ตู้หยู่คลั่งไคล้การอ่านนิยายมาก ทั้งยังชอบจับผิดงานการเขียนและบทละครโทรทัศน์อยู่เสมอ
“ฉันไม่สนใจหรอก ยังไงก็ดูที่หน้าตาอยู่ดี เฉียวอิ้งฉิงกับเหลียงจี้สุดแสนจะเพอร์เฟกต์ สมแล้วที่ได้เป็นพระเอกนางเอกของเรื่อง สำคัญคือมีซูเปอร์สตาร์อย่างจ่านหยางมาร่วมเล่นด้วย ต่อให้แสดงเป็นคนดูดส้วม ฉันก็จะรักเขา” เสี่ยวหมิ่นพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แววตาเพ้อฝัน
“เขียนข้อสอบเร็วเข้า จะได้กลับไปดูละครกัน” เสียงครูผู้สอนตะโกนสั่ง
พวกเธอทนเรียนจนจบชั่วโมง แล้วรีบวิ่งออกจากห้องพร้อมเพื่อนร่วมชั้นอีกหลายคน ราวกับระยะทางกลับบ้านในวันนี้สั้นกว่าปกติ
“เร็วเข้า อีกสิบนาทีจะออกอากาศแล้ว!”
“ทำไมรถเมล์ยังไม่มาอีกเนี่ย!”
“ซ้อนจักรยานฉันไปดีกว่า”
“ได้ๆ ช่องบานาน่าจะมีโฆษณาก่อนเข้าละคร สิบนาทีน่าจะยังทัน”
พอกลับถึงบ้าน ตู้หยู่พบว่าแม่ของเธอก็กำลังนั่งดูละครเหมือนกัน เพลงประกอบละครเพิ่งจะจบ ภาพของพระราชวังอันโอ่อ่าหรูหราพลันปรากฏขึ้นตรงหน้า ตู้หยู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเปลี่ยนรองเท้าแล้วกระโดดขึ้นนั่งบนโซฟา
“เกือบไม่ทันแล้ว”
“ละครจากนิยายที่ลูกชอบ เพิ่งจะเริ่มฉายเอง” ตู้หมู่ส่งยิ้มให้ลูกสาว
เรื่องราวดำเนินไปตามลำดับ แบบเดียวกับในหนังสือทุกอย่าง ตั้งแต่เริ่มเข้าวังตลอดจนความสัมพันธ์ของตัวละคร รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ ที่เผยให้เห็นบุคลิกของแต่ละคนด้วย
หลังพึงพอใจกับผลงานการสร้างแล้ว ตู้หยู่ก็เริ่มมองหานักแสดงที่ชื่นชอบ
“ว้ายยย จ่านหยางออกมาแล้ว!” ตู้หยู่กรีดร้องด้วยความดีใจ
ที่หน้าจอปรากฏภาพขององครักษ์ชุดดำ ใบหน้าราบเรียบ บุคลิกสง่างามน่าเกรงขาม ถึงจะเป็นแค่องครักษ์ แต่เขาก็สามารถหยุดสายตาของผู้ชมไว้ได้อยู่หมัด
“ใครกัน?” ตู้หยู่ขมวดคิ้วมองหญิงสาวหน้าตาสะสวย ที่ดูยังไงก็ไม่คุ้นตา
“สวยมากๆ เลย” ตู้หมู่เอ่ยปากชม “ดาราคนนี้ชื่ออะไรเหรอลูก?”
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” เธอตอบผู้เป็นแม่ “น่าจะเป็นนักแสดงใหม่ที่เล่นเป็นชายาของหมิงอ๋อง”
ที่น่าแปลกก็คือผู้หญิงคนนี้ได้เล่นคู่กับจ่านหยาง แถมยังดึงดูดสายตาของผู้ชมให้ละจากจ่านหยางไปมองเธอได้ด้วย
ตู้หยู่คือแฟนคลับที่คลั่งไคล้จ่านหยางแบบหัวปักหัวปำ เธอไม่เคยสนใจดาราที่เล่นคู่กับเขาเลย แต่ผู้หญิงคนนี้กลับมีเสน่ห์ ทั้งบุคลิกและฝีมือการแสดงที่ทำให้คนดูอยากดูต่อไปเรื่อยๆ
หากจะบอกว่าจ่านหยางสามารถแสดงบทบาทขององครักษ์ได้อย่างสมบูรณ์ ผู้หญิงคนนี้ก็สามารถแสดงบทบาทของนายหญิงผู้เหี้ยมโหดได้อย่างสมบูรณ์เช่นกัน
ฉากที่หมิงอ๋องทะเลาะกับพระชายา คนดูกลับหยุดสายตาที่เฉินเมี่ยวมากกว่า เพราะทุกคำพูดของนางคือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ กลายเป็นชายารองที่ถูกสาปแช่งว่าเป็นเมียน้อยจอมวางแผนแทน
ตอนที่สองจบลงด้วยฉากที่หมิงอ๋องและพระชายามีปากเสียงกัน กระทั่งเพลงประกอบละครดังขึ้น ตู้หยู่จึงรู้ตัวว่าเธอจดจ่ออยู่แต่กับตัวละครเฉินเมี่ยว ทั้งๆ ที่เหลียงจี้เป็นถึงพระเอกของเรื่อง
ว่าแต่ผู้หญิงที่เล่นเป็นพระชายาคือใครกัน? ดาราหน้าใหม่หรือนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบจากวิทยาลัยภาพยนตร์
ตู้หยู่เปิดโทรศัพท์เพื่อหาอ่านเกี่ยวกับละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนในเวยป๋อ
ท่ามกลางประเด็นสนทนา มีโพสต์หนึ่งที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามด้วยการติดแฮชแท็ก #ชายาของหมิงอ๋อง
“หือ อินกันถึงขนาดนี้เลย แล้วคู่พระนางล่ะ?”
ทุกคนต่างถามถึงนักแสดงที่เล่นเป็นชายาของหมิงอ๋อง หลังหาประวัติของเธอในไป่ตู้* ไม่เจอ
เพียงชั่วข้ามคืน เรตติ้งละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนก็ขึ้นสู่อันดับหนึ่งตามความคาดหมาย
แม้จะมีฉากที่งดงาม การแต่งกายที่พิถีพิถัน ใช้เงินประชาสัมพันธ์ทางอ้อมก้อนใหญ่ เชิญซูเปอร์สตาร์ระดับประเทศมาร่วมเล่นด้วย แต่ตอนที่หนึ่งและสอง ช่วงแนะนำแค่ความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องคล้ายหน้าปกของหนังสือ กลับถูกม้ามืดตัวหนึ่งมากลบกระแสทุกอย่าง
กู้เซียงถูกพูดถึงยิ่งกว่าเจี่ยงลี่ลี่ที่กลับเข้าวงการอีกครั้ง กลบกระแสเว่ยคุนที่เป็นมือวางอันดับหนึ่งในบทฮ่องเต้ กลบกระแสดาราสาวผู้โด่งดังในวงการอย่างเฉียวอิ้งฉิง กลบกระแสดาราชายผู้โดดเด่นในวงการอย่างเหลียงจี้ และอีกมากมายยกเว้นจ่านหยาง
นักแสดงผู้รับบทเป็นชายาของหมิงอ๋อง อาศัยความเป็นตัวร้ายนำพาตัวเองให้ถูกพูดถึงไปทั่วทั้งเวยป๋อ แต่กลับเป็นนักแสดงที่ไม่เคยมีประวัติในไป่ตู้ กระทั่งมีโพสต์หนึ่งปรากฏขึ้นในเวยป๋อ
ชื่อผู้ใช้คือกู้เซียง รูปแรกที่เธอโพสต์คือรูปในชุดจีนโบราณ เอนกายอยู่บนตั่งอย่างสตรีสูงศักดิ์ มือข้างหนึ่งเท้าคาง สายตาเยียบเย็นไร้ความปรานี บิดมุมปากเป็นรอยยิ้มเยือกเย็น
ภาพถัดมาคือภาพตอนไม่แต่งหน้า ไม่มีคอนแทคเลนส์และขนตาปลอม ผิวพรรณผ่องใส มองเผินๆ คล้ายเด็กมัธยมปลาย ผมยาวถูกรวบสูงแล้วปล่อยหางม้าลงมา สวมชุดออกกำลังกายตัวโคร่ง ยิ้มให้กล้องอย่างใสซื่อบริสุทธิ์
“รอดูแล้วกัน ว่าข้าจะจัดการอย่างไร!”
ตอนแรกเวยป๋อของเธอมีคนติดตามค่อนข้างน้อย กระทั่งเวยป๋อของบริษัทหัวเซินแชร์โพสต์นี้ออกไป ตามด้วยการแชร์ของเจี่ยงลี่ลี่ที่จั่วหัวไว้ว่า “มาให้ข้ากอดที”
แวบแรกบรรดาแฟนคลับคิดว่าเธอจะรับสนมเพิ่ม แต่หลังจากพิจารณาอีกรอบ จึงรู้ว่าคนในภาพคือพระชายาที่กำลังโด่งดังอยู่ในเวยป๋อ
“ให้ตายเถอะ นี่มันดาราหน้าใหม่ที่เพิ่งมีเรื่องกับเฉินซีไปนี่?”
“เด็กใหม่ เจ๋งขนาดนี้เลยเหรอ?”
จู่ๆ จ่านหยางก็แชร์โพสต์นี้และใส่ข้อความที่ทำให้เวยป๋อแทบระเบิด
“ขอรับพระชายา ได้ขอรับ… พระชายา”
ซูเปอร์สตาร์จ่านแชร์โพสต์ของดาราหน้าใหม่ แถมยังพูดหยอกล้ออย่างสนิทสนมอีกด้วย
การที่เจี่ยงลี่ลี่แชร์โพสต์ของกู้เซียง ทำให้มีแฟนละครจำนวนหนึ่งมากดติดตามเธอ และหลังจากที่จ่านหยางแชร์โพสต์ซ้ำ ก็มีแฟนคลับของเขามากดติดตามเธอแทบทุกนาที กระทั่งตัวเลขแตะหนึ่งแสนคนอย่างรวดเร็ว
เวยป๋อของจ่านหยางสะสมแฟนคลับนานกว่าครึ่งปี ปกติเขาจะแชร์แค่โพสต์ประชาสัมพันธ์ ไม่เคยโพสต์เรื่องส่วนตัว ทั้งที่ร่วมงานกับนักแสดงจำนวนไม่น้อย แต่ไม่เคยสนิทสนมกับใครขนาดนี้
การที่จ่านหยางช่วยแชร์โพสต์ของเธอด้วยความหวังดี ทำให้กู้เซียงประหยัดเงินจ้างหน้าม้าไม่น้อย ส่วนหน้าตา บุคลิก และฝีมือการแสดงถือเป็นปัจจัยเสริม เพราะในวงการบันเทิง ถ้าทั้งแสดงดี หน้าตาดี และนิสัยดี ไม่เคยมีข่าวเสียหาย จะไม่ดังได้ยังไง
เพียงสองวัน เวยป๋อของกู้เซียงก็มีผู้ติดตามถึงหนึ่งล้านคน
“ดังใหญ่แล้วนะ แนะนำให้ซ้อมสุนทรพจน์ตอนขึ้นรับรางวัลไว้แต่เนิ่นๆ เลย” เหวินจิ้งกระซิบบอกตอนเอาเอกสารมาให้เซ็น
กู้เซียงวางโทรศัพท์แล้วถามขึ้นว่า “จ่ายค่าโฆษณาหรือยัง?”
ชาติที่แล้วเธออยู่ในวงการภาพยนตร์ เห็นดาราหลายคนขึ้นลงตามกระแสด้วยฝีมือของหน้าม้า แต่ไม่เคยคิดจะใช้วิธีนี้กับตัวเอง เพราะไม่คิดว่าหน้าม้ากลุ่มเล็กๆ จะสามารถสร้างกระแสเป็นวงกว้างได้
หน้าม้าเป็นเพียงผู้สร้างกระแสให้คนมาสนใจ แต่จะเป็นกระแสได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับฝีมือการแสดงด้วย โชคดีที่ผลงานของเธอมีคุณภาพน่าชื่นชม แถมยังมีดาราดังถึงสองคนช่วยโปรโมทอีก
ซูเปอร์สตาร์เบอร์ใหญ่ระดับประเทศอย่างจ่านหยาง เพียงแค่แชร์รูปสินค้าก็ได้เงินหลักล้านแล้ว แต่กลับมาช่วยแชร์โพสต์ให้กู้เซียงโดยไม่หวังผลตอบแทน
“จ่านหยางนิสัยดีจังเลยเนอะ” เหวินจิ้งพูดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย “เธอเป็นคนแรกที่เขาสมาคมด้วย เอ๊ะ… หรือว่าคิดจะสร้างกระแสด้วยการเป็นกิ๊กกับเธอ! แต่เขาดังขนาดนั้น จะสร้างกระแสไปทำไม? เพราะคนที่ได้ประโยชน์คือพวกเราต่างหาก”
กู้เซียงเพียงแต่ยิ้มแล้วก้มดูโทรศัพท์ต่อ
ผู้คนในเวยป๋อเอาแต่ถกกันเรื่องละครฉีโฮ่วจ้วนและแฮชแท็กเฉินเมี่ยว ตามด้วยบทวิจารณ์ละครในแง่มุมต่างๆ
ผู้เขียนวิเคราะห์บุคลิกของตัวละครแต่ละตัว ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่จะกล่าวถึงความสัมพันธ์ของตัวละคร โดยเฉพาะตัวร้ายอย่างเฉินเมี่ยว
เขาวิจารณ์บุคลิกและนิสัยของตัวละครตัวนี้จากแง่มุมต่างๆ บอกด้วยว่าเนื้อหาในละครต่างจากนิยายตรงที่ไม่เน้นความโหดร้ายของเฉินเมี่ยว แต่เผยให้เห็นมุมที่นางต้องทุกข์ทรมานใจจากการถูกสามีละเลย รวมถึงชื่นชมฝีมือการแสดงของกู้เซียงว่าไม่เหมือนดาราหน้าใหม่ทั่วไป พูดถึงพระเอกที่กลายเป็นตัวประกอบจำเป็น และตั้งคำถามว่าเหลียงจี้ฝีมือตกหรือไม่ เพราะขนาดยังไม่เข้าฉากกับจ่านหยาง ก็ยังถูกแย่งซีนได้ขนาดนี้
บทวิจารณ์นี้ถูกแชร์อย่างคึกคัก แฟนคลับของเหลียงจี้และเฉียวอิ้งฉิงเริ่มตอบโต้คนที่เห็นต่างอย่างดุเดือด จนกลายเป็นประเด็นถกเถียงที่หนักขึ้นเรื่อยๆ
มีคนนำรูปของกู้เซียงที่ถ่ายในชีวิตประจำวันมาโพสต์แล้วชื่นชมความน่ารักสดใส แถมยังบอกด้วยว่าเธอเหมาะกับบทจูชิงฮวนมากกว่าเฉียวอิ้งฉิง
หลังจากละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนตอนที่หนึ่งและสองถูกเผยแพร่ ประเด็นร้อนที่พูดถึงกันในโลกอินเทอร์เน็ตก็คือเรื่องของกู้เซียง ภาพลักษณ์ของเธอเป็นไปในทิศทางที่ดี ตั้งแต่ที่จ่านหยางช่วยแชร์โพสต์ ก็ทำให้เธอมีแฟนคลับที่คลั่งไคล้เป็นกลุ่มแรก
ข่าวนี้ทำเฉียวอิ้งฉิงโกรธจัด เมาส์ในมือถูกบีบจนข้อนิ้วซีดเผือด แววตาเต็มไปด้วยความริษยา
