เมื่อถูกไมโครโฟนจากทั้งสามสำนักข่าวจ่อสัมภาษณ์ กู้เซียงก็ยิ้มรับด้วยความยินดี
เธอยังอยู่ในชุดนักแสดงกับใบหน้าสกปรก ผมเผ้ารุงรังยุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดวิ่น แต่ก็ไม่อาจบดบังความงามดั้งเดิมได้
“ขอสัมภาษณ์พระชายาเฉินหน่อยค่ะ ที่จริงฉากนี้ต้องใช้สแตนด์อิน แล้วทำไมถึงเล่นเองล่ะคะ” นักข่าวที่เป็นแค่เด็กฝึกงานสัมภาษณ์กู้เซียง
กู้เซียงส่งยิ้มอ่อนโยน ไม่ได้หยิ่งยโสเหมือนตอนที่เล่นเป็นเฉินเมี่ยว “พอดีตัวแสดงแทนเกิดอุบัติเหตุกะทันหัน มาถ่ายทำไม่ได้ พวกเราต้องรีบถ่ายทำให้เสร็จ ฉันเลยแสดงเองค่ะ”
พอเห็นว่ากู้เซียงไม่ถือตัว นักข่าวฝึกหัดก็มีความมั่นใจมากขึ้น
“ฉากเมื่อครู่ทรหดมาก รู้สึกหนักใจบ้างไหมคะ?” หล่อนถามต่อ
“หนักใจเหรอคะ?” กู้เซียงทวนคำถาม “ฉันเป็นนักแสดง อะไรที่เกี่ยวกับงานฉันทำได้หมด เหมือนอย่างที่คุณนักข่าวไม่หนักใจกับการต้องสัมภาษณ์ฉันในสภาพสะบักสะบอมแบบนี้ไงคะ”
เธอพูดถึงงานของตัวเองโดยไม่ออกตัวว่าเหนือกว่า เป็นคำพูดที่เหมาะสมกับการสัมภาษณ์มาก
“คุณแสดงได้ดีมากเลยค่ะ” นักข่าวฝึกหัดเอ่ยปากชม
“ถ้าอย่างงั้น ฝากติดตามละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนด้วยนะคะ” เธอไม่ลืมที่จะประชาสัมพันธ์ และส่งยิ้มน่ารักเป็นการทิ้งท้าย
นักข่าวอีกสองสำนักไม่ยอมแพ้ รีบสัมภาษณ์เธออีกหลายคำถาม
แม้อากาศจะร้อนอบอ้าว แต่กู้เซียงก็ยังใจเย็น ไม่แสดงออกถึงความหงุดหงิด ยังคงตอบทีละคำถามอย่างตั้งใจ ทั้งยังเล่าเรื่องตลกในกองถ่ายให้พวกนั้นฟังอีก
ข้อมูลที่เธอเปิดเผยไม่ละลาบละล้วงจนเกินไป นักข่าวสามารถเอาไปเขียนต่อได้แบบไม่กระทบกับเนื้องาน ปิดท้ายด้วยการหาน้ำและอาหารว่างให้กับนักข่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
เวินหลินยู่ชื่นชมกู้เซียงอยู่ไกลๆ หากดาราหน้าใหม่รู้ประสาเหมือนเธอทุกคน วงการบันเทิงคงสงบสุขเป็นแน่
การที่เขาตัดสินใจเพิ่มบทให้เธอในสองตอนสุดท้าย ทำแผนการของเฉียวอิ้งฉิงพังไม่เป็นท่า
กู้เซียงไม่เพียงไม่ทำเรื่องขายหน้าเมื่อต้องแสดงบทของตัวแสดงแทน แต่ยังได้รับคำชมจากนักข่าวทั้งสองสำนักที่เชิญมา พวกนั้นบอกว่าเธอตั้งใจทำงาน ให้เกียรติอาชีพ ตัวจริงสวยกว่าในทีวี อัธยาศัยดี และยอมถ่ายฉากที่ตัวเองเสียโฉมในวันที่อากาศร้อนจัด
ยังมีภาพประกอบตอนที่กู้เซียงผมเผ้ารุงรัง เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย ใบหน้าสกปรก แต่ยังคงยิ้มอย่างสดใสเหมือนดอกไม้บานท่ามกลางแสงอาทิตย์ ต่างจากเฉินเมี่ยวผู้เย่อหยิ่ง เพราะเธอเป็นกันเองและน่ารักน่าเอ็นดูตลอด
หลังข่าวนี้ถูกแพร่ออกไป บุคคลสำคัญในวงการบันเทิงต่างช่วยกันแชร์จนกลายเป็นกระแสในเวยป๋อ
“ขนาดเนื้อตัวสกปรกยังแสดงอารมณ์ได้ดี จะเอาที่ไหนไปเศร้ากับเธอ ฮึ?”
“เห็นด้วยกับเมนต์บน เห็นแล้วโคตรสงสารตัวเองเลย”
“กู้เซียงเคารพในอาชีพมาก สวยด้วย ใจดีด้วย แถมยังขยันอีก คนดูตายกันพอดี”
“น่ารักจัง อยากไปเยี่ยมที่กองถ่ายเลย”
หากเนื้อข่าวไม่มีภาพประกอบ อาจคิดว่าเป็นฝีมือของพวกหน้าม้า แต่เมื่อมีรูปโชว์ขนาดนี้ ทุกคนที่คิดจะโจมตีก็นิ่งเงียบ
เมื่อสองสำนักใหญ่ลงข่าวในทำนองเดียวกันจึงเกิดกระแสขึ้นมา ถึงขั้นมีคนเอารูปกู้เซียงไปตัดต่อเพื่อเทียบกับเฉียวอิ้งฉิง
ในฐานะนางเอกของเรื่อง เฉียวอิ้งฉิงถ่ายฉากเสียโฉมและฉากลำบากมากกว่ากู้เซียง เพียงแต่เธอใช้สแตนด์อินทุกครั้ง ยกเว้นฉากที่ถูกตบหน้า แต่พอฉากนี้ออกอากาศ กลับไม่มีใครเห็นถึงความแตกต่างกับตอนที่ใช้ตัวแสดงแทน กระทั่งชาวเน็ตเอาภาพของพวกเธอมาตัดต่อ จึงพบว่าการทำงานของเฉียวอิ้งฉิงสบายกว่ากู้เซียงมาก
คนในอินเทอร์เน็ตด่าได้แบบไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย สุดท้ายเฉียวอิ้งฉิงก็ถูกตราหน้าว่าไม่เคารพในอาชีพ เทียบไม่ได้กับดาราหน้าใหม่ เมื่อโยงไปถึงเรื่องที่เธอถูกลดบทบาทในแต่ละฉาก จึงได้ฉายาว่า ‘นักแสดงอวดดีฝีมือแย่’
พวกที่ลุกขึ้นโจมตีเฉียวอิ้งฉิงส่วนใหญ่ทำตามกระแสที่ถูกปั่น ราวกับเป็นตัวแทนของความรักและความถูกต้อง
เฉียวอิ้งฉิงล่าห่านป่ามาทั้งชีวิต นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกจิกตา ทั้งที่รักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเป็นอย่างดี แม้จะพยายามแก้ข่าว แต่ชาวเน็ตก็อ่านท่าทีของเธอออกอย่างทะลุปรุโปร่ง เรียกได้ว่าเหตุการณ์กลับตาลปัตรจนกู่ไม่กลับแล้ว
กู้เซียงไม่มีใจไปวุ่นวายกับเรื่องอื่น เพราะต้องเตรียมการถ่ายทำตามปกติ
หลายสิบตอนก่อนหน้านี้ เธอแสดงได้ดีจนหลายคนชื่นชม เช่นนี้สองตอนสุดท้ายก็ต้องเอาให้ปังทะลุจอไปเลย
สองตอนสุดท้ายของเธอคือการทดสอบความสามารถในฐานะนักแสดง จึงอยากอาศัยโอกาสนี้ดึงความสนใจจากทุกคนแบบที่ไม่อาจละสายตาได้
นี่คือละครเรื่องแรกที่กู้เซียงเล่น หากฉีโฮ่วจ้วนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นในวงการบันเทิงของเธออย่างเป็นทางการ
แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว…
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ถึงคืนวันพฤหัสบดี
เนื่องจากมีการถ่ายทอดสดพิธีมอบรางวัล ละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนในวันพุธจึงย้ายมาออกอากาศในวันพฤหัสแบบต่อเนื่องถึงสองตอน แถมยังเป็นวันพฤหัสแรกของการปิดเทอมภาคฤดูร้อน ยอดผู้ชมจึงสูงเป็นพิเศษ
เรื่องราวความรักกำลังคลี่คลาย ตัวร้ายที่คอยก่อกวนได้รับผลกรรม พระเอกกับนางเอกได้สานต่อความรักโดยไม่มีอุปสรรคขวางกั้น แต่ในเวยป๋อกลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“วันนี้ห้ามพลาดละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วน คู่แมวรัตติกาลแอบมีฉากหวาน” เจี่ยงลี่ลี่โพสต์
จากนั้นก็มีคอมเมนต์ต่อโพสต์นี้อีกจำนวนมาก
“เฮ้ย! แม่ลี่ลี่ก็อยู่ทีมนี้จ้า”
“ฮ่าๆๆ แมวรัตติกาลอย่างเจ๋ง ขออยู่ทีมนี้ไปร้อยปีเลย”
“เมนต์บนหลงประเด็นหรือเปล่า ต้องคุยเรื่องฉากหวานไม่ใช่เหรอ?”
“คู่จิ้นอะไรไร้สาระ ตัดภาพมาที่ฉัน อยู่หน้าทีวีแล้วจ้า อิอิ”
จ่านหยางเองก็โพสต์ลงเวยป๋อเช่นกัน “ลุยเดี่ยวเลยนะ”
กู้เซียงนั่งเท้าคางอ่านคอมเมนต์เรื่องคู่จิ้นในเวยป๋อ แล้วตัดสินใจโพสต์ข้อความเช่นกัน
“รวมกลุ่มกันส่งมีดไปขู่นักเขียนดีไหม?” จากนั้นก็ปิดคอมพิวเตอร์ แล้วไปนอนมาสก์หน้า
เวยป๋อคือแอปพลิเคชันที่ทำให้คนติดง่ายมาก หากได้เลื่อนอ่านก็กินเวลาไปหลายชั่วโมง แต่ความสวยความงามก็สำคัญเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ไม่ถึงชั่วโมง ตู้หยู่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
“การบ้านคณิตศาสตร์ทำเสร็จแล้วเหรอ?” ตู้หมู่ถาม
“ไม่ต้องรีบหรอกแม่” เธอหยิบขนมออกจากตู้เย็นจำนวนมากแล้ววางลงบนโต๊ะหนังสือ ยังมีนมที่ถูกแช่จนเย็นชื่นใจด้วย “คืนนี้เป็นสองฉากสำคัญ คนเราจะทำการบ้านคณิตศาสตร์อีกกี่ครั้งก็ได้ แต่ละครสองตอนนี้มีฉายแค่ครั้งเดียวเท่านั้น!”
“ไม่ใช่ตอนจบสักหน่อย” ตู้หมู่พึมพำแล้วลงมือถักนิตติ้งต่อ
ความกระตือรือร้นในการถักนิตติ้งของตู้หมู่มาจากละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วน ทุกครั้งที่เฉินเมี่ยวปรากฏตัว เธอจะรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ คล้ายกำลังจะได้แก้แค้น จากเมื่อก่อนที่มองว่าการถักเสื้อไหมพรมเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่หลังจากที่ดูละครก็พบวิธีการถักไหมพรมอีกหลายรูปแบบ
การสนทนาในกลุ่มวีแชตเริ่มต้นขึ้น ทุกคนจดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรทัศน์ ตู้หมู่เองก็ตื่นเต้นไปด้วย ราวกับเป็นตอนจบของละคร
นี่เป็นครั้งแรกที่ตู้หยู่ดูละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนช่วงปิดเทอม แต่กลับต้องเห็นไอดอลของตัวเองถูกสังหารอย่างน่าใจหาย
“แค่คิดว่าคืนนี้คู่แมวรัตติกาลจะตาย ฉันก็รู้สึกดิ่งแล้ว แต่ยังไงก็ต้องดูให้จบ” เสี่ยวหมิ่นส่งข้อความลงในแชต
“แม่ลี่ลี่บอกว่าคู่จิ้นจะมีฉากหวาน จบยังไงก็ช่าง ขอให้ได้ฟินก็พอ” หัวหน้าห้องแชตตอบกลับ
“เวยป๋อของจ่านหยางทำฉันใจไม่ดีเลย แถมเซียงเซียงยังโพสต์ว่าให้ส่งมีดไปขู่นักเขียนอีก”
“ต่อให้ตายทั้งคู่แต่แฮปปี้เอนดิ้งก็ไม่เป็นไร”
ตู้หยู่เลื่อนดูเวยป๋อและอ่านข้อความในวีแชตพร้อมกับกินขนมไปด้วย ผ่านไปสักพักละครก็เริ่มฉาย
เธอฉีกถุงขนมทุกชนิดออกพร้อมกันโดยไม่สนสายตาของผู้เป็นแม่ แล้วเริ่มกินด้วยความตื่นเต้น
คนที่เคยอ่านนิยายจะรู้ว่าตอนจบเฉินเมี่ยวต้องตายอย่างน่าอนาถ แต่ในละครกลับดูเหมือนนางเอกของเรื่อง แม้ว่านักเขียนจะไม่ได้เปลี่ยนบท แต่ก็แอบใส่ความหวานให้คู่จิ้นแมวรัตติกาล ทำให้คู่ตัวร้ายได้รับความสนใจมากกว่าคู่พระนาง ที่ต่างฝ่ายต่างก็มีครอบครัวอยู่แล้วแต่กลับมาเป็นชู้กัน
เจียงเยว่ตายด้วยคมมีดในมือหมิงอ๋องที่สะบั้นลงกลางลำคอในคราวเดียว ก่อนจะถูกนำศพไปทิ้งในสุสานไร้ญาติ บทของจ่านหยางค่อนข้างสมจริง เนื่องจากนักเขียนตั้งใจเปลี่ยนบุคลิกของตัวละคร แม้จะตายก็ไม่เสียโฉม ใบหน้าหล่อเหลาไร้สีโลหิตของเขาทำคนดูอาลัยอาวรณ์อย่างหนัก
ไม่ทันได้เสียใจนาน ละครก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็วราวกับติดจรวด
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นความไม่เที่ยงแท้ของชีวิต เฉินเมี่ยวคงคิดไม่ถึงว่าตระกูลเฉินจะล่มสลาย ความโปรดปรานของฮ่องเต้กลายเป็นคำสาปแช่งที่นำมาซึ่งการคร่าชีวิต ซ้ำยังถูกติดป้ายประจานหน้าจวน ทั้งหมดล้วนเกิดจากฝีมือของบุรุษที่นางรักหมดใจ
ภาพที่นักข่าวนำมาเผยแพร่คือภาพของเฉินเมี่ยวในชุดนักโทษ หลังจากที่ถูกจำคุก ถูกซ้อม ถูกสาดน้ำสกปรกใส่ ถูกเหยียดหยามดูหมิ่น และถูกเหยียบย่ำด้วยการสังหารทุกคนในตระกูลเฉิน
นัยน์ตาของนางฉายแววเคียดแค้น ยิ่งรักมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเกลียดมากเท่านั้น เฉินเมี่ยวเป็นคนอารมณ์รุนแรง หากรักใครก็จะรักหมดใจ หากเกลียดใครก็จะต้องเอาคืนให้สาสมเช่นกัน
นางเหมือนไม่สะทกสะท้านที่ถูกรุมทำร้าย ต่างจากคนดูที่รู้สึกเหมือนถูกบีบคอจนหายใจไม่ออก
ตู้หมู่ถักเสื้อไหมพรมด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนตู้หยู่ก็จิ้มเฟรนช์ฟรายส์ในน้ำมันงาแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อย
บรรยากาศในห้องนั่งเล่นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เร้าใจ คล้ายเวลากำลังหยุดเดิน เนื่องจากสตรีรูปงามที่เป็นดั่งสัตว์ร้ายถูกจับขัง