการแสดงเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง นับว่าฝีมือการแสดงของเธอคือพรสวรรค์อย่างแท้จริง

เถียนลี่อยากให้โอกาสดาราหน้าใหม่ จึงสบตากับสูเฟิงแล้วหันไปบอกกู้เซียงว่า “ขอบคุณที่มานะครับ แล้วทางเราจะติดต่อไป”

เห็นกู้เซียงเดินยิ้มออกมา เหวินจิ้งก็รีบวิ่งเข้าไปหา “เป็นยังไงบ้าง?”

“พอได้” ถึงจะตอบไปอย่างนั้น แต่ลึกๆ เธอมั่นใจมาก เพราะบรรดานักแสดงที่มาในวันนี้ ไม่มีประสบการณ์เท่าเธอในชาติที่แล้วเลยสักคน

เห็นกู้เซียงอารมณ์ดี เหวินจิ้งก็โล่งใจ หลังรอเจ้าหน้าที่ออกมารายงานผล พวกเธอก็พากันกลับบ้าน

วันต่อมา เถียนลี่ปรึกษากับสูเฟิงเรื่องผลการทดสอบหน้ากล้อง

“กู้เซียงนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ” เถียนลี่ขยับแว่นให้เข้าที่ มองใบประวัติในมือ “บริษัทหัวเซินพยายามผลักดันเธออยู่ เพราะมีโอกาสโด่งดังมากที่สุดในบรรดาดาราหน้าใหม่ แต่ตอนนี้ยังไม่มีเรื่องไหนให้เล่น ถ้าเอาก็ไม่ต้องใช้งบมากมาย ถือว่าคุ้มมาก”

เขาคือผู้กำกับที่สนใจเรื่องผลประโยชน์เป็นหลัก จึงมองเรื่องนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง

“แต่เธอไม่มีฐานแฟนคลับเลยนะ” สูเฟิงออกความเห็น

“เรื่องนี้ไม่ต้องอาศัยฐานแฟนคลับหรอก” เถียนลี่แย้ง “นางเอกของตอนอื่นๆ ก็มีชื่อเสียงไม่มาก กู้เซียงอาจยังไม่ดัง แต่อินเนอร์และฝีมือการแสดงโดดเด่นมาก” เถียนลี่พยายามโน้มน้าว

สูเฟิงยังคงยืนกราน “แต่เธอเป็นเด็กใหม่ ผลงานสักเรื่องก็ไม่มี”

“นายเห็นฝีมือการแสดงของเธอแล้วนี่?” เถียนลี่ย้ำประเด็นเดิม

สูเฟิงกับเถียนลี่ขัดแย้งกันบ่อยครั้ง เถียนลี่เป็นรองผู้กำกับก็จริง แต่มีความคิดและแนวทางการทำงานที่หลากหลายกว่า แม้สูเฟิงจะเป็นผู้กำกับหลัก แต่เมื่อต้องตัดสินใจ ทีมงานจะนึกถึงเถียนลี่ก่อน

โอกาสที่ภาพยนตร์เรื่องคืนรังของเถียนลี่จะโด่งดังมีค่อนข้างสูง ทำให้สูเฟิงไม่ค่อยชอบใจ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นคนมีความสามารถและทะนงตน สูเฟิงจึงรู้สึกเหมือนถูกยั่วโมโห แต่คำพูดของเถียนลี่ก็ยากจะโต้แย้ง เพราะการแสดงของกู้เซียงสมบูรณ์แบบมากพอที่จะทำให้ทุกคนประหลาดใจ

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท