บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 4 ลงมือ

ตอนที่ 4 ลงมือ

ภายในกระโจมแม่ทัพวางเตาอั้งโล่เอาไว้ เทียนถูกจุดไฟส่องแสงสว่างขึ้นมาความอบอุ่นอบอวลอยู่ภายใน 

หลี่เหลียงมีความละเอียดอ่อนเหมือนเฉินตันเหยียน เขาเตรียมน้ำขิงเอาไว้เบ็ดเสร็จ อีกทั้งยังมีสาวรับใช้สำหรับติดตามสองคนและอีกหนึ่งคนสำหรับทำความสะอาด…ล้วนยืมตัวมาจากตระกูลร่ำรวยในเมือง 

เฉินตันจูอายน้ำและเปลี่ยนชุดสะอาดภายใต้การปรนนิบัติของสาวรับใช้ เสื้อผ้าก็ล้วนนำมาจากตระกูลร่ำรวยในเมืองเช่นเดียวกัน 

หลี่เหลียงไม่ได้ช่วยเช็ดผมให้นางถึงแม้ตอนนางยังเด็กหลี่เหลียงจะเคยทำ หลี่เหลียงและเฉินตันเหยียนแต่งงานกันอายุสิบแปด ตอนนั้นเฉินตันจูอายุแปดปี นางเคยชินกับการนอนกับพี่สาวหลังจากเฉินตันเหยียนแต่งงาน นางก็เคยร้องขอจะมาอยู่ด้วย หลังจากนั้นหนึ่งปีถึงได้เคยชินกับการไม่มีพี่สาว 

หลี่เหลียงมักจะหัวเราะกับประสบการณ์การเป็นพ่อล่วงหน้า 

“อาจูโตขนาดนี้แล้ว” หลี่เหลียงนั่งอยู่ด้านข้าง มองดูเหล่าสาวรับใช้เป่าผมให้เฉินตันจู “เดินทางมาไกลเพียงนี้ด้วยตัวคนเดียวได้” 

เฉินตันจูน้ำขิงขึ้นดื่มจนหมด ก่อนจะพูดกับสาวรับใช้ “ต้มยาที่ข้านำมาด้วย” 

เมื่อครู่ไต้ฟูในค่ายมาตรวจดูแล้ว เฉินตันจูมิได้ป่วยแต่อย่างใด เพียงแต่เดินทางท่ามกลางลมฝนทำให้ร่างกายอ่อนเพลียอย่างมาก ยาจะกินหรือไม่ก็ได้ สิ่งสำคัญคือการพักผ่อน 

เฉินตันจูไม่ชอบกินยา แต่ครานี้เลือกที่จะไปหาหมอกินยาเอง เห็นได้ชัดว่าร่างกายไม่สบายอย่างมากจริงๆ หลี่เหลียงพยักหน้าต่อสาวรับใช้ 

สาวรับใช้หยิบห่อยาที่เฉินตันจูวางไว้ด้านข้างขึ้นมา…ก่อนที่เฉินตันจูจะเดินออกจากสำนักแพทย์ นางอาศัยช่วงจังหวะที่ไต้ฟูเหม่อลอยนั่น นำยาทั้งหมดปะปนเข้าด้วยกัน 

“ยานี้เจ้าแยกออกจากกัน” เฉินตันจูเรียกสาวใช้ “ยานี้ต้มครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือนำมาเป็นจุดไฟ ทำให้นอนหลับดี” 

เฉินตันจูมีความคิดของตนเองอย่างมาก หลี่เหลียงยิ้มก่อนจะพยักหน้าต่อเหล่าสาวใช้ สาวใช้ทั้งสองเปิดเตาทองแดงสำหรับเป่าผมออกแบ่งยาครึ่งหนึ่งลงไปเตาถ่านส่งกลิ่นเผาไหม้ดังขึ้น ควันลอยออกมาจากในเตา กลิ่นหอมกระจายออกมาแต่ไม่ทำให้แสบจมูก 

“คุณหนูวางเท่านี้พอหรือไม่เจ้าคะ” พวกนางถาม 

เฉินตันจูตอบรับ สาวรับใช้ปูเตียงให้เรียบร้อย ที่นอนของหลี่เหลียงใช้เป็นประจำถูกขนย้ายออก ตอนนี้มีเพียงเตียงหลัวฮั่น[1]และฉากกั้น สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งมาจากตระกูลร่ำรวยในตัวเมือง พวกนางเชี่ยวชาญในการดูแลแม่นางอย่างมาก 

เตียงเล็ก ฉากกั้น เตาหอม แม่นางผมยาวสยายที่นั่งอยู่บนพื้นพรม ทำให้กระโจมทหารที่เย็นยะเยือกแปรเปลี่ยนเป็นดั่งฤดูใบไม้ผลิ 

สาวรับใช้นำยาลงไปต้ม ภายในกระโจมเหลือเพียงคนทั้งสอง 

“ไต้ฟูบอกว่าเจ้าต้องกินอาหารรสจืด” หลี่เหลียงชี้ไปยังข้าวต้มที่วางอยู่บนโต๊ะ “ข้ารู้ว่าเจ้าชอบกินเนื้อ ดังนั้นข้าจึงสั่งให้ใส่เนื้อลงไปเล็กน้อย” 

เฉินตันจูตอบรับ ก่อนจะหยิบช้อนเล็กขึ้นมาตักกินอย่างช้าๆ 

“อาจู” หลี่เหลียงเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เรื่องของตันหยางทุกคนล้วนเสียใจ ท่านพ่อเจ็บยิ่งกว่า เจ้าเห็นใจท่านพ่อบ้าง อย่าดื้อรั้นกับท่าน” 

เฉินตันจูมองเขาทีหนึ่ง “ท่านพี่เขียนอยู่จดหมาย?” 

หลี่เหลียงพูด “ข้าเป็นห่วงจึงถามกับพี่สาวของเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าอยากแก้แค้นให้พี่ชาย ข้าเชื่อว่าถึงแม้อาจูจะเป็นหญิง แต่ก็สามารถออกรบกำจัดศัตรูได้ เพียงแต่ตอนนี้ในจวนต้องมีคนอยู่ หากเจ้าดูแลท่านพ่อได้ คงไม่แพ้ให้กับการฆ่าศัตรูนับร้อย” 

เฉินตันจูมองเขาทั้งอยากหัวเราะและอยากร้องไห้ พี่สาวเป็นเหมือนแม่ หลี่เหลียงเป็นเหมือนพ่อ อีกทั้งยังเป็นพ่อที่มีความเมตตา ตอนเด็กนางรู้สึกว่าหลี่เหลียงเป็นคนที่เข้าใจตนเองที่สุด ดีเสียยิ่งกว่าพี่สาวเสียอีก เพราะพี่สาวมัวแต่บ่นตนเอง 

ผู้ใดจะคิดว่าหลี่เหลียงจะมีจิตใจที่โหดเหี้ยมเพียงนี้ นอกจากตัวเองยอมจำนนต่อนายใหม่ แต่ก็ไม่ควรเสียสละชีวิตของตระกูลตนเอง โดยเฉพาะพี่สาว… 

นางก้มหน้าหัวเราะ ไม่อยากจะฟังคำพูดที่ไร้ความหายเหล่านี้อีก นางเอ่ยเรียกอีกฝ่าย “ท่านพี่ตั้งครรภ์แล้ว” 

หลี่เหลียงผงะ ก่อนจะยืนขึ้นอย่างเหลือเชื่อ “จริงหรือ?” 

เฉินตันจูพยักหน้าต่อเขา “เป็นเรื่องจริง สามเดือนแล้ว ก่อนที่พี่เขยจะเดินทางนางก็ตั้งครรภ์แล้ว” 

หลี่เหลียงหัวเราะเสียงดัง เดินไปเดินมาอยู่ภายในกระโจมดีใจเสียจนพูดไม่ออก ทำได้เพียงพูดว่าดีเสียจริงเขาไม่เคยคิดมาก่อน 

สายตาของเฉินตันจูมองตามเขา มองดูภายนอกที่แสดงท่าทางดีใจ แต่ภายในดวงตากลับเงียบสงบ ไม่มีความตื่นเต้นสมกับที่รอคอยการมีบุตร 

นางก้มหน้ามองควันที่ลอยขึ้นมาของยาในเตา 

หลี่เหลียงหยุดฝีเท้าลงมองเฉินตันจู “ดังนั้นพี่สาวเจ้าให้เจ้ามาบอกข่าวดีนี้กับข้า?” 

เฉินตันจูกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเสียงของสาวรับใช้ที่อยู่ด้านนอกบอกว่ายาเสร็จแล้ว หลี่เหลียงให้นางเข้ามาบทสนทนาถูกขัดไป 

เฉินตันจูถือชามยาขึ้นดื่มทีละคำก่อนจะหาวออกมา “พี่เขย ข้าเหนื่อยแล้ว” 

หลี่เหลียงพูด “ได้ เจ้ารีบนอนเถิดหลับให้สบาย” ในขณะที่เขากำลังจะหันหลังเดินจากไป ก็ถูกเฉินตันจูเรียกเอาไว้ 

“พี่เขย” เฉินตันจูพูด นางมองไปรอบด้าน “ข้ากลัวนอนคนเดียวในนี้ ท่านอยู่เฝ้าข้านอนที่นี่เถิด” 

หลี่เหลียงหัวเราะออกมา ถึงแม้เฉินตันจูจะใจกล้าแต่โตมาถึงตอนนี้เพิ่งออกจากบ้านเป็นครั้งแรก 

“ได้” เขาพูด “พอดีข้ายังมีเรื่องกองทัพต้องจัดการ ข้าจะนั่งจัดการเรื่องเหล่านี้ที่นี่ อยู่เป็นเพื่อนเจ้า” 

เฉินตันจูพยักหน้าเผยยิ้มออกมา 

สาวรับใช้ปรนนิบัติเฉินตันจูให้นอนลงก่อนจะถอยออกไป หลี่เหลียงกำชับให้เหล่าทหารอย่าส่งเสียงดังรบกวนคุณหนูรองก่อนจะหันไปมองเด็กหญิงที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเล็กด้านหลังฉากกั้น เวลานี้มีเสียงกรนแผ่วเบาดังขึ้น…เฉินตันจูเหน็ดเหนื่อยอย่างมากจริงๆ เขาหัวเราะ ก่อนจะบอกให้ทหารคนสนิทถอยออกไป ภายในกระโจมเงียบลง 

หลี่เหลียงดับไฟทางนี้เดินกลับไปนั่งลงบริเวณโต๊ะ เขาพลิกดูแผนที่คิ้วขมวดมุ่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว 

เหตุใดเฉินตันจูเดินทางมาหรือเฉินตันเหยียนให้นางมา? หากตั้งครรภ์จริง เฉินตันเหยียนอยากมีบุตรมาก นางต้องรีบเดินทางมาอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่แน่… 

หลี่เหลียงรู้สึกว่าระหว่างบุตรและตนเอง เฉินตันเหยียนคงจะให้ความสำคัญกับตนเองมากกว่าแต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เฉินตันเหยียนโน้มน้าวเฉินตันจูสำเร็จ เพื่อแก้แค้นให้พี่ชาย นางจึงดื้อรั้นที่จะเดินทางมา มอบหมายเรื่องนี้ให้นางทำก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ 

เฉินตันจูโน้มน้าวได้ง่ายเรื่องการขโมยตราประทับของบิดา เด็กทำได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่มาก เพราะยิ่งอายุน้อยยิ่งไม่รู้หนักเบาแต่เหตุใดนางจึงไม่พูด เพราะนางเหน็ดเหนื่อยอย่างมากหรือมีแผนการอย่างอื่น สิ่งนั้นอยู่ที่ใด…หลี่เหลียงมองไปยังฉากกั้น หรือว่าจะลองค้นตัวนาง? 

ช่างเถิด…ประเดี๋ยวจะทำให้นางตื่น 

ไม่รีบ รอนางตื่นขึ้นมาก่อนย่อมได้ 

หลี่เหลียงสูดลมหายใจเข้าเพื่อสงบอารมณ์ของตนเอง แต่บริเวณหน้าอกเจ็บแปลบจนเกือบจะอาเจียนออกมาเขากุมหน้าอกแน่น เกิดอันเหตุใดขึ้นเขาลองสูดลมหายใจเข้าอย่างช้าๆ อีกครั้ง ทุกอย่างกลับสู่ปกติ 

หลี่เหลียงหัวเราะเยาะตนเอง เฮ้อ…เขาเองก็เหน็ดเหนื่อยมากเช่นเดียวกัน เขาก้มมองแผนที่ ฝนตกติดต่อกันหลายวันแล้ว ทางขุนศึกโจวเตรียมการไว้เรียบร้อย ถึงแม้จะไม่มีตราอาญาสิทธิ์ก็สามารถปฏิบัติได้ หัวในของหลี่เหลียงร้อนลุ่มขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งเมืองอู๋จะตกเป็นหินรองเท้าให้กับความสำเร็จของเขา 

ภายในห้องเงียบสงัด มีเพียงเสียงเผาไหม้แผ่วเบาที่ดังออกมาจากในเตาหลอม กลิ่นหอมของยาอบอวลอยู่ภายใน 

หลี่เหลียงดูอย่างตั้งใจ แต่ตามกาลเวลาที่ไหลผ่านไป ศีรษะของเขาเริ่มตกลง ก่อนจะผงกขึ้นอีกครั้ง สายตาของเขาเหม่อลอยเล็กน้อย พยายามส่ายหน้าอย่างแรงเพื่อเรียกสติกลับมา แต่ผ่านไปไม่นานก็เริ่มคอตกลงไปอีกครั้ง ผ่านไปหลายต่อหลายครั้งศีรษะของเขาตกลงไปในที่สุด ครั้งนี้เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาอีกศีรษะของเขาก้มต่ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งกระทบเข้ากับโต๊ะเสียงดัง หมอบอยู่บนนั้นนิ่งสงัดไป 

เฉินตันจูที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงลืมตาขึ้น นางมองหลี่เหลียงที่หมอบอยู่บนโต๊ะผ่านฉากกั้น บนใบหน้าเผยรอบยิ้มออกมา นางใช้มือป้องปากกลั้นเสียงไอเอาไว้ก่อนจะนำมือลงฝ่ามือปรากฏรอยเลือด 

ยาทั้งสองผสมกันก่อให้เกิดสารพิษรุนแรงนางดื่มยาถอนพิษไปแล้วแต่ก็ยังกระอักเลือดออมา 

แต่ก็คุ้มค่าเฉินตันจูเช็ดเลือดบริเวณริมฝีปากออกหลี่เหลียงไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีก 

ชาติก่อนนางต้องรอกว่าสิบปีถึงจะฆ่าหลี่เหลียงได้ 

———————————————– 

[1]เตียงหลัวฮั่น เป็นเครื่องเรือนสมัยโบราณของจีน ใช้สำหรับนั่งรับแขกหรือนอนเล่น ลักษณะคล้ายตั่งขนาดใหญ่ แต่ไม่ใช้เป็นเตียงนอนในห้องนอน 

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท