ท่านอ๋องอู๋ไม่ใส่ใจต่อฮ่องเต้นัก
ตอนที่เขาสืบทอดตำแหน่งมา ภิกษุในวัดถิงอวิ๋นเคยบอกเขา เมืองอู๋เป็นพื้นที่แห่งพลังมังกรที่แท้จริง
หมายความว่าท่านอ๋องอู๋จะกลายเป็นฮ่องเต้…นี่คือลิขิตสวรรค์
อีกทั้งฮ่องเต้นับวันยิ่งทำสิ่งที่ขัดต่อความชอบธรรม บีบให้เหล่าท่านโหวและท่านอ๋องไม่อาจไม่เรียกร้องกำจัดขุนนางชั่วข้างตัวฮ่องเต้
ดังนั้นเขาไม่ต้องทำอันใดมาก เมื่อรอท่านโหวท่านอ๋ององค์อื่นสังหารฮ่องเต้ จากนั้นเขาออกมาสังหารเหล่าท่านโหวท่านอ๋องที่ก่อกบฏ จากนั้น…
ราชสำนักมีกำลังเพียงเท่าใด ยังเทียบเมืองศักดินาไม่ได้เสียด้วยซ้ำ…เขาไม่กลัวฮ่องเต้ หากฮ่องเต้มีความสามารถก็เหาะเหินข้ามมา
ฮ่องเต้เหาะเหินผ่านแม่น้ำ อีกทั้งเหาะเหินผ่านกองทัพนับแสนของเมืองอู๋มาจ่อมีดที่คอของเขาหรือ
แต่ตอนนี้เกิดอันใดขึ้น หญิงสาวคนนี้! ห่างจากเขาเพียงหนึ่งก้าว เพียงแค่ยื่นมือก็บีบคอของเขาได้… ท่านอ๋องอู๋ร้องเสียงดังพร้อมก้าวถอยหลัง
เฉินตันจูยื่นมือเกาะแขนของเขาเอาไว้ ร่ำไห้ออกมา “ท่านอ๋อง…อย่า…”
ขันทีที่อยู่นอกประตูได้ยินเสียงร้องของท่านอ๋องจึงชะโงกหน้าเข้ามาดู เมื่อเห็นฉากนี้จึงรีบหดหัวกลับไป อีกทั้งยังปิดประตูให้อีกด้วย…ท่านอ๋องชอบหญิงงาม ระยะนี้ข้างตัวไม่มีหญิงงามคนใหม่แม้แต่คนเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นคือคนที่อยู่ด้านในเป็นบุตรสาวคนที่สองของท่านมหาราชครูเฉิน มีวาสนากับท่านอ๋องมาก่อน
วาสนาก่อนก็คือบุตรสาวคนโตของท่านมหาราชครู
เฉินตันเหยียนเป็นหญิงงามที่โด่งดังในเมืองหลวง ตอนนั้นท่านอ๋องให้ท่านมหาราชครูส่งคุณหนูเฉินเข้าวัง แต่ท่านมหาราชครูกลับแต่งบุตรสาวให้ทหารในค่าย ท่านอ๋องเกือบจะโมโหจนขาดใจตาย
ต่อมาท่านอ๋องพบคุณหนูใหญ่เฉินในงานเลี้ยง ท่านอ๋องครุ่นคิดกลอุบายเพื่อลงมือ สุดท้ายถูกคุณหนูใหญ่เฉินตบหน้า อีกทั้งไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงอีก ตอนนั้นท่านอ๋องเคยคิดที่จะประหารตระกูลของท่านมหาราชครูเสีย…โชคดีที่ใต้เท้าถวายบุตรสาวด้วยตนเอง หญิงสาวคนนี้งดงามยิ่งกว่าคุณหนูใหญ่เฉินเสียอีก ท่านอ๋องจึงปล่อยเรื่องนี้ไป
แต่หญิงงามไม่ว่างามเพียงใดก็ย่อมดูเบื่อในสักวัน คุณหนูรองตระกูลเฉินโตแล้ว…
หญิงสาวอายุสิบห้ากำลังงดงาม
มือของหญิงสาวที่งดงามถือปิ่นปักผมแนบกับคอของท่านอ๋องอู๋ ก่อนจะพูดเสียงหวาน “ท่านอ๋อง ท่านอย่า…ร้อง”
ถึงแม้ท่านอ๋องอู๋จะเป็นชาย แต่เขาใช้ชีวิตด้วยความฟุ่มเฟือย หลงระเริงในสุรา ร่างกายอ่อนแอ เวลานี้ยังตื่นตระหนกอย่างมาก จึงไม่ได้สะบัดออก ทำได้เพียงถูกหญิงสาวตรงหน้าข่มขู่ “เจ้า เจ้าคิดลอบปลงพระชนม์!”
เฉินตันจูเงยหน้ามองท่านอ๋องอู๋ ปีนี้ท่านอ๋องอู๋อายุเพียงสี่สิบกว่า แต่ท่าทางแก่ชรากว่าอายุจริงสิบปี…
นางเคยพบท่านอ๋องอู๋หลายคราเมื่อยามเป็นเด็ก แต่ทุกครั้งล้วนห่างไกล พี่สาวไม่พานางนั่งด้านหน้า ถึงแม้พวกนางจะมีสิทธิ์นี้
นางเห็นท่านอ๋องอู๋อย่างชัดเจนที่สุดคือตอนอยู่หน้าพระราชวัง หลี่เหลียงหิ้วพระเศียรของเขา…
สายตาของนางจับจ้องไปยังปิ่นปักผมที่ตนเองถืออยู่ ปลงพระชนม์? นางเองก็อยาก ตั้งแต่เห็นร่างของท่านพ่อ เห็นจวนของตระกูลถูกเผา คนในตระกูลสูญสิ้น…
เสียดายที่ตอนนั้นท่านอ๋องอู๋ตายไปแล้ว นางคิดอยากจะเหยียดหยามร่างของเขา แต่ตัวนางเองก็ถูกคุมขัง ไม่มีโอกาสนั้น
สามชั่วโคตรของตระกูลเฉินมีเพียงความจงรักภักดีต่อท่านอ๋องอู๋ เมื่อได้ยินว่าตราอาญาสิทธิ์ถูก
หลี่เหลียงถือกลับเข้าเมือง ท่านอ๋องอู๋ไม่แม้แต่จะถามก็ประหารท่านพ่อที่ขอเข้าพบอยู่ด้านหน้าประตูราชวังไป
เหตุใดเขาจึงไม่คิด ไม่คิดว่าขาของท่านพ่อบาดเจ็บเพราะผู้ใด ไม่คิดว่าเฉินตันหยางตายที่ใด เฮอะ พี่ชายเฉินตันหยางถึงแม้จะถูกหลี่เหลียงยิงตาย แต่จางเจี้ยนจวินเป็นคนให้โอกาส จางเจี้ยนจวินเจตนาให้พี่ชายหลงเข้าไปในวงล้อมของศัตรู ไม่ช่วยเหลือก็เป็นเรื่องจริง แต่ฝ่าบาทไม่ยอมสืบถาม เมื่อได้ยินเพียง
จางเหม่ยเหรินร่ำไห้ก็บอกให้ท่านพ่อหยุดหาเรื่อง
การตายของพี่ชายแลกมากับคำว่าหาเรื่อง?
มือที่ถือปิ่นของเฉินตันจูสั่นเทา นางข่มความอาฆาตภายในใจไม่ได้ ความอาฆาตนี้นางข่มมาเกือบสิบปีแล้ว
หากตอนนั้นท่านอ๋องอู๋ไม่ประหารท่านพ่อ ท่านพ่อย่อมสามารถรักษาเมืองหลวงได้ ต่อมามีคนของท่านอ๋องอู๋วิ่งมาต่อว่านางที่อาราม…พวกเขาพบหลี่เหลียงไม่ได้ จึงทำได้เพียงมาหานาง หลี่เหลียงตั้งใจให้นางอยู่ในอารามดอกท้อ เพื่อให้คนอื่นสามารถพบนางตำหนินางระบายความโกรธแค้นกับนางได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังทำให้เขาค้นหาอำนาจที่หลงเหลือของท่านอ๋องอู๋ได้ง่าย…บอกว่าทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะหลี่เหลียง เพราะตระกูลของพวกเขา เมืองอู๋ถึงล่มสลาย เฮอะ หากให้นางพูด มันเป็นเพราะท่านอ๋องอู๋ ท่านอ๋องอู๋เป็นผู้หาหนทางตายเอง!
หลี่เหลียงเป็นศัตรูของนาง ท่านอ๋องอู๋ก็ใช่ นางสังหารหลี่เหลียงแล้ว ท่านอ๋องอู๋ก็อย่าคิดจะอยู่ดี!
เฉินตันจูสูดลมหายใจเข้า ข่มความอาฆาตในใจลง “ท่านอ๋อง ข้ามิใช่ ไม่กล้า”
ท่านอ๋องอู๋สัมผัสได้ถึงปิ่นบนคอ คิดจะตะโกน แต่ปิ่นนั้นยื่นเข้าใกล้อีก ทำให้เสียงของเขาต่ำลงทันที “เจ้าจะทำอันใด”
เฉินตันจูพูด “ข้าต้องการพูดเรื่องสำคัญ เกรงว่าท่านอ๋องจะเรียกคนอื่นเข้ามาขัด”
ท่านอ๋องอู๋เสียงสั่น “เจ้ารีบพูดเถิด” ภายในใจทั้งกลัวทั้งแค้น หลี่เหลียงกบฏอะไรกัน อันที่จริงแล้วคือตระกูลของท่านมหาราชครูกบฏ! เสียใจ เขาควรจะประหารตระกูลเฉินให้เร็ว! อืม สิบปีก่อนก็ควรทำแล้ว ไม่ยอมส่งบุตรสาวเข้าวัง แสดงว่ามีใจอื่นมานานแล้ว!
เฉินตันจูมองสายตาของท่านอ๋องอู๋ อยากจะสังหารท่านอ๋องอู๋ตอนนี้อีกครั้ง…เฮ้อ แต่หากทำเช่นนี้ ตนเองคงต้องถูกท่านพ่อประหารแน่ ท่านพ่อสนับสนุนบุตรของท่านอ๋องอู๋ เฝ้ารักษาเมืองอู๋ด้วยชีวิต เมื่อถึงเวลา หากเขื่อนยังคงถูกขุดออก คนที่ตายจะมีจำนวนมาก
ท่านอ๋องอู๋และขุนนางชั่วของเขาล้วนตายได้ แต่ราษฎรและทหารของเมืองอู๋ล้วนไม่สมควรตาย!
นางเอนกายพิงอยู่ในอ้อมกอดของท่านอ๋องอู๋ พูดเสียงเบา “ท่านอ๋อง ฝ่าบาทถามท่านอ๋องว่าอยากเป็นฮ่องเต้หรือ”
ท่านอ๋องอู๋สัมผัสถึงปิ่นบนคอ หากพูดความจริงคงถูกสังหารแน่ “ข้าไม่อยากเป็นฮ่องเต้ ข้าเป็นท่านอ๋องที่ฮ่องเต้สถาปนาจะเป็นฮ่องเต้ได้อย่างไร”
เฉินตันจูถามอีก “เหตุใดท่านอ๋องจึงส่งมือสังหารไปลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท สังหารโจวชิงยังไม่พอ ยังคิดจะลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท…”
ท่านอ๋องอู๋พูด “เหลวไหล โจวชิงทำเรื่องชั่วช้ามาก มีศัตรูอยู่ทั่วไป ตายแล้วยังคิดจะใส่ร้าย ข้าไม่เคยส่งมือสังหารไป”
เฉินตันจูขมวดคิ้ว “เหตุใดท่านอ๋องจึงส่งกองทัพรุกรานฝ่าบาท”
ท่านอ๋องอู๋ตะโกน “ทั้งๆ ที่ฝ่าบาทเป็นฝ่ายรุกรานข้า!”
เฉินตันจูตะโกนเรียกท่านอ๋อง ข่มเสียงของท่านอ๋องอู๋ลงไป “เพราะฝ่าบาทมาถามเรื่องมือสังหาร แต่ท่านอ๋องท่านไม่ยอมพบ”
ท่านอ๋องอู๋พูดอย่างขุ่นเคือง “ข้าไม่ได้โง่เขลา หากพวกเขาเข้ามาข้าก็จะถูกสังหาร”
ท่านอ๋องเยียนและท่านอ๋องหลูตายอย่างไร เขารู้ดีที่สุด เมืองอู๋ส่งกองกำลังเข้าไปแล้ว ถือพระราชโองการของฮ่องเต้ที่ถามเรื่องการส่งมือสังหารพร้อมก่อการกบฏรุกรานเข้าเมือง ผู้ใดจะถาม…คิดจะแบ่งสมบัติ หากเจ้าของบ้านไม่ตายจะแบ่งอย่างไร
เฉินตันจูพูด “ฝ่าบาทบอกว่าไม่ เพียงแค่ท่านอ๋องอธิบายให้ฝ่าบาทฟัง ฝ่าบาทจะถอนกำลัง”
หลอกเด็กหรืออย่างไร ท่านอ๋องอู๋ส่งเสียงไม่พอใจ “ข้ารู้ดีว่าฝ่าบาทเป็นคนอย่างไร…” เด็กที่ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่อายุสิบห้ามีจิตใจที่โหดเหี้ยมกว่าคนทั่วไป
ตอนนั้นเขาเป็นองค์รัชทายาทของเมืองอู๋ โจวชิงยังไม่ได้ก่อเรื่องขึ้นมานั้น อนุชาของเขาก็เคยถือมีดไล่แทงเขาตอนที่ฝังพระราชบิดาของตนเอง เขาเกือบถูกฆ่าตาย หลังจากสืบแล้วพบว่าอนุชาของเขามีส่วนกี่ยวข้องกับราชสำนัก มันคือฝีมือของฮ่องเต้!
เฉินตันจูพูด “ฝ่าบาทบอกว่าเพียงแค่ท่านอ๋องคืนดีกับราชสำนัก จากนั้นกำจัดท่านอ๋องโจวและท่านอ๋องฉี พื้นที่ในครอบครองของราชสำนักก็ใหญ่เพียงพอแล้ว ฝ่าบาทก็ไม่จะเป็นต้องเรียกคืนพื้นที่…”
ดังนั้นฮ่องเต้คิดจะติดสินบนเขา? ท่านอ๋องอู๋ผงะ ร่วมมือกำจัดท่านอ๋องโจวและท่านอ๋องฉี?
เมื่อถึงเวลาจะเหลือเขาที่เป็นท่านอ๋องเพียงคนเดียว ฮ่องเต้คิดจะรับมือกับเขาไม่ง่ายกว่าหรือ ท่านอ๋องอู๋ครุ่นคิด เขาเองก็ไม่ได้โง่!
“ท่านอ๋อง เหตุใดฮ่องเต้ถึงต้องการเรียกพื้นที่ศักดินาคืน ก็เพื่อสถาปนาอ๋องและแบ่งพื้นที่ให้เหล่าองค์ชาย ถึงเวลานั้นเหลือท่านอ๋องเพียงคนเดียว หากฮ่องเต้ฆ่าท่าน ต่อไปผู้ใดจะกล้าเป็นอ๋อง” เฉินตันจูพูด “หากเป็นอ๋องแล้วต้องตาย ถึงฮ่องเต้ไม่ใส่ใจพวกท่าน แต่อย่างไรก็ต้องใส่ใจความคิดของโอรสของตนเอง หรือว่าเขาจะอยากแตกแยกกับเหล่าโอรสกัน”
ฟังดูแล้ว ราวกับ…
เฉินตันจูร่ำไห้อีกครั้ง
“ท่านอ๋อง…” นางหมอบอยู่ที่หน้าอกของเขาร่ำไห้ “ข้าไม่อยากเห็นท่านอ๋องต้องตกอยู่ในสงคราม อยู่ดีๆ จะรบกันไปด้วยเหตุใด ท่านอ๋องเหนื่อยเกินไปแล้ว…”
หญิงงามอยู่ในอกช่างทำให้คนรู้สึกอ่อนระทวยไปทั้งร่างกาย หากไม่มีปิ่นที่จ่อคออยู่
“ท่านอ๋อง ท่านไม่รู้หรือ กองทัพของราชสำนักที่อยู่นอกเมืองอู๋ไม่ได้มีเพียงสองแสน” เฉินตันจูเงยหน้าขึ้นมองท่านอ๋องอู๋ทั้งน้ำตา “แต่มีถึงห้าแสน ไม่เพียงแต่แนวเหนือ ตั้งแต่ใต้จรดเหนือล้วนถูกล้อมเอาไว้ ข้ากลัวอย่างมาก…”
เรื่องนี้เขาไม่เคยรู้มาก่อน เหตุใดท่านมหาราชครูถึงไม่เคยพูด…ท่านมหาราชครูเฉินเคยบอกเพียงราชสำนักมีกำลังทหารสามแสน เขายังไม่อยากฟัง รู้สึกเป็นการโอ้อวดเกินจริง
แต่ฟังจากตอนนี้ ยิ่งเกินจริงเข้าไปใหญ่
ท่านอ๋องอู๋ตกใจ “ราชสำนักมีกำลังทหารมากเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด”
ตอนที่จู่โจมท่านอ๋องเยียนและท่านอ๋องอู๋ ราชสำนักยังมีไม่ถึงสองแสน…ราชสำนักมีไม่กี่สิบแคว้น ส่วยที่เก็บยังไม่พอเลี้ยงตระกูลฮ่องเต้ ยากจนเพียงนั้น ไม่ร่ำรวยเหมือนดั่งเมืองอู๋ พวกเขาเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงทหารห้าแสนคน
เนื่องจากฮ่องเต้ไม่อยากใช้ชีวิตที่ยากลำบากเช่นนี้จึงพยายามเพาะเลี้ยงทหาร เรียกคืนพื้นที่ศักดินา อีกทั้งยี่สิบปีผ่านไปแล้ว นางพูด “เนื่องจากยากจนถึงได้มีทหารจำนวนมาก”
ยากจนไร้หนทาง มีเพียงอาศัยเข้าร่วมสงครามเพื่อแลกกับเกียรติยศและความมั่งคั่ง
เมืองอู๋ร่ำรวยเกินไป เงียบสงบจนไร้พลานุภาพ
หากมีทหารจำนวนมากเพียงนี้ ครานี้…ท่านอ๋องอู๋กระวนกระวาย พึมพำ “ยังจะสู้อย่างไร ทหารจำนวนมากเช่นนั้น ข้าจะสู้ได้อย่างไร”
เฉินตันจูเงยหน้าขึ้น “ท่านอ๋อง ตัวแทนของฮ่องเต้มาถึงเมืองหลวงแล้ว ท่านอ๋องยอมพบหรือไม่”