บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 22 เชิญฟัง

ตอนที่ 22 เชิญฟัง

ย่อมต้องเป็นท่านอ๋องอู๋ที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว 

เฉินตันจูคิดในใจ 

นางย่อมรู้ว่าเวลานี้เดิมทีกองทัพของราชสำนักควรจะบุกเข้ามาในเมืองอู๋แล้ว อีกทั้งรู้ว่าเมืองอู๋ประสบนำหลาก ซากศพนอนเกลื่อนไปทุกพื้นที่ อีกทั้งภายในเมืองหลวงหลี่เหลี่ยงกำลังกวาดล้าง หัวของท่านอ๋องอู๋กำลังจะถูกตัดขาด 

แต่สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่นางสังหารหลี่เหลียง 

แน่นอนว่าไม่ถือเป็นชัยชนะอันใด บางทีอาจเป็นเพราะหลี่เหลียงถูกสังหารอย่างกะทันหัน ราชสำนักไม่อาจรู้การจัดวางของเมืองอู๋จึงเกิดความลังเล ทำให้วันนี้ตนเองมีโอกาสโน้มน้าวสองฝ่าย 

อันที่จริงราชสำนักสามารถเริ่มสงครามได้ทันที เพียงแค่เริ่มสงคราม พวกเขาก็จะรับรู้ได้ว่าขาดหลี่เหลียงไป ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพวกเขามากมาย 

ตอนนี้พวกเขายอมยุติสงคราม ยอมรับการจำนนของท่านอ๋องอู๋ สำหรับฮ่องเต้แล้วเขาให้ความเมตตาอย่างมากแล้ว 

เวลานี้ท่านอ๋องอู๋ยังกล้าร้องขอ คงจะเบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่ต่อเสียแล้ว 

“คุณหนูตันจู ท่านอย่าคิดว่าฝ่าบาทเกรงกลัวต่อท่านอ๋องอู๋ ท่านอ๋องอู๋จะรับพระราชโองการหรือไม่ ไม่มีความสำคัญ!” หวังซินแสพูด “หากไม่ได้ท่านแม่ทัพออกหน้าโน้มน้าวฝ่าบาท คุณหนูตันจูเวลานี้คงถูกท่านอ๋องอู๋ประหาร ไม่มีทางมาเจอข้าอย่างแน่นอน” 

เขาพูดถูก แต่ว่านางไม่ได้เสียสติถึงแม้ท่านอ๋องอู๋จะไม่อยากอยู่ แต่นางอยาก อีกทั้งยังอยากให้คนในตระกูลมีชีวิตอยู่ ให้คนจำนวนมากมีชีวิตอยู่ 

เฉินตันจูเหลือมองเขา “ข้าจะพบแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ข้าจะพูดกับเขา” 

หวังซินแสโกรธจัด เขาถลึงตาใส่เด็กหญิงตรงหน้า หมายความว่าอย่างไร นางมั่นใจว่าแม่ทัพหน้ากากเหล็กจะฟังนาง? เขาเคยเดินทางไปเมืองโจว เมืองฉี เมืองเยียน เมืองหลู เคยเจรจากับทหารแม่ทัพขุนนางขุนศึก แต่เป็นครั้งแรกที่เจรจรากับเด็กหญิง…” 

เด็กหญิงไร้เหตุผล! 

“เจ้า เจ้า” เขาพูด “แม่ทัพไม่มีทางพบเจ้า! ถึงแม้จะพบท่านแม่ทัพ คำขอของเจ้าก็ไร้เหตุผล มันไม่ใช่การคุมกันชีวิตของท่านอ๋องอู๋ แต่เป็นการข่มขู่ฝ่าบาท!” 

คำขอเช่นนี้เกินเหตุมากไป! 

เฉินตันจูยืนกราน “ท่านยังไม่ถามเขา” 

หวังซินแสสะบัดแขนเสื้อ “ได้ เจ้ารอตรงนี้” 

เขาเดินจากไปอย่างขุ่นเคือง เฉินตันจูนั่งเหม่อลอยในม่าน อาเถียนที่อยู่ด้านหลังระมัดระวังไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง ในฐานะสาวใช้ของตระกูลท่านมหาราชครู นางเคยพบขุนนางชั้นสูงมากมาย เคยเดินทางเข้าร่วมงานเลี้ยงในพระราชวัง แต่ล้วนเป็นการดูอยู่ด้านข้างเท่านั้น ตอนนี้คุณหนูของนางกำลังพูดคุยเรื่องท่านอ๋องและฮ่องเต้ 

เหตุใดคุณหนูจึงกลายเป็นคนที่เก่งกาจเช่นนี้ นอกจากสังหารหลี่เหลียงแล้ว ยังตัดสินการกระทำของฮ่องเต้และท่านอ๋อง… 

อาเถียนเรียกขานคุณหนูเสียงเบา “ต่อไปทำอย่างไร ราชทูตคนนั้นดุเสียจริง” 

เฉินตันจูหัวเราะออกมาไม่ใช่ราชทูตดุ แต่คำร้องขอเธอไม่สมเหตุสมผลเกินไป 

“ข้าก็ไม่รู้” นางยิ้มขมขื่นต่ออาเถียน “อันที่จริงข้าไม่มีวิธีอันใดเลย” 

ในเมื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง นางย่อมต้องลอง หากสำเร็จย่อมดี หากล้มเหลวก็แค่ตายอีกครั้ง นางมีความความคิดโง่เขลาเช่นนี้ 

อาเถียนทุกข์อย่างมาก “เฮ้อ ข้าโง่เขลาเกินไป ไม่รู้ต้องทำอย่างไร” 

เฉินตันจูหัวเราะ “ไม่เป็นไร พวกเราค่อยๆ คิดด้วยกัน” 

หากยังมีโอกาส! 

ม่านของกระโจมถูกคนเปิดออก หวังซินแสยืนอยู่ด้านนอกด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “คุณหนูตันจู เชิญ” 

เขายอมเจอนาง! ใบหน้าของเฉินตันจูเผยรอยยิ้มออกมาทันที นางถือกระโปรงขึ้นก่อนจะวิ่งออกไปด้านนอก 

หวังซินแซตกตะลึงในความอ่อนเยาว์และงดงามของแม่นางตรงหน้าเล็กน้อย…สีหน้าของเขายิ่งแย่ลง คำร้องที่เหลือเชื่อเช่นนี้ เหตุใดท่านแม่ทัพจึงต้องฟัง อย่างไรฮ่องเต้ก็เดินทางมาถึงแล้ว ท่านอ๋องอู๋ก็ประกาศยอมจำนน พวกเขาเข้าเมืองอู๋ได้อย่างไร้อุปสรรค สนใจเด็กหญิงที่ไร้เหตุผลนี้ทำไมกัน!…เพราะความอ่อนเยาว์และงดงามของหญิงสาวหรือ 

ท่านแม่ทัพอยู่ในค่ายเป็นส่วนมาก ข้างตัวล้วนมีแต่ชายหนุ่ม แต่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยพบเจอแม่นางเมืองฉี หญิงสาวเมืองเยียน รวมถึงหญิงงามในเมืองหลวงมีมากมาย ท่านแม่ทัพไม่ใช่คนที่ถูกความสวยงามหลอกล่อ 

คิดไม่ตกเสียจริง หวังซินแสเดินตามเด็กหญิงที่ร่าเริงด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง 

เวลานี้แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ได้พักอยู่ในค่ายของทหารอู๋ หวังซินแสมีหนังสือจากท่านอ๋องอู๋เป็นหลักฐาน ดังนั้นเขาจึงเดินทางไปมาในเมืองอู๋ในฐานะของราชทูต พร้อมทั้งนำกองกำลังข้ามแม่น้ำปักหลักอยู่ตรงข้ามกับค่ายทหารอู๋ 

ครานี้แม่ทัพหน้ากากเหล็กพักอยู่ในค่ายทหารของราชสำนัก เขายังคงสวมหน้ากากเหล็ก สวมชุดเกราะและผ้าคลุม อาเถียนพบครั้งแรกจึงตกใจ แต่เฉินตันจูไม่มีทีท่าแม้แต่น้อย 

“ขอบคุณท่านแม่ทัพ” นางโค้งตัวคารวะทันที 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กเหลือบมองนาง “การขอบคุณของคุณหนูตันจูพิเศษเสียจริง ของคุณหนูตันจูเข้าใจผิดอันใดหรือไม่ ในสายตาของของคุณหนูตันจูข้าเป็นคนที่พูดง่ายหรือ” 

เฉินตันจูมองเขา “ไม่ใช่ ท่านแม่ทัพจะเป็นคนที่พูดง่ายได้อย่างไร! แต่เพราะว่าในสายตาข้าท่านแม่ทัพเป็นผู้กล้าหาญ” 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กส่งเสียงหัวเราะแหบพร่า “คุณหนูตันจูกำลังชมข้าหรือตำหนิข้า?” 

หวังซินแสกรอกตาขาวอยู่ด้านข้าง คุณหนูรองเฉินท่านนี้คิดจะใช้กลอุบายของสายลับหญิงหรืออย่างไร ไร้เสน่ห์แม้แต่น้อย ไปฝึกการหลอกล่อชายเสียก่อนเถิด 

“ท่านแม่ทัพ” เฉินตันจูพูด “เมื่อข้ารู้ว่าฮ่องเต้จะมาเมืองอู๋ ข้าเสนอให้ท่านอ๋องสังหารฮ่องเต้” 

ทันทีที่สิ้นเสียง สีหน้าของหวังซินแซเปลี่ยนไปอีกครั้ง สายตาด้านหลังหน้ากากของแม่ทัพหน้ากากเหล็กก็คมขึ้น 

เฉินตันจูสีหน้าราบเรียบราวกับสิ่งที่พูดไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด “ถึงจะเป็นฮ่องเต้มีกองกำลังห้าแสน แต่อยู่ในเมืองอู๋ อยู่ในพระราชวังเมืองอู๋ ทหารอู๋อาจกำจัดกองทัพทั้งหมดไม่ได้ แต่เพียงแค่สังหารฮ่องเต้เพียงหนึ่งคน เสียแค่กำลังเพียงพันหมื่นคนยังสามารถทำได้” 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “คุณหนูตันจูช่างไร้คุณธรรมเสียจริง คิดจะก่อกบฏ ทำให้ข้าเจ็บปวดใจยิ่งนัก” 

อันที่จริง คำพูดเสียดสีก็ดี คำพูดต่อว่าก็ดี ไม่มีผลอะไรกับเฉินตันจู ชาติก่อนนางฟังคำพูดเหล่านี้มาเป็นสิบปี คำต่อว่าอะไรที่ไม่เคยผ่านหูมาบ้าง นางไม่สนใจไม่แก้ตัว พูดในสิ่งที่ตนเองอยากพูด 

“แต่เสียดายที่ท่านอ๋องไม่คิดเช่นนั้น อีกทั้งท่านอ๋องก็ไม่กล้า” นางมองแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ดวงตาโตกะพริบขึ้นลง “ในเมืองท่านอ๋องไม่กล้า เหตุใดฝ่าบาทจึงไม่กล้ามาพบท่านอ๋องอู๋ด้วยคนเดียว หรือว่าฝ่าบาทยังใจกล้าสู้ท่านอ๋องไม่ได้” 

หวังซินแสสีหน้าเปลี่ยนไป ภายในใจสบถออกมา คุณหนูตันจูอายุน้อย ไม่มีเสน่ห์ของหญิงสาว แต่มีความไร้เดียงสาของเด็กหญิง บางครั้งน่าหลงใหลเสียยิ่งกว่าเสน่ห์ โดยเฉพาะต่อคนบางคน…เขารีบชิงพูดขึ้น 

“มันใช่เรื่องของใจกล้าหรือ ในฐานะฝ่าบาท การกระทำต้องมีความระวัง ไม่ใช่ตัวเขาเพียงคนเดียว แต่เกี่ยวข้องถึงราษฎรใต้หล้านับหมื่นพัน” 

สายตาของเฉินตันจูมองไปยังเขา สีหน้าราวสงสัย “ใต้หล้าล้วนเป็นราษฎรของฝ่าบาท ฝ่าบาทเดินทางเข้าเมืองอู๋อย่างเปิดเผยจะดียิ่งกว่าการคุ้มกันแน่นหนาด้วยกองกำลัง ยิ่งไปกว่านั้นจะทำให้ราษฎรเชื่อมั่นและรักใคร่ แสดงให้เห็นถึงความเป็นโอรสสวรรค์ไม่ใช่หรือ” 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กหัวเราะร่า พูดขัดสิ่งที่หวังซินแสกำลังจะพูด หวังซินแสมองเขาอย่างไม่พอใจ มีอะไรน่าจำกัน! 

“ฟังดูเหมือนคุณหนูตันจูกำลังวางแผนเพื่อฝ่าบาท” แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูดกลั้วหัวเราะ 

เฉินตันจูพยักหน้าอย่างเปิดเผย สีหน้าจริงใจ “ข้าเป็นขุนนางแห่งท่านอ๋องอู๋ อีกทั้งเป็นราษฎรของฝ่าบาท ย่อมต้องวางแผนเพื่อฝ่าบาท” 

เด็กหญิงตรงหน้าทั้งไร้เดียงสาทั้งไร้ยางอาย หวังซินแสพ่นลมหายใจออกมา ในขณะที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แม่ทัพหน้ากากเหล็กก็ตบโต๊ะแล้ว “ได้ ข้าจะวางแผนเพื่อฝ่าบาทบ้าง” 

เฉินตันจูมองหน้ากากเหล็กใบนี้ ดวงตาลุกวาว “ท่านแม่ทัพ ท่านตกลงแล้วหรือ?”  

แม่ทัพหน้ากากเหล็กมองนาง “ฟังเจ้าพูด เจ้าไม่ได้มั่นใจว่าจะทำได้ เพียงแค่ลองดู?” 

เฉินตันจูก้มหน้าถอนหายใจ “ท่านแม่ทัพ ข้าย่อมรู้ว่าคำร้องของข้าไร้เหตุผลเพียงใด” 

นี่เรียกอะไร นี่คือการออดอ้อนหรือ หวังซินแซถลึงตา สีหน้าดำดุจก้นหม้อ 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กพยักหน้า “คุณหนูตันจูรู้ก็ดีแล้ว หากฝ่าบาทกริ้วขึ้นมา ข้าจะมารับหัวของคุณหนูตันจูไปให้ฝ่าบาท” 

ระหว่างการสนทนาล้วนเป็นเรื่องของความเป็นความตาย อาเถียนฟังจนใจเต้นระรัว ยิ่งไม่กล้ามองใบหน้าของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก 

เฉินตันจูเผยยิ้ม “หัวของตันจูอยู่บนบ่า ท่านแม่ทัพมารับได้ทุกเวลา” 

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท