บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 18 ครุ่นคิด

ตอนที่ 18 ครุ่นคิด

พวกเขาวางกองกำลังก็เพื่อเรียกคืนเมืองอู๋ ท่านอ๋องอู๋ย่อมต้องตาย 

คุณหนูรองเฉินขอให้ท่านอ๋องอู๋ยินยอมให้ขุนนางของราชสำนักเข้ามาตรวจสอบ และอธิบายเรื่องของมือสังหาร ท่านอ๋องอู๋ยอมถอยเพื่อขอคืนดี ราชสำนักต้องถอยทัพออกไป 

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่คุณหนูรองเฉินพูดกับท่านอ๋องอู๋ ราชสำนักไม่เคยคิดมาก่อน 

“ฝ่าบาทไม่อยากให้สถานการณ์นี้อยู่ภายใต้ท่านอ๋องอู๋ไม่ยินยอมปฏิบัติตามพระราชโองการลดพื้นที่ศักดินา อีกทั้งยังต้องการกวาดล้างขุนนางข้างตัว” ท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กมองดูหนังสือม้วนที่ประทับตราของท่านอ๋องอู๋  

“ภายในเหล่าท่านโหวของต้าเซี่ย ท่านอ๋องอู๋เป็นการมีอยู่ที่แข็งแกร่งที่สุด ฝ่าบาทไม่เคยคิดว่าท่านอ๋องอู๋จะยอมเจรจากับราชสำนัก” 

เมืองอู๋อยู่ในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีความมั่งคั่ง ไร้ภัยพิบัติ และไร้สงคราม ยิ่งไปกว่านั้นคือมีกองทัพนับแสน อีกทั้งมีท่านมหาราชครูเฉินผู้จงรักภักดีที่ชำนาญด้านการสงคราม ดังนั้นวิธีการของรัชทายาทที่นำเสนอให้กำจัดท่านมหาราชครูเฉิน ก่อนที่จะกัดจัดเมืองอู๋จึงได้รับจากยอมรับจากฮ่องเต้ในทันที 

แต่ตอนนี้ท่านมหาราชครูเฉินยังอยู่ หมากของพระรัชทายาทถูกคุณหนูรองเฉินกำจัดไปแล้ว อีกทั้งยังทำให้ท่านอ๋องอู๋ยินยอมเจรจากับฮ่องเต้ ทำให้คนต้องครุ่นคิดอย่างมาก 

“ข้าเข้าพบท่านอ๋องอู๋ด้วยตนเอง เขามักจะพูดถึงวิชาหวงเหล่า” หวังซินแสพูด “ราวกับไม่สนใจสิ่งอื่นใด ยิ่งราวกับสมองมีแต่ความว่างเปล่า…” 

“ดังนั้น ข้าต้องคุยกับฝ่าบาท” ท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “ในเมื่อท่านอ๋องอู๋ยอมถอย ทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้แม้ไม่ต้องทำสงคราม ราษฎรไม่ต้องเผชิญกับความลำบากในการสงคราม เป็นเรื่องดีต่อราชสำนัก” 

ถึงแม้จะดี แต่หวังซินแสยังคงคิดว่าไม่จำเป็น 

“พวกเรารบชนะได้” เขาพูด พร้อมเน้นหนักคำว่าพวกเรา “ท่านแม่ทัพ คุณงามความดีที่ได้จากการรบชนะกับคุณงามความดีที่ได้จากการเจรจาไม่เหมือนกัน” 

“เจ้าคิดว่า ท่านอ๋องอู๋ในตอนนี้เหมือนกับท่านอ๋องเยียน ท่านอ๋องหลู ท่านอ๋องฉีและท่านอ๋องโจวหรือ” ท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กถาม 

หวังซินแสส่ายหัว “ไม่เหมือนอย่างสิ้นเชิง อย่าพูดแต่ต่างจากท่านอ๋องฉีและท่านอ๋องโจว แม้แต่กับท่านอ๋องอู๋องค์กรก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง” 

หากบอกว่าเหล่าท่านโหวท่านอ๋องนั้นเป็นคนบ้าหรือคนคลั่ง ท่านอ๋องอู๋องค์ใหม่ในตอนนี้ก็คือคนโง่ 

ท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กมองหนังสือม้วนบโต๊ะ “การปฏิบัติต่อคนบ้าและคนโง่ไม่เหมือนกัน อีกทั้ง…” 

หวังซินแสรู้สึกได้ถึงสายตาด้านหลังหน้ากากตกลงบนตัวของเขา ร่างกายของเขาราวกับถูกเข็มทิ่ม อดที่จะขนลุกไม่ได้ 

“ข้าไม่ได้ทำสงครามเพื่อคุณงามความดี” เสียงของท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กราวกับมีดทื่อที่กวาดผ่านผิวหิน “ทำสงครามกับคนบ้าถึงจะสนุก แต่กับคนโง่ไร้ซึ่งความน่าสนใจ” พูดจบโยนหนังสือม้วนให้เขา “ถวายต่อฝ่าบาท” 

หวังซินแสทำได้เพียงรับคำและหยิบหนังสือม้วนมา เขาเหลือบมองท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กที่นั่งอยู่ ก่อนจะยิ้มขมขื่นออกมา ทำไม่ได้ทำสงครามเพื่อคุณงามความดีแต่เพื่อความสนุก เขาถึงจะเป็นคนบ้านอย่างแท้จริง 

ร่างของหลี่เหลียงถูกแขวนไว้ในเมืองอู๋ ทำให้บรรยากาศภายในเมืองตรึงเครียดขึ้นมา 

แม่ทัพใหญ่อย่างหลี่เหลียงยังทรยศต่อท่านอ๋องอู๋แล้ว ครานี้ราชสำนักจะโจมตีเข้ามาจริงๆ แล้วหรือในที่สุดทุกคนก็มีความรู้สึกคับขันต่อการสงครามที่จะมาถึง 

ท่านอ๋องอู๋ก็ผิดปกติไป เขาถามถึงการเคลื่อนไหวของกองทัพแนวหน้าทุกวัน อีกทั้งยังกางแผนที่การทำสงครามภายในพระราชวัง วางกองกำลังนับแสนเป็นแนวยาวราวกับงูตั้งแต่ใต้จรดเหนือ… 

เฉินเลี่ยหู่ชี้ถึงความไม่เหมาะสมในการวางกองกำลัง หัวท้ายไม่สอดคล้องกัน หากเกิดการเผชิญหน้าจริงจะถูกศัตรูตัดขาดได้ง่าย 

“นี้เป็นหน้าที่ของข้า” เขาคุกเข่าขอโปรดเกล้า “ข้ายินยอมขึ้นไปแนวหน้าจัดวางกองกำลังเตรียมตัวเผชิญหน้ากับกองทัพของราชสำนัก” 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาร้องขอ ต่อทุกครั้งล้วนปฏิเสธ มอบหมายเพียงหน้าที่รักษาเมืองหลวงให้เขา 

เวลานี้บุตรชายของเขาตายในสงคราม บุตรเขยจำนนต่อศัตรูถูกสังหาร มีเพียงแม่ทัพเก่าอย่างเขาออกรบลงสนาม 

ท่านอ๋องอู๋เหลือบมองเขา “ท่านมหาราชครูมีคุณหนูรองเฉินก็พอแล้ว ไม่ต้องออกรบเอง” 

เฉินเลี่ยหู่ฟังไม่เข้าใจ อีกทั้งเกิดความระแวงขึ้น เขาสงสัยขึ้นอีกครั้งว่าท่านอ๋องอู๋จะมีใจต่อเฉินตันจู ทำให้ไม่กล้าเอ่ยปากในทันใด ขุนนางอื่นภายในตำหนักต่างร้องขอท่านอ๋องอู๋ออกรบ หรือถวายแผนการและกลอุบาย ท่านอ๋องอู๋เพียงแค่ฟังเอาไว้ แต่ล้วนไม่รับเอาไว้ 

เฉินเลี่ยหู่กลับจวนมหาราชครูด้วยความฉงน เฉินตันจูเดินมาถามเรื่องของราชสำนัก 

นับจากที่เฉินตันจูกลับมาจากค่ายทหาร นางมักถามเรื่องของกองทัพราชสำนัก เฉินเลี่ยหู่ไม่ได้ปิดบังอันใด เล่าให้นางฟังอย่างละเอียด เฉินตันหยางตายแล้ว หลี่เหลียงตายแล้ว เฉินตันเหยียนร่างกายไม่ดี มีเพียงเฉินตันจูที่สามารถสืบทอดตนเองได้ 

ครานี้เฉินเลี่ยหู่หมดความกระตือรือร้นในการหาบุตรเขยให้แก่เฉินตันจูเสียแล้ว เฮ้อ 

“ไม่รู้ว่าท่านอ๋องคิดอันใดอยู่” เฉินเลี่ยหู่พูด “โอกาสทางการสงครามไม่ได้มีมาก ช่างน่าร้อนใจเสียจริง” 

เฉินตันจูรู้ว่าท่านอ๋องอู๋คิดอันใดอยู่ เขาอยากรู้ว่ากองทัพของราชสำนักถอยไปจริงหรือไม่ ถอยไปเมื่อใด 

“ท่านพ่อไม่ต้องใจร้อน” นางพูด “ท่านอ๋องไม่ได้เป็นคนทำการรบเอง ท่านอ๋องมีใจนี้ถือเป็นการดี” 

เฉินเลี่ยหู่ก็คิดเช่นนี้ สีหน้าดีใจและฮึกเหิม “บนล่างใจเดียวกัน แม้แต่ทองยังหักได้ การกระทำไร้คุณธรรมของฮ่องเต้ไม่น่ากลัวแต่อย่างใด!” 

เฉินตันจูยิ้มขมขื่นภายในใจ นางไม่กล้ามองใบหน้าของบิดา เสียงร้องดีใจของสาวรับใช้เสี่ยวเดี๋ยวดังขึ้นมาจากในห้อง “คุณหนูใหญ่ฟื้นแล้ว” 

เฉินตันจูสบตากับเฉินเลี่ยหู่ ทันใดนั้นรู้สึกหายใจติดขัดเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจ 

“สิ่งที่ต้องเผชิญยังคงต้องเผชิญ” เฉินเลี่ยหู่พูด “บุตรสาวของข้าเฉินเลี่ยหู่ไม่มีอะไรรับไม่ได้” 

เฉินตันจูพยักหน้า เดินตามเฉินเลี่ยหู่เข้าไปดูพี่สาว 

เฉินตันเหยียนปีนป่ายลุกขึ้นจากเตียง สีหน้าซีดเผือดปรากฏรอยแดงก่ำอย่างผิดปกติจากอารมณ์ของนาง… 

เสี่ยวเตี๋ย สาวรับใช้และไต้ฟูต่างกำลังห้ามปราม เฉินตันเหยียนเพียงแค่ลุกขึ้นมา นางก็เห็นเฉินเลี่ยหู่เดินเข้ามา ร่ำไห้พร้อมเรียกบิดา “ข้าฝันร้าย ท่านพ่อ ข้าได้ยินว่าอาเหลียงตายแล้ว” 

เฉินเลี่ยหู่พูด “ใช่ เขาตายแล้ว” 

เฉินตันเหยียนส่งเสียงร่ำไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด น้ำตาหลั่งไหลลงมาราวสายฝน… 

“เจ้าห้ามร้อง!” เฉินเลี่ยหู่ตะโกน “หลี่เหลียงเป็นผู้ทรยศ สมควรตาย” 

เสียงร่ำได้ของเฉินตันเหยียนชะงักในทันที นางเงยหน้าขึ้นมองเฉินเลี่ยหู่อย่างเหลือเชื่อ ตอนที่นางเป็นลมไปได้ยินเพียงหลี่เหลียงตายแล้ว ไม่ได้ยินเรื่องอื่นแม้แต่น้อย 

เฉินเลี่ยหู่เล่าเรื่องทั้งหมดอย่างรวบรัด 

“หากเจ้าอยากพบเขาก็ไม่ยาก” เขาพูดเสียงต่ำ ชี้นิ้วไปยังด้านนอก “ร่างของเขาถูกแขวนประจานไว้หน้าประตูเมือง” 

เมื่อเฉินตันเหยียนได้ยินดังนี้จึงนิ่งอึ้งไป สาวรับใช้เสี่ยวเตี๋ยนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียง พลางร้องไห้พลางก้มกราบเฉินเลี่ยหู่ “นายท่าน คุณหนูใหญ่ร่างกายไม่ดีอีกทั้งยังมีเด็ก” 

เฉินเลี่ยหู่หน้าสั่น กัดฟัน “เด็กคนนี้ ไม่เอาก็ดี” 

เสี่ยวเตี๋ยคุกเข่าอยู่บนพื้นไม่กล้าพูดอีก 

ภายในห้องเงียบสงัด 

เฉินเลี่ยหู่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ข่มเสียงที่สั่นเทา “อาเหยียน เจ้าคิดให้ดี ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเด็กฉลาด เจ้าต้องคิดได้” 

สายตาของเฉินตันเหยียนหันมามองเขา “ท่านพ่อ อาเหลียงถูกอาจูสังหารใช่หรือไม่” 

เฉินเลี่ยหู่พูดเสียงต่ำ “มันเป็นคำสั่งของข้า…” 

เฉินตันเหยียนตะโกนเรียกบิดา “ท่านเหมือนกับข้า ตอนนั้นล้วนไม่รู้ว่าอาจูไปทำอันใด ท่านจะออกคำสั่งแก่นางได้อย่างไร” 

เฉินเลี่ยหู่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เฉินตันจูเดินออกมาจากด้านหลังของเขา เรียกพี่สาว “พี่เขยถูกข้าสังหาร ตอนที่ข้าลงมือ ท่านพ่อยังไม่รู้” นางเล่าเรื่องที่เคยบอกกับเฉินเลี่ยหู่อีกครั้ง “ดังนั้นข้ากลับมาเพื่อเอาตราอาญาสิทธิ์ที่ท่านขโมยมา เพื่อสืบเรื่องให้กระจ่าง สุดท้ายพบว่าเขาทรยศท่านอ๋องแล้วจริงๆ” 

เฉินตันเหยียนผงะไป ริมฝีปากสั่นเทา “เจ้า เจ้าจับเขากลับมา กลับมาค่อย…” 

ค่อยสังหารก็ไม่สายเกินไปหรือ เฉินตันจูมองนาง “ไม่ได้ หากข้าไม่สังหารเขา เขาก็จะสังหารข้า” 

เฉินตันเหยียนไม่พูดต่อ หลับตาร่ำไห้ 

เฉินตันจูยังคงไม่หยุด “ท่านพี่กำลังโทษข้าหรือ” 

เฉินเลี่ยหู่กลัวเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด “อาเหยียน เจ้าไม่เชื่อน้องสาวเจ้าหรือ เจ้าไม่อยากให้คนทรยศอย่างหลี่เหลียงตายหรือ” 

เฉินตันเหยียนลืมตาขึ้น ยิ้มอย่างโศกเศร้า “ท่านพ่อ ข้ารักอาเหลียง แต่หากเขาทรยศพวกเรา ทรยศท่านอ๋อง ข้าย่อมต้องสังหารเขาด้วยตัวเอง” 

เฉินเลี่ยหู่พยักหน้า “ดีๆ ข้ารู้ อาเหยียนของข้าเป็นบุตรสาวที่ดี เจ้าอย่าโทษน้องสาวเจ้า…” 

“ข้าไม่ได้โทษนางที่สังหารหลี่เหลียง” เฉินตันเหยียนพูดขัดเฉินเลี่ยหู่ นางมองไปยังเฉินตันจู ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ข้าโกรธที่เจ้าปิดบังข้า เจ้าไม่บอกข้า เจ้าไม่เชื่อข้า” 

เฉินเลี่ยหู่เจ็บปวดใจ ตะโกน “อาเหยียน…” 

เฉินตันจูไม่ได้โกรธเคืองเศร้าโศกที่ถูกพี่สาวสงสัย ยิ่งไม่ได้หลั่งน้ำตา นางเพียงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ “ท่านพี่ ท่านฟังคำของหลี่เหลียงขโมยตราอาญาสิทธิ์ ไม่บอกข้ากับท่านพ่อ ท่านเองก็ไม่เชื่อท่านพ่อกับข้าไม่ใช่หรือ เหตุใดข้าจึงต้องเชื่อท่าน บอกท่านว่าข้าจะทำอันใด” 

เฉินตันเหยียนตะลึง 

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท