ทหารที่หลั่งไหลมาทางด้านหน้าขวางทางไปเอาไว้ เฉินตันจูไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ เฮ้อ ท่านพ่อคงจะโกรธเคืองมาก
“คุณหนูรอง” ก่วนเจียตระกูลเฉินขี่ม้าวิ่งเข้ามา มองไปยังเฉินตันจูด้วยสีหน้าซับซ้อน “นายท่านมีคำสั่งกฎตระกูล เชิญลงจากม้าเถิด”
ด้านหลังเขามีองครักษ์สองคนตามมา ในมือของพวกเขาถือเชือก คงคิดจะมัดนางเอาไว้แล้วส่งเข้าคุกหรือเหมือนกับท่านพี่ในตอนนั้น ถึงแม้นางอยากจะสารภาพผิดกับท่านพ่อ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เฉินตันจูตะโกน “รีบหลบไป…พี่เขยตายแล้ว ข้าจะพบท่านพ่อ”
หลังจากที่ได้ยินประโยคนี้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึง พี่เขยหมายถึงหลี่เหลียง? ก่วนเจียเผยสีหน้าตะลึง “คุณหนูรอง ท่านพูดอันใด”
เนื่องจากลากศพทำให้เดินทางช้าเฉินตันจูจึงให้ฉางซานและฉางหลินตามอยู่ด้านหลัง ส่วนนางรีบขี่ม้าเร็วกลับมาก่อนดังนั้นทางเมืองหลวงจึงไม่รู้ว่าด้านหลังมีโรงศพติดตามขบวนอยู่
เฉินตันจูขี่ม้าวิ่งเข้ามาก่วนเจียตั้งสติอย่างตระหนก เขาไม่รั้งเฉินตันจูเอาไว้อีกเพียงแต่ตะโกน “ทหารไม่อาจเข้าเมือง”
เฉินตันจูมองดูด้านหลัง ซินแสหวังที่สวมเสื้อเกราะของทหารอู๋ก็กำลังมองนาง สีหน้าไม่มีความหวาดกลัวแต่อย่างใด ถึงแม้เพียงแค่เฉินตันจูตะโกน ทหารเมืองอู๋ด้านหน้าก็สามารถฉีกพวกเขาให้แหลก
“นี่คือทหารของพี่เขยข้า” เฉินตันจูตะโกน “พวกเขารู้ความจริง”
ซินแสหวังนำสิบกว่าคนเดินขึ้นหน้าตะโกน “พวกข้าติดตามคุณหนูรองกลับไป คนอื่นรอคำสั่งที่นี่”
ก่วนเจียมองดูเฉินตันจูพาคนเดินทางเข้าใกล้ ก่อนจะมองไปยังทหารที่เหลืออยู่ไม่มีการเคลื่อนไหว เขาลังเลเล็กน้อย ฝ่ายเฉินตันจูเดินทางผ่านข้างตัวเขามุ่งหน้าเข้าเมืองไป
“ชีเหยีย” เฉินลี่ตะโกน “รีบกลับไป ยังมีเรื่องอีกมาก!”
เรื่องการตายของหลี่เหลียงก็น่าตกตะลึงมากแล้ว ยังมีเรื่องอันใดอีก ก่วนเจียสะบัดแส้เร่งม้าให้วิ่งเร็วขึ้น เกิดอันใดขึ้นกัน
ผ่านประตูเมืองมา บนถนนยังคงเต็มไปด้วยผู้คนคึกคัก เพียงแต่ยามค่ำคืนมีคำสั่งงดออก กลางวันไม่ได้มีข้อห้ามอันใด เมื่อพวกเขาเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งขี่ม้าวิ่งมาอย่างรวดเร็ว คนบนถนนต่างหลบหลีกกันอย่างโกลาหล อีกทั้งยังเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและเสียงกร่นด่า
‘ชนคนแล้ว!’ “
‘ใครกัน!’
‘โอย เป็นเด็กหญิง!’
‘คุณหนูตระกูลท่านมหาราชครูเฉิน’
‘มีทหารมีม้าแล้วอย่างไร!’
‘เก่งสิ ใครกล้าทำอะไรนาง แม้แต่จางเจี้ยนจวินยังถูกท่านมหาราชครูเฉินตีจนไม่กล้าออกจากบ้าน จึ๊’
เฉินตันจูไม่สนใจเสียงเหล่านี้แม้แต่น้อย เมื่อถึงหน้าประตูบ้านก็กระโดดลงจากม้าแล้ววิ่งเข้าไป สิ่งที่เห็นอย่างแรกคือชายผมขาวรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่กลางลานบ้าน เขาสวมชุดเกราะมือถือมีด ใบหน้าชราเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
น้ำตาของเฉินตันจูหลั่งไหลออกมาทันที นางตะโกนเรียก “ท่านพ่อ…” พุ่งเข้าอ้อมกอดของเขาทันที
เฉินเลี่ยหู่ไม่ทันตั้งตัว เขาเซถอยหลังไปเล็กน้อย บุตรสาวคนนี้ไม่เคยอ้อนเขาเช่นนี้มาก่อน เนื่องจากได้บุตรสาวตอนวัยชรา ภรรยาต้องมาสูญเสียไปอีก ทำให้ถึงแม้เขาจะรักบุตรสาวคนเล็กนี้อย่างมาก แต่ไม่ได้ใกล้ชิดนัก บุตรสาวคนเล็กถูกเลี้ยงดูอย่างดี นิสัยของนางก็ดื้อรั้นนี่เป็นครั้งแรกที่นางกอดเขา…
อีกทั้งยังเป็นเวลานี้ ไม่ควรจะคุกเข่าสารภาพผิด? หรือว่าต้องการอ้อนเพื่อขอให้เมตตา?
เฉินเลี่ยหู่จับเด็กหญิงออกมา “ตันจู เจ้ารู้ผิดหรือไม่!”
เฉินตันจูเงยหน้าขึ้นมองบิดา นางพบกับท่านพ่อแล้ว หวังว่าการพบกันครานี้จะนานอีกหน่อย นางสูดลมหายใจเข้า ข่มความดีใจและโศกเศร้าที่ได้พบกันอีกครั้งลงเหลือเพียงน้ำตาที่หลั่งไหลลงมาราวสายฝน
“ท่านพ่อ พี่เขยตายแล้ว”
เฉินเลี่ยหู่ยังไม่ทันได้ตอบสนอง เฉินตันเหยียนที่เดินตามมาด้านหลังกรีดร้องก่อนจะเป็นลมล้มลงไป โชคดีที่สาวรับใช้เสี่ยวเตี๋ยประคองเอาไว้
เฉินเลี่ยหู่ตะโกนเสียงดัง “รีบเรียกไต้ฟู!” ไม่ทันได้สนใจการลงโทษเฉินตันจู เขารีบพาเฉินตันเหยียนไปที่ห้องนอน ไต้ฟูสามคนพร้อมหมอตำแยหนึ่งคนเฝ้าอยู่ด้านข้าง
ตั้งแต่รู้ว่าเฉินตันเหยียนตั้งครรภ์ เฉินเลี่ยหู่เชิญไต้ฟูมาอีกสองคน หมอตำแยก็หามาแล้ว ล้วนเลี้ยงดูไว้ในบ้านจนกว่าเฉินตันเหยียนจะคลอด
“พี่สาวเจ้าตั้งครรภ์แล้ว” เฉินเลี่ยหู่มองเฉินตันจูด้วยสีหน้าซับซ้อน “เจ้าพูด…”
เฮ้อ ให้นางพูดระวังบ้าง? แต่หากหลี่เหลียงตายไปแล้วจริง พูดระวังจะมีประโยชน์อันใด
เฉินตันจูมองดูเหล่าไต้ฟูในห้อง “ใช้ยาให้ท่านพี่นอนหลับ อย่าให้นางตื่นขึ้นมาในตอนนี้”
มิเช่นนั้นร่างกายคงรับไม่ไหว
เฉินตันจูมองเฉินตันเหยียน จิตใจก็เต็มไปด้วยความซับซ้อน เด็กคนนี้จะทิ้งไว้ดีหรือไม่ทิ้งไว้ดี เฮ้อ รอท่านพี่ตัดสินเองเถิด
หลังจากจัดการเฉินตันเหยียนแล้ว คนที่ออกไปสืบข่าวก็กลับมาถึงพอดี อีกทั้งยังพาฉางซานกลับมาด้วย มั่นแล้วว่าร่างของหลี่เหลียงอยู่ระหว่างทาง
บุตรชายตายแล้ว บุตรเขยตายแล้ว เฉินเลี่ยหู่ยืนอยู่กลางห้องโถง ร่างกายโซซัดโซเซ เขาใช้มีดยาวประคองไว้ด้านหน้า
“เฉินตันจู เจ้ารู้ผิดรู้ถูกหรือไม่” ถึงแม้เขาจะเหลือบุตรเพียงคนเดียว แต่การลักขโมยตราอาญาสิทธิ์เป็นโทษหนัก เขาไม่อาจปล่อยไปได้
“ท่านพ่อ” เฉินตันจูยังคงไม่ได้คุกเข่า เพียงแค่เอ่ยเสียงเบา “จับกุมฉางซานก่อนเถิด”
เฉินเลี่ยหู่ผงะ ฉางซานที่คุกเข่าอยู่บนพื้นสีหน้าเปลี่ยนไป ในขณะที่กำลังจะกระโดดขึ้นมา…
“หลี่เหลียงทรยศท่านอ๋องอู๋ ยอมจำนนต่อราชสำนักแล้ว” เฉินตันจูพูดขึ้น
ก่อนที่เฉินตันจูจะพูดก่วนเจียที่อยู่ด้านข้างก็เตรียมการไว้ก่อนแล้ว เมื่อได้ยินคำนี้เขายกขาถีบฉางซานที่กระโดดขึ้นมาล้มลงไป จากนั้นทับเข้าไปทั้งตัวฉางซานส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมาแต่ไม่อาจขยับได้
เฉินเลี่ยหู่กำมีดในมือแน่นจนส่งเสียงดัง “เกิดอันใดขึ้น”
เฉินตันจูเดินขึ้นหน้ายื่นมือออกไป “ท่านพ่อ ท่านนั่งลงก่อนฟังข้าพูด” นางกลัวบิดาจะรับไม่ได้จนล้มลง…เฉินเลี่ยหู่กระแทกมีดยาว พื้นถูกกระแทกจะสั่นสะเทือน
เฉินตันจูพูดออกมา “ข้าสังหารหลี่เหลียง”
เฉินเลี่ยหู่ล้มนั่งลงบนเก้าอี้ส่วนก่วนเจียเองก็หลุดมือบีบฉางซานที่ทับเอาไว้จนสลบไป เขาเงยหน้าอ้าปากกว้างมองเด็กหญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ คุณหนูรองของเขา? คุณหนูรองที่เพิ่งอายุครบสิบห้า…
เฉินเลี่ยหู่รู้สึกถึงความวิงเวียน เขาข่มตาลง เค้นพูดออกมา “พูด!”
ระหว่างทางเฉินตันจูคิดไว้แล้วว่าจะเล่าเรื่องหลี่เหลียงตามความจริง หลี่เหลียงทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้ นางจำเป็นต้องให้ท่านพ่อ และท่านพี่รู้ เพียงแต่ต้องแต่งเรื่องว่าตนเองรู้ได้อย่างไรเท่านั้น
“เรื่องเกิดกะทันหันวันนั้นฝนตกหนัก มีทหารของพี่เขยคนหนึ่งมายังอารามดอกท้อ” เฉินตันจูพูดอย่างเชื่องช้า “เขาหนีมาจากด่านหน้า ด้านหลังมีทหารของพี่เขยไล่ล่า ในจวนของพวกเราอาจมีเส้นสายของพี่เขย ดังนั้นเขาจึงมาหาข้าด้วยบาดแผลที่ติดตัวมา เขาบอกข้าว่าหลี่เหลียงทรยศท่านอ๋องแล้ว…”
จากนั้นเฉินตันจูทั้งตกตะลึงทั้งไม่อยากเชื่อ จึงตัดสินใจไปดูกับตาของตนเอง นางจึงกลับบ้านใช้ยาสลบทำให้ท่านพี่สลบไป จากนั้นพบว่าท่านพี่ลักขโมยตราอาญาสิทธิ์ นางจึงนำไปพบหลี่เหลียง ก่อนที่จะพบหลักฐานต่างๆ ที่ด่านหน้า นางซักถามจนแผนการชั่วร้ายของหลี่เหลียงถูกเปิดโปง อีกฝ่ายคิดสังหารนาง โชคดีที่นางมีเตรียมการไว้ก่อน ใช้ยาพิษทำให้หลี่เหลียงสลบแล้วสังหารเขา จากนั้นจึงหนีกลับมา…
“ท่านพ่อถามเฉินลี่ได้ เฉินลี่พบเห็นสิ่งผิดปกติในกองทัพปีกซ้ายกับตาของตนเอง หากไม่มีตราอาญาสิทธิ์ เขาคงกลับมาไม่ได้” สุดท้ายเฉินตันจูพูด “ส่วนเฉินเฉียง ข้าไม่กล้าบอก อันที่จริงพวกเขาไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรแล้ว”
เฉินเลี่ยหู่ฟังแล้วไม่รู้ควรพูดอะไรดี มิอาจจะเชื่อได้เสียกระไร แต่บุตรสาวคงไม่หลอกลวงเขา
“ทหารที่ส่งข่าวให้เจ้าล่ะ?” เขาถาม
“บอกข้าเสร็จเขาก็ตายแล้ว” เฉินตันจูพูด ใช่ ชาติก่อนนางตายไปจริงๆ “ข้าแอบฝังเขาไว้บนเขา ไม่กล้าทำสัญลักษณ์อันใด”
เฉินเลี่ยหู่พูด “เรื่องสำคัญเช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่บอกข้า”
เฉินตันจูหลุบตาต่ำ “เดิมทีข้าไม่เชื่อทหารผู้นั้นก็ตายไปแล้ว ก่อนบอกท่านพ่อและท่านพี่ย่อมต้องมีหลักฐาน หากเป็นเรื่องจริงคงจะเสียเวลา หากเป็นเรื่องเท็จย่อมปั่นป่วยจิตใจของทหาร ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจที่จะนำตราอาญาสิทธิ์ที่พี่เขยต้องการไปทดสอบ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง”
ร่างกายของเฉินเลี่ยหู่สั่นเทา เขายังคงไม่กล้าเชื่อ ไม่กล้าเชื่อ หลี่เหลียงจะทรยศ? เขาเป็นบุตรเขยที่ตนเองเลือก เป็นบุตรชายที่ตนถ่ายทอดสั่งสอนมากับมือ!
“นายท่าน” ก่วนเจียพูดเตือน “เรื่องจริงเรื่องเท็จ ถามฉางซานก็รู้แล้ว”
เฉินเลี่ยหู่ตั้งสติกลับมา ใช่ ฉางซานเป็นผู้ติดตามของหลี่เหลียง หลี่เหลียงทรยศมีสิ่งที่ต้องทำมากมาย ไม่อาจปิดบังคนข้างตัวได้ อีกทั้งยังต้องการคนข้างตัวทำงานแทนเขา…
“ลากลงไป!” เขาชี้นิ้ว “ใช้เครื่องทรมาน!”
ก่วนเจียลากฉางซานลงไป ภายในห้องโถงกลับคืนสู่ความสงบ เฉินเลี่ยหู่มองดูบุตรสาวคนเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้า ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหันดึงนางเอาไว้
“เจ้าบอกว่าวางยาพิษต่อหลี่เหลียง ตัวเจ้าก็ต้องยาพิษรีบไปให้ไต้ฟูดู”
น้ำตาของเฉินตันจูล่วงหล่น ดึงมือออกจากเฉินเลี่ยหู่ คุกเข่าลงต่อหน้าเขา “ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว”
เฉินเลี่ยหู่ถอนหายใจยื่นมือไปดึงนางเอาไว้ “สืบให้กระจ่างก่อนเถิด ลุกขึ้นมา”
เฉินตันจูไม่ได้ลุกขึ้น หากแต่ก้มหัวลงไปน้ำตาเปียกชื้นเต็มแขนเสื้อ นางไม่ได้กำลังสารภาพผิดต่อเรื่องก่อนหน้านี้ หากแต่กำลังสารภาพผิดต่อเรื่องที่กำลังจะทำ