บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 9 แทนที่

ตอนที่ 9 แทนที่

เฉินตันจูไม่ได้เกรงกลัวต่อท่านแม่ทัพและคำพูดของท่านแม่ทัพ 

นางพึมพำ “มีอะไรดีกัน มีชีวิตอยู่ไม่ดีกว่าหรือ” 

เมื่อได้ยินคำพูดที่แสดงถึงความเป็นเด็กเช่นนี้ แม่ทัพหน้ากากเหล็กหัวเราะออกมา เอาเถิด เขาควรจะตระหนักได้ว่าคุณหนูรองเฉินกล้าที่จะฆ่าแม้แต่พี่เขย ลักษณะของเขาก็ดี คำพูดที่น่ากลัวก็ดี ล้วนไม่อาจทำให้นางกลัวได้ 

“ใช่ ไม่ตายย่อมดี” เขาพูดอย่างเรียบเฉย “เดิมทีไม่ต้องมีคนตายมากมายเพียงนี้ เพราะล้วนเป็นราษฎรของต้าเซี่ย แต่เจ้ากลับฆ่าหลี่เหลียงตายไป แผนการที่ไม่ต้องมีคนตายก็ถูกพังทลายลง คุณหนูรองเฉิน เจ้าจำไว้ ทหารของราชสำนักล้วนตายเพราะเจ้า ทหารของเมืองอู๋ก็ตายเพราะเจ้า” 

เฉินตันจูถอนหายใจออกมา “ท่านแม่ทัพไม่ต้องใช้คำพูดเช่นนี้มาข่มขู่ข้า ฟังดูแล้วเหมือนข้ากลายเป็นคนบาปของต้าเซี่ย แต่ไม่ว่าอย่างไร การกระทำของหลี่เหลียงเช่นนี้ ไม่ว่าทหารเมืองอู๋คนใดก็ล้วนอยากจะฆ่าเขา” 

ตัวตนและจุดยืนที่แตกต่างกัน การสนทนาจึงไม่มีประโยชน์อันใด เดิมทีเขาไม่คิดจะพบนาง หากไม่ใช่เพราะความเข้าใจผิด แม่ทัพหน้ากากเหล็กหมดความสนใจแล้ว “คุณหนูรองเฉินฆ่าหลี่เหลียงสำเร็จ ถือว่าสมดังปรารถนาแล้ว ข้าสามารถรับรองเรื่องหนึ่งกับคุณหนูรองได้” 

เฉินตันจูมองเขา 

ภายใต้หน้ากากเหล็กของแม่ทัพ เสียงแหบพร่าราวกับเสียงลับมีดดังขึ้น “ศพของคุณหนูรองจะถูกส่งกลับไปยังเมืองอู๋อย่างสมบูรณ์ ให้คุณหนูรองอยู่ใต้ดินอย่างมีเกียรติ” 

ฟังดูแล้วยังคงเหมือนคำข่มขู่ แต่เฉินตันจูนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ตนเองตายไปพร้อมหลี่เหลียง ไม่รู้ว่าศพของตนจะเป็นอย่างไร นางฆ่าหลี่เหลียงก่อน แต่เดิมทีหลี่เหลียงคิดจะใช้นางลอบฆ่าองค์ชายหก หากนางตายไปด้วยเหตุนี้คงเป็นโทษที่ไม่อาจให้อภัยได้ คิดจะฝังไว้ร่วมกับท่านพี่และท่านพ่อคงจะเป็นไปไม่ได้ ไม่แน่ว่าอาจถูกแขวนประจานอยู่หน้าประตูเมือง… 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางมองไปยังหน้ากากเหล็กที่เย็นชาของท่านแม่ทัพก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา “ขอบคุณท่านแม่ทัพ” 

คำขอบคุณของนางไม่ได้ต้องการเยาะเย้ย แต่เป็นความจริงใจ แม่ทัพหน้ากากเหล็กเงียบไปสักพัก หรือคุณหนูรองเฉินไม่ได้ใจกล้า หากแต่สมองมีปัญหา? ช่างแปลกประหลาดเสียจริง 

อีกทั้งพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว คุณหนูรองเฉินยังไม่ยืนขึ้นมาให้ตนเองลากนางออกไป? เขามองดูนางนั่งอย่างเงียบสงบอยู่ที่โต๊ะ อีกทั้งยังกำลังเหม่อลอย…สมองมีปัญหาจริงสินะ? 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้าง นึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ “หลี่เหลียงไม่อยู่แล้ว แต่ตราอาญาสิทธิ์ที่คุณหนูรองถือยังอยู่ ใช้ตราอาญาสิทธิ์ส่งศพของคุณหนูรองกลับเมืองอู๋ คงจะใช้ได้เหมือนกัน” 

หลี่เหลียงจะเอาตราอาญาสิทธิ์ก็เพื่อพาทหารข้ามผ่านแนวป้องกันรุกรานเข้าไปในเมืองหลวงอย่างกะทันหัน ตอนนี้ใช้ข้ออ้างที่หลี่เหลียงและคุณหนูรองเฉินถูกทำร้ายส่งกลับไปก็ได้เช่นเดียวกัน  

ชายหนุ่มปรบมือ “ท่านแม่ทัพพูดถูก” 

เขามองไปยังเฉินตันจู พูดกลั้วหัวเราะ 

“คุณหนูรองส่งตราอาญาสิทธิ์มาไม่เสียเปล่า” 

เฉินตันจูส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้ ตราอาญาสิทธิ์มีเพียงข้าและหลี่เหลียงถือถึงจะมีประโยชน์ อย่าว่าแต่ศพของข้า” 

หลังจากที่ท่านพ่อพบว่าท่านพี่ลักขโมยตราอาญาสิทธิ์แล้ว ท่านก็โกรธอย่างมาก อีกทั้งคิดจะจับและประหาร ท่านคงกระทำเช่นนี้กับนางก็เหมือนกัน ไม่ใช่เพราะท่านพ่อไม่รักพวกนางพี่น้อง แต่มันคือหน้าที่ของท่านมหาราชครูเมืองอู๋ 

เวลานั้นก็เพราะไม่รู้จุดประสงค์ของหลี่เหลียงก่อน จนกระทั่งเขารุกรานเข้าใกล้ถึงพบ หากพบเร็วกว่านี้ ถึงแม้หลี่เหลียงจะถือตราอาญาสิทธิ์ก็ไม่มีทางข้ามแนวป้องกันได้อย่างง่ายดาย 

ครานี้คำนวณเวลา ท่านพ่อคงพบว่าตราอาญาสิทธิ์หายไปแล้ว? 

เด็กหญิงตรงหน้ากำลังถกเถียงกับพวกเขาอย่างตั้งใจหรือ พวกเขารู้ว่าเรื่องราวไม่ง่ายเพียงนี้ เฉินเลี่ยหู่ส่งบุตรสาวของตนเองมา ก็คงตัดสินใจเสียสละบุตรสาวของตนเองแล้ว เมืองอู๋ในเวลานี้คงเตรียมการรับมือสงครามไว้แล้ว 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้อีกครั้ง เขาถาม “คุณหนูรองเฉินคิดว่าต้องทำอย่างไรดี” 

เฉินตันจูมองข่าวกรองและแผนที่ที่กองอยู่บนโต๊ะของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก เฮ้อ ท่านแม่ทัพใหญ่ของราชสำนักนั่งวางแผนสงครามอยู่ภายในค่ายทหารของเมืองอู๋ สงครามในครานี้ยังจะก่อไปทำไมกัน 

นางฆ่าหลี่เหลียงก็จริง แต่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงชะตาของเมืองอู๋ได้ หากฆ่าแม่ทัพหน้ากากเหล็กตรงหน้าทิ้งก็พอจะเป็นไปได้ เมื่อคิดเช่นนี้ นางจึงเงยหน้ามองแม่ทัพหน้ากากเหล็ก คงจะเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน นางไม่มีความสามารถอันใด ทำได้เพียงวางยาพิษเพียงเล็กน้อย แต่ชายหนุ่มข้างตัวของแม่ทัพหน้ากากเหล็กเป็นผู้ชำนาญในการใช้พิษ 

“ข้า…” เฉินตันจูพึมพำ ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าสามารถทำในสิ่งที่หลี่เหลียงทำได้” 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กผงะ ก่อนหน้านี้สายตาที่เด็กหญิงมองเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า นางอยากจะฆ่าเขา แต่ไม่คิดว่านางจะพูดเช่นนี้ออกมา เขาไม่เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายขึ้นมาในทันใด 

เฉินตันจูก็ผงะไป นางไม่คิดว่าตนเองจะพูดประโยคนี้ออกมา แต่นาทีถัดมาดวงตาของนางลุกวาวขึ้น นางไม่อาจเปลี่ยนแปลงชะตาการล่มสลายของเมืองอู๋ แต่นางอาจสามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของราษฎรจำนวนมากในเมืองอู๋ 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กใช้หลี่เหลียงในการรุกรานเข้าเมืองอู๋ นางสามารถทำเรื่องนี้แทนหลี่เหลียงได้ ย่อมต้องยับยั้งการขุดเขื่อน และการรุกรานฆ่าล้างเมืองได้เช่นเดียวกัน 

“ท่านแม่ทัพ!” นางเรียกเสียงดัง เขยิบขึ้นหน้าเล็กน้อย ดวงตามองไปที่แม่ทัพหน้ากากเหล็กอย่างร้อนรุ่ม “สิ่งที่พวกท่านต้องการให้หลี่เหลียงทำ ข้าจะทำแทนเอง!” 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กตกใจ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ทำท่าทางราวกับเห็นผี อะไรกัน พวกเขาฟังผิดไปหรือว่าเด็กหญิงตรงหน้าพูดจาเลอะเลือน 

“คุณหนูรองเฉิน?” แม่ทัพหน้ากากเหล็กถาม “เจ้ารู้ว่าตนเองกำลังพูดอะไร” 

เฉินตันจูพยักหน้า “ข้ารู้ ท่านแม่ทัพ…ท่านแม่ทัพแซ่อะไรหรือ” 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กผงะไป เป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีคนกล้าถามชื่อแซ่ของเขา เขาเอ่ยอย่างเรียบเฉย “สงครามระหว่างท่านโหวท่านอ๋องในต้าเซี่ยไม่ยุติลงวันหนึ่ง ข้าย่อมไร้ชื่อไร้แซ่วันหนึ่ง” 

เฉินตันจูเพียงแค่เอ่ยถามเท่านั้น ชาติก่อนไม่รู้ ชาตินี้พบเข้าก็แค่ถาม หากเขาไม่ตอบก็ปล่อยไป นางพูดขึ้น “ท่านแม่ทัพ ข้าบอกว่าข้าจะนำตราอาญาสิทธิ์พาพวกท่านเข้าเมืองอู๋” 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กหัวเราะเสียงดัง ส่ายหัวต่อเด็กหญิงตรงหน้าอย่างมีนัยยะ 

“เฉินตันจู หากเจ้าเป็นราษฎรทั่วไปในเมืองอู๋ สิ่งที่เจ้าพูดข้าคงไม่สงสัย” เขาเรียกชื่อนางออกมาทีละคำ “แต่เจ้าแซ่เฉิน ท่านพ่อของเจ้าคือเฉินเลี่ยหู่ ท่านพี่ของเจ้าคือเฉินตันหยางผู้ที่เสียสละชีพของตนเองเพื่อท่านอ๋องอู๋ ถึงแม้จะมีหลี่เหลียง แต่เขาแซ่หลี่ไม่แซ่เฉิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไร” 

“ข้ารู้ ข้ากำลังทรยศท่านอ๋องอู๋” เฉินตันจูพูด “ข้ากำลังเหมือนผู้ที่ข้าฆ่าอย่างหลี่เหลียง” 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กมองนาง สายตาที่อยู่ด้านหลังหน้ากากลึกซึ้งเกินจะจ้องมอง 

เฉินตันจูยืดตัวตรง “เหมือนดั่งที่ท่านแม่ทัพพูด ข้าเป็นคนเมืองอู๋ แต่นี่คือแผ่นดินของต้าเซี่ย ข้าก็เป็นราษฎรของต้าเซี่ยเช่นเดียวกัน แต่เพราะข้าแซ่เฉิน ข้ากล้าที่จะทำเรื่องนี้ แต่ท่านแม่ทัพกลับไม่กล้าใช้ผู้ที่แซ่เฉินหรือ” 

“ไม่ใช่ข้าไม่กล้า” แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “คุณหนูรองเฉิน เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผล” 

เฉินตันจูเศร้าโศก “ใช่ อันที่จริงก่อนที่ข้ามาพบท่านแม่ทัพ ข้าก็ไม่เคยคิดว่าตนเองจะพูดเช่นนี้ เพียงแต่เมื่อเห็นท่านแม่ทัพ…” 

นางมองไปยังหน้ากากที่เย็นชาของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก 

เฉินตันจู เห็นถึงอำนาจที่ไม่อาจต้านทานได้ 

ภายใต้หน้ากากของแม่ทัพหน้ากากเหล็กส่งเสียงกระแอมไอออกมา เด็กหญิงนี้กำลังยกยอเขาหรือ มองดูใบหน้าขาวซีด ดวงตาเป็นประกายของนาง ทั้งเศร้าโศกทั้งเปิดเผย…หากเป็นการแสดง เด็กเพียงนี้ก็ร้ายกาจเท่านี้ หากไม่ได้แสดง พริบตาเดียวก็ทรยศท่านอ๋องอู๋ได้… 

ไม่ว่าทางไหน เด็กหญิงตรงหน้าหากเติบโตขึ้นอีกเล็กน้อยคงจะร้ายกาจกว่าเดิม อีกทั้งนางยังมีใบหน้าที่ครบลักษณะของหญิงงามเช่นนี้ 

น่าสนใจ แม่ทัพหน้ากากเหล็กอยากจะหัวเราะออกมาอีกครั้ง เขาอยากจะรอดูว่าคุณหนูรองเฉินมีแผนการอะไร 

“ได้” เขาพูด “ในเมื่อคุณหนูรองเฉินยอมปฏิบัติตามคำสั่งฮ่องเต้ เช่นนั้นข้าก็จะรับเอาไว้” 

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท