ทันใดนั้น เหล่าคณะกรรมการต่างก็เงียบลงในทันที
พวกเขาไม่คิดว่าคุณชายอู๋ซวงจะพูดแทนหญิงไร้ค่าคนนั้นอย่างน่าแปลกใจเช่นนี้ หลังจากนั้น เหล่าคณะกรรมการแต่ละคนก็หันไปมองจิ่งอู๋ซวงด้วยความประหลาดใจอย่างอดไม่ได้
แต่ว่าดวงตาคู่นั้นกลับยังคงไร้ซึ่งอารมณ์ และไม่มีการสั่นไหวใดๆ เลยแม้แต่น้อย
บางทีคุณชายอู๋ซวงอาจจะเป็นคนจิตใจดี ดังนั้นจึงไม่ต้องการที่จะตัดโอกาสใครง่ายๆ ก็ได้ ใช่ไหมเล่า
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อคุณชายอู๋ซวงพูดเช่นนั้นออกมาแล้ว พวกเขาก็จะรอดูกันต่อไป
ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ยังคงรู้สึกว่าผลสรุปของการแข่งขันนั้นออกมาแล้วว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยไม่มีทางจะชนะได้
บางที นางอาจจะโชคดีและหยิบอาวุธได้สักชิ้นก็เท่านั้น
แต่หากต้องการเลือกอาวุธที่คุณชายอู๋ซวงเป็นคนสร้างขึ้นมาท่ามกลางอาวุธจำนวนมากเหล่านั้น จะอาศัยโชคเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ
คณะกรรมการต่างก็มองดูจากระยะไกล และพวกเขาทุกคนล้วนมีความคิดเป็นของตนเองว่าจะเลือกชิ้นใด
การแข่งขันประลองเจ้ายุทธ์ในครั้งนี้ มีเพียงคุณชายอู๋ซวงเท่านั้นที่รู้คำตอบที่ถูกต้อง แม้แต่เหล่าคณะกรรมการเองก็ยังไม่รู้เลยว่าอาวุธชิ้นใดคืออาวุธที่แท้จริง
แต่เมื่อพิจารณาจากประสบการณ์ที่พวกเขามีมานานหลายปี อาวุธที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าจะมาจากฝีมือของคุณชายอู๋ซวง คือกระบี่หยกสองคมและคันธนูเต่าทมิฬพร้อมลูกธนูนั้น
ทุกคนต่างก็รู้จักนิสัยของคุณชายอู๋ซวงดี
มันอาจจะเกี่ยวข้องกับตัวตนของเขา สิ่งที่เขาสร้างขึ้นจึงมักจะดูสวยงามและประณีต
ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก อาวุธทั้งสองชิ้นนี้ก็สอดคล้องกับลักษณะความชอบของคุณชายอู๋ซวง
เห็นได้ชัดว่าเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ เด็กสาวอัจฉริยะคนนั้นใกล้จะหาคำตอบได้แล้ว
ทุกคนใกล้จะได้รู้แล้วว่านางจะเลือกอาวุธชิ้นใดกันแน่
หากเปรียบเทียบกับคันธนูเต่าทมิฬพร้อมลูกธนูแล้ว กระบี่หยกสองคมนั้นดูน่าประทับใจมากกว่า โดยเฉพาะด้ามกระบี่ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างวิจิตรบรรจง และมีสีของอัญมณีชนิดหนึ่งอยู่จางๆ
ขณะที่เหล่าคณะกรรมรรมกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่นั้น เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก็ได้หยิบอาวุธชิ้นหนึ่งขึ้นมาแล้ว
มันคือกระบี่หยกสองคมนั่นเอง
ทุกคนต่างก็ฮือฮาและทำท่าราวกับว่าเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เป็นฝ่ายชนะแล้ว
ไม่ว่าอย่างไร อาวุธที่นางเลือกนั้นก็เป็นชิ้นที่ดีมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นฝีมือ หรือการตอบสนองต่อพลังปราณต่างก็จัดว่าอยู่ในระดับดีเลิศ แม้แต่เฮยเจ๋อก็ยังมีสีหน้าผิดหวัง เฮ่อเหลียนเวยเวยลงมือช้าเกินไป และครั้งนี้ นางอาจเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แล้ว
ในขณะที่เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์หยิบกระบี่หยกสองคมขึ้นมา เฮ่อเหลียนเวยเวยเพิ่งจะหยิบอาวุธชิ้นแรกขึ้นมาตรวจสอบดูเท่านั้น
เมื่อเห็นเช่นนั้น เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก็เย้ยหยัน และมองอีกฝ่ายอย่างผู้กุมชัยชนะ ก่อนจะกลับไปนั่งที่ตำแหน่งของตนเอง
ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่ก็เลือกดูอาวุธที่เหลืออยู่จนเสร็จกันเกือบทุกคนแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่เร็วเท่ากับเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาอุ่นใจคือ อย่างน้อยๆ ก็ยังมีเฮ่อเหลียนเวยเวยที่อยู่รั้งท้าย ดังนั้น แม้ว่าบางคนจะไม่ได้รู้จักอาวุธเป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็ไม่ได้กังวลนัก
พวกเขาพึงพอใจอย่างมาก แม้แต่ตอนที่เดินผ่านเฮ่อเหลียนเวยเวย ดวงตาของพวกเขาก็ยังเต็มไปด้วยความยินดีที่เห็นใครบางคนโชคร้าย
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยนั้นไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ขณะเดียวกัน นิ้วเรียวยาวของนางก็ออกแรง… กระแทกสองครั้ง
อาวุธชิ้นแรกได้รับการตรวจสอบแล้ว
ตึง ตึง ตึง
อาวุธชิ้นที่สองได้รับการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว
นางใช้ความเร็วอย่างมาก ในขณะที่ใช้นิ้วเรียวยาวของนางดันออกและปิด มันดูไร้ระเบียบ แต่ก็เป็นขั้นเป็นตอนอย่างมาก การเคลื่อนไหวของนางนั้น ราวกับว่าได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
ตั้งแต่ตอนที่นางหยิบอาวุธขึ้นมาและพลิกไปมาด้านข้าง ไปจนถึงตอนที่นางสะบัดใบมีดออกอย่างช่ำชอง ก่อนจะปิดใบมีดลงอีกครั้ง การเคลื่อนไหวตั้งแต่ต้นจนจบเหล่านั้นใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น
และในชั่วพริบตา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงในทันที
พวกเขารู้สึกอึ้งและไม่อยากเชื่อ จนปากของพวกเขาอ้าออกเป็นรูปตัว ‘O’ ขนาดใหญ่
เมื่อพวกเขาได้สติกลับคืนมา เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ได้เริ่มตรวจสอบอาวุธเป็นชิ้นที่สิบแล้ว
นางเอนตัวไปด้านข้าง และพิงศีรษะของตนเองกับอาวุธชิ้นนั้นอย่างคล่องแคล่วและงดงาม
“เกิดอะไรขึ้นกับนังผู้หญิงไร้ค่าคนนั้น นางฉีดเลือดไก่ [1] มาหรืออย่างไรกัน”
“นางตรวจดูพวกมันเร็วขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ข้ายังต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะมองดูอาวุธเพียงไม่กี่ชิ้นที่อยู่ตรงหน้าให้เสร็จ”
“พวกเจ้าดูท่าทางที่นางหยิบอาวุธพวกนั้นสิ ดูแตกต่างจากท่าทางของพวกเรายิ่งนัก”
แน่นอนว่าไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
ท่าทางที่สายลับมือหนึ่งจากศตวรรษที่ 21 ใช้ถืออาวุธนั้น จะเหมือนกับคนธรรมดาสามัญได้อย่างไรกันเล่า
สำหรับเฮ่อเหลียนเวยเวยแล้ว สิ่งแรกที่นางต้องทำหลังจากตื่นนอน ก็คือการจับปืนกลของตนเอง และถอดมันออก ก่อนจะประกอบมันใหม่อีกครั้งพร้อมกับแต่งตัวไปด้วย
ยังไม่ต้องพูดถึงตอนที่นางออกไปปฏิบัติภารกิจ แม้ในขณะที่ต้องหลบหลีกลูกไฟที่กำลังยิงเข้ามา นางก็ยังต้องเปลี่ยนอาวุธที่พังไปพร้อมๆ กัน
นี่เป็นเพียงการตรวจสอบอาวุธจำนวนสิบกว่าชิ้นเท่านั้น แล้วนางจะใช้เวลาสักเท่าไหร่กันเชียว
เมื่อนางเบื่อจากการเรียน นางก็จะหยิบชิ้นส่วนของอาวุธออกมาเล่น พร้อมกับคอยหลบอาจารย์ไปพร้อมๆ กัน
ก่อนหน้านี้ นางได้ฝึกฝนทักษะตัวเองราวกับเพลิงไฟบริสุทธิ์ของช่างฝีมือ หากนางไม่สามารถจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้ แล้วนางจะเปิดร้านขายอาวุธและเป็นเจ้านายได้อย่างไร
ตึง!
เมื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยวางอาวุธชิ้นสุดท้ายลง
สายตาของคนที่ทิ้งช่วงห่างจากนางในตอนแรกนั้นก็เปลี่ยนไป
พวกเขาไม่เคยเห็นใครที่ว่องไวขนาดนี้มาก่อน
เวลาผ่านไปนานสักเท่าไหร่กันเชียว แต่นางกลับตรวจสอบอาวุธทุกชิ้นเสร็จหมดแล้ว
นางได้ใช้ตามองดูพวกมันบ้างหรือเปล่า
นางเพียงแค่ขยับมือไปมาสองสามครั้งเท่านั้นไม่ใช่หรือ
นั่นถือว่าเป็นการตรวจสอบแล้วเช่นนั้นหรือ
เหล่าผู้เข้าแข่งขันหยุดชะงักอย่างอดไม่ได้ และมองไปทางเฮ่อเหลียนเวยเวยที่กำลังจะหยุดการเคลื่อนไหวของตนเองลง
นอกจากบรรดาผู้เข้าแข่งขันที่กำลังตกตะลึงแล้ว เหล่าเจ้ายุทธ์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ผู้ตัดสินก็เช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นคนตรวจสอบอาวุธด้วยวิธีนี้
อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบว่าอาวุธจะดีหรือไม่ ต้องพิจารณาดูจากหลายๆ อย่างก่อนถึงจะตัดสินใจได้
แต่สิ่งที่เฮ่อเหลียนเวยเวยทำนั้น ช่างเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากจริงๆ
“คุณชาย ดูนั่นสิ…” ท่ามกลางคณะกรรมการเหล่านั้น มีคนๆ หนึ่งหันหน้าไปมองทางจิ่งอู๋ซวง
น้ำชาในถ้วยที่จิ่งอู๋ซวงถืออยู่นั้นเกิดเป็นรอยคลื่นสั่นไหว ขณะเดียวกัน เขาก็พูดคำสองคำออกมาอย่างนุ่มนวลราวกับสายน้ำ “เร็วมาก”
“เร็วมากจริงๆ” มีใครบางคนพูดแทรกบทสนทนานั้น “แต่วิธีที่นางตรวจสอบอาวุธนั้นสามารถเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย เร็วเกินไปก็ไม่จำเป็นว่าจะดีเสมอไป นอกจากนี้ บ่อยครั้งที่คนเรามักจะพลาดรายละเอียดต่างๆ ไปมากมาย”
หยวนหมิงเองก็รู้ถึงข้อนี้เช่นกัน เขาเลิกคิ้วขึ้นและพูดว่า “แม่นาง บางทีเจ้าควรจะตรวจสอบมันอีกครั้งก่อนตัดสินใจ”
“ไม่จำเป็น” เฮ่อเหลียนเวยเวยหมุนนิ้วมือก่อนจะหยิบอาวุธชิ้นหนึ่งขึ้นมาจากบนโต๊ะ “มันคือชิ้นนี้”
ทุกคนต่างหันไปมองตามเสียงของหญิงสาว และหลังจากที่เห็นอาวุธในมือของนาง ก็เกิดเสียงโห่ร้องดังขึ้นไปทั่ว
เมื่อสักครู่นี้ พวกเขาเพิ่งเห็นการเคลื่อนไหวอันงดงามของนาง และคิดไปว่านางจะเลือกอาวุธที่โดดเด่นสักชิ้นหนึ่งขึ้นมา
อย่างน้อยที่สุดก็ควรจะเป็นคันธนูเต่าทมิฬพร้อมลูกธนู ที่เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ไม่ต้องการ
พวกเขาไม่คิดเลยว่านางจะเลือกร่มเคลือบสีดำคันนี้ แม้แต่ด้ามจับของร่มนั้นยังไม่ได้มีสีเงินหรือทองเลยด้วยซ้ำ มันเป็นเพียงสีดำธรรมดาทั่วไป และเมื่อมองดูจากระยะไกลแล้ว ยังรับรู้ได้ถึงความเสื่อมโทรมและเก่าของมัน
อันดับแรก ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกของอาวุธชิ้นนี้ก็ดูด้อยค่าอย่างมากแล้ว มันไม่ได้มีลักษณะของการเป็นอาวุธชั้นเลิศเลยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ อีกหนึ่งข้อที่จะทำให้อาวุธเป็นอาวุธที่ดีได้นั้น คือพลังโจมตีของมันด้วย
แล้วร่มคันหนึ่งน่ะหรือ
เหอะ! นางคิดว่าพวกเขากำลังมองหาของใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อกันฝนเช่นนั้นหรือ
เสียงหัวเราะฮือฮาจากผู้ชมด้านล่างเวทีดังสนั่น บรรยากาศของความเย้ยหยันนั้นคุกรุ่นรุนแรงอย่างมาก “นี่คือคำตอบที่คุณหนูเฮ่อเหลียนเลือกมาอย่างยากลำบาก ดังนั้น นางพิจารณาจากการใช้งานได้จริง จะว่าไป สีของร่มคันนั้นก็เข้ากับสีใบหน้าของคุณหนูเฮ่อเหลียนดีไม่ใช่หรือ มันเป็นสีดำเหมือนกันหมด ฮ่าๆๆๆ”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เองก็เกือบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ แต่นางก็ยังไม่ลืมตัวว่าตนเองอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย ดังนั้น นางจึงกดมุมปากของตนเองให้ได้มากที่สุด และทำท่าทีราวกับกำลังเห็นอกเห็นใจ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ ท่านควรเลือกอาวุธชิ้นอื่นจะดีกว่า หากท่านเลือกร่มคันนี้ ท่าทางอันยอดเยี่ยมและมุ่งมั่นที่ท่านเพิ่งจะแสดงให้ทุกคนเห็นไป ก็คงจะสูญเปล่าแล้ว”
…………………………………………………………….
[1] ฉีดเลือดไก่ เป็นสำนวน หมายถึง คนที่มีอาการคึก ฮึกเหิม ตื่นเต้น