บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 20 ไร้ยางอาย

ตอนที่ 20 ไร้ยางอาย

“ท่านอ๋อง!” 

เหวินจงนำเหล่าขุนนางเดินเข้ามาจากด้านนอกตำหนักอย่างรีบร้อน 

“มีข่าวลืมว่า ท่านอ๋องจะเจรจากับราชสำนัก เชิญขุนนางราชสำนักมาสืบเรื่องมือสังหาร เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ ท่าน…” 

พวกเขาเดินเข้ามา แต่พูดยังไม่ทันจบก็พบว่าภายในตำหนักมีคนยืนอยู่… 

“เฉิน…!” เหวินจงจำได้ในทันที ตกตะลึง “เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่” 

ท่านมหาราชครูเฉินมาถึงก่อนพวกเขาหรือ เขาไม่ควรไปค่ายทหารก่อนหรือ ก่อนหน้านี้พูดอย่างดี พอเกิดเรื่องก็มาแสดงผลงานต่อท่านอ๋องก่อน… 

แต่สายตาของทุกคนกวาดผ่านภายในตำหนัก มีเพียงท่านอ๋องอู๋และหญิงสาว 

สีหน้าของจางเจี้ยนจวินยิ่งแย่กว่าเดิม เจ้าจิ้งจอกนี้เกาะติดข้างตัวของท่านอ๋องอยู่ตลอดเวลา! 

เหวินจงและจางเจี้ยนจวินเคบพบเฉินตันจูมาก่อนย่อมรู้ว่านางเป็นใคร แต่ก็มีคนที่ไม่รู้ ทันใดนั้นพวกเขาต่างผงะ ภายในตำหนักเงียบสงัดลง 

ท่านอ๋องอู๋มองดูเหล่าขุนนาง ครานี้เขาไม่รู้สึกปวดหัวกับความวุ่นวาย พูดอย่างดีใจ “ไม่ใช่ข่าวลือ ข้าเป็นคนพูดเอง” 

ทุกคนภายในตำหนักตกตะลึงอีกครั้ง ท่านอ๋องพูดเมื่อใดกัน ถึงแม้พวกเขาบางคนคิดจะโน้มน้าวท่านอ๋องอู๋ให้กระทำเช่นนี้ก่อนอยู่แล้ว พวกเขาทำเพียงเพิกเฉยต่ออำนาจของราชสำนัก รอจนไร้หนทางหลบหลีกแล้ว ท่านอ๋องย่อมต้องตัดสินใจเอง…ในฐานะขุนนางของท่านอ๋องอู๋ ย่อมโน้มน้าวให้ท่านอ๋องก้มหัวต่อราชสำนักได้อย่างไร มันคือความอัปยศของขุนนาง 

ผู้ใดไร้ยางอายเช่นนี้! 

ท่านอ๋องอู๋ชี้ไปที่เฉินตันจู 

“คุณหนูรองเฉินเป็นผู้นำราชทูตมาพบข้า ราชทูตมาเพื่อบอกกล่าวความคิดของฝ่าบาท หลังจากที่ข้าครุ่นคิดอย่างหนักแล้วจึงตัดสินใจเช่นนี้ ข้าไม่ได้ทำผิดอันใด ไม่เกรงกลัวการถามของฝ่าบาท” 

คุณหนูรองเฉิน? สายตาของเหล่าขุนนางจับจ้องไปยังเฉินตันจูอย่างพร้อมเพรียง 

ร่างของจางเจี้ยนจวินโซเซไปมา เรื่องที่เขากำลังจะวางแผนถูกคนแย่งชิงไปก่อน อีกทั้งยังเป็นคนของตระกูลเฉิน! 

ท่านมหาราชครูเฉิน! 

เขาชี้นิ้วไปยังเฉินตันจู ตะโกนออกมา “ไร้ยางอาย!” 

… 

ภายในตำหนักเต็มไปด้วยเสียงโอดครวญ 

“ท่านอ๋อง ราชสำนักขัดขืนพระราชโองการของเกาจู่ รังแกเมืองอู๋” 

“ท่านอ๋อง อย่าได้เชื่อคำของคนเลว… คุณหนูรองเฉิน ที่แท้เจ้าก็ยอมจำนนต่อราชสำนักแล้ว ดังนั้นเจ้าจึงสังหาร ทำลายแนวป้องกันทางเหนือของพวกเรา!” 

เรื่องอื่นนางไม่สนใจ แต่หลี่เหลียงกลายเป็นขุนนางจงรักภักดี นางยอมไม่ได้ เฉินตันจูหัวเราะเสียงเย็นทันที 

“หลี่เหลียงทรยศท่านอ๋องอู๋หรือไม่ กองทัพแนวหน้าต่างมีหลักฐาน สาเหตุมาข้านำราชทูตของฮ่องเต้เข้าพบ ก็เพราะหลังจากที่ข้าสังหารหลี่เหลียงแล้วถูกจารชนราชสำนักในกองทัพจับกุม ราชทูตของราชสำนักนั่งอยู่ในกองทัพทางเหนือของพวกเราแล้ว!” 

เหวินจงโกรธเคือง “ดังนั้นเจ้าจึงมาหลอกลวงท่านอ๋อง!” 

มิเช่นนั้นล่ะ? ข้าตาย พวกเจ้ามีชีวิตอยู่? เฉินตันจูหัวเราะเสียงเย็น หากพูดถึงการหลอกลวงท่านอ๋อง นางคงไม่อาจเทียบกับขุนนางแต่ละคนที่อยู่ตรงนี้ได้ 

ขุนนางในราชสำนักของท่านอ๋องอู๋นอกจากไม่อยากก่อสงรามกับราชสำนักแล้ว พวกเขายังไม่พอใจกับการเป็นแค่ขุนนางของท่านอ๋อง 

ตำแหน่งสูงสุดของขุนนางของท่านอ๋องก็แค่มหาราชครู อีกทั้งตำแหน่งนี้ถูกคนครอบครองแล้ว นอกจากนี้เมืองอู๋อุดมสมบูรณ์มั่งคั่ง ราชสำนักอำนาจอ่อนแอ ดังนั้นจึงเกิดความโลภขึ้นมา คิดจะโน้มน้าวท่านอ๋องอู๋ขึ้นครองราชย์ เช่นนี้พวกเขาก็สามารถถูกสถาปนาเป็นอ๋องและขุนนางชั้นสูง 

ไม่ว่าคิดว่าให้ใต้หล้าสงบสุข หรือต้องการให้ท่านอ๋องอู๋ขึ้นครองราชย์ พวกเขาล้วนควรจะพยายามสร้างกองทัพให้แข็งแกร่ง แต่คนเหล่านี้ไม่ทำอันใด รู้เพียงเยินยอท่านอ๋องอู๋ ทำให้ท่านอ๋องอู๋รู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่ง อีกทั้งยังคิดจะกำจัดเหล่าขุนนางที่ทำงาน เพราะเกรงว่าจะกระทบต่ออนาคตของพวกเขา 

เฉินตันจูคาดการณ์ว่า ในนี้ย่อมต้องมีจารชนของฮ่องเต้แทรกซึมเข้ามา แต่พวกเขาก็ย่อมต้องมีความคิดนี้ก่อน 

เวลานี้นางเพียงแค่กำลังทำใดสิ่งที่พวกเขาทำเท่านั้น พวกเขามีสิทธิอันใดมากล่าวหาว่านางหลอกลวงท่านอ๋อง 

“การมาของฝ่าบาทในครานี้ก็เพื่อเจรจากับท่านอ๋อง” เฉินตันจูมองพวกเขาพูดเสียงเย็น “พวกท่านมีความไม่พอใจอันใดไม่ต้องมาร่ำไห้ต่อท่านอ๋อง รอฝ่าบาทมาถึง พวกท่านพูดต่อหน้าฝ่าบาทเอง” 

เสียงตะโกนภายในตำหนักเงียบลงในทันที สายตาของเฉินตันจูกวาดผ่าน สายตาร้อนรุ่มในเดิมทีของคนจำนวนไม่น้อยหลบหลีกในทันที…ตำหนิฮ่องเต้ต่อหน้าฮ่องเต้?! 

น่ากลัวหรือ ไม่กล้าหรือ 

“หากฝ่าบาททำผิด ใต้เท้าทุกท่านควรออกตัวแทนท่านอ๋อง ให้ฝ่าบาทรู้ถึงความผิดของตนเอง” เฉินตันจูพูด ก่อนจะมองไปยังท่านอ๋องอู๋ น้ำเสียงน้อยใจขึ้น “พวกท่านจะตำหนิบังคับท่านอ๋องได้อย่างไรกัน” 

ใช่! ไม่ผิด ความผิดของฮ่องเต้ก็ควรจะตำหนิฮ่องเต้ ทุกคนไม่ควรมาตำหนิเขา ท่านอ๋องอู๋นั่งตัวตรง หัวเราะออกมา “คุณหนูตันจูพูดมีเหตุผล รีบไปต้อนรับฝ่าบาท” เขามองเหล่าขุนนางอีกฝ่าย กำชับขึ้น 

“เนื่องจากการตายของโจวชิง ราชสำนักใส่ร้ายว่าข้าก่อการกบฏ อีกทั้งยังมีพระราชโองการลดพื้นที่ศักดินาที่พวกเจ้าบอกว่ามันผิดครรลอง ตอนนี้ข้าจะเชิญฝ่าบาทเข้ามา พวกเจ้าถกเถียงกับฝ่าบาท ให้ฝ่าบาทรู้ถูกผิด แสดงอำนาจของเมืองอู๋” 

เชิญฮ่องเต้เข้ามาแล้วยังมีอำนาจอะไรอีก ยังต้องถกเถียงถูกผิดอะไรอีก ทุกคนต่างโศกเศร้าขุ่นเคือง หญิงสาวตระกูลเฉินหลอกลวงท่านอ๋อง! 

ไม่อาจให้นางทำสำเร็จได้ จางเจี้ยนจวินรู้ว่าท่านอ๋องอู๋เกรงกลัวอันใด ไม่พูดในสิ่งที่เขาไม่ชอบฟังอีก เพียงแต่คุกเข่าลงกับพื้นร่ำไห้ “ท่านอ๋อง กองทัพราชสำนักนับแสนจับต้องอยู่ ทันทีที่ย่างเท้าก้าวเข้ามาในเมืองอู๋ จะอันตรายอย่างยิ่ง ท่านอ๋องจะอันตรายอย่างยิ่ง” 

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ท่านอ๋องอู๋ลังเล เฉินตันจูบอกว่ากองทัพราชสำนักมีห้าแสนกว่า ราชทูตนั้นก็ประกาศกร้าวว่าราชสำนักในเวลานี้มีกำลังจำนวนมาก หากฮ่องเต้มาคงไม่ได้มาตัวคนเดียว… 

“หากฝ่าบาทมาเพื่อเจรจากับท่านอ๋องจริงก็ใช่ว่าจะไม่ได้” เหวินจงพูดขึ้นอย่างช้าๆ สายตาจับจ้องไปยังเฉินตันจู ปากของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “เพียงแค่ไม่นำกองกำลังเหยียบย่ำเข้าเมืองอู๋ ถึงจะเป็นการแสดงความบริสุทธิใจของราชสำนัก มิเช่นนั้น ท่านอ๋องอย่าได้เชื่อใจอย่างเด็ดขาด!” 

ไม่นำกองกำลังมา นอกจากฮ่องเต้บ้าไปแล้ว มิเช่นนั้นคงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จางเจี้ยนจวินแอบดีใจจนแทบจะปรบมือ มหาดเล็กเหวินเก่งกาจเสียจริง 

ท่านอ๋องอู๋หยิ่งยโสจนเคยชิน ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นไปไม่ได้ เพียงแค่คิดว่าหากเป็นเช่นนี้ย่อมดีกว่า ย่อมปลอดภัยมากกว่า เขาพูดกับเฉินตันจูทันที “ใช่ ต้องทำเช่นนี้ เจ้าไปบอกราชทูตคนนั้น ให้เขาบอกฝ่าบาท มิเช่นนั้นข้าไม่เชื่อ” 

เฉินตันจูรู้ว่าท่านอ๋องอู๋ไร้ความคิดและไร้สมอง ง่ายต่อการชักนำ แต่เมื่อเห็นกับตาก็ยังคงตกตะลึง หลายปีนี้ท่านพ่ออยู่ในราชสำนักอย่างยากลำบากเพียงใดกัน 

คำร้องเช่นนี้ ท่านอ๋องอู๋ ไม่แม้แต่จะคิด หากไม่ใช่นางมั่นใจว่าท่านอ๋องอู๋ไม่อยากก่อสงครามกับราชสำนัก นางคงคิดว่าท่านอ๋องอู๋จงใจหลอกตนเองเล่นแล้ว 

ตอนนี้ทำอย่างไรดี เป็นความผิดของนางที่ไม่ทำให้ท่านอ๋องอู๋รับรู้ความจริง ความจริงในเวลานี้คือเวลาที่ท่านอ๋องอู๋ร้องขอกับราชสำนักได้หรือไม่ เหตุใดขุนนางเหล่านี้พูดอันใดท่านก็ฟังสิ่งนั้น 

เฉินตันจูมองท่านอ๋องอู๋ด้วยความอยากสบถ หากไม่ใช่นางรั้งเอาไว้ หัวของท่านอ๋องคงล่วงลงจากบ่าแล้ว 

แต่นางรู้สถานการณ์ในเวลานี้อย่างกระจ่าง ท่านอ๋องอู๋สามารถตัดหัวตระกูลของตนได้ทันที 

คำร้องที่ไร้เหตุนี้เช่นนี้… 

“เพคะ” นางพูด “ข้าจะบอกราชทูตนั้น หากฮ่องเต้คิดจะนำกองกำลังเข้าเมืองอู๋ ต้องข้ามข้าไปก่อน” 

นางไม่พูดสิ่งอื่นอีก เพียงแค่ก้มตัวคารวะต่อท่านอ๋องอู๋ 

“ท่านอ๋องโปรดออกพระราชโองการ” 

กับคำพูดของนาง ท่านอ๋องอู๋ก็ทำเช่นเดียวกัน ไม่คิดว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ สมเหตุสมผลหรือไม่ เป็นไปได้หรือไม่ หลังจากที่ได้ยินนางตอบรับจึงให้คนหยิบพระราชโองการที่เตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกมาอย่างดีใจ 

เฉินตันจูรับมาก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างไม่ลังเล 

เหล่าจางเจี้ยนจวินที่อยู่ในตำหนักยังไม่ทันตอบสนอง ไม่คิดว่านางจะกล้าพูดจริง ทันใดนั้นหาเหตุผลอื่นมาไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูนางถือพระราชโองการจากไป 

ไร้ยางอาย กล้ารับปากเช่นนี้ นางต้องมีการให้คำมั่นกับราชสำนักอย่างแน่นอน 

เหล่าขุนนางภายในตำหนักต่างเจ็บปวด… 

เฉินเลี่ยหู่ ไม่คิดว่าผู้ที่แทนตนว่าจงรักภักดีอย่างเจ้าจะทรยศท่านอ๋องเป็นคนแรก! 

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท