เฉินตันเหยียนไม่คิดว่าเฉินตันจูจะพูดเช่นนี้ น้องสาวคนนี้บางทีไม่ชอบฟังตนเองบ่น แต่อย่างมากก็แค่วิ่งหนี แต่พูดโต้แย้งอย่างไม่เกรงใจเช่นนี้เป็นครั้งแรก
นางมองเฉินตันจู อาจเป็นเพราะตนเองนอนอยู่บนเตียง ทำให้นางรู้สึกว่าเด็กหญิงสูงจะเท่าตนเองอยู่แล้ว
เด็กหญิงโตแล้ว มีความคิดของตนเอง มีการตัดสินใจและการยืนกรานของตนเอง
เฉินตันเหยียนนอนลงอย่างห่อเหี่ยว “ข้ากระทำผิดก่อน” นางไม่พูดถึงหลี่เหลียงอีก เพียงแค่หลับตาลงหลั่งน้ำตาเงียบๆ
เสี่ยวเตี๋ยคุกเข่าอยู่ข้างเตียงจับมือของเฉินตันเหยียนร่ำไห้เสียงเบา
เฉินเลี่ยหู่มองดูบุตรสาวคนโตก่อนจะมองบุตรสาวคนเล็ก ไม่กล้าตำหนิใครคนใดคนหนึ่ง เขาถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “เป็นเพราะข้าดูคนไม่ดี ทำให้พวกเจ้าลำบาก”
เฉินตันจูส่ายหน้า “รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ ท่านพ่ออย่าพูดเช่นนี้”
บุตรสาวคนเล็กเสียดสีหลี่เหลียง แต่เหมือนจะโกรธเคืองพี่สาวไปด้วย เฉินเลี่ยหู่รู้สึกว่าพี่น้องสองคนแยกกันไปสงบสติอารมณ์ก่อนจะดีกว่า เขากำชับให้เหล่าไต้ฟูดูแลเฉินตันเหยียนให้ดี ก่อนจะพาเฉินตันจูจากไป
“อาจู เวลานี้พี่สาวของเจ้าเจ็บปวดอย่างมาก” เฉินเลี่ยหู่ปรามบุตรสาวคนเล็ก “เจ้าอย่าโกรธเคืองนาง ให้นางพักก่อน”
การตำหนิของเฉินตันเหยียน เฉินตันจูเข้าใจได้ สำหรับเฉินตันเหยียนแล้วหลี่เหลียงคือคนรักที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง
ถึงแม้เฉินเลี่ยหู่จะพิสูจน์แล้วว่าหลี่เหลียงทรยศ ถึงแม้เฉินตันเหยียนจะบอกว่าหากเป็นนาง นางเองก็จะสังหารหลี่เหลียง แต่อย่างไรแล้วนางไม่ได้เป็นคนลงมือสังหารเอง เรื่องต่างๆ เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป ใจของนางยังไม่อาจยอมรับได้อย่างสมบูรณ์
แต่เฉินตันจูไม่คิดจะรับคำกล่าวโทษนี้ ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับหลี่เหลียง นางไม่คิดจะยอมรับการกล่าวโทษแม้แต่น้อย
ถึงแม้นางจะบอกเฉินตันเหยียน แต่เฉินตันเหยียนไม่มีทางเด็ดขาดเหมือนนาง
เพราะพวกเขาล้วนตายเร็วเกินไป ไม่ได้ทนทุกข์ทรมานเป็นเวลาสิบปีเหมือนนาง
“ท่านพ่อ” นางถอนหายใจ “เวลาคับขันเช่นนี้ ไม่มีเวลาพักแล้ว เจ็บปวดก็ต้องเจ็บปวด ท่านพี่ต้องคิดให้ได้โดยเร็ว”
อีกทั้งควมเจ็บปวดของท่านพี่ที่มีต่อการตายของหลี่เหลียงยังมีวิธีอื่นในการจัดการ เพียงแค่ตามหาตัวของหญิงสาวและเด็กคนนั้นให้พบ ท่านพี่ก็จะกระจ่างเอง
ระหว่างนางและท่านพี่ไม่มีทางขัดแย้งกันเพราะหลี่เหลียง
เฮ้อ เมื่อเทียบกับแรงกระแทกจากหลี่เหลียง ในไม่ช้าก็ถึงคราวของตนเองแล้ว เฉินตันจูยิ้มขมขื่นภายในใจ หวังเพียงท่านพ่อและท่านพี่จะรับไหว
“นายท่าน นายท่าน” ก่วนเจียเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ “มีข่าวด่วนจากกองทัพ”
เฉินเลี่ยหู่ผงะ ความไม่สบายใจ ความเครียดและความขมขื่นสลายไป เขาถามขึ้นอย่างเคร่งขรึม “ว่าอย่างไร”
ก่วนเจียเชิญเขาไปพบทหารที่มาส่งข่าว แล้วพูดว่า “กองทัพราชสำนักทางเหนือรวมตัวกันอย่างกะทันหัน”
เฉินตันจูถาม “หลังรวมตัวมีการเคลื่อนไหวหรือไม่ จะข้ามแม่น้ำหรือ”
เฉินเลี่ยหู่ถึงได้เห็นว่าเฉินตันจูเดินตามมา เขาอยากจะปลอบไม่ให้อีกฝ่ายเป็นกังวล แต่ก็ไม่อยากปิดบังนางเอาไว้ สุดท้ายจึงพาเฉินตันจูไปพบทหารส่งข่าวด้วย
“จะข้ามแม่น้ำขอรับ” ทหารส่งข่าวเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดออกมา ชี้ไปยังแผนที่ “นอกจากทางเหนือ กองทัพราชสำนักตามแนวแม่น้ำล้วนมีการเคลื่อนไหว มีเรือสงครามลงแม่น้ำแล้ว”
สงครามเกิดขึ้นแล้ว เฉินเลี่ยหู่ยิ้มอย่างตื่นเต้น กำชับก่วนเจีย “หยิบดาบและผ้าคลุมของข้ามา ข้าไปจะเตรียมการรบที่ค่ายทหาร”
เมื่อกองทัพราชสำนักข้ามแม่น้ำมาทำสงคราม กองทัพนับแสนทางด้านนี้ก็ไม่เพียงแค่เฝ้ารักษาเมืองหลวงเท่านั้น พวกเขาต้องเดินทางไปแนวหน้า
เฉินเลี่ยหู่สวมใส่เสร็จ เขาก็ไม่ให้เฉินตันจูตามอีก “พี่สาวเจ้าร่างกายไม่ดี ในจวนขาดคนไม่ได้”
เฉินตันจูไม่ได้ยืนกรานว่าจะไป นางยืนส่งบิดาของตนเองจากไปที่หน้าประตู ไม่ขยับเขยื้อนเป็นเวลานาน
ก่วนเจียเห็นสีหน้าเป็นกังวลของเฉินตันจู จึงพูดปลอบ “คุณหนูรองอย่ากังวล กองทัพของพวกเราไม่แย่ไปกว่ากองทัพของราชสำนัก อีกทั้งมีแม่น้ำคั่นเอาไว้ นายท่านไม่เป็นอันใดหรอก”
เฮ้อ นางไม่ได้กังวลว่ากองทัพของราชสำนักจะทำอันใดท่านพ่อ นางแค่กังวลว่าท่านพ่อจะตายเพราะตนเอง…ราชสำนักจะจู่โจม แสดงว่าฮ่องเต้ไม่ยอมรับการถอยของท่านอ๋องอู๋
ตนเองหลอกลวงท่านอ๋องอู๋ ท่านอ๋องอู๋คงจะจับตัวทั้งตระกูลมาประหารด้วยความโกรธกริ้ว
ชาติก่อนเพราะหลี่เหลียง ท่านพ่อและท่านพี่ถึงตาย ชาตินี้หลี่เหลียงถูกนางสังหาร กลายเป็นนางที่เป็นคนทำให้ท่านพ่อและท่านพี่ตาย
“เอ๊ะ?” ก่วนเจียพูดขึ้น “รถม้าของพระราชวัง”
เฉินตันจูมองไป เห็นเพียงขบวนองครักษ์หลวงคุ้มกันรถม้าคันหนึ่งวิ่งมา ขันทีคนหนึ่งกระโดดลงจากรถโดยไม่รอรถหยุดนิ่ง “คุณหนูรอง ท่านอ๋องเชิญให้ท่านเข้าพบ”
จากสีหน้าของขันที ราวกับว่าท่านอ๋องอู๋ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด หรือยังไม่รู้ข่าวการรวมตัวของกองทัพราชสำนัก เฉินตันจูจิตใจไม่สงบ
ก่วนเจียตกใจอย่างมาก “ใต้เท้าไม่อยู่ คุณหนูรองไม่สะดวกออกข้างนอก”
ขันทีพูดเสียงแหลม “เจ้าจะขัดพระราชโองการหรือ!”
ท่านมหาราชครูเฉินขัดขืน พวกเขาทำอันใดไม่ได้ แต่ก่วนเจียตัวเล็กๆ จะตีตายตรงนี้อย่างไรย่อมได้
เฉินตันจูจับแขนก่วนเจียเอาไว้ พร้อมตอบรับ “ข้าจะเข้าวังไปพบท่านอ๋องทันที”
ก่วนเจียหน้าซีดเผือด “ไม่ได้ๆ ข้าจะไปหาท่านมหาราชครู…”
“เวลานี้สถานการณ์คับขัน อย่าให้ท่านพ่อต้องกังวล” เฉินตันจูพูดห้ามอย่างเด็ดขาด นางปลอบก่วนเจีย “ท่านอ๋องหาข้า คงจะถามเรื่องพรรคพวกของหลี่เหลียง ไม่ต้องกังวล”
พูกจบก็ไม่รีรอ เรียกอาเถียนเดินตามขันทีขึ้นรถ
ก่วนเจียทำได้เพียงมองดูเฉินตันจูถูกรถของพระราชวังรับไปอย่างร้อนใจและระอา เขากระทืบเท้าอย่างแรง คุณหนูรองยังเด็กยังไม่รู้ ท่านอ๋อง…เฮ้อ เขามองไปด้านหน้า สถานการณ์คับขันไม่อาจรบกวนนายท่าน มองไปด้านหลัง คุณหนูใหญ่ถูกเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ลุกจากเตียงไม่ได้ จะทำอย่างไรดี
ระหว่างทางไปพระราชวังเฉินตันจูก็หมดความเกรงกลัวแล้ว หากท่านอ๋องอู๋จะเอาผิดท่านพ่อ นางจะสังหารท่านอ๋องอู๋ก่อน…
นางมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากมาครั้งหนึ่งแล้ว ครานี้นางจะตายอย่างไม่เกรงกลัวอันใด ผู้ใดคิดจะทำให้นางตาย นางจะทำให้อีกฝ่ายตายก่อน
ภายในตำหนักของพระราชวัง ท่านอ๋องอู๋เดินไปเดินมา เมื่อเห็นเฉินตันจูเข้ามา จึงรีบถามขึ้น “เจ้ารู้แล้วหรือไม่”
เฉินตันจูตระหนก ก่อนจะก้มหัวตอบรับ “เมื่อครู่ได้ยินว่า ราชสำนัก…”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงของนาง ท่านอ๋องอู๋ก็พูดขัดขึ้น “ไม่คิดว่าฝ่าบาทจะมาพบข้า”
ฮ่องเต้? เฉินตันจูผงะ เงยหน้ามองท่านอ๋องอู๋
“ทหารส่งข่าวมารายงานเรื่องของราชทูตคนนั้นแล้ว” ท่านอ๋องอู๋พูด “เขาบอกว่าหลังจากที่ฝ่าบาทได้ยินว่าข้ายินยอมให้ขุนนางของราชสำนักเข้ามาสืบเรื่องของมือสังหารก็ดีใจจนน้ำตาไหล ยังบอกอีกว่าข้าเป็นพี่น้องที่ดีของเขา ฝ่าบาทจะมาพบข้าและเจรจาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
ราชทูตคนนั้นคงจะหมายถึงหวังไต้ฟู เขาไม่ใช่คนของแม่ทัพหน้ากากเหล็กหรือ กลายเป็นราชทูตของฮ่องเต้ไปจริงๆ แล้วหรือ เขาโน้มน้าวฮ่องเต้สำเร็จหรือว่าเป็นแค่เรื่องหลอกลวง เฉินตันจูสับสนอย่างมาก ฮ่องเต้จะมาเยือนเมืองอู๋ไม่มีอะไรแปลกประหลาดสำหรับนาง แต่ฮ่องเต้ในชาติก่อนออกจากเมืองหลวงมาบัญชาการสงครามเอง เขาเดินทางมาถึงเมืองอู๋จริง เพียงแต่มาหลังจากที่ท่านอ๋องอู๋ตาย
ชาตินี้นางคงจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ไปด้วย
ท่านอ๋องอู๋พูด “เฉินตันจู เจ้าไปพบฮ่องเต้แทนข้าเถิด”
นางหรือ ท่านพ่อของนางกำลังเตรียมรับมือกับกองทัพไร้คุณธรรมของฮ่องเต้ แต่นางกลับไปต้อนรับฮ่องเต้เข้าเมืองอู๋ เฮ้อ ครานี้ความขัดแย้งระหว่างบิดาและบุตรสาวคงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว วันนี้มาถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เฉินตันจูไม่ได้ลังเล นางเงยหน้าตอบรับ ครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจทำแทนท่านพ่อ
เธอเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว “ท่านอ๋อง…”
ท่านอ๋องอู๋เห็นนางเข้าใกล้ จึงรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ถามอย่างระแวง “เจ้าจะทำอันใด”
เฉินตันจูเรียกท่านอ๋อง “ข้ามีเรื่องอยากพูด…”
หญิงสาวตรงหน้ารูปลักษณ์งดงามน้ำเสียงอ่อนหวาน หากเป็นเมื่อก่อน ท่านอ๋องอู๋คงจะมีความคิดบางอย่าง แต่ตอนนี้ หญิงสาวที่กล้าแม้แต่จะสังหารพี่เขยของตนเอง อีกทั้งยังใช้ปิ่นปักผมขมขู่เขา ถึงแม้จะงดงามดุจนางสวรรค์เขาก็ไม่เอา!
ท่านอ๋องอู๋พูดขัดนาง “เจ้าอยากพูดอันใดยืนพูดอยู่ตรงนั้นก็พอ”
เฉินตันจูยืนอยู่ที่เดิมกดเสียงพูด “ท่านอ๋อง หากฮ่องเต้มาแล้ว จะสังหารเขาหรือไม่”
ท่านอ๋องอู๋ตกใจ “สังหารเขาด้วยเหตุใด”
หญิงสาวตรงหน้าต้องการจะทำอันใดอีก
เฉินตันจูพูด “ฮ่องเต้ไม่ยอมถอดถอนพระราชโองการลดพื้นที่ศักดินา สังหารเขาแล้วท่านอ๋องขึ้นเป็นฮ่องเต้”
เป็นฮ่องเต้ย่อมดี แต่สังหารฮ่องเต้…ภายในใจของท่านอ๋องอู๋เต้นระรัว สังหารฮ่องเต้ไม่ใช่เรื่องง่าย หญิงสาวคนนี้พูดเหลวไหลอันใดกัน
“ที่นี่คือเมืองอู๋” เฉินตันจูพูด “เมื่อเทียบกับฮ่องเต้แล้ว ท่านอ๋องได้เปรียบมากกว่า ลองสู้สักครั้ง ต่อจากนี้คงไม่ต้องเกรงกลัวว่าจะถูกลด…”
ต่อจากนี้เขาจะเป็นผู้กระทำ อืม ลดอำนาจของท่านอ๋องโจว จากนั้นเป็นท่านอ๋องฉี…สวรรค์เอ๋ย อันตรายเกินไป หากเป็นเช่นนี้เขาคงจะกลายเป็นศัตรูของทุกคน ทำสงครามทุกวันเหน็ดเหนือยเกินไป
ช่างเถิด เดิมทีเขาก็ไม่คิดจะทำสงคราม ฮ่องเต้ยอมมาเจรจากับเขา ถึงเวลาเจรจากันดีๆ ก็พอ
“ยังไม่ทันได้เจรจาเลย เหตุใดจึงรู้ว่าเขาไม่ยอมถอดถอน” ท่านอ๋องอู๋ส่ายมือไปมา “รอเขามาถึง ข้าจะเจรจากับเขาดีๆ ฮ่องเต้ไร้คุณธรรม แต่ข้าไม่อาจทำเหมือนเขาได้ คำพูดผิดครรลองเช่นนี้อย่าได้พูดอีก”
ฮ่องเต้ก่อสงครามเพื่อพระราชโองการลดพื้นที่ศักดินา จะเจรจาดีได้อย่างไร ไม่อาจไร้คุณธรรมอันใดกัน เขาก็แค่ไม่กล้าเท่านั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางจะตามใจเจตนาของเขา เฉินตันจูเหลือบมองท่านอ๋องอู๋ ก่อนจะก้มคารวะอีกฝ่าย “ข้าน้อมรับบัญชา”