ไต้ฟูถูกพามาคนแล้วคนเล่า กระโจมแม่ทัพมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาขึ้น
หลี่เหลียงสลบเป็นวันที่สาม เฉินเฉียงติดต่อคนเก่าของเฉินเลี่ยหู่จำนวนไม่น้อยได้อย่างราบรื่น ก่อนจะเปลี่ยนพวกเขามาเฝ้าอยู่ทางกระโจมแม่ทัพ
นอกจากนี้เฉินเฉียงยังเดินทางไปแนวตะวันตกเพื่อติดต่อกับเฉินลี่ เฉินลี่และองครักษ์ทั้งห้าคนเนื่องจากมีตราอาญาสิทธิ์อยู่ในมือ ขุนศึกโจวจึงปฏิบัติราวเฉินเลี่ยหู่มาเอง ทำตามคำสั่งทุกเรื่อง ทำให้เขารับมือทหารมากกว่าครึ่ง
เฉินเฉียงนำคำพูดของเฉินตันจูมาบอกพวกเขา พวกเฉินลี่ต่างก็ตกใจจนเข่าอ่อน ไม่ใช่เพราะเกรงกลัวอันตราย แต่เรื่องนี้เกินความคาดหมายของทุกคน หลี่เหลียงเป็นลูกเขยของเฉินเลี่ยหู่ เขาจะทรยศท่านอ๋องอู๋ได้อย่างไร
เฉินเฉียงเองก็ไม่รู้ ทำได้เพียงบอกพวกเขาว่าเรื่องนี้เฉินเลี่ยหู่เป็นคนสืบทราบ มิเช่นนั้นเฉินตันจูจะกล้าฆ่าหลี่เหลียงได้อย่างไร
“ตอนนี้พวกเจ้าถือครองตราอาญาสิทธิ์ อย่าทำให้ใต้เท้าผิดหวัง”
เฉินลี่และคนอื่นต่างคุกเข่าสาบานต่อทิศทางของเมืองหลวง เฉินเฉียงไม่กล้าอยู่ที่นี่นาน ขุนศึกโจวได้ยินว่าเขาจะไปก็เดินมาส่ง ตอนนั้นขุนศึกโจวก็เป็นคนของเฉินเลี่ยหู่ เขาจับมือของเฉินเฉียงเอาไว้พร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำ เนื่องจากรู้สึกผิดต่อการตายของเฉินตันหยาง “รอสงครามสิ้นสุดลง ข้าจะไปรับโทษกับท่านใต้เท้า”
เฉินเฉียงพูด “ในเมื่อใต้เท้าส่งนายน้อยตันหยางเข้าสู่สนามรบ ก็ย่อมไม่เกรงกลัวว่าคนผมขาวส่งคนผมดำ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านขุนศึกโจว”
ขุนศึกโจวตบไหล่ของเขา ก่อนจะกัดฟันก่นด่า “คนเลวทรามอย่างจางเจี้ยนจวิน ข้าไม่มีทางให้อภัยเขา”
จางเจี้ยนจวินเป็นบิดาของจางเหม่ยเหริน ครานี้ได้รับพระราชโองการมาควบคุมดูแลกองทัพ ทำตัวโอ้อวดในอำนาจ การตายของเฉินตันหยางเป็นฝีมือของเขา หลังจากเกิดเรื่องเขาก็วิ่งหนีกลับไปเมืองหลวง
เฉินเฉียงคารวะต่อขุนศึกโจว ก่อนจะขี่ม้าจากไป ระหว่างทางนั้นเขาหันกลับมามองอีกครั้ง เห็นว่าพวกเฉินลี่ถูกทหารของขุนศึกโจวรายล้อมคุ้มกัน ธงทหารโบกสะบัดอย่างสง่างาม เฮ้อ หวังว่าคนที่ทรยศคงจะมีเพียงหลี่เหลียงคนเดียว
ตอนนี้สิ่งที่ประคองพวกเขาเอาไว้คือทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของเฉินเลี่ยหู่ อีกทั้งมีการเตรียมการแล้ว ไม่ได้มีเพียงพวกเขาสิบคนและคุณหนูรองเฉินเผชิญหน้ากับสิ่งนี้
เฉินเฉียงกลับไปยังค่ายทหารถังอี้ตอนฟ้าสว่าง ในค่ายนี้ยังคงมีทหารจำนวนมากเฝ้าระวังเหมือนตอนจากไป เมื่อเห็นเฉินเฉียงที่ควบม้าเข้าใกล้ พวกเขาต่างหลบทางให้เหมือนเคย แต่เฉินเฉียงรู้สึกใจเต้นอย่างแปลกประหลาด เขารู้สึกมีความผิดปกติบางอย่าง ค่ายทหารด้านหน้าราวกับเสือร้ายที่กำลังอ้าปากกว้าง แต่เมื่อเขานึกถึงเฉินตันจูที่นั่งอยู่ในปากของเสือร้ายนี้ เขาก็ควบม้าพุ่งเข้าไปด้านในอย่างไม่ลังเล…
ตาข่ายเหล็กผืนหนึ่งกระเด้งขึ้นมาจากบนพื้น รวบเอาคนและม้าที่กำลังวิ่งเอาไว้ ม้าร้องเสียงหลงออกมา ส่วนเฉินเฉียงตะโกนออกมาเสียงดัง เขาชักดาบออกมา แต่ตาข่ายเหล็กหดตัวแน่น คนที่ถือดาบและม้าถูกรวบเอาไว้ราวกับปลาที่ถูกช้อนขึ้นบกมา…
“คุณหนูรอง!” เฉินเฉียงร้องเสียงดัง
…
“คุณหนูรอง” ม่านกระโจมถูกทหารคนสนิทเปิดออก รายงาน “ไต้ฟูมาแล้วขอรับ”
เฉินตันจูกำลังนั่งหวีผมอยู่ด้านหน้าโต๊ะภายในกระโจม ด้านนอกรู้เพียงว่านางป่วย สาวรับใช้ที่
หลี่เหลียงหามาล้วนถูกกักขังเอาไว้ เรื่องในชีวิตประจำวันเฉินตันจูสามารถจัดการเองได้
เรื่องการดูแลตัวเองเฉินตันจูทำมากว่าสิบปีแล้ว ไร้ซึ่งความไม่คุ้นชินแต่อย่างใด
นางพลางมองข่าวทางการทหารที่เปิดแผ่ออกบนโต๊ะ พลางเกล้าผมขึ้นอย่างคล่องแคล่ว หลังจากที่ได้ยินเสียงรายงานจึงเงยหน้าขึ้น พบชายหนุ่มอายุสี่สิบกว่ากำลังหิ้วกล่องยายืนอยู่ด้านนอก
ไม่รู้ว่าหาไต้ฟูมาจากไหนอีกคน เพียงแต่ไม่ว่าไต้ฟูคนไหนมาก็ไร้ประโยชน์ พิษนี้ไม่ใช่ไม่มีทางแก้ เพียงแต่ตอนนี้เป็นวันที่สี่แล้ว เทวดามาก็ไร้ประโยชน์
เฉินตันจูตอบรับ “รีบเชิญเข้ามา” นางชะงักมือพร้อมลุกขึ้นยืน พาไต้ฟูเดินไปยังข้างเตียงด้านหลังฉากกั้น
ไต้ฟูเพียงแค่เดินวนอยู่รอบเตียงของหลี่เหลียง ไม่ได้ตรวจละเอียดเหมือนกับไต้ฟูคนอื่น
“ไต้ฟู” เฉินตันจูถามด้วยเสียงสะอื้น “พี่เขยข้าเป็นอย่างไรบ้าง มีวิธีรักษาหรือไม่”
ไต้ฟูส่ายหัว “สายเกินไปแล้ว”
เฉินตันจูหันหน้าไปเรียกทหารคนสนิทเข้ามา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “หลี่เป่าอยู่ที่ใด เขาหาไต้ฟูที่รักษาได้บ้างหรือไม่”
ทหารที่ยืนอยู่ด้านนอกกระโจมทำอะไรไม่ถูก เฮ้อ หาไต้ฟูมามากมายเพียงนี้ หลี่เหลียงไม่มีทีท่าจะดีขึ้นเลย คุณหนูรองอาละวาดก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ไต้ฟูกลับไม่รู้สึกอะไร เขามองไปยังเฉินตันจู ก่อนจะพูดขึ้น “คุณหนูรอง ใหข้าตรวจให้ท่านเถิด”
เฉินตันจูตะโกนด้วยความโมโห “เจ้าจะมาตรวจอะไรข้า”
ไต้ฟูพูดด้วยรอยยิ้ม “พิษบนตัวของคุณหนูรองสามารถรักษาได้”
เฉินตันจูใจเต้นผิดจังหวะไปหนึ่งที หากบอกว่าไม่ตระหนกคงจะเป็นเรื่องโกหก ความตระหนกมีอยู่บ้าง แต่เนื่องจากมีการคาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว เวลานี้ความกังวลที่จะถูกคนจับได้ก็ผ่อนคลายลง
“เจ้าพูดอะไร” นางตะโกนขึ้น ก่อนจะแสร้งทำท่าทางทั้งกระวนกระวายทั้งโกรธเคือง “ข้าก็ถูกวางยาพิษหรือ ข้าก็ถูกคนวางยาพิษหรือ”
ไต้ฟูไม่รีบร้อน เขาเชิญให้เฉินตันจูนั่งลงที่โต๊ะ สายตากวาดมองข่าวทหารที่วางไว้ด้านบน “คุณหนูรองสมกับที่เป็นบุตรสาวของท่านมหาราชครู สามารถอ่านข่าวทหารได้ ท่านแม่ทัพล้มป่วยในหลายวันนี้ การตัดสินใจล้วนมาจากคุณหนูรองใช่หรือไม่ การเคลื่อนย้ายในกองทัพมีไม่น้อยเชียว”
ภายในกระโจมนี้ เขาทำตัวราวกับเป็นเจ้าของ เฉินตันจูเหลือบมอง ทหารที่ยืนอยู่ในกระโจมถอยออกไปแล้ว เขาถูกคนที่อยู่ด้านนอกเรียกออกไป ด้านนอกกระโจมมีเงาคนกระจายตัวออกไปแต่ไม่ได้รุกรานเข้ามา
เฉินตันจูเลิกแสร้งทำตัวเป็นเด็ก นางพูดขึ้น “อย่างไรก็ต้องมีคนดูแล ข้าดูแลกำลังเหมาะสม”
ไต้ฟูยิ้ม ไม่ได้พูดต่อ เขาหยิบหมอนรองออกมา “ให้ข้าตรวจคุณหนูเถอะ”
เฉินตันจูนั่งลง ยื่นมือออกไปอย่างเปิดเผย ดึงกำไลทองสามอันขึ้นไป เผยให้เห็นข้อมือเล็กขาว
ไต้ฟูทาบมือขึ้นไป ก่อนจะถอนหายใจ “คุณหนูรองใจกล้าเสียจริง ถึงแม้จะฆ่าคน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าไปแลก” พูดจบก็สูดดมกลิ่นภายในห้อง หลายวันนี้มีไต้ฟูมาเยือนตลอด ใช้ยานานาชนิด ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นยา “คุณหนูรองดูเหมือนจะเชี่ยวชาญการวางยาพิษมาก แต่การถอนพิษยังขาดไปเล็กน้อย หลายวันนี้ใช้ยาไปบ้าง แต่ผลการถอนพิษยังไม่ดีนัก”
เขายกพู่กันขึ้นเขียนชนิดยาลงไปบนข่าวทหาร
“คุณหนูรองใช้ยาเหล่านี้ พิษที่เหลือจะสามารถกำจัดไปได้ มิเช่นนั้น ตอนนี้คุณหนูรองยังอายุน้อยสามารถประคองต่อไปได้ หากโตขึ้นกว่านี้ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง แต่คงจะไอเป็นเลือดทุกวันแน่”
เฉินตันจูก้มตัวมองยาที่เขาเขียน ก่อนจะตอบรับ “ได้ ข้าจำไว้แล้ว” จากนั้นยกยิ้ม “ขอบใจไต้ฟู ข้าจะให้คนเอาค่าตอบแทนให้ท่าน”
ไต้ฟูนึกถึงคำพูดของนายท่าน ก่อนจะย้อนมองเด็กหญิงน่าเอ็นดูตรงหน้า เขารู้สึกเพียงภายใต้เนื้อกายนี้คือสัตว์ประหลาดที่ซ่อนอยู่…นางทำได้อย่างไร ทั้งที่ถูกคนพบเข้าว่าฆ่าคน แต่ก็ยังไม่กลัวแม้แต่น้อย
แน่นอน คนที่อายุไม่มากทำเรื่องน่ากลัวไม่ได้เห็นเป็นครั้งแรก เพียงแต่ครั้งนี้เป็นเด็กหญิง
“คุณหนูรอง” ไต้ฟูเก็บความคิดที่สับสน “เรื่องของแม่ทัพหลี่ท่านรู้มากน้อยเพียงใด เรื่องนี้เป็นคำสั่งของท่านมหาราชครูเฉินจริงหรือ”
เรื่องของหลี่เหลียงนางรู้เป็นจำนวนมาก เฉินตันจูคิดภายในใจ เรื่องในอนาคตของหลี่เหลียงนางล้วนรู้…แต่สิ่งเหล่านั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแล้ว
นางไม่ตอบ หากแต่ถามขึ้น “เจ้าเป็นคนของราชสำนัก?” ภายในดวงตาของนางฉายแววโกรธเคือง เมื่อคิดถึงคำพูดของหยางจิ้งเมื่อชาติก่อน หลี่เหลียงฆ่าเฉินตันหยางเพื่อแสดงถึงการจำนนต่อราชสำนัก หมายความว่าเวลานั้นผู้โน้มน้าวของราชสำนักอยู่ข้างตัวของหลี่เหลียงแล้ว
คนนั้นคือชายตรงหน้าใช่หรือไม่ พี่ชายถูกหลี่เหลียงฆ่าเพื่อพิสูจน์ให้เขาเห็นหรือ เฉินตันจูกัดฟันแน่น นางต้องทำอย่างไรจึงจะฆ่าเขาได้
ไต้ฟูเห็นถึงความอาฆาตในดวงตาของเฉินตันจู ทันใดนั้นเกิดความหวาดกลัวเล็กน้อย แต่ก็อยากจะหัวเราะออกมา เขาถูกเด็กทำให้ตกใจกลัวหรือ ถึงแม้ความกลัวจะสลายไป แต่ก็หมดอารมณ์ที่จะจัดการกับนาง
“ข้ามาเพื่อบอกคุณหนูรอง อย่าคิดว่าฆ่าหลี่เหลียงแล้วจะจัดการปัญหาได้” เขาเก็บหมอนรองแขน จากนั้นลุกขึ้นยืน “ถึงแม้จะไม่มีหลี่เหลียง แต่ภายในกองทัพมีคนมากมายสามารถแทนที่หลี่เหลียง แต่คนนั้นไม่ใช่ท่าน ในเมื่อมีคนทำร้ายหลี่เหลียง คุณหนูรองก็ถูกทำร้ายไปตามกันก็สมเหตุสมผล คุณหนูรองไม่ต้องหวังพึ่งสิบคนที่ท่านพามา”
นางอาศัยโอกาสและตัวตนฆ่าหลี่เหลียง แต่หากภายในกองทัพมีคนกว่าครึ่งเป็นคนของหลี่เหลียง อีกทั้งยังมีคนของราชสำนักอยู่ คนสิบคนที่นางนำมาด้วยถึงจะมีตราอาญาสิทธิ์ก็ยากที่จะรับมือ
เฉินตันจูหัวเราะเสียงเย็น “พวกข้าไม่ได้มีเพียงสิบคน”
ชายหนุ่มก็คิดเช่นนี้ คุณหนูรองเฉินพาคนมาเพียงสิบคน ย่อมต้องเป็นคำสั่งของเฉินเลี่ยหู่
“คุณหนูรองพูดถึงทหารนับพันด้านหลังหรือ” เขาโบกมือให้นาง “คุณหนูรอง ไม่ทันแล้ว”
พูดจบก็มองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยสายตาสงสาร
“ยาเหล่านี้ข้าจะส่งมาให้คุณหนูรอง ถึงแม้จะตายก็ต้องมีร่างกายที่ดี”
เขาไม่ได้ข่มขู่นาง เพียงแต่พูดความจริง เฉินตันจูตัวเย็นเฉียบ ถึงแม้นางจะเป็นบุตรสาวของท่านมหาราชครูเฉิน แต่ภายในค่ายทหารที่ซับซ้อนนี้ อยู่ต่อหน้าอำนาจของราชสำนัก นางอ่อนแออย่างมาก เหมือนดั่งพี่ชายนางที่ตายไป
แต่ครานี้ นางเพียงแค่ฆ่าหลี่เหลียงก็ต้องตายแล้วหรือ
เฉินตันจูกำมือแน่น เล็บของนางทิ่มแทงฝ่ามือ
“เดี๋ยวก่อน” นางตะโกน “เจ้าเป็นคนของราชสำนัก?”
ไต้ฟูหันหน้ากลับมา ให้เด็กหญิงตายอย่างกระจ่างใจเถิด “ใช่ ข้าใช่”
เขาพูดประโยคนี้จบ ก่อนที่จะรอคอยเด็กหญิงก่นด่าระบายความโกรธแค้น แต่เฉินตันจูไม่ได้ตะโกนโหวกเหวก
“ข้าจะพบท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็ก” นางพูด “ข้ามีเรื่องจะพูดกับเขา”