ผ่านไปอีกหนึ่งค่ำคืน ลมหายใจรวยรินของหลี่เหลียงหยุดลงอย่างสิ้นเชิง
เรื่องมาถึงเวลานี้ก็ไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไป เดิมทีการเคลื่อนไหวของหลี่เหลียงก็ถูกทุกคนจับตามอง เมื่อเหล่าทหารต่างเดินทางมาถึงก็ได้ยินเสียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดของคุณหนูรองเฉิน
“ท่านพ่อรู้ว่าท่านพี่ของข้าถูกคนทำให้ตาย ไม่วางใจพี่เขยจึงให้ข้ามาดู สุดท้าย…” เฉินตันจูตะคอกเสียงดังใส่เหล่าทหารตรงหน้า “พี่เขยข้าก็ยังคงตาย หากไม่ใช่พี่เขยปกป้องข้าเอาไว้ ข้าเองก็ต้องตายเช่นกัน พวกเจ้าผู้ใดเป็นคนทำ พวกเจ้าสร้างหายนะให้เมืองอู๋และราษฎร…”
นางพลางร้องไห้พลางยกชามยาขึ้นมาดื่ม กลิ่นยาอันรุนแรงทำให้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกระจ่างว่าคุณหนูรองเฉินไม่ได้พูดเหลวไหล
แต่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ไม่อาจยอมรับการชี้โทษนี้ได้ ถึงแม้จางเจี้ยนจวินจะกลับไปแล้ว แต่ภายในค่ายทหารยังคงมีคนของเขาอยู่ไม่น้อย เมื่อได้ยินดังนี้จึงส่งเสียงออกมาด้วยความไม่พอใจ “คุณหนูรองมีหลักฐานหรือไม่ ไม่มีหลักฐานอย่าได้พูดเหลวไหล เวลานี้การปั่นป่วนจิตใจของทหารถึงจะเป็นการสร้างหายนะ”
เฉินตันจูเอ่ย “ข้าจะกลับไปทูลท่านอ๋อง พวกข้าจะหาหลักฐานให้ได้”
เฉินตันจูเรียกผู้ติดตามของหลี่เหลียงเข้ามา คนหนึ่งนามฉางซาน คนหนึ่งนามฉางหลิน “พวกเจ้าคุ้มกันศพของกูเหยียด้วยตนเอง อย่าให้มีบกพร่อง กลับไปต้องนำตรวจ”
ฉางซานและฉางหลินยังคงงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เนื่องจากพวกเขารู้เรื่องของหลี่เหลียงอย่างดี ความคิดแรกคือไม่กล้ากลับตระกูลเฉินพร้อมเฉินตันจู พวกเขามีสถานที่อื่นอยากไป แต่ว่าคนทางนั้นโง่เขลาหรือไม่ที่ตำหนิพวกเขา
“เดิมทีสิ่งที่หลี่เหลียงต้องทำก็คือถือตราอาญาสิทธิ์กลับเมืองอู๋ ตอนนี้เขามีชีวิตกลับไปไม่ได้ แต่ร่างของเขายังกลับไปได้ไม่ใช่หรือ ตราอาญาสิทธิ์ก็มี ยังคงปฏิบัติเรื่องนี้ต่อไปได้ เขาไม่อยู่แล้ว พวกเจ้าเป็นคนทำแทนก็ได้ไม่ใช่หรือ”
ใช่ เรื่องที่หลี่เหลียงทำไม่สำเร็จมอบหมายให้พวกเขาทำ นี่เป็นการสร้างคุณความดีอันยิ่งใหญ่ ชีวิตในอนาคตมีการรับรอง พวกเขาหมดความกังวลในทันที ก่อนจะรีบน้อมรับคำสั่ง
นอกจากคนสนิทของหลี่เหลียง ทางนั้นก็ให้คนจำนวนที่เพียงพอ การไปครานี้จึงก่อเกิดชื่อเสียง พวกเขารีบตอบรับเสียงดัง “คุณหนูรองวางใจ”
สิ่งที่ทำให้เฉินตันจูประหลาดใจคือ ถึงแม้จะไม่เห็นเฉินเฉียง แต่เฉินลี่ที่ไปกองทัพปีกซ้ายนำตราอาญาสิทธิ์กลับมา
เฉินลี่เองก็ประหลาดใจอย่างมาก “หลังจากที่เฉินเฉียงจากไป ขุนศึกโจวก็ถูกจับกุม ข้าใช้ตราอาญาสิทธิ์ถึงได้พบเขา สภาพของเขาอนาถอย่างมาก ถูกสอบด้วยเครื่องทรมาน ข้าถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นเขาก็ไม่ยอมตอบ บอกแค่ให้ข้ารีบหนีไป”
เห็นได้ชัดว่าเกิดเรื่องแล้ว แต่เขาไม่ได้ถูกจับกุม อีกทั้งยังนำตราอาญาสิทธิ์มาพบคุณหนูรองได้อย่างราบรื่น
เฉินตันจูเองก็ฉงน ผู้ใดออกคำสั่งจับกุมขุนศึกโจว ขุนศึกโจวเป็นคนของหลี่เหลียง? หรือจะเป็นแม่ทัพหน้ากากเหล็ก? แต่เหตุใดแม่ทัพหน้ากากเหล็กจึงจับกุมเขา
คิดไม่ออกก็ไม่คิด นางเพียงเอ่ยขึ้น “อาจเป็นเพราะหลี่เหลียงตายแล้ว พวกเขาเกิดความขัดแย้งภายใน เฉินเฉียงอยู่จับตาที่นี่ พวกเรารีบกลับไป”
ถึงแม้จะรู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่เฉินลี่ยังคงเชื่อฟังคำสั่ง อย่างไรก็ตามคุณหนูรองเป็นเพียงเด็กหญิง สังหารหลี่เหลียงได้เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เรื่องที่เหลือมอบให้เหล่าใต้เท้าจัดการเถิด ท่านใต้เท้าคงอยู่ระหว่างทางแล้ว
สำหรับการจากไปของเฉินตันจูและคำประกาศกร้าวที่จะกลับไปเข้าทูลท่านอ๋อง เหล่าแม่ทัพในค่ายทหารต่างไม่ใส่ใจมากนัก หากการเข้าทูลมีประโยชน์ เฉินตันหยางก็คงไม่ตายเปล่า ตอนนี้หลี่เหลียงก็ตายแล้ว อำนาจในกองทัพของเฉินเลี่ยหู่ก็พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง เรื่องที่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือการแบ่งอำนาจ และการรวบรวมกำลังพลให้ได้มากที่สุด
เฉินตันจูมองดูสีหน้าที่แสดงออกอย่างชัดเจนของเหล่าแม่ทัพ ภายในใจโศกเศร้าเล็กน้อย ในขณะที่ทหารของเมืองอู๋ยังแย่งชิงอำนาจภายในกัน แม่ทัพของราชสำนักก็มานั่งอยู่ภายใต้หนังตาของพวกเขาแล้ว…ทหารอู๋หย่อนยานมาเป็นเวลานาน แต่ราชสำนักไม่ใช่ราชสำนักที่ทำอะไรเหล่าท่านโหวท่านอ๋องไม่ได้อีกต่อไป
นางหลุบตาต่ำ “ไปเถิด” เงยหน้ามองไประยะไกล สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน ตั้งแต่ออกจากจวนจนถึงเวลานี้เป็นเวลากว่าสิบวันแล้ว ท่านพ่อคงจะรู้แล้ว? หากท่านพ่อพบว่าตราอาญาสิทธิ์ถูกนางลักขโมยไปจะทำอย่างไรกับนาง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สิบวันเพียงชั่วพริบตา ต้นหญ้าสีเขียวอ่อนในสวนก็กลายเป็นสีเขียวเข้ม ถึงแม้เฉินเลี่ยหู่จะเป็นทหาร แต่เขาก็มีห้องตำรา ห้องตำรามีการตกแต่งอย่างสง่างามเลียนแบบคนอื่น แต่ก็เพราะสง่างามเกินไป ไม้ไผ่ ต้นกล้วย ดอกไห่ถัง[1]ล้วนถูกกองไว้ริมหน้าต่าง ชั้นตำราเรียงเป็นแถว บนโต๊ะตำราเต็มไปด้วยสิ่งของกระจัดกระจาย มองในแวบแรกเหมือนไร้ผู้คนเก็บกวาดเป็นเวลานาน
เฉินตันเหยียนสวมเสื้อบางรื้อค้นตั้งแต่ด้านในเข้าด้านนอกจนเหงื่อออกเต็มตัว
ตราอาญาสิทธิ์วางไว้ที่ใดกัน
เสี่ยวเตี๋ยบอกว่าคราก่อนซ่อนไว้ด้านล่างแท่นวางพู่กันบนโต๊ะในห้องตำรา ท่านพ่อพบเข้าจึงนำกลับไป มีความเป็นไปได้ว่าอาจเปลี่ยนสถานที่ซ่อน…แต่ภายในห้องตำราถูกรื้อค้นจนทั่วแล้ว หรือว่าจะเป็นห้องนอน
“เสี่ยวเตี๋ย” เฉินตันเหยียนใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าผาก เรียกเสียงต่ำ “ไปดูว่าเวลานี้ท่านพ่ออยู่ที่ใด”
ด้านนอกไร้เสียงของสาวรับใช้ แต่มีเสียงชราของเฉินเลี่ยหู่ดังขึ้น “อาเหยียน เจ้าตามหาข้าด้วยเหตุใด”
เฉินตันเหยียนตกใจจนเกือบล้มลงไปกับพื้น เฉินเลี่ยหู่เดินขึ้นหน้ายื่นมือออกมาประคอง “เจ้าระวังเสียบ้าง ยาที่ไต้ฟูให้เจ้ากินแล้วหรือ”
สีหน้าซีดเผือดของเฉินตันเหยียนปรากฏสีแดงเล็กน้อย มือของนางทาบไว้บริเวณท้องน้อย ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความดีใจที่ยากจะปิดบัง เดิมทีนางยังสงสัยว่าเหตุใดตนเองจึงสลบไปสองวัน ท่านพ่อนำไต้ฟูมาตรวจอาการนางและบอกว่านางตั้งครรภ์เป็นเวลาสามเดือนแล้ว
เนื่องจากปีนั้นที่นางสูญเสียลูกไป ร่างกายของนางก็ไม่แข็งแรงเท่าใดนั้น ระดูมาไม่ตรงเวลา ดังนั้นจึงไม่พบเรื่องนี้
เฉินตันเหยียนดีใจจนแทบจะเป็นลมไปอีกครั้ง ถึงแม้หลี่เหลียงจะไม่พูด แต่นางรู้ว่าเขารอคอยที่จะมีบุตรเสมอมา ตอนนี้มีแล้ว สมดังปรารถนาแล้ว นางต้องไปแก้บน…เพียงแต่ หลังจากความดีใจผ่านไป นางนึกถึงเรื่องที่ตนเองต้องทำขึ้นมาได้ มือของนางลูบคลำเข้าไปในเสื้อ ก่อนจะพบว่าตราอาญาสิทธิ์หายไปแล้ว
นางสลบไปสองวัน อีกทั้งมีไต้ฟูมาตรวจร่างกาย กินยา สาวรับใช้จำนวนมากเพียงนั้น เสื้อผ้าบนตัวคงถูกเปลี่ยนไปแล้ว…ตราอาญาสิทธิ์ถูกท่านพ่อพบเข้าแล้ว?
เฉินตันเหยียนมองบิดาที่ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยความรู้สึกผิด ท่านพ่อยังคงตกอยู่ในความดีใจที่นางตั้งครรภ์ ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องของตราอาญาสิทธิ์ เพียงแต่กล่าวขึ้นอย่างมีนัยยะ “หากเจ้าต้องการทำเพื่อหลี่เหลียง เจ้าก็รักษาตัวอยู่ในจวนให้ดี”
ไต้ฟูบอกว่าร่างกายของนางอ่อนแอมาก หากไม่ระวัง เด็กในท้องอาจรักษาไว้ไม่ได้ หากครานี้รักษาไว้ไม่ได้ ชีวิตนี้นางคงไม่อาจมีบุตรได้อีก
เฉินตันเหยียนกลัวจนไม่กล้าลงจากเตียงหลายวัน แต่เมื่อนึกถึงคำร้องขอของหลี่เหลียง นางก็ยังวางใจไม่ได้ วิ่งมาหาตราอาญาสิทธิ์กับเสี่ยวเตี๋ยอีกครั้ง แต่ไม่คิดว่าจะถูกท่านพ่อพบเข้า
นางมองไปยังด้านข้าง ข้างประตูมีชายกระโปรงของเสี่ยวเตี๋ยโผล่มา เห็นได้ชัดว่าถูกท่านพ่อตีสลบ
เฉินเลี่ยหู่มองสีหน้าของบุตรสาว ถามด้วยคิ้วขมวด “อาเหยียน เจ้าจะทำอันใด”
เฉินตันเหยียนตัดสินใจบอกความจริงแก่ท่านพ่อ จากสถานการณ์ในตอนนี้นางไม่อาจไปส่งตราอาญาสิทธิ์ให้หลี่เหลียงด้วยตนเอง มีเพียงโน้มน้าวท่านพ่อ ให้ท่านพ่อเป็นคนส่ง
“ท่านพ่อ” เฉินตันเหยียนดึงแขนเสื้อของเฉินเลี่ยหู่คุกเข่าลง “ท่านส่งตราอาญาสิทธิ์ไปให้อาเหลียงเถิด อาเหลียงบอกว่าเขามีหลักฐานชี้โทษจางเจี้ยนจวิน ให้เขากลับมาเถิด ไม่กำจัดคนชั่วเหล่านี้ คนต่อไปที่ตายก็คืออาเหลียง”
แม่ทัพที่ปักหลักเฝ้าอยู่ด้านนอกไม่อาจกลับเข้าเมืองหากไม่มีคำสั่ง หากมีตราอาญาสิทธิ์ของเฉินเลี่ยหู่ก็สามารถเข้ามาได้อย่างไร้อุปสรรค
เฉินเลี่ยหู่ถอนหายใจ เขารู้ว่าบุตรสาวมีความคับข้องใจต่อการตายของตันหยาง แต่วิธีที่หลี่เหลียงพูดไม่อาจเป็นไปได้ อีกทั้งไม่ใช่สิ่งที่หลี่เหลียงควรพูด อีกฝ่ายช่างทำให้เขาผิดหวังเสียจริง
“เรื่องของตันหยางข้ามีวิธี ข้าไม่ปล่อยให้เขาตายเปล่า” เขาพูดเสียงต่ำ “เรื่องหลี่เหลียงวางใจ จางเจี้ยนจวินกลับมาถึงราชสำนักแล้ว ทางค่ายทหารไม่มีใครทำร้ายเขาได้”
เฉินตันเหยียนไม่ยอมลุกขึ้น นางร้องไห้ร้องขอบิดา “ข้ารู้ว่าคราก่อนข้าผิดที่ลักขโมยตราอาญาสิทธิ์ แต่ท่านพ่อ เห็นแก่เด็กคนนี้ ข้าเป็นกังวลแทนอาเหลียงจริงๆ”
คราก่อน? เฉินเลี่ยหู่ผงะ หมายความว่าอย่างไร เขาประคองเฉินตันเหยียนขึ้นมา ก่อนจะยื่นมือเปิดแท่นวางพู่กันขึ้น ว่างเปล่า…ตราอาญาสิทธิ์ล่ะ?
“ท่านพ่อ” เฉินตันเหยียนฉงน “หลายวันก่อนข้าเป็นผู้ลักขโมยไป ท่านไม่ได้นำกลับไปแล้วหรือ”
สีหน้าของนางตกตะลึง ดูเหมือนท่านพ่อไม่รู้เรื่องนี้
เฉินเลี่ยหู่ตกตะลึงเช่นเดียวกัน “ข้าไม่รู้ เจ้าหยิบไปตั้งแต่เมื่อใด”
เฉินตันเหยียนจับท้องน้อยเอาไว้ “ผู้ใดหยิบตราอาญาสิทธิ์ไปกัน” นางเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา
ตราอาญาสิทธิ์ถูกคนขโมยไปต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ เฉินเลี่ยหู่ยื่นมือชี้หน้าบุตรสาว แต่ตอนนี้ตีไม่ได้ด่าไม่ได้ ทำได้เพียงเรียกคนมาตรวจสอบการเข้าออกจวน แต่สืบไปสืบมา แม้แต่คนของหลี่เหลียงก็ไม่ได้ออกจากจวนไป ยกเว้นเสียแต่คุณหนูรองเฉิน
ค่ำคืนนั้นคุณหนูรองเฉินนำองครักษ์กว่าสิบรายจากไปท่ามกลางสายฝน
เฉินเลี่ยหู่รู้ว่าบุตรสาวคนที่สองมา คิดว่านางคงกำลังโกรธ อีกทั้งมีองครักษ์คุ้มกัน ภูเขาดอกท้อก็เป็นพื้นที่ส่วนตัวของตระกูลเฉิน ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจ
“นายท่าน นายท่านขอรับ” ก่วนเจียวิ่งเข้ามาอย่างโซซัดโซเซ สีหน้าซีดเผือด “คุณหนูรองไม่อยู่ที่อารามดอกท้อ คนที่นั่นบอกว่าตั้งแต่ฝนตกวันนั้น นางกลับมาที่นี่ก็ไม่ได้กลับไปอีก ทุกคนล้วนคิดว่าคุณหนูอยู่ในจวน…”
เฉินเลี่ยหู่ถามเฉินตันเหยียน “เจ้าพูดอะไรกับน้องสาวเจ้า”
เฉินตันเหยียนเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “ข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น นางพบข้าแล้วก็ไปอาบน้ำ ข้าเป่าผมให้นาง ขึ้นเตียงก็หลับไปอย่างรวดเร็ว ข้าไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่านางไปแล้ว ข้า…” นางกอดท้องน้อยไว้อีกครั้ง ดังนั้นตราอาญาสิทธิ์ถูกเฉินตันจูหยิบไป?
นางไปไหน หรือไปพบหลี่เหลียง! นางรู้ได้อย่างไร ทันใดนั้นเฉินตันเหยียนมีคำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัว
เฉินเลี่ยหู่ตบโต๊ะด้วยความโกรธ “เจ้าไม่ได้บอกนาง หรือหลี่เหลียงเป็นคนบอกนางหรืออย่างไร”
เฉินตันจูเห็นพี่สาวเป็นดั่งมารดาตั้งแต่เล็ก หลังจากเฉินตันเหยียนแต่งงานแล้ว หลี่เหลียงก็กลายเป็นคนที่สนิทกับนางเหมือนกัน หลี่เหลียงโน้มน้าวเฉินตันเหยียนได้ ย่อมต้องโน้มน้าวเฉินตันจูได้!
เฉินเลี่ยหู่โมโหจนแทบกระอักเลือด เขาเรียกให้คนเตรียมม้า ด้านนอกมีคนพาทหารคนหนึ่งเข้ามา
“ใต้เท้า” คนมาคารวะ ก่อนจะเงยหน้าด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “คุณหนูตันจูถือตราอาญาสิทธิ์นำพาทหารของท่านแม่ทัพหลี่เดินทางมุ่งหน้ามายังเมืองหลวง ข้าน้อยมารายงาน”
เฉินเลี่ยหู่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่ได้ให้คนไปจับบุตรเนรคุณกลับมาทันที เพียงแต่ถาม “มีทหารมากน้อยเพียงใด”
คนที่มาเอ่ย “ไม่มากเท่าใด มองจากระยะไกลมีสามร้อยกว่าคน” เนื่องจากเป็นคุณหนูรองเฉิน อีกทั้งมีตราอาญาสิทธิ์ของเฉินเลี่ยหู่ นางจึงเดินทางมาอย่างราบรื่นไร้คนสืบถาม จนกระทั่งถึงหน้าประตูเมืองเขาจึงรีบกลับมารายงาน
เฉินเลี่ยหู่ยืนขึ้น “ปิดประตูเมือง หากผู้ใดเข้าใกล้ สังหารอย่างไร้ข้อยกเว้น!” เขายกดาบขึ้นและเดินออกไปด้านนอก
เฉินตันเหยียนสีหน้าซีดเผือด “ท่านพ่อ…”
——————————————————————-
[1] ดอกไห่ถัง เป็นพืชตระกูลแอปเปิลมีดอกสีขาว ชมพูหรือแดง จะบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิ